ถึงเวลาแล้ว..ที่ผมจะเปิดเผยเรื่องลึกลับของชาติไทย...ที่สำคัญยิ่ง

โปรดสังเกตวันที่ของบทความ

<table border="0" width="100%" height="100%"><tbody><tr><td valign="top">พลังงานจาก “เซลล์เชื้อเพลิง” (Fuel Cell)
โดย ปถพีรดี</td> </tr> <tr> <td valign="bottom">ฉบับที่ 2619 ปีที่ 51 ประจำวัน อังคาร ที่ 28 ธันวาคม 2547</td> </tr> </tbody></table> <table style="" align="center" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="95%"><tbody><tr> <td valign="top" width="10%" height="20"></td> <td valign="top" width="90%"></td> </tr> <tr> <td valign="top" height="135">
</td> <td valign="top">

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] ในขณะที่ประชาชนชาวไทยและชาวโลก กำลังเผชิญปัญหาวิกฤตด้านพลังงาน ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไม่หยุดยั้งในตลาดโลก อันเนื่องมาจากอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเชื้อเพลิงเคลื่อน ไหวสูงขึ้นตลอดเวลา ประชากรโลกต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม เพราะชีวิตตกเป็นทาสของพลังงานเชื้อเพลิงอย่างยากที่จะถอนตัว หรือหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่ารัฐบาลของทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย จะพยายามจัดมาตรการประหยัดพลังงาน แต่ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จในการลดการใช้พลังงานน้ำมันลงได้ ประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศไทย จึงกำลังพยายามที่จะคิดค้นหาพลังงานทดแทนน้ำมัน และต่างตั้งความหวังว่า จะมีทางเลือกของวิถีชีวิตที่สดใสในอนาคต ดังนั้น คอลัมน์นี้ จึงขอเสนอความรู้เกี่ยวกับเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ชนิดใหม่ ซึ่งเป็นผลงานเรียบเรียงของ สมเกียรติ พงศ์กันหา เพื่อให้ผู้อ่านของสกุลไทยได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านพลังงานเชื้อเพลิงของโลก ดังนี้[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] <table align="right" border="0" width="200"> <tbody><tr> <td>

​

</td> </tr> </tbody></table> [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของการค้นคว้าด้านพลังงานทดแทน ความจริงไม่ใช่ของใหม่ เพราะได้ถูกค้นพบเมื่อ ๑๖๕ ปีมาแล้ว โดยชาวอังกฤษ เซอร์วิลเลี่ยม โกรฟ (Sir William Grove) ซึ่งได้ศึกษาค้นคว้าและทดลองเรื่องนี้ในรัฐเวลส์ (Swansea, Wales) ประเทศอังกฤษ เมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๒ พบว่า หากปรับเปลี่ยนกลับกรรมวิธีของการรวมตัวระหว่างก๊าซไฮโดรเจนและออกซิเจนใน น้ำออกจากกันแล้ว ปฏิกิริยานั้นๆจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น หลักการดังกล่าวนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นจริง และถูกนำมาทดลองหลายรูปแบบ โดยนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ และนักค้นคว้าอีกหลายคน ต่อเนื่องเป็นระยะๆ จวบจนถึงการนำมาประยุกต์ใช้ในยานอวกาศอพอลโล (Apollo Space Missions) โดยบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ของยานอวกาศ ชื่อ แพรทต์แอนด์วิทนี่ย์ (Pratt & Whitney Aircraft) เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๘[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
หลักการทำงานของเซลล์เชื้อเพลิงนี้คล้ายกันกับแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ (น่าจะเรียกว่าแบตเตอรี่ไฮโดรเจนมากกว่าเซลล์เชื้อเพลิง) ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นแอโหนด (Anode) ที่นำเอาประจุไฟฟ้าลบ (Electrons) ออกจากก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen Molecules) แล้วปล่อยประจุบวกของไฮโดรเจนผ่านเข้าอิเล็กโตรไลท์ (Polymer Electrolyte Membrane) ซึ่งอนุญาตให้ผ่านเฉพาะไอออน (Ions) ของประจุไฟฟ้าบวก ไปยังแผ่นแคโถด (Cathode) ซึ่งเป็นขั้วบวก นำเอาออกซิเจนจากอากาศเข้ามารวมกับประจุบวกของไฮโดรเจนรวมกันกลายเป็นน้ำ (H2O) ส่งออกไปยังท่อน้ำทิ้งทั้งแอโหนดและแคโถด เมื่อรวมกันแล้วเรียกว่า อิเล็กโถรด (Electrode) กรรมวิธีนี้ทำให้เกิดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้ โดยการต่อให้ครบวงจรกับขั้วบวกที่แอโหนด และกับขั้วลบของแคโถดของเซลล์เชื้อเพลิง[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
ที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็นการอธิบายหลักการทำงานอย่างง่ายๆ ของเซลล์เชื้อเพลิงของชนิดพีอีเอ็ม (PEM-Polymer Electrolyte Membrane) ซึ่งใช้ผงแพลทตินั่ม (Platinum Powder) ฉาบกับผิวหน้าแผ่นอิเล็กโถรดเพื่อเร่งปฏิกิริยา[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
เซลล์เชื้อเพลิงมี หลายชนิด เช่น พีอีเอม (PEM-Polymer Electrolyte Membrane.Direct Methanol, Alkaline, Phosphonic Acid, Molter Carbonate, Solid Oxide, และ Regenerative เป็นต้น แต่ละชนิดมีกรรมวิธีการสร้างวัสดุ และข้อดีข้อเสีย แตกต่างกันไปในหลักการเดียวกัน หน่วยราชการและสถาบันเอกชนหลายแห่งของหลายประเทศในโลก รวมทั้งกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา ต่างก็วิจัยและพัฒนาแข่งขันกันอย่างรีบเร่งเพื่อผลทางด้านการเมือง ด้านการค้าและการพาณิชย์ การวิจัยและพัฒนานั้นจะนำไปสู่คำตอบให้ทราบถึงความยากง่าย ราคาต้นทุน ความปลอดภัย การสร้างมาตรฐานในการผลิต การเก็บ การจำหน่าย การขนส่ง รวมทั้งทัศนคติของสาธารณชนที่มีต่อเซลล์เชื้อเพลิง เท่าที่ผ่านมาสรุปได้ว่า เป็นอนาคตที่แจ่มใสด้านพลังงานทดแทนทางเศรษฐกิจของประชาคมโลก[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
ขณะนี้มีการวิจัย พัฒนา และทดลองประยุกต์ใช้เซลล์เชื้อเพลิงนี้ในด้านการขนส่งมวลชนอย่างรีบเร่ง มีรถเมล์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงนี้เป็นพลังงาน วิ่งอยู่ในโครงการทดลองต่างๆของหลายประเทศในโลก รวมมากกว่า ๔๐ คัน ที่สหรัฐอเมริกามี ๗ คัน ที่ เอซี ทรานสิท (AC Transit) ในเมืองโอ๊คแลนด์ ซานต้า คลารา วัลเลย์ (Santa Clara Valley) ที่ทรานสิทออทอริตี้ วีทีเอ (Transit Authority VTA) เมืองซานต้า คลารา ซาน โฮเซ่ (Santa Clara-San Fose) และที่สถานีซันไลน์ (Sunline Transit) เมืองเทาซันปาล์ม (Thousand Palms) ปาล์มสปริงค์ (Palme Springs) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในประเทศออสเตรเลีย มี ๓ คัน ทดลองวิ่งที่เมืองเพิร์ธ ในโครงการชื่อว่ายานยนต์พลังงานถาวรของเพิร์ท (Sustainable Transport Energy for Perth,STP) ในยุโรปมี ๓๐ คัน ทดลองวิ่งในหลายเมือง เช่น เมืองสตุดการ์ต (Stuttgart) แฮมเบิร์ก (Hamburg) ลักเซมเบิร์ก (Lux-Semberg) สต๊อคโฮล์ม (Stockholm) ลอนดอน (London) ออพอร์โต (Oporto) บาร์เซโลน่า (Barcelona) แมดริด (Madrid) และอัมสเตอร์ดัม (Amstrdam) ในโครงการเชื่อว่าคลีนเนอร์ เออร์บัน ทรานสปอร์ต ฟอร์ ยุโรป (Cleaner Urban Transport for Europe, CUTE) และอีโคโลจิคอล ซิตี ทรานสปอร์ต ซิสเต็ม (Ecological City Transport System, ECTOS) และในประเทศไอซ์แลนด์ มี ๓ คัน ทดลองวิ่งอยู่ในเมืองเรค์จาวิก (Reykjavik) ส่วนใหญ่เป็นรถรุ่นซิตาโร (Citaro) ผลิตโดยบริษัทเมอร์ซิเดส เบนซ์ (Merceder Benz) ในเครือของเดมเลอร์ ไครส์เลอร์ (Daimler Chrysler) ของเยอรมนีร่วมกับสหรัฐอเมริกา เซลล์เชื้อเพลิงนั้นส่วนใหญ่ผลิตบริหารและจัดการโดยบริษัทบัลลาร์ด เพาเวอร์ ซิสเต็ม (Ballard Power Systems) ในประเทศแคนาดา[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
การทดลองนี้มีกำหนด ๒ ปี เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้งาน การวิ่งในเมือง นอกเมือง ใกล้ไกล ขึ้นเขา ลงเขา ทางเรียบ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ข้อดี ข้อเสีย การปฏิบัติ การบำรุงรักษาอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอะไหล่ การผลิต จ่าย และการขนส่งพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง รวมไปถึงความปลอดภัย และข้อควรกำหนดให้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำของการปฏิบัติ และเปรียบเทียบกับการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันและพลังงานอื่นๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในอีก ๒ ปีข้างหน้า สำหรับใช้ในการดำเนินการขั้นต่อไป[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
(ข้อมูล : สมาคมนานาชาติด้านรถโดยสารสาธารณะ (The International Association of Public Transport-UITP; กรมการพลังงานของสหรัฐอเมริกา (US Department of Energy) สมเกียรติ พงศ์กับทา เรียบเรียง)[/FONT]

ที่มา Untitled Document


</td></tr></tbody></table>

 

ที่น่าสนใจคือ มีหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวถึงเรื่องเซลล์เชื้อเพลิงว่า นักอนาคตศาสตร์ญี่ปุ่นทำนายความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จนถึงปี 2040 โดยระบุว่า ในปี 2029 เรือและรถไฟจะใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cells - อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี-ไฟฟ้า ระหว่างออกซิเจนกับไฮโดรเจนซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานของเชื้อเพลิงไปเป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านการเผาไหม้) อย่างแพร่หลาย

จากหนังสือ โลกใหม่ เรียบเรียงโดย รอฮีม ปรามาท

เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ พึ่งพูดถึงเอาไว้ในเว็บพลังใจค่ะ
โลกใหม่

กรณีนี้จะเข้าข่ายโดนสกัดเหมือนที่คุณ wara99 บอกรึเปล่า?

 

อาจจะพาออกนอกประเด็นแต่ก็อยากให้ความเห็นเสริมครับ

ถ้าใครติดตามเรื่องสมคบคิดน่าจะเข้าใจนะครับ ธุรกิจพลังงานมันก็คือการฮั้ว (cartel) ของกลุ่มทุนน้ำมันระดับโลก
ซึ่งบางครั้งพวกนี้ก็จะมีอิทธิพลถึงขนาดเข้าไปก่อการร้ายเพื่อแย่งยึดแหล่งน้ำมันทั่วโลก (แบบในหนังเรื่อง Shooter นั่นไง)

พวกนี้จะเริ่มจากการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ประเทศเป้าหมาย แต่ที่แท้จริงคือการสำรวจหาแหล่งพลังงาน
เมื่อพบว่ามีปริมาณมากพอก็จะทำการล็อบบี้ผู้นำชาตินั้นๆ ให้อนุญาตทำการขุดเจาะทุกวิถีทาง
ถ้าไม่สำเร็จก็จะดำเนินการเบาๆ เป็นขั้นเป็นตอน เริ่มด้วยการกดดันทางสนธิสัญญา การลดให้ความช่วยเหลือทางการเงิน
ตลอดจนการส่งหน่วยปฏิบัิติการเข้าไปลอบสังหาร
ถ้าไม่สำเร็จก็จะหาทางปลุกระดมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำประเทศนั้นๆ
เริ่มจากการก่อการร้าย การปฏิวัติโดยกองทัพหรือโดยประชาชน
และถ้ายังไม่สำเร็จอีกเมื่อนั้นกำลังทางทหารก็จะถูกนำไปใช้โดยมีข้ออ้างต่างๆ นานา
เหมือนนิยายของพวกสมคบคิดนะ แต่ผมประมวลจากหลักฐานที่หาได้ทั่วๆ ไปและอ้างอิงจากงานเขียนของ John Perkins น่ะครับ

ที่เห็นชัดๆ ช่วงสิบยี่สิบปีมานี้ก็คือสงครามอ่าวทั้งสองครั้ง วิกฤตการณ์ในจอร์เจีย ล่าสุดก็สงครามกบฏในลิเบียครับ
(จำได้ว่าอิรักมีปริมาณน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับที่สองของโลก ส่วนลิเบียแหล่งน้ำมันสำรองมีคุณภาพเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก)
เห็นไหมตอนประกาศสงครามว่ามีใครบ้าง ก็ผู้นำทั้งสามชาติที่มีเอี่ยวกับธุรกิจพลังงานนั่นแหละครับ
โจ่งแจ้งอย่างนี้ทั้งรัสเซีย จีน จึงไม่สนับสนุนไงครับ (เพราะไม่ได้ประโยชน์หรือต้องการคานอำนาจในแถบนี้ก็ได้)

 

กลับมาเรื่องเทคโนโลยีพลังงาน ที่คิดค้นพลังงานสะอาดได้มีนานมาแล้วนั้น เห็นด้วยครับ
รวมถึงเรื่องการโดนเตะตัดขาไม่ให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง
เพราะมันจะไปทำลายการผูกขาดและท้าทายอำนาจของพวก cartel โดยตรง
พวกนี้จึงทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดเทคโนโลยี "เพื่อคนส่วนรวม" ได้

ที่เห็นกันจะๆ ก็คือเงินทุนในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงาน (ซึ่งก็มาจากคนพวกนี้) แก่นักวิทยาศาสตร์
เมื่อศึกษาวิจัยสำเร็จนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ก็จะเข้าไปมีบทบาทด้านนโยบายพลังงานทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชน
ซึ่งได้รับผลประโยชน์มหาศาลแบบที่คนเดินดินอย่างเราไม่มีทางได้รับ รวมถึงมีเงินทุนในการซื้อสื่อแขนงต่างๆ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อประชาชนอีกด้วย
(ไปดูว่างบโฆษณาทั้งปีของปตท. กฟผ. มันมากขนาดไหน)

ซึ่งถ้าเราไม่พยายามศึกษาอย่างรอบด้านโดยเฉพาะจากฝ่ายที่เห็นความชั่วร้ายจากพวก cartel แล้วเราจะไม่มีวันเห็นด้านไม่ดีของมันอย่างแน่นอน
อย่างที่ชนชั้นกลางในเมืองที่มีการศึกษาส่วนมาก(ที่สุด) ก็มักจะเข้าใจว่าไม่มีทางเลือกด้านอื่นๆ อยู่เลย
แถมยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอีกต่างหาก ซึ่งย่อมเห็นด้วยกับการสรรหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม
จนสุดท้ายก็ต้องสนับสนุนให้มีการสร้างเขื่อน ขุดเจาะน้ำมัน แม้กระทั่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ตาม

ขณะที่ฝ่ายต่อต้านก็จะถูกเหยียดย่ำดูหมิ่น มองว่าเป็นพวก NGOs, พวกต่อต้านการพัฒนา, พวกหลังเขา, พวกกินหญ้า ฯลฯ
(ซึ่งมันก็น่าแปลกนะครับว่ามันสมองของพวกหลังเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความรู้และประสบการณ์ดีมากระดับดอกเตอร์
นักวิชาการในสถาบันการศึกษาและปราชญ์ชาวบ้านทั้งนั้นครับ)
โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นวิธีการครอบครองอำนาจรัฐ(แทบจะ) สิ้นเชิง และผลประโยชน์ก็ไม่ได้ตกถึงมือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลย

สรุปก็คือเขาจะยอมให้เราใช้ทุนของเขาเพื่อทำลายผลประโยชน์ของเขาหรือครับ? น่าจะพอมองกันออกนะครับ

เรื่องพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงนี่น่าสนใจครับ แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเรื่องพลังงานไฟฟ้าในอากาศ-บรรยากาศครับ
นิโคไล เทสลา เป็นผู้ค้นพบแล้วก็คิดวิธีการนำมาใช้ได้เกือบร้อยปีมาแล้ว มีเรื่องลึกลับมากมาย ลองไปหาอ่านแล้ววิเคราะห์เองดีกว่านะครับ

ปล.หลายเรื่องคนบนบอร์ดนี้ก็เคยเอามาเล่าตั้งนานแล้วครับ บางส่วนก็มาจากน้าๆ หลายๆ บอร์ดหลายๆ บล็อก ถือว่าผมขุดเอามาให้อ่านอีกทีก็แล้วกันนะครับ :VO

 

ความจริง ความฝัน ห่างกันไกล

wara99
สมาชิก

วันที่สมัคร: Dec 2006
สถานที่: รามคำแหง 39 วังทองหลาง กทม.
ข้อความ: 243
พลังการให้คะแนน: 128



วิวัฒนาการ เทคนิค ทฤษฏีไปไกลมากแล้ว มีต้นแบบ และการทำเชิงพาณิช

แต่เมื่อเผยแพร่ ก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์และต้นแบบ เรียบร้อย แล้วเรื่องก็เงียบไป

คนที่คิดทำ ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะขายไปแล้ว ได้แต่มาพูดให้ฟังว่าทำได้ แต่ต้นทุนสูง

บางกลุ่มทำแล้ว ให้เช่าเท่านั้น ไม่ขาย เสร็จงานแล้วเอากลับคืน มีจริงไม่ได้พูดเล่น

...................................................................................





ประเทศญี่ปุ่น นานหลายทศวรรษ มีฐานเศรษกิจ เป็นอันหนึ่งของโลก

ปัจจุบัน จะเป็นรองก็แค่ประเทศจีน

ทั้งๆที่ญี่ปุ่น เป็นประเทศเล็ก ประชากรเยอะ ทรัพย์กรตามธรรมชาติ แทบจะไม่มี คนญี่ปุ่นไช่มันสมอง ไช้ความคิด ไช้วิทยาการ

ไช้ขีดขาดสามารถของคน เท่าที่จะทำได้

แต่ญี่ปุ่น เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่ง ที่1ของโลก นี่บอกออะไร

ก็เพราะคนญี่ปุ่นที่มีอำนาจ เขาไม่เห็นแก่ตัว เขามีอำนาจ เขาก็

ทำแต่สิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่านั้น

และการโกง การกิน ของผู้ที่มีอำนาจในญี่ปุ่น หรือคอรัปชั่นมีค่าเท่ากับ 0 ผู้บริหารประเทศ แค่เงินเฟ้อ ไม่สามารถแก้ไขได้ เขาลาออกเลย สปีริตทางการเมืองสูงมาก

ประเทศญี่ปุ่น มีเงินคงคลัง เป็นล้าน ล้าน ล้านดอลร่า มากมายมหาศาล

มีกำลังเงิน กำลังทรัพย์ พร้อมีที่จะลงทุน ลงแรง ในวิทยาการใหม่ๆ

ทำไมญี่ปุ่น ทำได้แค่ เอาพลังงานนิวเคลี่ยร์ มาผลิตสร้างโรงไฟฟ้า

หลายสิบโรงในประเทศญี่น และทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาทีระเบิด

ประเทศญี่ มีคนเยอะที่ยอมจะพลีชีวิตเพื่อส่วนรวม

คนที่ยอมตาย ยอมสละชีวิต ได้ จะมาหวงเหน เก็บความรู้ ครอบงำ

วิทยาการพลังงานปลดอสารเคมีไว้ทำไม เป็นไปไม่ได้ไช่ไหม


อย่างโรงงานนิวเคลียร์ ที่ระเบิด ก็ผู้ที่มีความรู้ อาสาสมัคร

เข้าไปทำงาน ในนั้นกันเพียบ ทั้งๆที่รู้ว่าอันตรายถึงชีวิต

ประเทศญี่ปุ่น มีความพร้อมที่จะลงทุนในวิทยาการทุกด้าน

ไอ่พลังงานสะอาด ถ้าเป็นไปได้จริง มีจริง???

ประเทศญี่เขาไม่เอาพลังงานนิวเคลี่ยร์ มาฆ่าคนญี่ปุ่นเองหรอกครับ

ฆ่าคน ทำลายอากาศ ทำลายน้ำ ทำลายแหล่งธรรมชาติ

มีเงินไปก็ไม่มีประโยชน์จริงไหม ในเมื่อชีวิตมีแต่ความเสี่ยง

มีแต่อันตราย


ปัจจุบัน แม้กระทั่ง โดนสึนามิ ถล่ม แหล่งผลิตรถยนต์สำคัญ

เสียหาย ญี่ปุ่นก็ยังครองอันดับ2ของโลกในด้านการเงิน การเศรษกิจ



ความฝัน กับความเป็น กับชีวิต ที่เป็นจริง ห่างกันไกล


นี่เอาแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียวนะ ก็เห็นๆกันอยู่ บ้านเรา รถยนต์

ของไช้ ไม้สอย เครื่องอุการณ์อีเลคโทนิคต่างๆ จากญี่ปุ่นจะท่วมบ้านเราตายอยู่แล้ว

 

ตื่น แล้วก็มอง ไปรอบๆตัวเรา และสิ่งที่เราเห็นทั้งหมด นี่คือความจริง ไม่ไช่ความฝัน

 

ประเทศญี่ปุ่น มีความพร้อมทุกด้าน ในด้านการลงทุนเพื่อวิทยาการไใหม่ๆ

การเงิน การคิดค้น นักวิทยาศาตร์ ในโลกนี่ญี่ปุ่น ไม่เป็นสองรองใคร

และผู้ที่มีอำานาจ มีการโกง หรือคอรัปชั่นเท่ากันศูนย์ 0 ผู้นำ ผู้บริหารปรเทศ

เข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม เขาพร้อมทุกๆด้าน ญี่ปุ่นมีตังค์มากครับ เงินคงคลัง นับเป็น ล้า ล้าน ล้าน us ดอลร่า

ญี่ปุ่นรวยมากๆๆ

แล้วทำไมญี่ปุ่น ทำได้แค่ ต้องเอาพลังงาน ที่มีกัมตภาพร้ายแรงอันตรายถึงชีวิต อันตรายสูงสุด

ทำลายอากาศ ทำลายน้ำ ทำลายสิง่มีชีวิตทำลายประเทศของตัวเองเลยก็ว่าได้ และสารพิษก็ตกค้างยาวนาน

ทำไมต้องเอาเอามาไช้ล่ะ ก็คือโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคียร์ ที่เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก

บ้านเรา เครื่องไช้ อิเลคโทนิค เครื่ิงไฟฟ้า ระบบสื่อสาร 3g ยวดยานพาหะนะ

ทุกชนิด ตั้งแต่เครื่องดูดน้ำ เครื่องปราบศัตรูพืช เล่าไม่ไม่ไหว จะท่วมประเทศไทยตายอยู่แล้ว

ดูสิ ของญิ่ปุ่นทั้งนั้น

ของแบบนี้ ขนาดคุณยังรู้เลย แล้วทำไมญี่ปุ่น เขาเก่งกว่า ฉลาดกว่า รวยกว่า

มีวิทยาศาตร์ที่ก้าวหน้า มีความพร้อมทุกๆด้าน ถ้ามีจริง เขาทำไปนานแล้ว

ผู้นำเขาไม่เห็นแก่ตัว ถ้าเห็นแก่ตัวญี่ปุ่นไม่มีวันจะเป็นมหอำนาจทางการเงิน

ทางเศรฐกิจได้ ญี่ปุ่นพร้อม แต่ไอ่ที่คุณว่ามานี่ พลังงานสะอาดอะไรของคุณน่ะ มันไม่พร้อม หรือยังทำไม่ได้จริง

จินตนาการ ความฝัน กับความจริง ย่อมห่างกันไกล

 

มุมมอง ความคิด สำนวนการเขียนของคุณโลกีย์ฯ เหมือนชนชั้นกลางที่มีการศึกษา(ค่อนข้าง)สูง
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องหว้ากอมากกว่าบอร์ดพลังจิตนะครับ ;ปรบมือ

 

ครับผม แลกเปลี่ยนทัศนคติกันครับผม

ขอบคุณมากๆที่ชมครับ ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง

 

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔...

ทาสที่ปล่อยไม่ไป...

ต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เคยได้ยินมา เมื่อ ๓๐ ปี ที่แล้ว...บริษัท คาวาซากิ เฮพวี่ อินดัสตรี้ แห่งญี่ปุ่น ได้ลงทุน กับคนไทย สร้างบริษัท ถลุงเหล็กกล้า แถวๆ สมุทรปราการ...ญี่ปุ่น ได้ ถ่ายทอด KNOWHOW ทั้งหมดโดยมิได้ปิดบัง แก่วิศวกรไทย... บริษัทคนไทยร่วมทุนญี่ปุ่นนี้ จึงเป็นรายเดียวในขณะนั้นที่ สามารถผลิตเหล็กกล้าตามมาตรฐานญี่ปุ่นได้ ต่อมาวันหนึ่ง อภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจเมืองไทย ผู้หนึ่ง มีความประสงค์ จะ สร้างบ้านของตน หลังที่เท่าไรไม่ได้ แจ้งไว้.. แต่ มันต้องวิวิศสมาหรา เลิศแพร้วกว่า ชาวบ้าน จึงส่งจดหมาย ไปถึง คาวาฯ ที่ญี่ปุ่น ขอ ซื้อเหล็ก มาปลูกบ้าน แต่ ต้องหน้าแตกกลับมา เพราะ ได้ คำตอบเต็มสองรูหู ว่า...

...เหล็กที่ท่านต้องการจะซื้อนั้น...ที่ญี่ปุ่นถึงมี ก็ ไม่ขายให้...ท่านจะ หาซื้อได้ ที่ บริษัทลูก ของ คาวาฯ ที่ไปลงทุนทำโรงงานในเมืองไทย ขอรับรองว่า คุณภาพเหมือนกับ ที่ผลิต ในญี่ปุ่น... ไม่มีหมกเม็ดอันใด...

...คนที่ทำมาหากินแล้วรวยนั้น... มัก ได้รับคำยกย่องจากสังคม ว่า เก่ง และ มึความสามารถ แต่ ที่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ อย่างนั้น...คนที่เก่ง และ ดี เท่านั้น จึงจะ รวยและ ประสบความสำเร็จได้...ตรงนี้...สังคมทั้งสองแบบ แตกต่างกันอย่างไร ไปคิดดูครับ...

...ค่านิยม ของนอก จึง เป็นส่วนหนึ่งของความคิดผิดๆ และ คือ ทาสที่ปล่อยแล้วไม่ไป แบบหนึ่ง...ทาสทางความคิด...และ สติปัญญา...

..หากจะนำพาบ้านเมืองให้ เจริญรุ่งเรืองได้นั้น...ต้องแก้ไข ที่ ทัศนะคติแบบนี้ก่อน คือ สังคมต้องไม่ใช้ ความร่ำรวยมาตัดสินความป็นคนดี และการ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานส่วนตน แต่ ต้องถามว่า รวยและประสบความสำเร็จได้อย่างไร และ เมื่อรวยแล้วได้ทำอะไร ให้แก่ บ้านเมืองบ้างต่างหาก...

...มีใครเคยเห็น...นายกสมาคมศิษย์เก่าของอะไร ก็ได้ ที่มาจาก คนที่ดีและเก่ง แต่ ฐานะความเป็นอยู่ธรรมดา ไม่มียศศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่เลยบ้าง...ยกตัวอย่างให้ดู หน่อย..

..นักธุรกิจหลายคน ในญี่ปุ่น จึง ผ่องถ่ายความร่ำรวยของตน ไป สร้างกุศลกรรมที่ โพ้นทะเล แต่ เรื่องเหล่านี้ หลายคนไม่ทราบ...เพราะมันไม่เป็นผลดี สำหรับ เศรษฐีเมืองไทย...

...เห็นด้วยครับ...ตื่นและลืมตา มามองความเป็นจริงกันเสียที...เผื่อว่า บ้านเมืองมันจะ ศิวิไลซ์ ขึ้น...

 

ชอบมุมมอง ความคิด ทรรศนคติของคุณ โลกีย์ฌาณ และคุณ Omniverse มากค่ะ ขอคารวะจากใจจริงๆ...

ไม่ทราบว่าคุณ obs2553 พอจะทราบบทสรุปของการทดลอง พลังงานจากการสร้างเซลล์เชื้อเพลิงไหมคะ? ที่บอกว่าใช้เวลาในการทดลองสองปี นี่ก็ผ่านไปมาสี่ปีแล้ว หรือว่าเงียบหายไปเฉยๆคะ?....ปล จะหาเวลาไปอ่านหนังสือโลกใหม่ที่คุณอบ ลิ้งค์ไว้ค่ะน่าสนใจมากเลย

จริงๆนะ ถ้าจู่ๆมีโชคลาภมหาศาลในวันอังคารที่จะถึงนี้ £117 ล้านปอนด์จะยกให้ใครที่อยากทำเพื่อส่วนรวม มีจิตใจดีทำเพื่อผลประโยชน์ของสังคมและส่วนรวม ให้คุณลุงโอลด์แมนและชาวแก้งค์เพื่อการกอบกู้ประเทศไทย น่าจะดีไม่น้อย... ฝันเช่นกันค่ะ ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว magic_me?

ขอขอบพระคุณเพื่อนๆทุกๆท่านสำหรับข้อมูล และการแบ่งปันค่ะ

 

รถยนต์พลังงานน้ำ ( Water car ) ปฏิวัติสู่ยุคพลังงานสะอาด

ตอบแทนคุณป้าออปได้ป่ะ อิอิ
........................................................................

เว็บลิงก์นี้ครับ


http://www.vcharkarn.com/vblog/37463

 

อ่อ ขอบคุณคุณน้องเบทร์มากจ้า....อ่านจับใจความแล้วปรากฏว่าคุณ Stan Meyer ผู้คิดค้นประดิษฐ์รถใช้น้ำ เสียชีวิตอย่างปริศนา? เฮ้อ...น่าสงสารอ่ะ โอว จำได้แล้วเคยอ่านคร่าวๆประวัติของเขาที่มีคนมาเสนอขอซื้อผลงานรถประดิษฐ์ใช้น้ำของเขาแต่เขาปฏิเสธไป และบอกว่า เทคโนโลยีชิ้นนี้เผื่อประชาชนและส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง...

อ่านแล้ว เซ็ง เศร้า และอยากมีฤทธิ์กำจัดคนพาล อภิบาลคนดี จริงๆน้ะ น่าจะมีกลุ่มหรือองค์การผู้มีอภิญญากำจัดคนเลว....คิดแล้วก็ เฮ้อ วางอุเบกขาตามเดิม

 

เรื่องพลังงาน มีเพื่อนสมาชิกบางท่านขยายความให้แล้ว ขอขอบคุณ และนั่นคือการยืนยันว่าพลังงานสะอาดมีจริง

และถูกบล็อกจริงๆ

โดยส่วนตัว ไม่ได้คิดจะขัดแย้งกับท่านใด เพียงแต่การเสนอความคิดของผมเอง อาจตรงและกระด้างไปบ้าง

ก็ ขออภัย

 

เรื่องเซลล์เชื้อเพลิง เท่าที่ทราบจากการได้อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และได้ดูสารคดีบ้าง ในต่างประเทศเห็นมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องค่ะ แต่ถ้าจะนำมาใช้งานอย่างจริงจังแบบให้ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย ก็ยังติดปัญหาที่ต้องแก้ไขกันอยู่บ้างในบางจุด
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87

http://203.172.130.100/nfe_webkm/di...B9%B5%EC%E1%CB%E8%A7%AA%D2%B5%D4&&enc_id=1310

เพียง แต่ ส่วนตัวนึกสงสัยว่ามันน่าจะพัฒนาได้เร็วกว่านี้ ดูเหมือนจะถูกชะลอไว้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ในขณะที่การพัฒนาด้านอาวุธและเทคโนโลยีอวกาศกลับดูเร็วกว่า ก้าวหน้ากว่ามาก คิดไปในแนวๆว่า ถูกสกัดให้ช้าลงโดยกลุ่มธุรกิจพลังงานอย่างที่คุณ Omniverse ว่ามา

แต่ก็เห็นแววที่เทคโนโลยีนี้จะได้ถูกนำมาใช้งานกันจริงๆ ในอนาคตอันใกล้

 

ลองอ่านดูเล่นๆ ว่านักอนาคตศาสตร์คาดการณ์อย่างไรกันบ้าง...

ที่เป็นการคาดการณ์เกี่ยวกับพลังงาน ทำตัวหนาไว้

โลกใหม่ : รอฮีม ปรามาท

นักอนาคตศาสตร์ญี่ปุ่นทำนายความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จนถึงปี 2040

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2010 คณะนักอนาคตศาสตร์ที่ทำงานให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ประกาศผลการสำรวจความคิดเห็นบรรดาผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการทำนายความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง หรือใช้
กันอย่างแพร่หลายในช่วง 30 ปีข้างหน้า

การสำรวจกระทำโดยศูนย์อนาคตศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology Foresight Center) สถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NISTEP) ภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (MEXT) เพื่อพยากรณ์ทิศทางแนวโน้มและความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 2011 ถึง 2540

การสำรวจใช้วิธีการเดลฟาย (Delphi Survey) - ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนเขียนรายละเอียดความคิดเห็นแล้วนำมาสรุปรวมกัน แล้วแจกจ่ายให้แต่ละผู้เชี่ยวชาญพิจารณาของกันและกัน ทำวนเวียนเช่นนี้จนกระทั่งผลลัพธ์ที่ได้เป็นความเห็นพ้องกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญในกลุ่ม)

เริ่มต้นขึ้นในปี 1970-71 และกระทำทุก 5 ปีนับจากนั้น สำหรับการสำรวจความคิดเห็นครั้งที่ 9 นี้ คณะผู้เชี่ยวชาญได้ระบุถึงพัฒนาการ 832 รายการ แบ่งเป็นหมวด 12 หมวด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร ข้อมูลชีววิทยาและเทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ อวกาศโลก พลังงาน ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม วัสดุ กระบวนการผลิต การจัดการ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 2,900 ราย เป็นผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาอาชีพ การทำนายที่ผ่านมามีทั้งถูกต้อง คลาดเคลื่อนเวลา และไม่ถูกต้อง

ต่อไปนี้เป็นการทำนายบางส่วนที่เป็นความก้าวหน้าอันน่าประทับใจทั้งในส่วนของญี่ปุ่นเองและของโลก

2020 : จอภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่บางเฉียบและยืดหยุ่นเข้าแทนที่หนังสือพิมพ์ในรูปแบบกระดาษ และแพร่หลายทั่วไป

2022 : ความก้าวหน้าในการผลิตเลือดสังเคราะห์ ทำให้การบริจาคเลือดไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

2023 : วงการแพทย์สามารถผลิตตัวยาที่ควบคุมการแพร่กระจายของโรคมะเร็งทุกชนิดภายในร่างกายมนุษย์

2024 : อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงต่างๆ เช่น รถยนต์ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของการเช่า หรือเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วแบ่งปันกันใช้

2025 : รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะวิ่งได้ 500 กิโลเมตร (310 ไมล์) จากการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง
- บุคคลทั่วไปจะสามารถลบข้อมูลเนื้อหาใส่ร้าย หมิ่นประมาทตนเอง ออกจากอินเตอร์เน็ต
- นานาชาติรวมทั้งประเทศกำลังพัฒนา บรรลุข้อตกลงลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง

2026 : เทคโนโลยีไบโอแมทริกส์ (biometrics - การใช้ข้อมูลชีวภาพในการตรวจสอบหรือแสดงตน) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางระหว่างประเทศ
- ระบบเครือข่ายเซ็นเซอร์ความเร็วสูงสามารถตรวจพบความผิดปกติในสัตว์เลี้ยง
- หุ่นยนต์ทำงานบ้าน เช่น ทำความสะอาด ดูแลผู้ป่วยและคนชราจะพบได้ทั่วไป

2027 : เทคโนโลยีสามารถทำนายการประทุและแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
- ตำรวจจะมีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่มีศักยภาพสูงในการป้องกันการก่อการร้าย และการสร้างมลภาวะแก่สิ่งแวดล้อม

2028 : สามารถผลิตจอภาพที่มีกลิ่นและรส
- สามารถผลิตแขนขาเทียมที่มีระบบเซ็นเซอร์

2029 : เรือและรถไฟใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cells - อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี-ไฟฟ้า ระหว่างออกซิเจนกับไฮโดรเจนซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานของเชื้อเพลิงไปเป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านการเผาไหม้) อย่างแพร่หลาย

2030 : เทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถใช้ไมโครเซ็นเซอร์ส่งผ่านหลอดเลือดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์
- ปัญญาประดิษฐ์ที่มีศักยภาพในการแสดงความคิดเห็นทางโทรทัศน์และหนังสือจะถูกสร้างขึ้น

2031 : มีทัวร์นำเที่ยวโคจรชมอวกาศรอบโลก

2033 : เทคโนโลยีสามารถวิเคราะห์ให้คำแนะนำด้านนโยบายต่างๆ รวมทั้งวางแผนงานขององค์กรและสถาบันต่างๆ
- สามารถผลิตอวัยวะทดแทน เช่น ไต ตับ จากเซลล์ต้นแบบ

2035 : ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติจะนำพาเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ไปยังจุดหมายต่างๆ ทั่วโลก
- มีเทคโนโลยีการสกัดยูเรเนียมและแร่ธาตุสำคัญต่างๆ จากน้ำทะเล

2036 : การตัดสินใจอย่างแม่นยำทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินจะลดความผันผวนทางเศรษฐกิจลงอย่างมาก

2037 : สามารถทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวระดับ 6 ริคเตอร์ได้ล่วงหน้าถึง 1 ปี

2038 : เครื่องบินไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกต่อไป

2040 : ตั้งฐานปฏิบัติการที่มีมนุษย์บนดวงจันทร์

 

นอกเรื่องหน่อยนะคะ ใครรู้จัก ไอแซก อาสิมอฟ บ้าง?
ดิฉันไม่รู้จัก แต่ได้อ่านคำคมของเขาจากหนังสือโลกใหม่
คำคมของเขาชวนให้คิดดีจริงๆ

เรื่องน่าเศร้าที่สุดของมนุษย์ในยุคปัจจุบันก็คือ วิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ได้รวดเร็วกว่าสังคมสร้างภูมิปัญญา

ไอแซก อาสิมอฟ (ค.ศ 1920-1992)

คุณว่า..เทคโนโลยีเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ที่ไม่ถูกครอบงำโดยกลุ่มธุรกิจจะเป็นได้หรือไม่?

 

ครับนี่แหละ คือความเป็นจริง ............

 

ในความเป็นจริงที่ผมทราบ พลังงานสะอาด เกิดขึ้นแล้ว มีต้นแบบแล้ว พร้อมจะถูกพัฒนา

ส่วนในเรื่องที่ว่า ทำไม ยังไม่พัฒนาสู่สาธารณะ หรือเผยแพร่ไม่ได้ ผมก็บอกไปแล้ว หรือท่านๆน่าจะเดาออก

จะบอกอีกเรื่อง ในระบบธุรกิจทุกแขนงเมื่อสินค้ามีคู่แข่ง ทุกบริษัทจะมีแผนกวิจัยพัฒนาเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

เทคโนโลยีของสินค้าจึงถูกพัฒนาไปไกลเช่นกัน แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะข่มคู่แข่งเพียงเล็กน้อย

เทคโนโลยีจึงถูกกั๊ก แล้วปล่อยออกมาเป็นขั้นๆ ซึ่งมีผลดีกว่าการปล่อยแบบก้าวกระโดด

ถ้าไม่มีปัจจัยอื่นแทรก เขาจะขายสินค้าได้มากชิ้นและหมดทุกชิ้น ไม่มีค้างสต๊อก

พลังงานสะอาด ก็ถูกพวกนี้จัดสรรเช่นกัน แต่รอของสกปรกให้หมดก่อน หรืออาจจะมีปัจจัยอื่นแทรก

ก็คงต้องปล่อยของเก่าโดดมาเอาของใหม่ เอาล่ะ ผมบอกเท่านี้นะ จะเข้าใจกันหรือไม่ ผมก็บอกได้แค่นี้

 

พลังงานสะอาดของแท้ ดูกันซะ



บรีสขยี้มือ

การไช้พลังมือเป็นพลังงานที่สะอาดสุดยอด และบวกกับไช้บริสด้วยแล้วจึงเป็น

พลังงานสะอาดตัวจริง




บริส สะอาดจริง เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่ได้โม้





เป็นไง ทั้งขาว ทั้งสะอาด




หลังจากซักแล้วก็จะสะอาดอย่างที่เห็น

นี่แหละครับ ที่มาของพลังงานสะอาด