วิธีการ? ยอมรับและทำความเข้าใจ "เวทนาในใจ."

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วจีทุจริต, 30 มิถุนายน 2011.

  1. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    วิธีการ ?
    ยอมรับ..
    และทำความเข้าใจ..
    เวทนาในใจ..


    ยอมรับได้ไหม.. โดยที่ใจไม่ดิ้นรน !?
     
  2. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    "เวทนาใน"..ใจ
     
  3. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +1,260
    เวทนาไม่ใช่ตัวตน ในเมื่อไม่ใช่ตัวตนก็ไม่ต้องไปสนใจ อย่าปรุงเเต่ง ต่อ เราเป็นเเค่ผู้ดูไม่ใช่ผู้เล่น

    ถ้ามันเกิด ก็ไม่ต้องไปยินดีในเวทนานั้น เพราะ ถ้ายินดี มันจะเป็น กาม(กิเลส) ทันที

    ถ้าไม่ยินดีมันก็เป็นเเค่ สักเเต่ว่า เท่านั้นเอง ไม่เป็น บาป อย่างไร

    บอกเท่าที่ทำอยู่ ผิด ถูก ยังไง ก็เเล้วเเต่ บุคคล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  4. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    ขออนุญาติ วางไว้สักนิดนะครับ

    ความสงสัย(วิฉิกิจฉา)คือกิเลสอย่างหนึ่ง
    ที่ทำให้จิตใจไม่ผ่องใส
    ที่ทำให้จิตใจเกิดความขุ่นมัว
    ซึ่งเป็นมูลเหตุที่ทำให้ไม่รู้ความจริง
    อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมานั้นเอง
    เพราะไม่รู้จริงสังสัย
    เพราะสงสัยจริงทำให้เกิดความทุกข์
    เพราะต้องการที่จะดับทุกข์จึงเกิดความเพียรพยายามที่จะทำให้ความสงสัยดับลงไป

    เป็นเพราะความพอใจยินดีที่จะจมอยู่กับทุกข์หรือเปล่า
    จึงไม่เกิดความสงสัยในทุกข์ที่ปรากฏ
    ยอมรับในทุกข์ที่ปรากฏ จะด้วยเหตุแห่งความเห็นทิฏฐิที่ว่า
    ทุกข์ที่เกิดนี้เป็นเพราะกรรมเก่า ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้
    ทุกข์ที่เกิดนี้เป็นเพราะมีผู้อื่นมาบันดานให้
    ทุกข์ที่เกิดนี้เป็นเพราะตัวตนของเราเป็นผู้กระทำเอง
    ทุกข์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะเกิดขึ้นมาเองลอยๆ
    จึงทำให้ไม่สงสัยในทุกข์ ว่าทำไมทุกข์ถึงดับไม่ได้เสียที
    ทั้งๆที่รู้ทฤษฏีก็มาก รู้ปฏิบัติก็เยอะแยะ
    แต่ทุกข์กับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ่ำเล่า

    ปล.นอกเรื่องซะงั้น
     
  5. ความรู้

    ความรู้ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +0
    เคยได้อ่านได้ยินมาว่า เวทนาในใจ อันมี ทุข สุข และอทุขสุข มีเป็นธรรมดา ไม่เที่ยง และไม่มีตัวตน เพราะเรายึดเอาเวทนาว่าเป็นเราเป็นของเราและเป็นตัวตนเวทนานั้นจึงส่งผลตามที่เราไปยึดถือ
    วิธียอมรับและทำความเข้าใจ ผมว่าต้องใช้การโยนิโสมนสิการ การพิจารเพ้นธรรม ทำไห้รุ้เท่าทันเวทนา และอาจทำให้ความยึดมั่นเบาบางลง ได้รับผลของเวทนาที่มีต่อจิตน้อยลงครับ
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    รู้เวทนาใน ใจ ได้ตามจริง นับว่าเป็นยอดคนที่ปฏิบัติเป็นพุทธบูชา

    ได้อานิสงค์และได้ปัญญามาก

    รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรม

    เวทนา เกิดในตัวเราเอง ศึกษาในตัวเราเอง เกิดอยู่ทุกเวลาก็ศึกษาได้ทุกเวลา
     
  7. บัวทิพย์

    บัวทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +38
    เมื่อเวทนาที่ไม่ยอมรับเกิด ก็กำหนดรู้ว่าอาการของเวทนาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ยอมรับ ก็กำหนดว่า"อาการเวทนานี้ ไม่ชอบใจหนอ ใจไม่ยอมรับหนอ"กำหนดให้ตรงกะจิตเรา จะเป็นสัมมาวาจา และเมื่อใจดิ้นรนอยากหาย ก็กำหนด "ใจดิ้นรนอยากหายหนอ" วางจิตให้เป็นกลางดูไปเรื่อยๆ เด๋วก็เห็นความเปลี่ยนแปลงเอง
     
  8. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    อะไรทำให้พูด เจตนา อะไรพูดดีไม่ดี เจตสิก สัญญา รูป อะไรรับผลกระทำ รูปนามนี้เอง
    เวทนาเป็นผลผลิตตามปรุง ตกแก่จิตและรูป จิตจึงเสื่อม จึงถอย ด้วยเหตุแห่งสัญญาอกุศล
    เจตสิกเป็นกุศลผลรับอยู่นับแต่จิตเกิด จนดับ ห้วงที่แล้ว เกิดห้วงปัจจุบัน เป็นเหตุลงอนาคต
    ต่อไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องสืบต่อตามขณะความปรุงที่ไหลไป สังขาร เป็นเวลา กำหนดวัดโดยสมมุติด้วยนาฬิกา แต่ใช่เวลาที่แท้จริงหรือ มองว่าเวลาเป็นของเฉพาะตน ปัจจัตตังเช่นกัน
    เวลาที่ใช้อยู่ก็จับหลักมาจากสมมุติอีกที คือการหมุนครบรอบ ของโลก ของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ แต่เวลาชีวิตเล่าเป็นไฉน แต่ละรูปนาม ไม่เหมือนกัน จิตเกิดดับวงรอบการปรุงน้อยจึงอายุยืน เพราะจิตปรุงรูป ความเสื่อมของรูปเนื่องจากการเกิดดับของจิต อันมีปัจจัยมาจากกิเลส รูปน่าจะชลอการเสื่อมได้ด้วยจิตที่เกิดดับน้อยในเวลาที่เท่ากัน พร้อมๆกับบำรุงรูปด้วยอาหารที่เหมาะสม ธาตุปรุงธาตุให้ถูกส่วน ตามที่เป็นอยู่ เป็นไปได้สูงที่จะอายุยืน หากทำถูกทาง หากแต่เกิดตั้งดับก็ยังเป็นมาเสมอ บางอย่างเร็วจนดูไม่ทัน บางอย่างช้าจนสัมผัสไม่ได้ แล้วอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อเผชิญทุกข์ที่เกิดไม่สิ้นหรือ อายุสั้นก็ทุกข์ อายุยืนก็ทุกข์ รับอะไรมากไปก็หนัก ตรงนี้ขี้เกียจเนาะ สุขเล่าเป็นเช่นไร ได้ฌาน ก็สุขไม่จริง เสื่อมได้เสื่อมอยู่ ต้องเริ่มทบทวนใหม่ เพื่อเติมความอยากสุขส่วนตัว เรายึดถืออะไรอยู่ ฌาน สุข สงบ สุข สุขจริงเพราะไม่เบียดเบียนใคร สงบจริงหรือ ไม่ ในความสงบนี้ยังปรุงอยู่ ปรุงสุขก็ทุกข์ยิ่งไปอีก เฉยว่าง ก็ไม่จริงใจยังรู้สึกไม่เบาจริง แสดงว่าในอุเบกขานี้ยังทุกข์อยู่
    ทุกข์เพราะอะไร มองยาก ทำไมจึงยาก เพราะไม่ฟูดิ้น รู้ว่ามี เกิดจากอะไร สิ่งนี้นอนเนื่อง เป็นการเข้าไปยึดอย่างหนึ่ง ยึดเพราะไม่มองปัจจุบัน มองไม่เห็นปัจจุบัน เพราะยึดอดีต ยึดอนาคต ยึดในฐานะที่เป็นอยู่ ฐานะจิต ไม่ตรง กับฐานะรูป ฐานะรูปคือสมมุติ มองข้ามได้แต่ปัจจัยจริง คืออาชีพที่ประกอบอยู่ งานมากเสียมากยุ่งมาก ควรรู้จักพอ............
    ...ไม่ตั้งใจดำเนินวิถีให้จริงพร้อมในทุกเรื่อง ในสิ่งที่เป็นอยู่ เหตุเพราะวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ สัจจึงไม่บริบูรณ์ ด้วยยังข้องอยู่กับโลก กับงาน กับชีวิต พระอริยะเข้ารั้วธรรมโดยเหตุนี้ จะทำอย่างไรต่อไปดี ควรหาทางปลดทุกข์ทางโลกสัมมาเลี้ยงชีพที่เป็นอยู่ให้สำเร็จไปทีละเรื่องซะก่อนดีกว่า
    สิ่งที่เป็นไปได้ยิ่งกว่าแท้แน่นอนกว่าคือความตาย ที่เกิดขึ้นได้เสมอ จากเหตุปัจจัยอะไรก็ตาม ควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอ พร้อมพยายามอยู่กับปัจจุบันไปตามเหตุปัจจัย ไปเรื่อยๆ
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ยอมรับว่ามีเวทนา ยอมรับว่า มีทางเดินของเวทนา เข้ามาทางอายตนภายนอก6 เจอ กับ อายตนภายใน6กลายเป็นอายตนวิญญาน6 กลายเป็น ผัสสะ(สัมผัสทางใจ) แล้วกลายเป็นเวทนา ทั้ง3 การพิจารณาตามเห็น(อนุปัสนา)เวทนาที่เกิดกับเราดังนี้ สัมมาสติย่อมเจริญขึ้น ย่อมตั้งมั่นขึ้นตามลำดับ ครั้นสัมมาสติตั้งมั่น ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สัมมาสมาธิบังเกิด เห็นความเป็นจริงของการเกิดแห่งเวทนานั้น เห็นความดับ ของเวทนานั้น ว่าเกิด จากเหตุปัจจัยทั้งหลาย พอยอมรับและไม่ดิ้นรนได้ คือการเจริญสติ
     
  10. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
    ต้องมีสติ ระลึกรู้ รูป-นาม ไตรลักษณ์ในทุกอากัปกิริยาที่เคลื่อนไหว
    ตามระลึกรู้ไปในทุกๆที่เกิดขึ้นในทุกทวารที่มีสิ่งใดมากระทบ ในชีวิตประจำวัน
    โดยไม่มีอารมณ์กรรมฐานแม่บทไว้คอยระลึกรู้อยู่ประจำอย่างต่อเนื่อง
    แต่ให้ระลึกรู้ ดูไปเรื่อยๆตามแต่อารมณ์ใดจะปรากฏเกิดขึ้น
    เรียกว่าปัจจุบันของธรรมที่มีอยู่เฉพาะหน้าค่ะ
     
  11. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ขอร่วมสนทนาด้วยครับ แต่ก็ไม่รู้จะตรงกับหัวข้อที่ จขกท.ตั้งขึ้นหรือเปล่า
    คำว่า "เวทนาใน"ใจ คำว่าเวทนานั้นมี 5 เวทนาด้วยกัน คือ
    ทางกาย ก็ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา
    ทางใจ ก็ได้แก่ โสมนัสสเวทนา โทมนัสเวทนา
    ทางกาย+ ทางใจ ได้แก่ อุเบกขาเวทนา
    ถ้ารู้แล้วยอมรับได้ก็แสดงว่าผู้นั้นเข้าใจสภาวธรรมตามความเป็นจริงว่า เวทนานั้นเป็นเพียงผู้เสวยอารมณ์
    มิใช่เราเข้าไปเสวยอารมณ์นั้นเสียเอง เช่นว่าเราดีใจ เรากลุ้มใจ เราเสียใจ เราทุกข์ใจ เป็นต้น
     
  12. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    ต้องเป็นจิตที่ "ทรงสมาธิ" หรือผู้ที่จิตมีฐานของสมาธิแล้ว ถึงแยกเวทนากายจากเวทนาจิตเป็นปรกติจิต ?

    แล้วจิตที่ไม่กระสับกระส่าย ยอมรับ "เป็นผู้รู้" เวทนาจิตที่มีความเกิด ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น.. !?
     
  13. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    ..สาธุครับ..ถ้ารับได้ ผมก็ไม่มานั่งจิ้มแป้นตั้งคำถามอยู่หรอกครับ สาธุ
     
  14. ตาวิเศษ

    ตาวิเศษ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอร่วมตีวงสนทนาด้วยคับ ผมว่าการจะยอมรับอะไรๆ จะเป็นผู้รู้ ดู
    ก็ต้องมีการฝึกมาแล้วและต้องมาก ไม่งั้นคงไม่วุ่นวายเพราะไม่รู้ไม่ทันกันซ่ะมาก
    เพราะผมเองก็เพียรอยู่คับ แต่พักหลังผมจับทันทำได้ดีกว่าเดิม สุขทุกข์ ไม่ค่อยได้กินผมเท่าไหร่
    ถ้าเปียบเป็น อะไรสักอย่าง ช่วงนี้มือขึ้นสุขทุกข์ยังไม่ได้กินผมหล่ะ
     
  15. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    มีสติ ก็จะเห็นความเกิดดับของความสุข ทุกข์ เฉยๆ พอใจ ไม่พอใจ ซึ่งเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยต่างๆที่มากระทบ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา และตลอดชีวิต (นับแต่จำความได้ หรือไม่ได้ก็เหอะ) ทำให้ไม่เห็นค่าควรแก่การปรุงแต่งไปตามกิเลส เพราะมันก็ไหลวนเป็นวัฏฏะ...เช่นนั้นเอง ...เมื่อรู้จึงละได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...