การฝึกส่งกระแสจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ~:*พนมวัน*:~, 4 กรกฎาคม 2011.

  1. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    กระแสจิต


    [​IMG]

    จิตของคนที่ฝึกมาดี จิตที่ปราศจากอคติ ปราศจากโทสะ
    ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงงมงาย ไม่อยากได้อยากมี


    ไม่อิจฉาริษยา ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท มีใจสงบนิ่ง
    เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน และมีพลัง จะสามารถหยั่งรู้ใจคน
    และอ่านความคิดคนอื่นได้

    กระแสจิตของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูง และละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
    กำลังความคิดของแต่ละคนที่ส่งออกไปนอกตัว
    สามารถไปกระทบจิตของคนที่มีความสามารถในการรับคลื่นกระแสจิตได้


    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสจิตที่ส่งมาจากคนที่เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดสนิทสนม จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้
    บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว
    จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้

    "คลื่นกระแสจิต" เป็นพลังงาน ที่มีความละเอียดสูงมาก
    จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆในปัจจุบันจะวัดได้
    คนเราทุกคน เป็นได้ทั้งผู้รับคลื่นกระแสจิต และเป็นผู้ส่งคลื่นฯ

    “โทรจิต” เป็นความสามารถถ่ายทอดความรู้สึก
    หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้
    โดยการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ

    ดังนั้น “ความคิด”ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา
    จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้
    ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา

    เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์
    ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน
    และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอัน ในร่างกายตนเองได้ด้วย

    ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ
    เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง

    การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี
    จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์
    บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ


    ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา…

    [​IMG]

    คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง:

    สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง ความเกียจคร้าน ความอิจฉาริษยา อคติ เหล่านี้ ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา

    คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา:

    คลื่นความคิดจำพวก ความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความห่วงใย ความเอื้ออาทร การมองโลกในแง่บวก การให้อภัย ความกระตือรือล้น ความร่าเริงแจ่มใส เหล่านี้ ให้ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา

    ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต
    เราควรฝึก “ควบคุมใจ”ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมด
    สามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเราจึงจะแข็งแรง และมีอายุยืนยาว

    เราทุกคนสามารถทำได้เช่นเดียวกัน
    หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่างเที่ยงธรรม
    มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
    และมีความคิดในเชิงบวก

    เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน

    แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ “ใจ” หรือ "สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย" เท่านั้น
    ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรงมาเป็นหลักของชิวิต

    เราจึงควรพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้…

    “คลื่นความคิด”ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง
    ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว
    มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต

    แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียว
    เหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน
    หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง….

    จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่นหรือวัตถุอื่น…

    นักพลังจิตเชื่อว่า
    ความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้
    อารมณ์ของคนเรานั้น เป็นสวิตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ

    [​IMG]

    อย่างเช่น เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง
    หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท
    อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้ ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที

    อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วย
    และต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น

    พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า
    เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
    เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้
    ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
    เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก และรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย

    จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา
    เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ
    เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ ในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

    โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา
    ที่นอกเหนือไปจาก ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
    ซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่
    หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง

    ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น

    แต่ความสามารถพิเศษนี้ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน

    บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
    ผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิต ส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เรา ก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย

    ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิต
    จักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิต หรือรับคลื่นกระแสจิต ให้เข้ากันได้ เป็นอย่างดีด้วย

    จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์
    ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง
    และควรจะกำจัดความกังวล หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น
    ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเรา

    ให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคย และสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
    ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมีเครื่องรับส่งโทรจิตติดตัว ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ

    ทั้งนี้ทั้งนั้น อำนาจจิตธรรมชาตินั้น น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกัน ระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ ที่มีอำนาจสัมพันธ์กัน

    ซึ่งเรื่องนี้ คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน

    แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
    เราควรจะมีการนัดหมายเวลา เพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
    (ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)

    ก็ขอให้ทุกๆคน มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี
    กระแสจิตที่ส่งออกมานอกตัว จะได้เป็นกระแสที่ร่มเย็น
    เป็นความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน

    ส่วนคนที่มีกระแสความคิดเป็นในทางลบ
    เช่น อิจฉา หมั่นไส้ โกรธ เกลียด อคติ
    ก็ควรพยายามควบคุมกำลังความคิดของตนเองให้เป็นไปในทางบวก เป็นไปในทางสร้างสรรค์ มีสันติสุข มีความสงบในใจ

    เพราะผู้รับคลื่นกระแสจิตจากคุณ เขาจะได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ
    และพลอยมีใจสงบร่มเย็นไปด้วย


    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]


    [​IMG]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การใช้คาถาหรืออำนาจจิตนั้น มีเคล็ดลับที่ท่านผู้รู้หรือครูบาอาจารย์ท่านหวงแหน แต่ที่ผมจะเอามาแนะนำนั้น เป็นสิ่งที่ผมเคยลองทำดู แล้วปรากฎว่า ใช้ได้ผล ก็เลยอยากบอกหรือแนะนำ แต่ไม่ได้มาสอนนะคับ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ผมอยากให้ท่านลองพิสูจน์ดู จะได้รู้ว่าอำนาจจิตนั้นมีจริง สิ่งที่โบราณท่านพูด บอกกล่าวต่อๆ กันมานั้นจริง [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]อีกทั้ง เพื่อจะได้นำเอาช่วยตนเองก็ได้ หรือคนอื่นก็ได้ การใช้อำนาจจิต หรือที่เราเรียกกันว่าคาถาอาคม มีวิธีการใหญ่ๆ โดยพื้นฐานดังนี้ นะคับ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
    1.เราอยากจะทำอะไรหรือประสงค์สิ่งใด

    2.กำหนดจิตตามที่เราประสงค์

    3.ส่งกระแสจิตหรือความปรารถนาออกไป

    นี่คือวิธีการหรือขั้นตอนสำคัญ ที่ครูบาอาจารย์เกจิ หรือผู้รู้ท่านใช้กัน แต่ถ้าเป็นพระเกจิหรือพระอริยสงฆ์ที่มีบารมีสูงๆ หรือมีฌาณแก่กล้า ท่านจะใช้วิธีอธิษฐานจิตเอาเลย [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แต่อย่างเราๆ ท่านๆ โดยมาก ฌาณก็ยังไม่มี บารมีไม่พอ ก็ต้องใช้วิธีการที่เรียกแบบภาษาชาวบ้านว่า ใช้แรงครูบวกกับกำลังจิตตัวเอง ถ้าเราอยากจะรู้ว่าครูท่านมาหรือยัง หรือว่าคาถาที่เราท่อง หรือของที่เราเสก ใช้ได้หรือยัง [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เราจะใช้สิ่งที่ภาษาพระหรือภาษาวิชาสมาธิท่านเรียกว่า ปิติ นั่นแหละคับเป็นตัวตัดสิน ผมจะไม่ขอกล่าวยืดเยื้อแล้วนะคับ ผมจะแนะวิธีปฏิบัติกันเลย สมมติถ้าเราจะเสกแป้งหรือสีผึ้งให้เป็นเมตตาให้กระทำตามขั้นตอนสามข้อที่กล่าวไว้ข้างต้นดังนี้

    1.เราตั้งใจอยากจะทำอะไร

    -ตรงนี้เราตั้งใจอยากจะเสกสีผึ้งหรือแป้งให้เป็นเมตตา ให้เอาแป้งหรือสีผึ้งใส่ในอุ้งมือแล้วเราก็ตั้งจิตอธิฐานขออำนาจคุณพระทั้ง 5 โดยกล่าวว่า ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดาและครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่าน และครูบาอาจารย์เจ้าของวิชานั้นๆ เป็นที่สุด [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ตรงนี้ถ้าเราทราบว่าเป็นวิชาของใคร ก็ควรบอกกล่าวท่านด้วยว่า บัดนี้ ข้าพเจ้าจะกระทำการเสกแป้งหรือสีผึ้งให้เป็นเมตตาขออำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านี้ได้โปรดมาช่วยให้เรากระทำการสำเร็จสมปรารถนาด้วยเทอญ

    2.กำหนดจิตตามที่เราประสงค์

    -ให้ท่องคาถาหรือบทสวดตามที่ท่านร่ำเรียนมาโดยกำหนดจิตเอาไว้ตามที่คุณสบายที่สุดอย่างผมจะกำหนดจิตเอาไว้ที่ดั้งจมูกเพราะเป็นส่วนที่กำหนดแล้วสบายที่สุด ให้ท่องคาถาหรือบทสวดไปเรื่อยๆจนจิตสงบหรือเกิดอาการปิติเช่น ขนพองสยองเกล้า หรือใจสงบเย็นสบาย[/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การท่องคาถาตรงนี้ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องได้กี่จบแต่ให้พึงกระทำกล่าวคือ เวลาหายใจเข้าสวดคาถาได้กี่จบเวลาหายใจออกก็ต้องให้ได้เท่านั้นจบ ตรงนี้เรียกว่า 1 คาบ ให้คุณท่องไปเรื่อยๆ จนมีอาการหรือความรู้สึกดังกล่าว

    3.การส่งกระแสจิตหรือความปรารถนาออกไป

    -เมื่อจะส่งกระแสจิตหรืออำนาจจิตออกไปให้ย้ายที่ตั้งจิตจากที่จมูกมาที่อุ้งมือจากหายใจเข้าสวดคาถาเข้าไป 1 จบแต่ทีนี้เวลาหายใจออกให้เปลี่ยนจากการหายใจเป็นการเป่าลมออกมาทางปากแทนเมื่อเป่าลมออกมาทางปากก็ให้ท่องคาถามาในขณะที่เป่าลมด้วยให้กระทำแบบนี้ ซัก 5 ทีหรือ 7 ที [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การเป่าลมออกมาทางปากก็คือการถ่ายทอดหรือการส่งกระแสจิตนั่นเอง เนื่องจากกระแสจิตนั้นสามารถถ่ายเทออกมาได้สองทางคือ ทางฝ่ามือและทางปากถ้าเป็นผู้ที่มีอำนาจจิตสูงๆ ก็จะส่งอำนาจจิต หรือกระแสจิตออกมาทางฝ่ามือก็ได้ อันนี้ไม่ถือเป็นข้อจำกัด

    ก็ขอลองให้เพื่อนๆท่านสมาชิกหรือผู้ใฝ่รู้เอาไปลองใช้ดูนะคับ ลองปฏิบัติดูเผื่อไม่แน่ต่อไปจะได้เอาไปช่วยเหลือคนอื่นหรือช่วยตนเองก็ได้ยามฉุกเฉิน อย่างน้อยๆก็ถือซะว่าเป็นการปฏิบัติสมาธิแล้วกันนะคับ

    ส่วนเรื่องคาบนั้น ลองไปหาดูในกระทู้เก่าดูนะคับ ผมเคยมีโพสตอบเอาไว้อยู่ ขอให้ท่านผู้ที่ศึกษาเอาไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรอย่าเอาไปใช้ในทางเสื่อม และขอให้มีความตั้งใจจิงผมรับรองว่ายังไงต้องได้ผลสำเร็จแน่นอน เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นผมเคยลองแล้วก็ปรากฏว่าได้ผลดี [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หากฝึกไปจนมีความชำนาญหรือมีกำลังสมาธิที่ดี สามารถทำอย่างอื่นก็ได้เช่น สะเดาะกุญแจ ปลุกพระ หรือแปลงธาตุฯ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หากผมกล่าวผิดตรงไหนหรือมีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่องผมต้องขออภัยด้วยนะคับแต่ถ้าตรงไหนเป็นบุญกุศลก็ขออุทิศให้ครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่าน ที่สั่งสอนมา

    [​IMG]

    http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=kathaarkom&topic=8871

    http://www.our-teacher.com/our-teacher/article/3%20idea/172-syncro.htm

    [/FONT]
     
  2. supphakrit

    supphakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +178
    ขอบคุณมากครับ ผมจะนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร
     
  3. tuato

    tuato เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +482
    ขอบคุณมากที่ให้ข้อมูลดีๆเป็นประโยชน์มาก
     
  4. Red-X

    Red-X เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +1,216
    ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความดี ๆ
     
  5. nunmk

    nunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +108
    ขอขอบคุณที่ให้แนวทางได้ดีมาก
     
  6. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ขอบพระคุณมากครับ น่าสนใจน่าอ่านน่าศึกษาครับ
     
  7. Go9bpk

    Go9bpk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    น่าสนใจมากค่ะ แต่ก่อนอื่นคงจะต้องหัดทำจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านก่อน ขอบคุณนะคะ
     
  8. suphaporn vuori

    suphaporn vuori Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +30
    อนุโมทากับสิ่งดีๆๆที่นำมาให้ได้เรียนรู้กันนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. zekan

    zekan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +40
    ขออนุโมทนาบุญใหญ่ในครั้งนี้กับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ สาธุ สาธุ
     
  10. xmen123

    xmen123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    431
    ค่าพลัง:
    +152
    ขอ ขอบคุณ มาก นะครับ +++
     
  11. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ คะ เราต้องระมัดระวังความคิดของเรา เพราะนั้นจะเป็นสิ่งที่กลับมาหาเรา
    ............................................................................................
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมทำบุญร่วมสร้างถนนในวัด-ณ-สำนังสงฆ์วัดป่าดงมะไฟ.296733/
     
  12. sillver

    sillver สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +1
    เป็นความกรุณาอย่างยิ่งครับ ที่นำมาให้ได้เรียนรู้กัน

    สาธุ
     
  13. liquidpaper

    liquidpaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,423
    ขอบคุณที่นำมาบอกกันค่ะ.....[​IMG]
     
  14. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    อนุโมทนาค่ะ จะได้รู้ว่าเพื่อนสมาชิกเวลาเสกของทำอย่างไร
    ส่วนตัวทำอีกแบบ ไว้จะลองแบบนี้ดูบ้าง, ขอบคุณค่ะ
     
  15. หัดปลง

    หัดปลง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณค่ะ สนใจเรื่องนี้พอดีค่ะ จะฝึกดูนะคะ
     
  16. lissent

    lissent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,169
    ขอบคุณในความหวังดีและนำสิ่งดีๆๆมาให้ อ่าน อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  17. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบคุณมากครับ
     
  18. จิตินันท์

    จิตินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +130
    อนุโมทนาบุญนะคะ เราก็ได้รับการฝึกพลังจิตมาจากการไปปฏิบัติธรรม แนวสติปัฏฐานสี่นี่แหละค่ะ แล้วลองเอามาใช้ด้วยการส่งพลังดี ๆ ให้คนใกล้ตัวเราเอง แผ่พลังจิตที่เป็นกุศลที่มีอยู่ในตัวเราให้เขาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เราเห็นผลเลย จากการที่เขาคนนั้นเต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิ จิตเป็นอกุศลอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขาเริ่มเปลี่ยน จิตใจสงบเยือกเย็นลง การพูดจาดีขึ้นมาก ความคิดความอ่านไปสู่ทางกุศล ไม่เคยเข้าวัดทำบุญ ก็เริ่มเข้าไปทำบุญแล้ว

    ใครที่มีสามีหรือแฟนเหลวไหล ประพฤติไม่ถูกทางลองทำตามที่คุณระกาจันทร์โพสต์ไว้นะคะ แต่คุณต้องเปลี่ยนจิตคุณให้เป็นกุศล(คิดดี พูดดี ทำดี คิดบวก) ก่อน แล้วจึงจะแผ่จิตที่เป็นกุศลให้คนของคุณได้
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น เห็นด้วยครับกับข้อมูลดีๆที่นำมาแบ่งปันกับผู้ที่ยังไม่รู้อีกมากมาย
     
  20. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    ขอบคุณครับ
    ได้เคยทดลองใช้หลายครั้ง

    โดยเฉพาะการแผ่เมตตาไปในกลุ่มคนที่เราต้องพบ ต้องเจอเกี่ยวกับเรื่องงาน งานหลายอย่างจะสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้
    มีขั้นตอนดังนี้
    1.แผ่เมตตาแบบไม่มีประมาณไปก่อน สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา.......สุขีอัตตานังปริหะรันตุ
    2.ก่อนถึงที่ประชุม ก่อนพบคนนั้น ๆ ท่องคาถา ที่เราถนัด เช่น คาถาสารพัดนึกบ้าง ชนะมารบ้าง ตามแต่คู่กรณีของเราจะเป็นใคร
    3.แผ่เมตตาให้เทวดาในสถานที่ที่เราจะไปนั้นด้วย เพื่อให้เกื้อหนุนเราอีกทาง
    4.ขากลับเมื่องานสำเร็จก็อย่าลืมแผ่เมตตาอีกรอบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...