ขอคำแนะนำการฝึกกรรมฐานครับ จะบวชแล้ว

วันที่ 10 นี้ จะบวชครับ 1 พรรษา ตอนนี้ใช้อานาปานสติ แต่อยากได้ฌานเร็วๆ เพื่อไว้กดกิเลส เพราะตัวผมมีราคะ เลยอยากใช้ฌานกดมันไวครับ

 

ถ้ายิ่งอยากยิ่งได้ยากครับ....

ณานเกิดเมื่อใจสงบนะ....

 

เอาสติไปรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา
ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับ ตื่นขึ้นมา จนหลับ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไร
ถ้ายังใจตื่นอยู่ยัง ให้สติรู้อยุ่ที่ลมหายใจไว้เสมอ
จะกินจะนอนจะขี้จะเยี่ยวจะพูดจะคุย จิตรู้ลมเสมอ
ไม่ให้เผลอ อย่าเผลอ เอาทั้งวัน ไม่ให้เผลอ
ลมจะสั่นจะยาว ลมจะถี่จะช้า อย่าสนใจ ปล่อยไปตามที่ร่างกายต้องการ
จะได้จะไม่ได้ จะถึงขั้นไหน จะสงบไม่สงบ อย่าสนใจ
เอาสติสนใจเพียงปัจจุบัน คือลมเท่านั้น วันนี้สงบ วันนี้ไม่สงบ อย่าสนใจ
กรรมฐานขึ้นต้น ทำกันเพียงเท่านี้

เพียวเท่านี้ จิตจะได้ฌานเอง อย่าเลวที่สุด จะได้ฌานสูงภายในระยะ1เดือน

 

จิตไปกดมันยิ่งไม่อยู่หรอกต้องเมตตาจิตที่มีราคะตัวนั้น ใช้ปีติยกจิตแล้วมันจะ
แยกกัน ความคิดกับความรู้สึกทางกายไม่มาปะปนกัน

 

ขอคำอธิบายชัดกว่านี้ได้มั๊ยครับ วันพุธนี้ไปนอนวัดแล้ว ปรึกษาใครไม่ได้แล้ว คือ อยากเป็นพระที่ดีนะครับ สมควรแก่การกราบไหว้

 

ถ้าเอาตามที่ จขกท. เขียนใน Rep แรก ผมแนะนำให้คุณทำตามที่คุณ Darkever บอกถ้าทำได้จะเป็นอย่างที่คุณ Darkever พูดนั้นหละ..แต่ถ้าคุณเป็นคนหนักไปทางราคะจริตด้วย.ผมแนะนำให้คุณนั้งสมาธิจนถึง อรูปฌาน ให้ได้..เพื่อดวงจิตของคุณ.เค้าวิ่งพิจารณาอวัยวะภายในร่างกายให้ได้.จะชิ้นไหนก็ได้ให้ดวงจิตเห็น การการเกิดดับของอวัยวะชิ้นนั้นๆ.ให้ได้ก่อนอย่างน้อยซักหนึ่งชิ้น..และอย่างน้อยให้เห็นการเกิดของขันธ์ 5 ในส่วนนามธรรมให้ได้ก่อนสังเกตุให้ได้ในขณะที่เค้ากำลังจะเข้าไปรวมกับความคิดที่เกิดจากจิตให้ได้.หรือถ้าไม่เห็นการเกิดของขันธ์ 5 ในส่วนนามธรรมก็ให้รักษาอารมย์ในอรูปฌานให้ได้นานๆ.อย่าออกไปท่องเที่ยวเด็ดขาดถ้าจิตจะไปต้องบังคับไม่ให้เค้าไป.เพื่อที่จะเรียกคืนของเก่าที่เคยมีมาให้หมดก่อน..แล้วค่อยสึกนะครับ.ไม่งั้นออกมาทำตอนเป็นฆาราวาสจะทำได้ยากกว่าตอนเป็นนักบวช..ขอให้ทรง พรหมวิหาร 4 เวลาปกติ อิทธิบาท 4 เวลาทำงาน มีความเสียสละต่อส่วนรวมให้มากขึ้น ลดอัตตาตัวตน การถือตัว ยกตัวเหนือผู้อื่นให้หมด แล้วเวลาที่ใช้ในการเป็นนักบวชจะน้อยลงกว่าที่ตั้งเป้าไว้..
อนุโมทนาสาธุครับ...

 

​

ราคจริต ​

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง.​

ราคจริตนี้ ท่านจัดกรรมฐานที่เหมาะสมไว้ ๑๑ อย่างคือ อสุภกรรมฐาน ๑๐ กับกายคตานุสสติ
กรรมฐาน อีก ๑ รวมเป็น ๑๑ อย่างในเมื่ออารมณ์รักสวยรักงามปรากฏขึ้นแก่อารมณ์จิตจงนำกรรมฐาน
นี้มาพิจารณา โดยนำมาพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งจากกรรมฐาน ๑๑ อย่างนี้ ตามแต่ท่านจะชอบใจ
จิตใจท่านก็จะคลายความกำหนัดยินดีในกามารมณ์ลงได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไรเลย ถ้าจิตข้อง
อยู่ในกามารมณ์เป็นปกติ ก็เอากรรมฐานนี้พิจารณาเป็นปกติ จนกว่าอารมณ์จะสงัดจากกามารมณ์
เห็นคนและสัตว์และสรรพวัตถุทั้งหลายที่เคยนิยมชมชอบว่าสวยสดงดงาม กลายเป็นของ น่าเกลียด
โสโครกโดยกฎของธรรมดา จนเห็นว่าจิตใจไม่มั่วสุมสังคมกับความงามแล้วก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ
โดยยกเอาขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเราโดย
เอาอสุภกรรมฐานหรือกายคตานุสสติกรรมฐานเป็นหลักชัยทำอย่างนี้ไม่นานเท่าใดก็จะเข้าถึงมรรคผล
นิพพาน การทำถูกไม่เสียเวลานานอย่างนี้

http://www.palungjit.org/smati/k40/jarit6.htm

 

กายคตานุสสติ<!-- google_ad_section_end -->​

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Artist: หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ



<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_140 value=attachment.php?attachmentid=140 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD></TD><TD>กายตานุสสติ.mp3 (2.85 MB, 58677 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>

หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐<!-- google_ad_section_end -->​

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>

Artist: หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ
​

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_295 value=attachment.php?attachmentid=295 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD></TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่1a.mp3 (3.09 MB, 183357 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_296 value=attachment.php?attachmentid=296 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD></TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่1b.mp3 (3.13 MB, 2375 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_297 value=attachment.php?attachmentid=297 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD></TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่2a.mp3 (3.09 MB, 139525 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_298 value=attachment.php?attachmentid=298 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD></TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่2b.mp3 (3.08 MB, 2238 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>

 

จัดไปเลยครับ....ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นราคะจริต เอาตรงเลยครับ....

อานา ก็ได้แต่ช้า.....คือได้ผลช้า....

เว็บภาพพิจารณานั้นก็มีอยู่หลายเว็บนะครับ..ซ้อมอารมณ์ก่อนเข้าวัดได้...

ถ้าท่านทรงอยู่ในกรรมฐาน อยู่ตลอดอย่างน้อยก็เหมาะสมแก่การกราบไหว้ ไม่ถือว่าบริโภคข้าวชาวบ้านให้เสียเปล่า...

ก่อนเข้าวัดแนะนำให้หาหนังสือสองเล่ม

๑.สมุดภาพพิจารณาสังขาร จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา ที่ผมซื้อแต่ก่อนไม่เกิน ๓๐ บาทนะ.

๒.นวโกวาท เอาไว้ศึกษาเรื่องศีล เพื่อไม่ผิดไม่พลาดไป เล่มละไม่น่าเกิน ๓๐ บาท...

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ คุณเจ้าของกระทู้

ถ้าเคยทำอานาปานมาแล้วก้อเข้าอานาปานไปตามปรกติก่อนครับ พอทำไปได้สักพักแล้วก้อลองเอาธรรมมาพิจารณาดู ตอนของผมพระอาจารย์ผมท่านให้ใช้มรณานุสติ คือพยายามพิจารณาไตรลักษณ์ พยายามมีสติตอนที่อารมณ์ต่างๆหรืออื่นๆนั้นดับลง แล้วพอมีอารมณ์ในทางลบเกิดก้อพิจารณาอีก ทำไปเรื่อยๆ แค่มีสติรู้ตัวเองตลอดแค่นั้นล่ะครับ

 

..เกศา โลมา นักขา ทันตา ตโจ กรรมฐานที่อุปัชฌาย์ให้วันบวช...

..กอ่นบวช ท่องคำขอบวชให้ได้../อ่านนวโกวาทให้จบ..

 

อันนี้ของคุณพลรัฐก้อได้ครับ ได้ผลดีด้วย พิจารณามันบ่อยๆหน่อยล่ะก็เยี่ยมเลย

 

ลองอ่านวิสุทธิมรรคภาคสมาธิดู
วิสุทธิมรรค - วิกิซอร์ซ

อนุโมทนาครับ

 

คือจิตมันมีธรรมชาติที่ไหลลงต่ำนะ เพราะมันเป็นไปตามกระแสของ
โลก จะมีราคะ โทสะ โมหะ ทีนี้การยกจิตให้สูงเราต้องใช้พลังงาน
บวก เช่นจิตที่มีเมตตา มีปีติ จิตที่รู้พุทธคูณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พวกนี้
เป็นจิตที่เป็นกุศลจะดึงจิตให้สูงได้พ้นจากอาการทางกาย เป็นผู้ดู ผู้รู้
อย่างนี้จิตกับกายแยกกัน เช่นเราเห็นภาพผู้หญิงเปลือยกาย ความคิด
จะผุดขึ้นมา เกิดอารมณ์เราก็เมตตาจิตดวงนั้นใช้อารมณ์เมตตาเช่น
จิตดวงนี่ทุกข์หนอขอจงหลุดพ้น มันจะมีราคะ โทสะ โมหะอะไรก็ทำ
อย่างนี้จิตมันจะมีปีติ แล้วมันจะดับไปเองจิตดวงนั้น กลับกันถ้าเรานึก
ภาพหญิงเปลือยกายเราไปคิดกำจัดมันมันก็ยิ่งแข็งแรง เพราะจิตที่จะ
ไปกำจัดมันมีทั้ง โลภะ โทสะ มันก็ยิ่งดึงจิตให้สูงไม่ได้ยิ่งทำให้จิตต่ำ
ลง ดังนั้นจิตที่ไปดึงนี่สำคัญต้องเป็นจิตที่เป็นบวกมากๆ หรือเราใช้
กรรมฐานคู่ปรับก็ได้ มีราคะโผล่ขึ้นมาเราใช้กรรมฐานคู่ปรับคือเปลี่ยน
การรับรู้ของเราเป็นอีกอย่างจิตมันจะแกว่งน้อย ปีตินี่สำคัญอย่าง
โพชฌงค์ 7 นี่ ปีติ ปัสสัทธิ แล้วเกิดเป็นอุเบกขา มันก็วางได้นะ
การเจริญเมตตาธรรม

 

พระอาจารย์สมบัติ จิตปัญโญ สอนการยกจิต

ส่วนเหตุในปัจจุบันก็คือสิ่งที่มากระทบทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย
ใจ ให้รู้เท่าทันแล้วปล่อยวางยกระดับจิตให้อยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ โชคลาภก็จะเข้า
มาได้ง่าย แสดงว่าประตูแห่งความสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว ญาณทัศนะก็เกิดความรู้
เห็นในสิ่งที่ถูกต้อง จะสามารถวินิจฉัยปัญหาได้อย่างถูกต้อง...

จิตปิดก็เพราะท้อแท้ หดหู่ เศร้า ลังเลสงสัยในบุญกุศล ในคุณงามความดี ต้อง
เฝ้าระวังจิตเหล่านี้ เพราะจิตเหล่านี้มีแต่จะชักนำวิบากเปิดโอกาสให้วิบากกรรม
เข้ามาจองล้าง จองผลาญ เรื่องร้ายๆ ก็จะสามารถแทรกเข้ามาได้ในชีวิต...

ถ้าใจมีความปิติ มีความภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์ของตนเองแล้ว คุณธรรม
ตัวอื่นจะตามมา ภูมิใจในสติ ปัญญา เห็นตัวบุญ-บาป รู้จักแยกแยะสิ่งใดเป็น
คุณ เป็นโทษ เป็นประโยชน์ มีสติ ปัญญาในทางนี้แล้วอย่ายึดติดอยู่ที่ความ
ภูมิใจ อย่ามัวหลงกับความภูมิใจ ให้ทำจิตใจโปร่งๆ 3 วาระ คือ จิตเปิด
1.อย่าอยากมากเกินไป
2.อย่าโทสะ ความหลงเข้าครอบงำ
3.อย่าให้ความหดหู่ มีเข้ามาในจิต
ให้ทำจิตให้เบา โปร่งสบาย ทุกอย่างสำเร็จด้วยบุญหนุนเนือง จิตนี่แหละคือแก้ว
สารพัดนึก
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ผมว่าหากเลิกวุ่นวายกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น อยู่แต่กับปัจจุบันขณะของจิต ระลึกได้อย่างนี้ก็เหมือนบวชใจล่วงหน้าแล้วล่ะครับ

ไปบวชนะครับ ไม่ได้เอ็นทรานส์เข้ามหาลัย

แต่ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ผมก็ใกล้จะเข้าวัดแล้วเหมือนกัน สุขภาพไม่ค่อยดีอาจจะได้เข้าทีเดียวจบเลย..

 

ผมลองพิจารณากายคตาสติ สติสงบมากครับเป็นสมาธิ ราคะจริตน้อยจนแทบไม่มี การพิจารณากายคตาสตินี้ ผลของการปฏิบัติต้องพิจารณาจนเห็นกายที่พิจารณาจริงๆ ใช้มั๊ยครับ แล้วจะประสบความสำเร็จฌานหรือเปล่าครับ

 

ผมลองพิจารณากายคตาสติ สติสงบมากครับเป็นสมาธิ ราคะจริตน้อยจนแทบไม่มี การพิจารณากายคตาสตินี้ ผลของการปฏิบัติต้องพิจารณาจนเห็นกายที่พิจารณาจริงๆ ใช้มั๊ยครับ แล้วจะประสบความสำเร็จฌานหรือเปล่าครับ

 

..กายคตานุสติกรรมฐาน เป็น1ในอนุสติ10 เป็นเครื่องโยงใจ หากควบอสุภกรรมฐาน เป็นกรรมฐานแก้ ราคะจริต และถ้าควบกับอานาปานุสติสามารถเข้าถึงฌานได้.....