ถ้าบุพการีทำให้เราจิตใจไม่สงบ จะทำอย่างไรดี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย suttharom, 6 กรกฎาคม 2011.

  1. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    แผ่เมตตาให้แม่บ่อยๆครับ เจอแม่ก็พูดดีๆ พาแม่ไปฟังธรรม ค่อยๆให้ความรู้ทางธรรม

    อย่าไปตำหนิท่านเลยครับ.. ร่างกายเรากำเนิดจากท่าน แต่จิตเรามาจากต่างที่ ต่างภูมิ

    การให้ความรู้แก่บิดามารดา ไม่ผิดหรอกครับ อยู่ที่เจตนา..

    หลายคนก็มีปัญหาแต่เราต้องปล่อยวางให้ได้ ใช้สติอยู่กับตัว อย่าไปยึดกับความสุขหรือทุกข์ หายใจเข้า ออกรู้ อยู่กับลมหายใจ
     
  2. shela

    shela เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +512
    อย่าว่ากล่าวบุพการีและล่วงเกินเลยค่ะ บาปมากถึงแม้ท่านจะเป็นอย่างไรก็ตาม ลองหาวิธีอื่นดูนะคะ หากคุณไม่สามารถดึงท่านให้ลดพฤติกรรมต่างๆมที่คุณคิดว่ามันไม่ดีลงได้ ก็ให้สงบที่ตัวคุณเองมันน่าจะง่ายมากกว่านะคะ
     
  3. sabainang

    sabainang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +139
    อย่างว่าเลย ไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ต้องทำความเข้าใจ มันทำไม่ได้ทั้งนั้น
    ต้องดู ได้ยิน เฉยๆ สักแต่ว่า อาจมีหลุดบ้าง ธรรมดา ปฎิบัติธรรมไม่ได้เอาสงบ
    เรื่องพวกนี้เป็นข้อสอบคะ ผู้ตอบเองยังสอบตกถึงปัจจุบันนี้เลย
    แค่แชร์ประสบการณ์ มิกล้าสั่งสอน บอกแล้วว่ายังสอบตกทุกวัน
     
  4. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,428
    ค่าพลัง:
    +33,493
    -หยุดว่ากล่าวล่วงเกินบุพการี บาปมหันต์ ท่านเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งของลูก
    -ลดอัตตาตัวตนของคุณ ถ้าคุณยังคิดว่าเราสูงหรือต่ำกว่าผู้อื่นอยู่ แสดงว่าคุณนั่นเองที่ไม่เข้าใจธรรม
     
  5. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    แม่เราก้อเป็นนะ มันเป็นเรื่องธรรมชาตินะ ต้องปล่อยวาง

    และต้องคิดในแง่ดี คิดบวกเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเอง

    ที่สำคัญต้องเข้าใจแม่ให้มาก ๆ ด้วย แม่เหงาก้อเลยพูดมากหน่อยไง

    แม่บ่นก้อเพราะว่ารัก แม่ชี้นำเพราะอยากให้เราได้ดี แม่มาอยู่ด้วยก้อเพราะเป็นห่วงเรา

    แม่ด่าว่าเราก้อถือว่าแม่ให้พร แค่นี้ก้อสบายใจแล้ว
     
  6. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    My dear suttharom, not only you who face this problem.
    เราว่าเราเข้าใจเธอนะ
    ตัวเราเองก็เคยมีปัญหาแบบนี้ เพิ่งผ่านไปได้เมื่อไม่นานมานี้เอง

    แม่เราไม่ชอบให้เราไปวัดทั้งๆที่เราชอบไป เขามักไม่พอใจที่เราออกจากบ้านไปถือศีล 8 บ่อยๆตามวันหยุดนักขัตฤกษ์ เขาเคยกล่าวปรามาสพระอาจารย์ของเรา พระผู้ทรงศีลจำนวนมาก และพระพุทธเจ้า เขาเคยใช้ความเป็นมารดาบังคับให้เรากราบเท้าขอโทษในสิ่งที่เราไม่ได้ผิด เขาเคยใช้น้ำตาจองเวรเราว่าเราทำให้เขาเสียใจเราจึงบาปมาก เขาสรุปว่าสิ่งใดที่เขาไม่พอใจให้เราทำเราก็ไม่ควรทำเพราะเขาเป็นมารดาของเรา เมื่อเขาโกรธหรือร้องไห้หรือไม่พอใจเรื่องใดๆเรื่องนั้นเราไม่ควรทำ เขากล่าวหาเราต่างๆนานาโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆจากเราเลย เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เราเรียนจบปริญญาเอกมาจนขณะนี้ก็ร่วม 10 กว่าปีแล้ว ตอนนี้เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก

    สิ่งที่อึดอัดใจก็คือเราไม่ได้อยากให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เราไม่เห็นว่าสิ่งที่เราทำจะผิดตรงไหน ทำไมเมื่อไปวัดต้องมีปัญหากับแม่ ? เมื่อเราทำทานทำไมแม่ต้องคอยตำหนิว่าโง่ ? ทำไมเราจะต้องเลิกไปวัด ? ทำไมเราจะต้องเลิกทำทาน ? ทำไมแม่จึงคิดว่าเราจะต้องทำผมและแต่งกายอย่างที่ตนต้องการ ? ก็ไม่เห็นว่าเราจะผิดตรงไหนนี่หว่า...ทำไมเราจะต้องโดนแม่เสียดสีอยู่ตลอดเวลาด้วย

    เรามีคำถามแบบนี้มากมายที่ตนเองไม่พร้อมจะหาคำตอบอย่างจริงจัง เรามักจบการพิจารณาเรื่องนี้ลงด้วยข้อสรุปที่ว่า ขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราต้องเป็นลูกเขาเถิด เราไม่อยากได้เขาเป็นแม่อีกแล้ว แต่ไม่ว่าเราจะพร่ำบ่นถึงความปรารถนานี้สักกี่ร้อยกี่พันครั้งมันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ ความเป็นจริงในขณะนี้ก็คือเราเป็นลูกของเขาและเขาก็มีพระคุณกับเรามากที่ตั้งท้องและทะนุถนอมเลี้ยงดูเรามาจนเติบโต พระคุณนี้เป็นเรื่องจริง และความไม่ต้องการทำตามใจเขาก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน...เรื่องจริงทั้ง 2 เรื่องนี้ทรมานใจเรามาก นับ 10 กว่าปีที่เรากับแม่พยายามที่จะเลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาสู้กับอีกเรื่องหนึ่ง แม่เราพยายามจะชูประเด็นความจริงเรื่องพระคุณของเขาเพื่อให้เราละทิ้งตนเองและตามใจเขาทุกประการ ส่วนตัวเราก็พยายามจะชูประเด็นความจริงที่ว่าเราไม่ต้องการทำตามใจเขา ก็เราเป็นของเราอย่างนี้ซึ่งไม่เห็นจะผิดตรงไหน ทำไมต้องมากล่าวตำหนิเสียดสีอยู่ตลอดเวลาด้วย

    เมื่อเราได้มีโอกาสมาอยู่ใต้ชายคากับแม่อีกครั้ง ยอมรับว่าทุกข์มากจริงๆ แต่เมื่ออยู่กับความทุกข์ไปนานๆเราเริ่มนึกตระหนักได้ถึงความหมายที่แท้จริงของ "ทุกขังอริยสัจจัง" เราเข้าใจความหมายของการปฏิบัติธรรมคลาดเคลื่อนไป เราคิดว่าการไปวัดถือศีล 8 สวดมนต์ไหว้พระเป็นสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งในการปฏิบัติธรรมของเรา...ซึ่งมันอาจจะใช่ในอดีต แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เราไม่มีการเรียนรู้ใหม่ใดๆอีกแล้วจากการไปวัดถือศีล 8 สวดมนต์ไหว้พระ เราได้เรียนรู้จนสามารถกระทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นปกติ สิ่งที่เรายังไม่เคยเรียนรู้เลยก็คือ "การอยู่ร่วมกับแม่โดยสันติ" หากการปฏิบัติธรรมของเราไม่สามารถทำให้อยู่ร่วมกับแม่ได้โดยสันติ การปฏิบัติแบบนั้นถือว่าไม่เหมาะสมกับสภาพของเราในขณะนี้ที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับเขา ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก หากเราไม่สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าวัดถือศีล 8 สวดมนต์ไหว้พระมาใช้ในการอยู่ร่วมกับแม่ได้ก็ถือว่าเรายังไม่ใช่ลูกศิษย์ของตถาคต

    เราจึงกลับมาเอาธุระกับคำถามมากมายที่ตนเองถามค้างไว้ ตอบคำถามทุกอย่างให้ตรงตามความเป็นจริง เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีหรือจิตใจสงบ แต่เราจำเป็นต้องเป็นตนเองและใช้ชีวิตต่อไปร่วมกับแม่ เราจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริงเหล่านี้ หนีไปคิดถึงชาติหน้าก็แก้ปัญหาไม่ได้

    ถามว่า
    ทำไมเมื่อไปวัดต้องมีปัญหากับแม่ ?
    เมื่อเราทำทานทำไมแม่ต้องคอยตำหนิว่าโง่ ?
    ทำไมแม่จึงคิดว่าเราจะต้องทำผมและแต่งกายอย่างที่ตนต้องการ ?

    ตอบว่า
    เพราะแม่มีค่านิยมในการใช้ชีวิตต่างจากเรา

    ถามว่า
    แม่ปรารถนาจะทำร้ายเราให้เจ็บปวดล้มตายหรือเปล่า

    ตอบว่า
    ในบางครั้งก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอดเวลา ใน 24 ชั่วโมงก็มีหลายชั่วโมงที่เขาทำหลายอย่างเพื่อเรา คิดถึงความสุขของเรา

    ถามว่า
    เราปรารถนาจะให้แม่เจ็บปวดล้มตายหรือเปล่า

    ตอบว่า
    ไม่ เราเพียงแต่ไม่พอใจและอยากแสดงให้แม่รู้ว่าเราไม่พอใจ เราต้องการให้แม่เข้าใจเรา

    ถามว่า
    แล้วตัวเราเข้าใจแม่แค่ไหน รู้ไหมว่าอะไรทำให้แม่เกรี้ยวกราด

    ตอบว่า
    ไม่ค่อยเข้าใจ
    ....นั่นสินะ แม่ใช้หัวใจแบบไหนมาเกรี้ยวกราดเรา
    เป็นหัวใจที่เหมือนหรือต่างจากหัวใจเราเวลาที่เราเกรี้ยวกราดแม่
    เราเองก็ไม่เข้าใจแม่ แล้วแม่จะเข้าใจเราได้ยังไง
    เราไม่เคยมองดูความเป็นตัวแม่อย่างเต็มตา ไม่เคยส่งความรักความเข้าใจอย่างไม่มีเงื่อนไขให้กับแม่เลย แล้วแม่จะมองดูความเป็นตัวเราอย่างเต็มตาได้อย่างไร เรามีคุณสมบัติเพียงพอแล้วหรือที่จะได้ความรักความเข้าใจอย่างไม่มีเงื่อนไขจากแม่ อารมณ์ที่แม่ไม่ยอมรับความเป็นตัวเราและคิดบังคับให้เราทำตามใจตนเองนั้น มันไม่ผิดอะไรกับอารมณ์ที่เราไม่ยอมรับในความเป็นตัวแม่และคิดหวังให้แม่ทำตามใจเราเลย ว่ากันตามกฎแห่งกรรมแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนมันก็สมควรแก่เหตุดี ตัวเราเองก็ไม่ได้ดีเลิศถึงขนาดที่ทุกคนจะต้องมาตามใจเรานี่(หว่า)

    ผู้เขียนเริ่มรู้สึกพอใจในสภาพของตนเองขึ้นมานิดหน่อย รู้แล้วว่าตนสมควรได้รับการกระทำเช่นนี้ ตอนถูกกระทำมันก็ขัดเคืองใจละ แต่นึกดูแล้วความขัดเคืองใจนั้นก็เกิดขึ้นกับแม่เช่นกัน เผลอๆแม่อาจเจ็บปวดมากกว่าเราเสียอีกเพราะเขาไม่ได้สวดมนต์ไม่รู้วิธีวางใจ เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากลัวว่าตนเองจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขากลัวว่าเราจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนเราเองก็กลัวว่าเขาจะทำลายความเป็นตัวตนของเราไป ทั้งๆที่ก็อยู่กันมานานแล้วก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าเราจะกลัวไปทำไมนักหนา เรื่องการตำหนิด่าว่านี่ก็ไม่ได้ทำให้เราขาดใจตายไปในทันที ทำไมเราต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดที่จะต้องรังเกียจเขาไปทั้งชาติด้วย หากเขาไม่สามารถจัดการความขัดเคืองใจนี้ได้ ทำไมเราไม่ช่วยเขาจัดการล่ะ เราก็เข้าวัดถือศีลสวดมนต์ ทำไมเราไม่ใช้ขันติบารมี+เนกขัมมะบารมีของเราประคับประคองตนเองและแม่ล่ะ ? แค่โดนด่ามันถึงขนาดจะต้องหนีไปคิดถึงชาติหน้าด้วยรึ ? ตกลงชาตินี้เราทำได้แค่นี้เท่านั้นรึ ? ที่เราบำเพ็ญมานี้ใช้ประโยชน์ได้เพียงเท่านี้เองรึ ?

    เมื่อคิดได้ดังนี้เราก็พยายามมองแม่ให้เต็มตา เลิกคาดหวังว่าเขาต้องดีกับเรา มองเขาอย่างมนุษย์ผู้เท่าเทียมกับเราผู้หนึ่งซึ่งมีสิทธิ์และหน้าที่ในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันกับเรา พยายามทำความเข้าใจหัวใจของแม่ให้มากขึ้นเท่าที่เราจะทำได้ เราได้พบว่ากรรมที่เราก่อกับแม่จะสะท้อนมาถึงตัวเร็วมาก มาทางใจก่อนและหากเราทนใช้ได้ก้จบแค่นั้น หากไม่ได้เราเผลอแสดงออกทางวาจาเขาก็จะโจมตีเรากลับอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่นาน หากเรายังเจ็บใจคิดโต้เถียงกับเขาต่ออีกเขาก็จะมีปฏิกิริยาตอบโต้เราต่อไปอีกไม่รู้จบ และกรรมที่แม่ทำกับเราก็ถึงตัวเขาเร็วมากเช่นกัน เขาว่าเราเขาเองก็เร่าร้อนขุ่นเคืองอย่างหนักเช่นกันแม้เราจะไม่ตอบโต้เลย ดูแล้วก็นึกเห็นใจ เขาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ่อนแอและต้องการการปกป้องคุ้มครอง เขาไม่เคยได้ในสิ่งนี้และไม่มีสิ่งใดเลยในชีวิตที่เขาพอใจเขาจึงมีอารมณ์เกรี้ยวกราดรุนแรงอยู่เสมอ เมื่อเราเริ่มผันตนเองมาเป็นแม่ของเขาบ้างในบางครั้ง เริ่มปกป้องเขาบ้างในเวลาที่ทำได้ ยิ้มให้เขาอย่างจริงใจเมื่อเขาขี้ลืมหรือทำเรื่องราวต่างๆผิดพลาดบ้างเล็กน้อย ตัวแม่ก็เริ่มเปลี่ยนไป


    ตอนนี้เราแทบไม่มีปัญหากับแม่เลย แม่เองก็ดูมีความพอใจในความเป็นตนเองมากขึ้น สามารถยิ้มให้กับความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของผู้อื่นและตนเองมากขึ้น เขายังคงไม่พอใจในทรงผมของเราและมีความต้องการให้เราทำในหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่ต้องการทำ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องตอบโต้เพื่อให้เขาเข้าใจอะไรในตัวเราอีกแล้ว เขาจะเข้าใจว่าเราเป็นอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา เขาทำได้และเราเองก็ทำอย่างเดียวกันนั้นได้ด้วย เราเพียงแต่ยิ้มให้กับความต้องการของเขาแล้วก็บอกเขาว่าขอโทษด้วยเราพยายามแล้วทำได้แค่นี้ แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไป แม่เองก็ไม่ได้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าตนต้องการอะไรและกำลังทำอะไรอยู่ แม้ขณะที่เขาด่าว่าเราเขาเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเราอย่างชัดเจน จะตัดแขนตัดขาก็หาไม่ เขาเพียงแต่ไม่พอใจในตนเองแล้วก็ไม่รู้จะจัดการกับความไม่พอใจนี้อย่างไร เมื่อประสบโอกาสเหมาะเขาจึงพ่นอารมณ์ออกมาปะทะเราและผู้อื่น เขาไม่ได้คิดจะทำอันตรายผู้ใด ที่สำคัญก็คือ...พฤติกรรมแบบนี้เราเองก็เคยทำใส่เขาและผู้อื่นเช่นกัน


    คนเรามีความอ่อนแอและผิดพลาดกันได้เป็นเรื่องธรรมดา ตัวเราเองก็เคยพลาด ตัวเขาเองก็เช่นกัน ให้อภัยเขาเถิดนะจ๊ะ เขาไม่ได้ต่างจากเรานักหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2011
  7. เอทัศน์

    เอทัศน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +807
    นี่คือความจริงค่ะ...
    เมื่อเราเปลี่ยนคนอื่นได้ยาก..ลองหันกลับมาเปลี่ยนตัวเองดูดีกว่าคะ..จะรู้ว่ามันง่ายกว่า และไม่เป็นบาปกรรมติดตัว..
    ที่ผ่านมา..เราชอบมองตนเองเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว เพราะเรามักใช้อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินการกระทำของผู้อื่น..ลองคิดอีกมุมดูว่าทำไมเค้าเป็นเช่นนั้น...เมื่อเราพบความจริง..เราจะมีจุดที่ทำให้เราสงสารเค้าจนเกิดเป็นความเมตตาต่อบุคคลนั้นๆได้...
     

แชร์หน้านี้

Loading...