อยากให้มีการรวมตัว ของคนที่ปรารถนาพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย PalmPalmnaraks, 24 มกราคม 2005.

  1. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    พุทธภูมิหลังเรียนจบ ออกตัว รวมตัวกันเลย ไช้ความสามารถความเป๊นทิพย์

    หาทุนก่อนเพื่อเข้าสู่การเมือง ประเทศนี้ทรัพยากรมากเอามาไช้ซะ
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    อ่านแล้ว ขอแชร์นะครับ

     
  3. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ขออนุญาตแสดงความเห็นนะครับ
    ผมว่าอยุ่ที่กำลังใจของแต่ละบุคคลนะครับ
    เปรียบเหมือนเรารับใช้กษัตริย์ ผู้มีวาสนาเท่านั้นจึงจะสามารถรับใช้ใกล้ชิดได้
    ในคติพุทธ ผู้สร้างบารมีย่อมไต่เพดานตามกำลังวาสนาเช่นกัน
    อยู่ๆจะให้ไต่เพดานสูงสุดไปเลยแบบก้าวกระโดดนั้นคงยากนะครับ
    ส่วนใหญ่ที่เห็น ก็เริ่มจากการเจริญไตรสิกขา
    หากกำลังฌานพอก็ไต่ไปที่รูปพรหม แล้วไปที่อรูปพรหม
    แต่หากมีญาณบารมีพอ ก็จะไต่ลำดับของพระอริยะบุคคล

    สำหรับใครบางคน ติดอยู่ในกับกำลังฌาน ก็คือ ติดพรหม
    สำหรับใครบางคน ติดอยู่ในกับญาณบารมี ก็คือ ติดพุทธะ

    ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นต้องเริ่มจากระดับพรหมไปก่อน ที่จะเข้าสู่ระดับพุทธะ
    เนื่องจาก กำลังฌานต้องมาก่อนญาณ นั่นเอง
    เปรียบเหมือน คนมีดาบอยู่ในมือ แล้วใช้ฟาดฟันกิเลส
    แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะใช้ ไม่มีเทคนิคการใช้เสียด้วยซ้ำไปครับ
    ดีไม่ดี อาจโดนดาบตัวเองฟันตัวเองไปเสียก่อน

    ผมเข้าใจว่า การตัดสังโยชน์เพื่อขจัดกิเลสในใจอย่างละเอียดสุดหรือเปล่าครับ?

    ผมไม่เข้าใจครับ สรุปว่าตายขณะอยู่ในฌาน หรือตายไม่อยู่ในฌานหรือครับ
    หากตายในฌาน กำลังไปก็ได้แค่พรหมหรือครับ
    หากตายในญาณ (เบญจขันธ์) กำลังไปเป็นแบบไหนครับ
    ผมไม่เข้าใจหรืออาจแปลเจตนาผิดไปหรือเปล่าครับ
    แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกันครับ กับคนนอกศาสนาหรือชาติก่อนละครับ

    โมทนา สาธุ ครับ

    ผมก็เช่นกันครับ กิเลสยังหนาอยู่ครับ
     
  4. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
     
  5. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    คุณไร้ศาสนาเขียนตำราเล็มไหนมังครับ มาแบ่งเพื่อนสมาชิกได้อ่านเป็นธรรมทานได้ไหมครับ
    แล้วที่พระอรหันทั้งหลายที่บังเกิดขึ้น ได้สั่งสอนยึดเอามาปฎิบัติอย่างจิงจังได้ไหมครับ

    ขอความรู้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  6. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    ผูไดปราถนาไกล ก้อฟังท่านที่ปราถนามานานๆสอนได้นะครับ
    ขอไม่เอ๋ยนามท่านครับ ถ้าท่านไดเป็นศิษย์สายธรรมยุตยืน่าจะเคยได้ยินเสียงท่าน
    ตอนนี้ท่านยังอยู่ครับ อายุปีนี้ก็ ก้อร้อยเศษๆแล้วครับ

    ยังมีหลายองค์ครับที่ยังดำลงขขันธ์อยู่ในปัจจุบัน
    ถ้าท่านใดบารมีแก่กล้าเกินแล้วก้อต้องขออภัยด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    โมทนา สาธุครับ
    ขอให้ท่านบารมีสูงส่ง
    มีท่านใดบ้างครับ หากมีโอกาสจะได้ไปกราบนมัสการ
     
  8. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ส่วนใหญ่เป็นหนังสือวิชาการคอมพิวเตอร์ ศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ และงานวิจัยครับ
    หากเป็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเล่มเดียวครับ
    ส่งที่อยู่ผ่าน PM มาก็ได้ครับ ผมจะจัดส่งไปให้
    เพื่อเป็นธรรมทาน นะครับ
     
  9. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    เป็นวิที่ผมเรียนยุ ปวสคอม คุณไร้ศาสนา ขอบคุณครับเดียวผมส่งที่ทางข้อความไปครับ
     
  10. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
     
  11. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    วิชชาสามเป็นหนึ่งในอภิญญา ว่าด้วยคุณวิเศษ 3 ประการ
    คือ 1) ทิพย์จักขุญาณ 2) อตีตังสญาณ และ 3) อาสวขยญาณ
    ส่วนฌานที่ท่านกล่าวถึง น่าจะหมายถึง การเจริญกรรมฐาน 7 หมวด 40 กอง ในแนวทางของคัมภีร์วิสุทธิมรรค
    ฌาน ก็คือ การเพ่งอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดความสงบ นิ่ง และว่าง
    ด้วยกำลังฌานนี้เอง ย่อมเป็นฐานหรือบาทให้กับวิปัสสนาและอภิญญาต่างๆ

    มีการแบ่งกลัง ฌาน ออกเป็น 4 ระดับ
    ฌาน 1 - 4 เป็นรูปฌาน
    ฌาน 5 - 8 เป็นอรูฌาน หรือฌานสมาบัติ
    สำหรับ ฌาน 9 บ้างก็เรียกว่า นิโนธสมาบัติ อันนี้ ไว้ให้พระอนาคามีเขาทำนะครับ อย่างเราๆ กำลังจิตและความไม่สะอาดของจิตยังไม่เพียงพอนะครับ

    แต่ก่อนจะเข้าองค์ฌาน เราต้องผ่านสภาวะที่เรียกว่า
    วิตก (จิตจด) วิจารณ์ (จิตเคล้าในอารมณ์) ปิติ สุข เอกคัคตา
    การเจริญกรรมฐาน จำเป็นต้องน้อมนำอารมณ์ให้สู่องค์ฌาน
    เหมือนกับการแสดงบทละคร เช่น อินในบทร้ายบ้าง อินบทพระเอกบ้าง เป็นต้น

    ดังนั้น ฌาน 4 ที่คุณกล่าวถึง ก็คือ อารมณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว แล้วให้ตัดไปที่อุเบกขาครับ
    สำหรับรูปฌานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกสิน อานาปา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีระดับความสำเร็จอยู่ที่ฌาน 4 ครับ
    อารมณ์ของฌาน 4 มีลักษณะที่บ่งชี้ คือ ลมหายใจละเอียดแทบขาด
    จิตว่างไม่ส่ายซัดนะครับ

    ผมจำเป็นต้องอธิบายให้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าฌาน กับ วิชชาสาม นะครับ เกรงว่าจะสับสน

    อีกทั้งเรื่อง มโนมยิธิ ผมก้ไปฝึกมา แต่เห็นการฝึกสมัยนี้แล้ว
    ก้ได้แต่ปลง เพราะเหมือนกับการสะกดจิตมากกว่าครับ
    คนสมัยก่อนฝึกกับครูบาอาจารย์แรกๆ ยอมรับได้ครับ

    สำหรับผมได้ผ่านสภาวะเหล่านั้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้ก็ฝึกต่อในระดับเอกภพ นะครับ

    ขอให้ท่านเจริญในธรรม
     
  12. พุทธางกูรน้อย

    พุทธางกูรน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +68
    คุณไร้ศาสนา อยากเข้าสอบ

    อธิฐานจิตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยครับ

    เชิญมาหมด ทั่วทุกชั้นฟ้า

    ประกาศ เลยว่า ข้านี้มั่นใจ พร้อมรับการทดสอบแล้ว

    ขอพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลพิภกจักวาล มาเป็นพยาน

    ขอพญามาร เหล่าหมู่มาร น้อยใหญ่ มาทดสอบข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าไม่เกรงกลัวท่าน ขอได้เชิญมาทดสอบข้าพเจ้า

    ให้ข้าพเจ้าได้หัวเราะในความอ่อนหัดของหมู่มาร

    เมื่อเทียบกับความดีของข้าพเจ้า....

    ผมฝากท่านไว้กับเหล่าพี่น้อง ญาติมิตรทั้งหลายของข้ากระผมแล้ว

    พวกเขายินดีทดสอบท่าน มารเป็นอาจารณ์ที่ดีที่สุดเสมอครับ

    สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    (แต่ผมไม่เอาด้วยนะ กลัวครับ วาระจิตยังไม่ถึง)
     
  13. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ดี มารก็ดี เจ้ากรรมนายเวรก็ดี
    หากมีความประสงค์จะทดสอบเพื่อให้บทเรียนที่ดีแก่ตัวข้าแล้ว
    ข้าพเจ้ายินดีที่จะได้รับบททดสอบนั้น ในทุกๆ กรณี
    โดยเคยคิดที่จะหวาดหวั่น พร้อมที่จะเผชิญทุกๆ รูปแบบ
    มีคำคมอยู่ว่า ฟ้าลิขิต หรือจะสู้มานะตน

    ทุกวันนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เราน้อมไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
    เก่งไม่เก่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่พระองค์ท่านเพียงอย่างเดียว
    แต่มันขึ้นอยู่กับมานะแห่งพลังชีวิตของเราต่างหาก


    ส่วนมารอบายภูมิก็ดี เทวะบุตรเทวะมารก็ดี
    เราขอขอบใจท่านที่ได้ให้บทเรียน อุปสรรคและประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่เรา
    ทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ เพื่อพลังบารมีในภายภาคหน้า
    เราขอระลึกถึงคุณงามความนี้ดีตลอดไป


    สำหรับเจ้ากรรมกำหนด เจ้าเวรกำหนด เจ้ากรรมนายเวรก็ดี
    เราขอขอบคุณท่านที่ให้เราได้ชดใช้กรรมเวร
    กรรมผูกพันธ์ที่ทำให้เกิดชาติภพ ขอได้ลดทอนลงและเป็นโมฆะในชาติปัจจุบัน
    ราจะสร้างความดีงามเพื่อพลังแห่งชีวิตต่อไป


    หากเราจะคิดสร้างบารมี เราย่อมไม่หวั่นเกรงกลัวกับบททดสอบเหล่านี้
    ให้สิ่งเหล่านี้ เป็นกำลังใจให้เราได้สร้างความดีงาม ก็ย่อมประเสริฐแล้ว


    ท่านไม่คิดจะเอาแบบอย่างบ้างหรือ?
    หากท่านมีใจพระโพธิสัตว์จริงๆ ท่านไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ ที่จะก่ำกราย
    เพราะท่านเป็นผู้ที่ตัดความข้องเกี่ยวในสังสารวัฎฏ์แห่งนี้

    ขอให้ท่านเจริญในธรรม


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2011
  14. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    การทดสอบแบบนั้นที่คุณกล่าวนะครับ ฟังดูแล้วมันเหมือนคนที่ไร้ศาสนานะครับ(ขอโทษ ถ้าพูดแรงไปหน่อย) การทดสอบในศาสนาพุทธนั้นมีบทเทียบครับ โดยเฉพาะคืนวันตรัสรู้
    จะรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับความรู้ที่ควรรู้นะครับ ลองพิจารณาดูอีกครั้งครับ
     
  15. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ที่จริง ชื่อเรียกขานของผม ก็บอกชัดเจนอยู่แล้วครับ "คนไร้ศาสนา"
    เพราะผมผ่านศาสนาและเข้าใจศาสนา ก็เลยมองศาสนาอีกแง่มุมหนึ่ง
    ทั้งด้านลบและด้านบวกนะครับ

    ในคติพุทธนิยม มีด้วยหรือครับที่มีบทเปรียบเทียบหรือเทียบเคียงโดยเฉพาะคืนวันตรัสรู้

    ตรัสรู้อะไรหรือครับ?
    องค์ความรู้ที่ว่านี้คืออะไรหรือครับ ได้มาอย่างไร?
    ทั้งตรัสรู้และองค์ความรู้ที่ว่านี้ พิสูจน์และวัดผลได้ไหมครับ?

    แล้วมรรคผลที่บอกว่าได้เป็นอริยะบุคคล
    ใครเป็นผู้บอกผลนั้นละครับ แต่อย่าบอกว่าอาธารนาพระองค์มาตรัสนะครับ

    ในเมื่อวิธีการวัดผลไม่สามารถรองรับได้ อย่างนี้จะเป็นเหตุเป็นผลได้อย่างไรครับ?

    ขอความรู้ความกระจ่างให้หน่อยนะครับ
     
  16. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    ความจริงแล้วผมไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายกับจริตของผู้อื่นมากนักหรอกครับ

    แบบทดสอบอย่างง่าย

    อันบุคคล เมื่อได้ วิชชาสาม แล้ว จะเป็นพระอรหันต์ ตัดกิเลสได้สิ้นและทำลายอวิชชาพร้อมทั้งเห็นแจ้งในอริยสัจ

    ท่านพูดว่าได้ วิชชาสามมาเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว แต่ท่านกิเลสยังมีอยู่ท่วมใจ

    พระอริยะเบื้องต้นได้แก่พระโสดาบัน ยังไม่ได้ วิชชาสาม แต่ละสังโยชน์ได้สามข้อจากสิบข้อ, ข้อสาม วิจิกิจฉา ลังเลสงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและในพระรัตนตรัย

    แต่ท่านยังลังเลสงสัยในธรรมของพระพุทธเจ้าและธรรมจากพระไตรปิฎกอยู่ ซึงนั่นคือท่านยังไม่รู้แจ้งในธรรม เคยสัมผัสพระอริยะองค์ไหนที่ค้านข้อความพุทธบัญญัติหรือศีลที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้แล้วหรือไม่ครับ

    ถ้าเป็นพระสงฆ์อวดอ้างเช่นนี้คือ กล่าวว่าเราได้แล้วซึ่งวิชชาสาม หรือ อภิญญา๖ ที่ไม่มีอยู่ในตน พระพุทธเจ้าให้อาบัติปารชิกข้อแรกเลย ตัดจากความเป็นสงฆ์ แล้วให้บวชใหม่ก็มิได้ อวดอตุตริมนุสธรรม

    แม้แต่พระอริยเจ้าที่บรรลุธรรมแล้ว ท่านรู้และเข้าใจท่านไม่เคยประกาศตนเองเลยว่าเราได้อรหันต์แล้ว ท่านจะเลี่ยงๆพูดเอา เช่น ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา , เราทำลายกิเลสสิ้นแล้ว , เราทำลายอวิชชาลงได้แล้ว , เรารู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจสี่แล้ว เป็นต้น


    เท่าที่ติดตามมาดูท่านจะได้เพียงปัญญาเบื้องต้น คือ สุตตมยปัญญา คือได้เพียงแต่อ่านเอามาแล้วเรียบเรียงใหม่ให้เข้าความคิดของตนเองเท่านั้น

    สังเกตได้จากเพื่อนๆเหล่ากัลยาณมิตรพูดถึงเรื่องญาณท่านก็งงเป็นไก่ตาแตกและไม่เข้าใจโดยภาคปฏิบัติ แต่อาจจะพอหาอ่านเอาได้ แต่โดยนัยแล้วท่านนั้นยังไม่เข้าใจแบบรู้แจ้งเห็นจริงเอง ดังเพื่อนๆเหล่ากัลยาณมิตรที่ปฏิบัติผ่านๆมาแล้วได้กล่าวแก่ท่าน

    และถ้าท่านปฏิบัติได้แล้วผ่านมาแล้วจริงแบบรู้แจ้งแทงตลอดดังท่านอวดอ้างว่าได้วิชชาสามจริง ท่านจะเข้าใจและจะไม่กล่าวเช่นนี้

    แค่นี้ให้ท่านตรวจสอบตนเองได้เลยโดยแยบคายโยนิโสมนสิการ

    ตรวจสอบได้เลยและ ณ ตอนนี้ท่านยังคิดว่าท่านได้วิชชาสามอยู่อีกหรือไม่...? ท่าน(ยังคง)ไร้ศาสนา

    ถ้าท่านภูมิจิตภูมิธรรมถึงเมื่อไหร่กลับมาอ่านข้อความนี้ใหม่อีกครั้ง แล้วท่านจะไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใด

    ด้วยบริสุทธิ์จริงใจและปรารถนาให้ท่านได้ดวงตาเห็นธรรมบ้าง...จะได้ไม่เนิ่นช้านัก
     
  17. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมว่าคุณเข้าใจคลาดเคลื่อนนะครับ
    ผู้สำเร็จวิชชาสาม แม้ว่าจะมีอาสวักขยญาณ เป็นญาณทัศนะหยั่งรู้ ไม่ได้หมายถึงว่าจะดับกิเลสนะครับ
    อีกทั้งผู้ที่จะเข้าสู่ความเป็นอริยะบุคคลได้นั้น ต้องไปตัดสังโยชน์อยู่ดี เพื่อชำระกิเลสอย่างละเอียด

    ใช่ครับ ผมกิเลสยังท่วมใจอยู่ ซึ่งผมก็ได้ออกตัวตั้งแต่แรกแล้วครับ
    ผมมองตัวเองอยู่เสมอว่า ยังกิเลสหนาอยู่
    ประมาณว่า คนฉลาดย่อมรู้ว่าตนเองไม่รู้ตัว แต่คนเขลามักจะอวดว่าตนเองรู้นะครับ
    ใจตนเองยังไม่รู้เลยว่าสกปรก แล้วจะไปมองจิตผู้อื่นได้อย่างไรครับ?

    ผมบอกแต่แรกแล้วนะครับ ผมไม่ใช่สาวกภูมิ
    ผมใช้ปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรมในการแก้ปัญหา
    แม้แต่ธรรม ก็ไม่เชื่อ จนกว่าจะได้ปฏิบัติ
    พระพุทธทาสภิกขุ เคยกล่าวไว้ว่า พระไตรปิฏกเนื้อแท้มีเพียงแค่ครึ่งเดียว
    บางคนเชื่อคัมภีร์ โดยปราศจากการไตร่ตรอง วิเคราะห์ สังเคราะห์ และวัดผล
    บางคนเขียนคัมภีร์ ให้วิจิตรพิศดาร ทำให้ตนเองดูดี น่าเลื่อมใส แต่ใจยังสกปรกอยู่เลยครับ
    บางคนอ้างคัมภีร์ เพื่อเสียดแทงผู้อื่นให้ด้อยค่า
    ดังนั้น ผมเชื่อในสิ่งที่ปฏิบัติได้เท่านั้น ไม่ได้เชื่อไปเสียทุกอย่างนะครับ

    ผมเข้าใจว่า ผมคงไม่ได้ อวดอตุตริมนุสธรรม
    ผมมีแหล่งอ้างอิงพอที่จะชี้ทางให้ผู้อื่นได้ครับ ตามลิงค์นี้
    ชมรมนักปฏิบัติธรรมแห่งศินารา - หน้าแรก - Powered by Discuz!

    ผมตั้งชมรมฯ เพื่อเปิดบารมีวิชชาสาม มา 2 ปีกว่า แล้วครับ
    ก็ไม่ต่างไปจากการเปิดมโนมยิทธิของหลวงฤาษีลิงดำ

    เนื่องจากคุณไม่มีประสบการณ์ตรง ก็คงอยากที่จะอธิบายความ
    เพราะบางอย่างมันเหนือสามัญวิสัยครับ

    ผมกล้าที่ประกาศตน เพราะผมมีกำลังใจพอ
    และกล้าที่จะเผชิญความจริง ไม่โกหก ไม่หลอกลวงใคร
    เรื่องของอภิญญา ไม่ใช่แต่พระสงฆ์เท่านั้นที่มีได้
    ฆารวาสอย่างเรา ก็มีได้ครับ เพียงแต่อาจเรียกขานต่างกัน

    ผมขอถามคุณว่า คุณกล้าพอที่ประกาศตัวตนไหมละครับ?

    ถามท่านว่า แล้วท่านจะพิสูจน์กับการกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร?
    ว่าบุคคลที่กล่าวนี้ เป็นพระอรหันต์แล้ว
    ขอทราบกระบวนการพิสูจน์และการรับรองให้เห็นความจริงได้ไหมครับ?

    คุณเข้าใจคำว่า ความรู้ องค์ความรู้ ปัญญา มากน้อยแค่ไหนครับ
    ทั้งปัญญาทางโลกและทางธรรม ก็ล้วนต้องผ่านประสบการณ์มาด้วยกันทั้งสิ้น
    ปัญญาเบื้องต้น คุณยังไม่แน่นเลย แล้วจะได้ปัญญาเบื้องสูง
    ประสบการณ์ ทักษะ การเรียนรู้ การลองผิดลองถูก ย่อมทำให้เราเกิดความชำนาญ
    สามารถดัดแปลงและประยุกต์ได้อย่างแยบยล ถูกต้องและเหมาะสม
    ผมคิดว่า ปัญญาอันสูงส่งของคุณ คงจะนำพาคุณให้ไปถึงฝั่งหมายได้นะครับ

    ผมเห็นว่า คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในกระทู้นี้ ล้วนแล้วแต่มีปัญญาที่จะแยกแยะ
    โดยปราศจากข้อกังขาได้ ไม่ใช่แค่เชื่อหรือศรัทธากับคำว่าคำว่า พุทธนิยม
    แต่ให้รู้ทั้งแง่ประสบการณ์จริง ทั้งที่มีในตำราและไม่มีในตำรา
    ให้รู้ในองค์รวม และแยกแยะได้
    หากความรู้เบื้องต้น เรายังไม่มีพอ แล้วเราจะก้าวกระโดดไปรู้ในระดับที่สูงนั้น
    มันก็เป็นสิ่งที่ยาก สำหรับใครบางคน ที่มีภูมิธรรมสูงอยู่
    แค่เขาอ่านจากที่ผมอธิบาย เขาเหล่านั้น ย่อมกระจ่างขึ้น ทั้งสองมุมมอง
    เพียงแต่ว่า ท่านยังมีใจปิดกั้นอันเป็นอวิชชาต่างๆ ก็ลองกลับไปทบทวนดูนะครับ

    ผมก็คงยังยืนหยัดในความเป็นส่วนนี้อยู่ครับ ผมก็ยังมีอยู่และจะเผยแพร่ต่อไป
    ผมก็คงยังไร้ซึ่งศาสนาใดๆ ผมมีแต่ความเป็นสากล ให้ความเคารพทุกศาสนา
    ไม่มีมานะที่จะไปเทียบเทียบใครให้มัวหมอง

    เช่นเดียวกันครับ ก็ให้ท่านกลับไปทบทวนจิตตนเองให้มากขึ้น
    อย่าได้มีใจปิดกั้นเพราะคตินิยม แลให้เห็นประสบการณ์ที่ควรพึงมี
    และขอให้ท่านเจริญไปด้วยธรรมอันสูงส่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2011
  18. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    โทดนะครับคุณไร้ศาสนาที่ ท่านกล่าวมาเหมือนจะบอกว่าพระอรหัน ไม่มีจริงอะครับ
    ท่านเป็นคนชอบพิสูจให้เห็นจริงจึงจะเชื่อ แล้วท่านฝึกวิชาสาม เห็นอย่างพุทธศาสนากล่าวหรือไม่ครับ ขอความรู้ด้วยครับ

    ลำพังตัวผมตอนแรกก็ไม่เชื่อ หลวงพ่อฤษีพอปฎิบัติตามก็เห็นได้จริงทั้งที่ตอนผมประมาณ 3 ขวบ ผมเคยไปถวายสังฆทานกับท่านที่ซอยสายลม ผมเอาหนังสือที่ ท่านเขียนมาอ่าน
    ลองทำมันจริงเขาใจง่ายมากๆ ผมเชื่อพระพุทธเจ้านะ ผมเชื่อในพระธรรม ผมเชื่อพระอริยเจ้ามีอยู่จริง ยังไงผมก็ขอความรู้จากการปฎิบัติของทานด้วยครับ

    ผมเคารพผู้มีความรู้
     
  19. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ถึง คุณไร้ศาสนา
    จริงๆก็ไม่อยากกล่าวคำนี้ว่า สิ่งที่คุณเข้าใจนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขียนไว้ในพระธรรมครับ อภิญญา3ตัวนั้นผู้ที่ได้ต้องได้ถึงอรูปฌาน4 ผมมีข้อให้คุณเลือก 2 ข้อแล้วกันถ้าคุณเลือกถูกก็ถือว่าคุณยังอยู่ในวิสัยที่จะกลับมาได้ แต่ถ้าเลือกผิดก็คงต้องให้คุณไปตามทางของคุณนะครับ(เพราะว่ามันเป็นการยากที่เปลี่ยนความเชื่อของคนอื่นนะครับ)
    1.ฌานสี่ ผู้ที่เข้าถึงนั้น ต้องปิดโสตวิญญาน คือเสียงไม่ได้ยิน ปิดมโนวิญญาน คือไม่มีความรู้สึกและปิดกายวิญญาน คือไม่มีกายดำรงอยู่ แสดงว่าผู้นั้นเข้าฌานสี่ได้
    2.ฌานสี่นั้นประกอบแค่อุเบกขา และเอกคัตตารมณ์ คือมีความเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น
    คือยังรู้สึกว่ามีกายตนอยู่
    ลองเลือกมาจากการที่คุณปฏิบัติหรือเข้าใจก็ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2011
  20. คนนะ

    คนนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +221
    ขอเล่นด้วยหน่ะครับ :boo:
    ผมเลือก
    ข้อ1

    * หมายเหตุ * ก็ดีนะครับ ที่จับอารมณ์เหล่านี้มาแยกแยะกันให้ละเอียดจะได้ไม่สับสน
     

แชร์หน้านี้

Loading...