พุทธบิดาของ "พระศรีอาริยเมตตรัย" บำเพ็ญบารมีมาอย่างไร?

กระทู้นี้ เขียนไว้ให้ศึกษากัน เรื่องพุทธบิดาของพระศรีอาริยเมตตรัย
ตามความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้มาจากแหล่งอ้างอิงใด ไม่จำเป็น
ต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ ข้าพเจ้าทำตามกิจ หมดกิจก็หยุดทำ เท่านั้น


ดังจะอธิบายต่อไปนี้

 

การผูกกรรมร่วมกันของพุทธบิดาและพระนิตยโพธิสัตว์


กรรมหนักๆ ที่ทั้งสองจะผูกร่วมกันไว้ แล้วคลายแก้ได้หมดในชาติสุดท้าย
มีสองกรรมใหญ่ คือ พระนิตยโพธิสัตว์ฯ จะทรง "ทำลายรัชทายาท" ของ
พระพุทธบิดาให้สิ้น (ดังเช่น ที่พระราชบิดาของพระสมณโคดมฯ ต้องสิ้น
รัชทายาท) ส่วนพระพุทธบิดาจะทรงก่อกรรม "แย่งชิงนางแก้ว" ของพระ
นิตยโพธิสัตว์ ได้สำเร็จ จึงจะมีบารมีมากพอเป็นพุทธบิดาได้ และกรรมนี้
จะแก้ได้ในชาติสุดท้าย โดยพุทธบิดาจะทรงหานางแก้วมากมายมาให้แก่
พระนิตยโพธิสัตว์ เพื่อผูกมัดไว้ไม่ให้สละสมบัติไปสู่ความหลุดพ้น

 

บิดาของพระนิตยโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีมาอย่างไร?


บิดาของพระนิตยโพธิสัตว์ จะมีหลายท่านที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำหน้าที่
ในแต่ละชาติที่เกิด ขับเคี่ยวเข็ญกันไปมา ในที่สุด จึงจะได้ผลมาว่าท่านใดมีบารมี
จะได้เป็น "พุทธบิดาองค์จริง" แต่ระหว่างการบำเพ็ญแต่ละชาตินั้น จะมีหลายท่าน
ที่มีบุญกรรมหรือบารมี ได้มานั่งตำแหน่งนี้ในแต่ละชาติ เปลี่ยนผลัดกันไป โดยจะ
อาศัยการทำบุญกรรม หรือบารมีร่วมกันไว้ ผูกกันไว้ ๓ ลักษณะ ดังนี้


๑) ผูกกรรมร่วมกัน โดยผู้จะได้เป็นบิดาของพระนิตยโพธิสัตว์ จะถูกพระนิตยโพธิสัตว์
ฆ่า ด้วยผลกรรมนี้ พระนิตยโพธิสัตว์จึงเกิดมาเป็นบุตร เพื่อชดใช้เวรกรรมนั้น ในกรณีนี้
พ่อลูกจะเกิดด้วยอำนาจแห่งผลกรรม จะไม่รักกัน จะเล่นงานกัน พระโพธิสัตว์จะเกิดโดย
กรรม เกิดมาชดใช้กรรมเป็นสำคัญ

๒) สร้างบุญร่วมกัน โดยผู้ที่จะได้เป็นบิดาของพระนิตยโพธิสัตว์ จะทำบุญร่วมกันไว้กับ
พระนิตยโพธิสัตว์องค์นั้นๆ แล้วได้ปรารถนาด้วยจิตลึกๆ ไว้ก็ได้ หรือได้กล่าวเป็นวาจาก็ดี
ว่าอยากได้คนผู้นี้เป็นบุตรของตน ผลบุญที่มากพอส่งผลให้เกิดเป็นพ่อลูกกันได้ ในกรณีนี้
พระนิตยโพธิสัตว์และบิดา จะเกิดโดยบุญ จะเกื้อหนุนกัน จะส่งเสริมช่วยเหลือ รักใคร่กัน

๓) สร้างบารมีผูกพันกัน โดยฝ่ายบิดาได้แย่งชิงนางแก้วของพระโพธิสัตว์ไปเป็นของตน
หรือก่อกรรมขวางไว้ไม่ให้พระโพธิสัตว์ได้ครองนางแก้ว (ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ที่จะได้ครอง
คู่กันอย่างสมบูรณ์จริๆ ในชาติสุดท้าย) และฝ่ายพระโพธิสัตว์ได้ทำลายรัชทายาท หรือผู้ที่
จะสืบทอดอำนาจในตระกูลของเขา (ผลกรรมทำให้ต้องชดใช้ด้วยการไปเกิดเป็นทายาท)


ในกรณีที่สามนี้ ทั้งสองฝ่ายมักบำเพ็ญบารมีแข่งขัน ราวกับจะแย่งชิงตำแหน่งเดียวกัน แต่
ผลสุดท้าย จะมีผู้ขึ้นแท่นเป็นนิตยโพธิสัตว์ ๑ ท่านและพุทธบิดา ๑ ท่าน (ด้วยวิธีดังกล่าว)

 

พุทธบิดาของพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งมีชาติกำเนิดจากเสือนั้นเป็นอย่างไร?


ในอดีตชาติตามตำนาน "แม่กาเผือก" กล่าวถึง การบำเพ็ญบารมี ในชาติที่เป็นสัตว์
ของพระพุทธบิดาและพระศรีอาร์ฯ อันจะส่งผลต่อ "อนุสัย" ที่แก้ได้ยาก หรือไม่ได้
เลย จนกว่าจะถึงชาติสุดท้าย เอาไว้ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้สังเกตุ ลักษณะเหล่านี้ จึง
จะทราบได้ว่าท่านใดเป็นท่านใดมาเกิด อนึ่ง พระศรีอารืฯ ชาตินั้นๆ บำเพ็ญบารมีมา
จาก "ลูกกา" ที่ตกลงมายังพื้นโลก แล้วต้องดำรงชีพอยู่อย่างสัตว์ที่เดินดิน อันเป็น
ต้นกำเนิดของ "สัตว์ตระกูลไก่" และก่อกำเนิด "ดาวลูกไก่ทั้งเจ็ด" ในกาลต่อมา จึง
ส่งผลให้พระศรีอาร์ฯ มีอนุสัยที่คล้าย "นกกา" และ "ไก่" กล่าวคือ เมื่อบินได้ จะไม่
อาจเดินดินอยู่กับผู้คนได้ คล้ายคนที่สูงส่งเกินเอื้อม แต่เมื่อกลับลงดินจะชอบคุ้ยเขี่ย
จึงมักทำงานขีดเขียน เช่น ผู้ช่วย, เลขาฯ, เสมียน, กุนซือ ฯลฯ และมักจะอยู่กับกอง
หลักฐาน, หนังสือ ที่ต้องใช้ "การคุ้ยเขี่ย" ค้นหา เช่น google หรือการแฮกฯ ก็มีได้
เป็นไปได้ เช่นกัน ในขณะที่ไม่รู้วิธีหากิน, ไม่รู้วิธีหาเงิน ได้แต่ "ทำเพื่อปวงสัตว์" ไป
ฟรีๆ นั้นเอง จะได้พบ "พระพุทธบิดา" ซึ่งรู้วิธีหากิน และสอนวิธีหากินให้ (ดุจพ่อเสือ
ที่สอนลูกกาในอดีตชาตินั้นเอง) ซึ่งพุทธบิดาบำเพ็ญบารมีมาทางเสือ จึงจะมีเปลือก
นอกที่ดูคล้ายแมว น่ารักใคร่, น่าศรัทธา, ดูดีแต่เปลือกนอก แท้แล้วเป็นเสือซุ่ม ที่รอ
เหยื่อเผลอก็จะใช้เขี้ยวเล็บเข็ญฆ่าเหยื่อกิน (ต่างจากสิงห์ ที่จะห้าวหาญ, เปิดเผยและ
แสดงความดุร้ายชัดเจนไม่ปิดบังแต่เสือจะปิดบังอำพรางตัวเก่ง จนกว่าจะจับเหยื่อได้)

 

หมายเหตุ


พระพุทธบิดานั้นจะมีเปลือกนอกที่คล้ายพระนิตยโพธิสัตว์มาก
และมักมีความปรารถนาเดียวกันมาก่อน แต่ทำไม่สำเร็จ ไปไม่
ถึง จึงทำได้แค่ "วางรากฐาน" เอาไว้เท่านั้น ส่วนพระโพธิสัตว์
จะมีกำลังบารมีมากพอไปถึงที่สุดได้ หลายครั้ง ที่พระพุทธบิดา
ทำไม่สำเร็จ แล้ว "ปิดบังอำพรางไว้" หลอกลวงประชาชน ว่า
ทำสำเร็จแล้วอย่างงดงาม จะมีเพียงท่านเดียวที่ "ขุดคุ้ย" จนรู้
ได้ และทำต่อจนสำเร็จถึงที่สุดได้ นั่นก็คือ "พระนิตยโพธิสัตว์"
ดังนี้ ทั้งสองท่าน "จึงรู้ทางกัน" เพียงสองคน ปวงสัตว์อื่นๆ จะ
ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสององค์นี้ องค์ใด ไปถึงที่สุดได้จริง เพราะ
เปลือกนอกจะดูเหมือนกันมากนั่นเอง ยกเว้น บางท่านที่บำเพ็ญ
บารมีมาทางเดียวกัน คือ พระนิตยโพธิสัตว์หรือพระพุทธบิดา


ด้วยผลกรรมทำมาอย่างนี้ ท่านหนึ่งจึงเกิดเป็นพ่อ วางรากฐานไว้
ท่านหนึ่งจึงเกิดเป็นบุตร แล้วสานต่อ, แก้ไขจนถึงที่สุดได้ นั่นเอง

 

พระนิตยโพธิสัตว์มหาสัตว์ ต่างแบ่งภาคออกเพื่อช่วยเป็นพุทธบิดาให้กัน


พระนิตยโพธิสัตว์เมื่อมีบารมีมากแล้ว ถึง "มหาโพธิสัตว์" จะจุติยังสุขาวดีสวรรค์
(ไม่ใช่สวรรค์ชั้นดุสิต) ณ ที่สุขาวดีนั้นเอง ท่านจะรับธรรมจากพระยูไล ก็จะทราบ
วิธี "แบ่งภาค" แบ่งส่วนบารมีลงมาเกิด เพื่อดปรดสัตว์ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าภาค
แบ่งนั้นๆ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือต้องโปรดสัตว์ในหน้าที่ใด


โดยพระนิตยโพธิสัตว์ อาจเกิดมาร่วมชาติแล้วได้โจทย์เดียวกัน บำเพ็ญบารมีเพื่อ
แย่งชิงสิ่งเดียวกัน กระทำกรรมและบารมีคล้ายคลึงกัน ในที่สุด ต่างชิงไหวชิงพริบ
แล้วก่อกรรมละเมิดกันและกัน หากลงรอยกรรมดังกล่าวข้างต้น (ก็คือ ผู้บิดาได้ชิง
นางแก้วพระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ได้ทำลายทายาทผู้บิดา) ก็จะก่อเกิดเป็นกรรม
มากพอที่จะทำให้ทั้งสอง ได้ไปเกิดเป็นพ่อลูกกันในชาติหน้านั้น แต่ถ้าในชาตินั้นๆ
พระโพธิสัตว์ไม่มีบุญกรรมหรือบารมีใด ผูกพันร่วมพอที่จะหา "พุทธบิดา" ให้ตนได้
เลย ก็จะต้องหา "บิดาโดยบุญหรือกรรม" ทำร่วมกันไว้ คือ ทำบุญร่วมกันแล้วให้อีก
ท่านปรารถนาอยากได้ตนเป็นบุตร หรือทำกรรมด้วยการเข่นฆ่ากัน จึงจะมีบิดาขึ้นได้
ดังเช่น ที่พระเจ้าเสือ ต้องประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ นั่นคือ วิธีหนึ่งที่จะผูกกรรมไป
เป็นบิดาและบุตรกัน นั่นเอง (ทั้งๆ ที่พระเจ้าเสือ ก็ไม่อยากประหารชีวิตเขาเลย)

 

เรื่องที่คิดเอาเองไม่มีข้อมูลอ้างอิง ถ้าเป็นความรู้เรื่องอื่นก็พอทำเนา

แต่ถ้าคิดเอาเองเรื่องธรรมะ เรื่องพุทธศาสนา และไม่มีข้อมูลอ้างอิงนี่ ค่อนข้างน่ากลัว
ต้องระมัดระวังอย่าให้เข้าข่าย สัทธรรมปฎิรูป ซึ่งเป็นภัยอย่างยิ่ง

 

งงงง....งวยยย...งวยยยย..00.งง ไม่รู้เรื่องจับใจความว่า ตั้ง ชง กิน คนเดียวไม่แบ่งใครเลยนะพ่อคุณ....สาธุ

 

เขาไม่ได้ตั้งใจมาถามหาความรู้ แต่ัตั้งใจมาอวด

 

คล้ายคล้ายthe matrix นิดนิด ผสม หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ มีดราก้อนบอลหน่อยหน่อย มีพระยูไลด้วยก็นี่เลยไซอิ๋วววว..........???????????

 

แล้วพุทธมารดาล่ะคะ?????