ขอเล่าเรื่องวัดพระธรรมกายบ้าง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ผ่านมา, 19 มกราคม 2005.

  1. ผ่านมา

    ผ่านมา บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตอน11

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมเล่าเรื่องผ่านมาได้สิบตอนแล้ว เริ่มต้นตอนแรกที่ตัดสินใจโพสเล่าเรื่อง ไม่ได้คิดว่าจะเล่าได้ยาวขนาดนี้ คิดว่าจะเล่าเพียงสั้นๆ ในส่วนที่แตกต่างจากท่านอื่นๆเท่านั้น แต่เล่าไปเล่ามาไหงยาวขนาดนี้ก็ไม่รู้ จนมาถึงตอนนี้เป็นตอนที่11 ซึ่งผมเห็นว่าสมควรแก่เวลา คงจะเล่าเรื่องตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน หวังว่าเรื่องที่ผมได้โพสเล่าจะได้เป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย

    มาเล่าเรื่องต่อจากคราวที่แล้วกัน ว่าทำไมไม่ให้อยู่ต่อ คำสั่งที่ไม่ให้อยู่ต่อนี้มาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย โดยตรงที่เดียว เนื่องจากคนที่มาอบรมส่วนใหญ่ยังศึกษาอยู่ยังเรียนไม่จบ ท่านจึงอยากให้กลับไปเรียนให้จบก่อน เผื่อพลาดพลั้งไม่สามารถอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์จนจวบสิ้นลมปราณได้ สึกออกไปจะได้มีความรู้ไปทำมาหากินประกอบอาชีพ ไม่เดือดร้อนใคร ท่านห่วงเราถึงขนาดนี้ แต่หลายๆคนอาจมองไม่เห็น(ปัจจุบันได้มีการอนุญาตให้อยู่ต่อได้แล้ว)

    จบเรื่องการบวชจริงๆเสียที ทีนี้มาเล่าเรื่องหลังจากสึกออกมาแล้วบ้าง หลังจากที่สึกออกมาแล้ว ผมก็มีความรู้สึกอย่างที่คุณอำนาจและคุณPrarahuเล่ามานั่นและครับ ไม่ค่อยคุ้นกับเพศฆราวาส ทั้งที่อยุ่ในเพศนี้มา 17 ปี แต่เข้าไปอยู่ในวัดเพียง2เดือน แต่ผมไม่มีปัญหาในการปรับตัวมาก เพราะผมบวชแค่เณรไม่ได้บวชพระ ก็เลยค่อยข้างจะสบายกว่าเพราะถือแค่ศีลสิบ ไม่ใช่227ข้อ คนที่บวชพระก็เลยปรับตัวนานหน่อย หลังจากออกมาผมก็เข้าไปช่วยงานชมรมพุทธศาสตร์อย่างเต็มตัว รวมถึงเป็นอาสาสมัครช่วยงานพระศาสนาที่วัดพระธรรมกายด้วย ทำให้ผมได้รู้จักสาธุชนที่มาวัดหลายๆประเภท ถ้าให้ถูกต้องเรียกว่ามีสาธุชนมาวัดแทบทุกประเภทมากกว่า เพราะคนมาวัดเยอะมาก

    ผมจะพูดถึงแต่สาธุชนที่มาวัดนะครับ เพราะส่วนนี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหาวิพากษ์วิจารณ์กัน พระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาที่อยู่ในวัด ไม่ได้มีปัญหาอะไร ท่านเหล่านั้นอยู่ของท่านเงียบๆ ปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละส่วนของตนไปเรื่อยๆ การที่ผมได้เจอคนเยอะนี่แหละทำให้ผมได้คำตอบในปัญหาคำถามต่างๆที่เกิดขึ้นจากบุคคลภายนอก ที่ไม่เคยไปวัดพระธรรมกาย ได้แต่ฟังเขาเล่ามา หรือไปเพียงผิวเผิน ไม่ได้ศึกษาคำสอนจริงจังแต่อย่างใด หรือเพิ่งเข้ามาใหม่ เป็นต้น

    ก่อนอื่นขอกล่าวถึงประเภทของสาธุชนที่มาวัดก่อน มีหลายประเภทนะครับ ไม่ได้มีแต่ศรัทธาเพียงอย่างเดียว ซึ่งในส่วนตัวผมแล้วมองเห็นว่า พวกศรัทธาอย่างเดียวจริงๆนี่ไม่มี ศรัทธาและปัญญาจะควบคู่ไปด้วยกันเสมอ บางพวกศรัทธามากปัญญาน้อย บางพวกศรัทธาน้อยปัญญามาก บางพวกมากทั้งศรัทธามากทั้งปัญญา บางพวกศรัทธาน้อยและปัญญาน้อยด้วย ทำให้แต่ละคนที่มาวัดพระธรรมกาย รับรู้และจดจำข้อธรรมะและคำสั่งสอนที่แท้จริง ที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้เมตตาสั่งสอนได้แตกต่างกันออกไป

    บางพวกรู้เพียงผิวเผินไม่สงสัยและปฏิบัติตามเพราะศรัทธามากปัญญาน้อย บางพวกรู้มากแต่สงสัยและไม่ค่อยปฏิบัติตามเพราะปัญญามากศรัทธาน้อย บางพวกรู้มากไม่สงสัยปฏิบัติตามได้อย่างดีเยี่ยมเพราะศรัทธามากและปัญญามากด้วย ซึ่งถ้าหากหลายๆท่านได้รู้จักกับสาธุชนประเภทนี้จะรู้ว่า เป็นบุคคลที่ช่างน่าเคารพเสียนี่กระไร ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบุคคลเช่นนี้อยู่ในโลก ส่วนประเภทสุดท้ายพวกศรัทธาน้อยและปัญญาน้อยด้วย ส่วนใหญ่เป็นสาธุชนที่มาวัดใหม่ๆ และพวกที่มาประเดี๋ยวประด๋าวและเลิกไป ไม่ได้สนใจอย่างจริงจัง พวกนี้แหละทำให้เกิดปัญหามากสุด เพราะเก็บความรู้ที่ได้ไปอย่างกระท่อนกระแท่นจับแพะชนแกะมั่วไปหมด และก็เข้าใจผิด เสร็จแล้วเข้าใจผิดคนเดียวไม่พอ นำไปบอกต่อให้คนอื่นเข้าใจผิดตามเสียอีก

    เนื่องจากหมู่คณะของวัดพระธรรมกายเป็นหมู่คณะใหญ่ สาธุชนบางคนมาวัดเพื่อมาทำบุญอย่างเดียวจริงๆก็มี ไม่ได้ศึกษาคำสอนที่เกี่ยวกับธรรมะมากนัก บางคนเข้าวัดมาหลายปี ไปถามหัวข้อธรรมะกับเขาไม่รู้เรื่องเลยก็มี ถามว่าพวกเหล่านี้เขาผิดไหม ผมตอบได้เลยว่าไม่ผิด เพราะอย่างน้อยเขาเหล่านั้นก็รักการทำบุญและเห็นคุณค่าของบุญ แล้วก็ปรารถนาดีอยากให้คนอื่นได้บุญเหมือนที่ตัวได้ก็ไปชักชวนมาทำอย่างเต็มที่ อย่างที่หลายๆท่านเรียกว่าบ้าบุญนั่นแหละ แต่ถ้าถามว่าถูกไหม ต้องตอบว่ายังถูกไม่สมบูรณ์ เพราะนอกจากทานแล้ว ยังมีศีลและภาวนาด้วย นอกจากนั้นยังต้องศึกษาหัวข้อธรรมะต่างๆด้วย เพราะเราไม่ได้มีเพียงเป้าหมายที่สุคติโลกสวรรค์ ที่นั่นเป็นที่พักระหว่างทางของพวกเราเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นคือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมีเท่านั้น นี่เป็นภารกิจที่แท้จริงอย่างอื่นไม่ใช่

    สาธุชนบางคนที่มาวัดแต่ไม่ได้ศึกษาธรรมะคำสอนอะไรมากนัก บางทีไปได้ยินคำสอนอะไรดีๆมา ด้วยความปรารถนาดี ก็นำไปบอกต่อให้คนอื่นรับรู้ แต่บังเอิญเอาไปไม่ครบและบางทีความรู้ตัวเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก ก็พยายามทำความเข้าใจและการทำความเข้าใจนี่แหละ ที่บางทีมันผิดไปจากความจริงซึ่งตัวก็ไม่รู้ แล้วก็นำไปบอกต่อ จนกระทั่งไปเข้าหูผู้รู้หลายๆท่านเข้า ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมาย ซึ่งงานนี้ไม่มีใครผิด ถ้าจะมีใครผิด ก็เห็นจะเป็นไอ้ความเข้าใจนี่แหละที่มันผิด ก็คือเข้าใจผิดนั่นเอง

    โดยส่วนตัวแล้วผมอยากจะบอกทุกๆท่านว่า อย่าเข้าใจอะไรแต่เพียงผิวเผิน แล้วตัดสินใจอะไรลงไป ต้องพิสูจน์ให้ถ่องแท้ โดยการศึกษาอย่างจริงจังเสียก่อน ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่งเลย ค่อยตัดสินใจอะไรลงไป เหมือนที่พระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ได้พูดผ่านโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาบ่อยๆ ถึงผู้ที่คิดจะลาออกจากศาสนาพุทธ ไปสมัครศาสนาอื่นว่า ให้ศึกษาคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาให้จริงจังถ่องแท้เสียก่อน หากเราทำตามพระพุทธเจ้าได้จนเสร็จสิ้นทุกอย่าง จนเป็นพระอรหันต์แล้ว แล้วเรารู้สึกว่า เอ๊ะ อรหันต์ไม่เห็นดีเลย นั่นแหละค่อยลาออกจากพระพุทธศาสนาไปอยู่ศาสนาอื่น

    เล่าเรื่องต่างๆมายาวนานมากแล้ว ผมขอจบกระทู้ของผมแต่เพียงเท่านี้ หากการเล่าเรื่องของผมผิดพลาดและไปล่วงเกินผู้ใดเข้า ผมต้องขออภัยและขออโหสิกรรมมา ณ.โอกาสนี้ หากสิ่งใดดีมีประโยชน์ก็ข้อให้เก็บไปเป็นข้อคิด ติดขาติดแข้งไปไม่ต้องกับถึงใส่บ่าแบกหาม และขออนุโมทนาบุญซึ่งกันและกันกับผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านด้วย...สาธุ
     
  2. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    อ่านแล้ว ชอบเรื่องจับดีอ่ะ
     
  3. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,107
    ค่าพลัง:
    +2,695
    น่าจะมีตอนที่ 12 อยากอ่านต่อ
     
  4. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    อยากอ่านต่อด้วยครับ
     
  5. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    โมทนาครับ

    โมทนากับข้อความดีดีของทุกท่านเลย

    ผมได้ความรู้ รวมทั้งรู้จักวัดธรรมกายดีขึ้นด้วย

    น้องๆที่ผมรู้จักกลุ่มหนึ่ง(เป็นสุภาพสตรี) เป็นผู้ที่ศรัทธาสายวัดธรรมกาย ล้วนปฎิบัติดีทุกคน ทุกคนเลิกเหล้าได้และหันมานั่งสมาธิกับถือศีล5ได้

    ส่วนหลายท่านในเว็ปพลังจิต ศรัทธาในหลวงพ่อ...วัดท่าซุง ก็เป็นผู้ปฎิบัติดีอยู่แล้ว

    ผมเองยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเลย ว่าจะคุมประพฤติตัวเองได้นานเท่าใด รู้แต่ว่าผู้ที่เลือกเดินทางธรรมอย่างมีสติ
    ไม่ว่าสายใด จุดหมายปลายทางคงคล้ายๆกัน
     
  6. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    โมทนาด้วยคนค่ะ..คิดว่าเราคงได้เคยเจอกันบ้างนะตอนที่ไปเป็นอาสาสมัครต้องรับชาวต่างชาติอ่ะ
     
  7. ช่องนี้ช่องเดียว

    ช่องนี้ช่องเดียว บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    www.dmc.tv

    ท่านใดที่ต้องการทราบว่า แท้จริงแล้ว คำสอนที่แท้จริงของวัดพระธรรมกาย เป็นอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจากที่ท่านได้ฟังเขาเล่ามาหรือไม่อย่างไร ขอเชิญที่นี่เลยครับ www.dmc.tv
     
  8. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,010
    ช่ายๆ แนะนำ www.dmc.tv

    แล้วก็เวบที่ชื่อกัลยาณมิตรนั่นก็ดี(มีลิงค์ในดีเอ็มซี)

    เวบมหาวิทยาลัยธรรมกายที่แคลิฟอเนียนั่นก็ดี(มีลิงค์ในดีเอ็มซี)

    เป็นวาสนาที่เซิร์ชเจอในเนตพอดี

    สายพระพุทธเจ้าช่วยกันเต็มที่จริงๆ ไม่เชื่อก็ดูผลงาน
     
  9. nong0063

    nong0063 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +81
    สาธุครับ
    ......ไม่รู้เห็นเพื่อนผมลองติดจานดวงธรรมปรากฎว่าลูกเพื่อนอายุ6กับ5ขวบนั่งดูรายการธรรมะคุยกันใหญ่เรื่องบาปบุญ......อือ...เห็นแล้วน่าชื่นใจ.......ผมเลยรีบติดให้หลานดูเลย.......ปรากฎว่า.......คุณตาติดรายการธรรมะ...เบาเรื่องรายการโทรทัศน์ไปเลย.......
    ...........น่าอนุโมทนากับทางผู้จัดทำจัง..........สาธุ
     
  10. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    ผมจ่ายเงินค่าจานดาวธรรมไปแล้ว
    แต่ทางคอนโดไม่ยอมให้ติดอะครับ

    (b-cry)
     
  11. อยากรู้

    อยากรู้ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอถามหน่อย นะคะ (ต้องขอโทษ ที่ไม่ได้อ่านจนจบ มันเยอะเกิน) พอดีเพื่อนติดดาวเทียมให้ ก็เปิดดูบ่อยเหมือนกัน ในช่วงที่ออกพรรษา มีอย่างหนึ่งที่บังเอิญไม่เกิดศัทธา เพราะทุกรายการจะเน้นเรื่องพญานาค มีจริง อันนี้เคยไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ก็เป็นปริศนาอยู่ในใจตลอด แต่ทางวัดบอกว่ามีจริง ใครเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องความฝันก็พยายามโยงไปเป็นเรื่องพญานาคหมด บอกชาติที่แล้วเกิดเป็นพญานาคบ้าง และ วันออกพรรษาก็ให้สัมภาษณ์ ว่าเห็นพญานาคลอยอยู่บนผิวน้ำ เจอเป็นคนมอบเงินให้ทำบุญ ก็มี แต่ปรากฏว่าคืนที่ออกพรรษาจริงทำไมไม่มีการพ่นไฟอย่างที่โฆษณา ทำให้ดูไปและเข้าใจเองว่า เป็นการชักจูงด้วยจิตที่เขามีศํัทธา และ เป็นการทำการตลาดไปในตัว ช่วยอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้กระจ่างได้ไหมคะ แต่จริง ๆแล้วจะชอบในรายการหลวงพ่อตอบปัญหามาก ๆ เลยค่ะ รวมถึงการนั่งสมาธิดี จริง ๆ
     
  12. หยุดในหยุด

    หยุดในหยุด บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอตอบแทนเจ้าของกระทู้นะครับ จากการที่ผมได้ดูจากช่อง DMC เหมือนคุณเช่นกัน คืนวันออกพรรษา ได้มีการถ่ายทอดสดเกี่ยวกับบั้งไฟพญานาคออกทางDMC ซึ่งจุดที่ไปถ่ายทอดก็ไม่มีบั้งไฟขึ้นจริงๆ แต่จุดอื่นที่บั้งไฟขึ้นประจำมีบั้งไฟเกิดขึ้นนะครับไม่ใช่ไม่มี ถ้าติดตามข่าวจากช่องทีวีปกติก็จะมีภาพให้เห็นว่ามีบั้งไฟเกิดขึ้น แต่ปีที่ผ่านมาเกิดน้อย ถ้าคุณติดตามช่อง DMC จริงๆ คุณคงทราบแล้วว่า ปัจจัยที่ทำให้บั้งไฟมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ซึ่งหลวงพ่อธัมมะฯท่านได้บอกไปแล้วก่อนที่จะเกิดบั้งไฟในปีที่ผ่านมา ในมินิซีรี่เรื่องพญานาค ผมคงไม่พูดถึง

    ส่วนเรื่องพญานาคที่นำมาเล่า ต้องยอมรับว่าต้องการให้เกิดศรัทธาจริงครับ แต่ไม่ใช่เพื่อการทำการตลาดแต่อย่างใด อย่างที่บอกถ้าคุณได้ติดตามช่องDMC อย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อธัมมะฯท่านได้บอกไปแต่ต้นแล้วว่า ที่นำเรื่องนี้มาเล่า เพราะบั้งไฟนี้เกิดจากการบูชาพระพุทธเจ้าในวัดพระพุทธเจ้าเปิดโลก ซึ่งพญานาคที่พ่นบั้งไฟนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์และพ่นบั้งไฟเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า ซึ่งจะเป็นสิ่งยืนยันอย่างดี ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง นรกสวรรค์มีจริง การเสด็จลงจากดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องจริง และจะได้ระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วันนั้นได้เปิดโลก ทำให้สัตว์ทั้งหลายปรารถนาพุทธภูมิกันมากมาย

    หลวงพ่อธัมมะฯท่านยังบอกอีกว่า ให้เปลี่ยนวิธีการชมบั้งไฟพญานาคกันเสียใหม่ แทนที่จะไปชมแบบมีเถิดเทิงกลองยาว เหล้าเบียร์อบายมุขเหมือนปัจจุบัน ให้เปลี่ยนเป็นการรักษาศีลไปสวดมนต์สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย และไปร่วมกันระลึกถึงวันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งในปี่ที่ผ่านมา ได้มีการทำให้เกิดขึ้นแล้วครับ ถ้าคุณได้ดูการถ่ายทอด จะเห็นว่ามีสาธุชนได้ไปนั่งสวดมนต์กันตลอดทั้งคืน ถึงแม้ว่าจุดที่ไปนั่งสวดมนต์กันจะไม่มีบั้งไฟขึ้นก็ตาม แต่ทุกคนก็ได้ตรึกระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ซึ่งสิ่งนี้แหละเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นเหตุทำให้เอาเรื่องพญานาคมาเล่า
     
  13. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ขัดขวางทางธรรม คน อื่น บาป นะครับ ไม่น่าเลย
     
  14. ศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี

    ศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

    สิ่งที่ผมได้ขอกล่าวถึง (ผมเคยเข้าวัดนี้)

    กับตอนนี้ที่พบ

    ผมเห็นคนมีฐานะมากมาย มาเข้าวัด แต่ใย จิตใจ ยังเหมือนเดิม เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำ(จากการใช้เงินทำบุญมากๆ) สร้างบุญให้กับตัวเขา แต่เขากับลืมไปว่า การทำดี ทำสิ่งอื่นๆที่ดี ก็สามารถสร้างบุญให้กับเขาได้ ไม่แพ้กัน
    เขายังเห็นแก่ตัว คุยกัน ว่าตนทำบุญไปมากเท่าไหร่ ไม่คิดถึงสิ่งที่จะมีให้คืนกับสังคม และเพื่อนมนุษย์ อย่ามองว่าเป็นเงินของเขา ผมมาเดือดร้อนแทนทำไม

    ผมเห็นคนที่ไม่มีฐานะ มากมาย แม้ไม่มีเงิน ก็ดิ้นร้น กู้หนี้ยืมสิน หาเงินมาทำบุญ หลายคนที่ผมเคยพบ ก็มาทำบุญ ทั้งๆที่ ครอบครัวของเขาเอง ก็ยังเดือดร้อนอยู่

    ผมอยากให้พวกเขา เข้าถึงธรรมมากกว่า
    เพราะ ธรรมะสอนให้เราเข้าใจว่าชีวิตเป็นอย่างไร

    สำหรับคนที่เข้าวัดแล้วทำบุญแต่พอตัว ผมถือว่าเค้าสามารถควบคุมตัวเองได้ดี แต่มีน้อย



    ไม่ควรมีการเน้นด้านวัตถุมากเกินไป สร้างอะไรมากมาย

    ผมไม่อยากให้คนที่ไปวัด หวังแค่บุญจากการใช้เงิน หรือทรัพย์สินอื่นๆ เพียงเท่านั้น แต่ควรกระะทำความดีด้วย
    กับสิ่งที่เป็นตอนนี้ มันไม่เหมือนเมื่อก่อน (เน้นด้านวัตถุเกินไป)

    สำหรับผมเอง ปัจจุบันผมก็ เข้าวัด (วัดใดก็ได้) ฟังธรรม ทำบุญ ทำทาน เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์
    ส่วนตัวผมเอง ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก

    แต่ผมเชื่อว่า บุญไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ถ้าไม่รู้จักทำความดี


    สำหรับวัดนี้ เมื่อก่อน เป็นวัดที่ดีมากเลยทีเดียว ผมศรัทธาครับ และก็เข้าบ่อยๆ
     
  15. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    คือว่า บางคนนะ เค้ามีเงิน ทำบุญมากจริงอยู่ แต่เค้ายังไม่ขัดเกลาจิตใจเค้านะค่ะ คือยังหลงทางอยู่
    บ้าง แต่ก็ถือว่า ก็ยังดีกว่าเค้ามีแต่ไม่ทำเลยนะค่ะ เพราะอย่างน้อย ๆ เค้าได้สั่งสมทานบารมีไว้ จะทำไว้ไหนที่ไหนก็ได้ เพราะถือว่า ฝากทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา ส่วนด้านอื่น ๆ อาจหย่อนไปบ้างนะค่ะ
    ส่วนท่านที่กู้ยืมเงินมาทำบุญ กรณีนี้ เราคิดว่า เค้าคงเห็นคุณค่านะค่ะ แต่ก็ว่านะ กู้เงินมาแล้วมีปัญญาใช้ก็ไม่มีปัญหา ส่วนคำว่า ครอบครัวเค้าเดือนร้อน คือไงค่ะ ช่วยขยายความนิดหนึ่งค่ะ เพราะบางครอบครัวเดือนร้อน เช่น ไม่มีข้าวจะกิน แต่มีเงินไปซื้อเหล้า ไม่มีเงินกินข้าว แต่มีเงินไปเล่นการพนัน ซึ่งสารพันปัญหา ต้องแยกแยะว่า เกิดจากอะไร ไม่ใช่เป็นการดูจากคนภายนอกครอบครัวเค้า เค้าอาจกู้เงินมาเพื่อใช้ในชีวิตส่วนหนึ่ง แล้วก็แบ่งส่วนหนึ่งมาทำบุญ มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอค่ะ แต่หากกู้มาทำบุญล้วน ๆ แล้วครอบครัวเค้าเดือนร้อน อันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ บางคนคิดว่า หนี้ก็ยังมี ข้าวจะกรอกก็แทบไม่มี
    จะเอาอะไรทำบุญ ความคิดเช่นนี้มีอยู่ไม่น้อยเลยในสังคมพุทธ เพราะเค้าไม่เห็นค่าของทาน คิดง่ายนะค่ะ หากใครมีจิตเป็นกุศลจะทำทานถึงแม้ปัจจัยน้อย เพียงแค่แบ่งข้าวหนึ่งคำ หนึ่งทัพพี มาใส่บาตร แต่ใส่ด้วยจิตที่แจ่มใสเบิกบาน อานิสงค์นั้น มากมายนัก บุญที่ทำได้ยาก ตัดใจได้ยาก บุญนั้นมหาศาลนะ
    เพราะถือว่าเป็นการตัดใจ เราชนะ ซึ่งความตระหนี่แล้ว
    ส่วนเรื่องวัตถุนั้น เมื่อคนเยอะขึ้น ย่อมต้องสร้าง คุณคิดดูนะค่ะ หากสาธุชนมาเท่าเดิม หลวงพ่อท่านก็คงไม่สร้างอะไรเลย เพราะเพียงพอแล้ว แต่เมื่อมาเพิ่มขึ้น มากขึ้น ท่านก็พูดเสมอว่า หากท่านใจแข็ง(ทนได้) ทนเห็นสาธุชน ลูก ๆ พระธัม นั่งตากแดดตากลมตากฝนนอกอาคารได้ ส่วนเราคิดว่า หากแดดมันเย็น ฝนมันไม่เปียกก็ดีซินะคะ หลวงพ่อท่านได้ไม่ต้องเหนื่อยมากทุกวันนี้
    --------------------------------------------------------------------------
    อันนี้ไปก๊อปปี้ข้อความจากเว็บของ Dmc มานะค่ะ ตอบโดยพี่ณัฐ
    ทำไมสร้างกันไม่เสร็จซักทีไช่ไหมจ๊ะ เมื่อก่อนพี่ก็คิดอย่างน้องแหละจ๊ะ ก็อย่างที่ว่าพอพี่ได้นั่งธรรมะมากขึ้น เรื่องราวต่าง ๆ มันก็ชัดขึ้นตามลำดับ พี่จะเริ่มเล่าแล้วนะ แอ่น แอน แอ๊น การมาบังเกิดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็พาสรรพสัตว์ผู้มีปัญญาไปนิพพานได้หยิบมือนึง แต่ก็ไม่หมดภพสามซักกะที เราก็เฝ้าเพียรฝันว่า เมื่อไหร่สรรพสัตว์ทั้งหลายจะไปนิพพานกันหมดซักที ไม่ต้องมานั่งจ๋องอยู่อย่างนี้ และแล้วเราก็พบว่า มีหมู่คณะหนึ่งที่สร้างบารมีเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์มีมโนปณิธารแน่วแน่ ที่จะนำสรรพสัตว์ทั้งอนันตจักรวาลข้ามไปฝั่งพระนิพพาน แต่เราจะเห็นว่าการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ใช้เวลานานมาก และแต่ละชาติก็เข้มข้นมาก เช่นพระปัญญาธิกสัมมาสัมพุทธเจ้า 20 อสงไขย แสนมหากัป, พระวิริยาธิกสัมมาสัมพุทธเจ้า 80 อสงไขย แสนมหากัป ยาวนานกันขนาดนั้น เข้มข้นขนาดนั้น แต่ก็พาสรรพสัตว์ไปได้เพียงหยิบมือหนึ่ง การมาเกิดสร้างบารมีของหมู่คณะนี้จะมาระหว่างพุทธธันดร คือ พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกับพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง แต่ละคนต้องมีบุญบารมีมาก ๆ เข้มข้น เท่าทันกันทั้งทีม ฟัง ๆ ดูเหมือนหนังซุปเปอร์ฮีโร่เลยเน๊อะ แต่ก็เป็นเรื่องจริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะจ๊ะ การมาเกิดแต่ละครั้งเราก็จะเพลินกับเรื่องต่าง ๆ ทางโลก จนลืมเป้าหมายของการมาเกิดบางคนมาจากดุสิตบุรี แต่ก็ไม่ได้กลับนะจ๊ะ พลาดไปนรกก็มี ไปสวรรค์ชั้น 1,2, 3 ก็มี บางหมู่คณะมาเจอเราก็มารวมกับเรา แต่บางหมู่ say goodbye จ๊ะ ขอไปนิพพานดีกว่า เพราะการสร้างบารมีแบบนี้มันไม่รู้ว่า จุดปลายสุดอยู่ที่ไหน ต่างกับหนังฮีโร่ตรงที่เราไม่รู้ตอนจบนะจ๊ะ
    นั่นแหละ บางทีน้องอาจจะขัดใจ กับการก่อสร้าง กับสถานที่ใหญ่โต การสร้างบารมีเข้มข้น เพราะเราไม่คุ้นเคย กับภาพอย่างนี้ การสร้างสถานที่ใหญ่ ๆ ก็เพื่อรองรับคนมาก ๆ เมื่อก่อนวัดเรามีพื้นทีแค่ 196 ไร่เองนะจ๊ะ ต่อมาท่านมารู้ว่าลูก ๆ ที่ตามมาสร้างบารมีกับท่านมีอีกเป็นล้าน ๆ คน และไหนจะหมู่คณะอื่นอีก ท่านก็สร้างเพื่อให้รองรับพวกเราได้ ถ้าไม่มีสถานที่ ไม่มีห้องน้ำ คนที่มาก็ไม่อยากมาอีกเพราะลำบาก จะเป็นการตัดโอกาสการสร้างบารมีของเขาเอง จ๊ะ นี่แหละความจำเป็นต้องมีสถานที่กว้าง ๆ เพื่อรองรับคน ส่วนเจดีฐ์ วิหาร โบสถ์ ที่แข็งแรง ใหญ่โต รูปร่างเรียบง่ายไม่วิจิตรพิศดารเพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา ซึ่งจะให้อยู่ได้อีกเป็นพันปี คนรุ่นหลังมาสามารถซ่อมแซมได้ไม่ยากจ๊ะ ส่วนเราก็ได้บุญต่อเนื่อง หลวงพ่ออยากให้เราได้สร้างสมบุญมากๆ เพราะเวลาเราตายมันมีภพภูมิที่รองรับเราอยู่ ท่านอยากให้เราทำบุญทุกวันด้วยซ้ำ ให้นั่งธรรมะมาก ๆ จะได้มีบุญติดตัวไป ถึงแม้เราจะไม่ได้สร้างบารมีไปกับท่านก็ตาม เราจะได้มีบุญติดตัวไปนิพพานก่อนท่าน จ๊ะ
    ------------------------------------------------------------------------
     
  16. ธุลีดิน

    ธุลีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +156
    ขออนุโมทนากับคุณผู้รู้(ไม่)น้อย
    ผมไม่เคยไปวัดธรรมกายเลย แต่ก็ทำบุญกับวัดอยู่
    ผมก็เคยมีความสงสัยเช่นนั้นเหมือนกัน ว่าทำไมนะถึงได้สร้างอะไรมากมาย
    แต่เมื่อติดตามฟังหลวงพ่อจากเวบและเรื่องราวต่างๆที่อธิบายไว้ในเวบแล้ว
    ผมก็เข้าใจครับ เข้าใจในเจตนารมณ์ของท่าน ท่านปรารถนาพุทธภูมิ
    ซึ่งต้องสร้างบารมีแบบเข้มข้นพร้อมหมู่คณะ อย่างที่เราๆทราบกันดีพระพุทธเจ้า
    แต่ละพระองค์สร้างบารมีกว่าจะเต็มนั้นต้องใช้เวลาที่ยาวนานเหลือเกินหลายสิบอสงไขย
    การที่สร้างบารมีแบบเข้มข้นนี้ก็เหมือนกับการย่นระยะเวลาให้สั้นลง
    เห็นมีบอกว่าเสร็จภาระกิจนี้ก็จะพักกันที่ดุสิตบุรี เพื่อรอเวลาลงมาอีกครั้ง
    (อายุของเทวดาชั้นนี้ 650 ล้านปีของมนุษย์ ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ)
    ซึ่งผมก็เห็นว่าไม่แปลกอะไร เพราะที่เวบพลังจิตนี้ก็มีผู้ปรารถนาพุทธภูมิหลายคนเหมือนกัน
    เมื่อเช้าเพื่อนเมล์มาบอกจะกลับเมืองไทย และจะชวนเป็นเจ้าภาพผ้าไตร ผมก็ยินดีจะทำด้วยครับ
     
  17. เอกาชิคุง

    เอกาชิคุง บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    โมทนาด้วยคนครับ ตามอ่านจนจบรู้สึกดีมากเลย การระลึกได้รู้ได้ว่าอะไรก็ไม่เที่ยงแท้และไม่แน่นอนแหละดีจะได้ไม่ประมาท
     
  18. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +230
    สาธุๆ อนุโมธนามิ ครับกับทุกการตอบกระทู้
    ดีมากๆครับ......อยากให้ผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย ได้ริเริ่มลองทำดูหรือถ้าไม่ถูกจริตก็อยากให้ไป วัดปากน้ำ วัดสระเกศ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามและวัดพระธรรมกายดูนะครับและจะรู้ว่าที่จริงนั้นพระทุกรูปนั้นท่านได้ปฏิบัติตนกันอย่างไร สันโดษ มีระเบียบและวินัยเป็นที่น่าเลื่อมใส กันทุกรูป เลย มิใช่ดังที่มีผู้หมิ่นประมาทไว้ว่า พระในเมืองนั้นวัตรปฏิบัติจะแย่หรือด้วยกว่าพระป่าก็หาไม่ ครับ เพราะว่าจุดมุ่งหมายของพวกเราชาวพุทธทุกคนคือ พระนิพานอันเที่ยงแท้ และเป็นสุขยิ่งครับ
     
  19. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +230
    แถม......ติด DMC กันหรือยังครับแล้วรับรองว่าจะได้อะไรดีๆจาก DMC แน่นอนครับเอาศีรษะเป็นประกัน
     
  20. Mr.Nobody

    Mr.Nobody บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนา ความจริงนั้นรอการพิสูจน์อยู่เสมอ ขอเพียงเปิดใจให้กว้าง ไม่ประกอบด้วยทิฐิและอคติ ท่านจะเห็นความจริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...