ชีวิตนี้ที่ไม่เหมือนใคร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 สิงหาคม 2011.

  1. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    เรื่องราวลึกลับต่างๆนั้น ผมประสพพบเจอมากมาย ได้แต่เขียนลงในบันทึกไว้เตือนสติตัวเองเพราะว่าเมื่อผมเข้าสู่เพศบรรพชิตคงจะเล่าให้ใครฟังไม่ได้ครับชีวิตของผมแบ่งออกเป็น 5 ช่วงนะครับที่มีความแตกต่างกัน ช่วงที่1 วัยเด็กจะเต็มไปด้วยคำถามและการลองทำตามตำราเจอคำตอบบ้างไม่เจอบ้าง ช่วงที่2 วัยรุ่นชอบถอดจิตไปท่องเที่ยวยังดินแดนต่างๆ เรียกว่าไปมาหมดแล้วครับ เช่น ภพภูมิ บาดาล หิมพานต์ สวรรค์ชั้นสาม-สี่ ช่วงที่3 ตอนบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์และการได้คำตอบว่าตนเองเป็นใครมาจากไหนนะครับ ช่วงที่4 ตอนถูกมารครอบงำชีวิต(แต่เพื่อนสนิทบอกว่าตอนรังแกพญานาคมากกว่าครับ) ช่วงที่5 ตอนเตรียมสร้างบารมีหรือปัจจุบันนะครับ ก็จะเล่าจากบันทึกนะครับ เพื่อเพื่อนสมาชิกที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวลึกลับ และก็เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของผมในวัยเด็กนะครับ
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ผมเกิดมาในครอบครัวที่มีบิดาเป็นคนจีน มารดาแต่งงานอายุยังน้อย ผมเกิดที่ จ.อุดรธานี อายุ 5 ขวบ ผมก็ย้ายมาอยู่ที่ จ.เลย ก็เข้าเรียน ป.1 ตอนอายุ 6 ขวบ มารดาชอบไปวัดที่มีพระอาจารย์ดังๆ เช่น หลวงพ่อผาง พระอาจารย์ฝั้น และชอบนำหนังสือพระกลับมาบ้านด้วย ตอนนั้นไม่ค่อยมีหนังสือที่จะอ่าน ก็อ่านหนังสือพระนี่แหละ เขาสอนวิธีทำสมาธิ โดยการกล่าว"พุทโธ" แล้วจะได้ระดับฌานต่างๆ วันนั้นผมหัดทำตามหนังสือบอก โดยการภาวนา "พุทโธ"ไปเรื่อยๆมีความรู้สึกว่า เสียงรอบๆข้างค่อยๆเงียบลงไปทุกนาทีๆ จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย รู้สึกว่าจิตใจสงบ เยือกเย็น มันเป็นความรู้สึกครั้งแรกที่หัดนั่งสมาธิ เมื่อกลับมาอ่านในหนังสือเขาบอกว่า ถ้ารู้สึกอย่างนั้น เรียกว่าฌานหนึ่ง แต่ในหนังสือบอกว่าคนฝึกต้องใช้เวลาฝึกหลายครั้งกว่าจะได้ระดับนี้ มันเป็นความแปลกใจว่าทำไมเราฝึกครั้งเดียวแล้วทำได้เลยเหมือนกับตัวเราทำอย่างนี้มาก่อน เรียกว่าเกิดคำถามขึ้นในใจ แต่หาคำตอบไม่ได้
    หลังจากนั้นก็ทำทุกวันสัก 6 เดือนเห็นจะได้ ตอนนั้นป่วยเป็นไข้หวัด เลยไม่ได้ไปโรงเรียน นอนอยู่บ้าน ตอนกลางวันก็ภาวนาไปเรื่อย พอลืมตาขึ้นมามองไปที่เสาบ้าน ซึ่งเป็นบ้านไม้เห็นคนแก่ผมขาว ร่างกายใสอยู่ในเสาบ้าน คนแก่คนนั้นเห็นมองก็เดินจากเสาหนึ่งไปยังเสาตรงกันข้าม ความรู้สึกตอนนั้นเรียกว่ากลัวมากเลยครับ หลังจากหายจากการเป็นไข้ อาทิตย์ถัดมาพี่สาวพาไปวัดตอนค่ำๆ ตอนจะกลับผมมองไปที่รั้ววัด ซึ่งเป็นปูนและมีการเก็บกระดูกของผู้ตายไว้ ผมมองเห็นผีใส่เสื้อผ้าขาดๆอยู่ตามรูปที่เขาติดไว้นะครับ เรียกว่ามีตั้ง 20-30 ตัว แล้วพวกเขาเหมือนจะรู้ว่าผมมองเห็นพวกเขาได้ ทุกตัวยื่นมือมาข้างหน้าแล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ เหมือนขออะไรสักอย่างหนึ่ง ในใจตอนนั้นกลัวมากบอกกับพวกเขาว่าไปเอากับพระพุทธเจ้าโน่น ผมกลัวครับ ขากลับบ้านเดินหลับตาจับมือพี่สาว จนพี่สาวว่ากลัวอะไร เรียกว่าไม่ยอมห่างจากพี่สาวเลย นับตั้งแต่วันนั้นมาก็ไม่ฝึกภาวนา "พุทโธ"อีก แต่เปลี่ยนมาเป็นกสิณไฟแทน
     
  3. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    ปูเสื่อรอเลยครับ ต่อครับผม กำลังๆได้ที่เลย ชอบครับ

    [​IMG]
     
  4. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    การฝึกกสิณไฟ โดยการใช้การมองหลอดไฟก่อนจะนอนทุกๆวัน โดยการทำให้หลอดไฟนั้น เพิ่มจาก1 เป็น2 จาก2 เป็น4และจาก4 เป็น8 แล้วก็ทำเหลือ 2เหลือ4 เหลือ1บ้าง ทำทุกวันก่อนนอน จ.เลยหน้าหนาวนั้นหนาวมากอากาศเหลือสัก 3 องศาเห็นจะได้นะครับ คนอื่นเป็นไข้กันหมด เหลือผมอยู่คนเดียว ในตำราบอกว่า ถ้าอยากจะพัฒนาต่อไปให้มองดูดวงอาทิตย์ ตอนนั้นยังเด็ก อยากลอง ตอนพักเที่ยงก็ยืนมองดวงอาทิตย์แบบไม่กระพริบตา ก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ รู้สึกว่าร่างกายมันปั่นป่วนแล้วก็ร้อนๆอย่างไงก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนอาบน้ำนี่สิ ควันออกเลยครับยังกะน้ำเดือดยังไงยังงั้นนะครับ หลังบ้านผมเป็นทุ่งนา ตอนกลางคืนจะมืดมาก แต่จะมีคนผ่านอยู่มีคนถูกแทงตายบนถนนนั้น วัดถัดมาผมก็มองเข้าไปในความมืด เห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมองเห็นเขา เขาก็ยื่นมือมาขออะไรอีกแล้ว ผมก็บอกเขาไปว่าไปขอเอากับพระพุทธเจ้าโน่น เรียกว่าเห็นแบบไม่ต้องทำสมาธิเลย หลังจากนั้นก็ลังเลว่าจะฝึกอะไรดี ฝึกอะไรก็เห็นแต่ผี ไม่อยากเห็น กลัว หลังจากนั้นอายุ 10 ขวบ มารดาก็พามาอยู่ที่ อ.ปากช่อง อ.ปากช่องเป็นอำเภอที่แปลก หน้าหนาวมีแต่ไอน้ำแทบจะหาแสงแดดไม่เจอ เรียกว่าตากผ้า 3 วันยังไม่แห้ง เรียกว่าอากาศดีมาก แต่ตอน8 ขวบ คุณตาเสียชีวิต ผมก็บวชเณรตามประเพณีเพื่อที่จะจูงวิญญานไปสู่สวรรค์ ช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ก็เลยอยู่ยาว พระอาจารย์ถามลูกศิษย์ตัวน้อยๆว่า ใครฝึกอะไรได้บ้าง ผมก็ตอบไปว่าได้ฌานสามครับ อยากได้ฌานสี่ครับ พระอาจารย์กลับตอบว่า ไปฝึกเอากับเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์โน่น ตอนนั้นไม่รู้ว่าน้ำตามันไหลอาบแก้มได้อย่างไร แต่นั้นมาก็ไม่ฝึกอีก แต่พอโรงเรียน ครูเขานำพระมาฝึกสมาธิเบื้องต้นให้นักเรียน ผมก็เลยฝึกใหม่ เอาภาวนาพุทโธนี่แหละ ดูซิว่า สวรรค์มีจริงไหม เทวดามีจริงไหม ฌานสี่ทำได้จริงไหม เพราะในตำราบอกว่าฌานสี่เป็นฌานที่เข้าได้ยากมากมีทั้งหยาบและละเอียด ซึ่งในฌานอื่นๆนั้นไม่มี ผมใช้เวลาทำสมาธิทุกวัน นั่งบ้าง นอนบ้าง ถ้าวันไหนวันศุกร์-เสาร์ ทำมันทั้งคืน ผมได้แต่ความสงบ ความสุขแบบประหลาดๆกลับมา ไม่ก้าวหน้าไปไหน เทวดาก็ไม่เห็น สวรรค์ก็ไม่ได้ไป วันไหนไปโรงเรียนก็อาศัยนอนตอนกลับจากโรงเรียนแค่นั้นแหละ สัก 1-2 ทุ่มก็กินข้าวสักพักก็ทำสมาธิเอาโดยการนอน ถ้านั่งมารดาก็จะว่าเอา ทำอย่างนี้อยู่เกือบปีนะครับ จนกระทั่ง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  5. zomkiku

    zomkiku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +141
    เข้ามาติดตามนะคะ,,อยากฝึกบ้าง
     
  6. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    จนกระทั่งวันมาฆบูชา ผมได้ไปทำบุญและเวียนเทียน ก่อนกลับได้ไปไหว้พระพุทธรูปในโบชน์ โดยผมได้อธิษฐานว่า ถ้าสวรรค์มีจริง เทวดามีจริง ฌานสี่มีจริงขอให้ฝึกสำเร็จด้วยเทอญ ในคืนวันนั้นเอง ผมไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจ เมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ ผมได้นั่งมองเปลวเทียนจนกระทั่งเทียนหมดเล่ม และเมื่อมานั่งสมาธิรู้สึกว่าจิตใจ มันเงียบเหงา วังเวงผิดปกติกว่าทุกวัน ผมคิดไปว่า ผมอาจเศร้าใจที่พยายามทำจนสุดความสามารถแล้วก็ยังทำไม่สำเร็จ ผมคิดอย่างนั้น แต่พอนั่งสมาธิผมกลับพบว่าสามารถทำใจได้สงบได้รวดเร็วกว่าเดิม เมื่อจิตสงบพบว่ามีบันไดแก้วอยู่ข้างหน้า และมีเทวดา 2 องค์ทำท่าเชิญให้ขึ้นบันไดแก้วไปด้วยกัน ผมก็เลยเดินขึ้นบันไดไป เมื่อสุดทางผมพบเจดีย์อันใหญ่โต ประดับไปด้วยอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันสะท้อนแสงแวบวับจับตาและมีสีทองคล้ายทองคำด้วย และในเจดีย์นั้นมีสิ่งที่อยู่ตรงกลาง มีลักษณะเหมือนผมของคนและพระธาตุ ผมเลยเข้าไปกราบ หลังจากนั้นก็มีเหล่าเทวดามากราบไหว้สิ่งที่อยู่ตรงนั้นมากมาย ผมเลยถอยลงมานั่งแถวสุดท้าย หลังจากนั้นเหล่าเทวดาก็พากันสวดมนต์ด้วยบทอะไรก็ไม่รู้ครับ หลังจากนั้นเทวดาผู้เป็นประธานก็แสดงธรรมหลายข้อ และตอนท้ายเทวดาก็ผมว่า ฌานสี่นั้นคืออะไร ผมตอบว่า การทรงอารมณ์เดียว มีแต่ อุเบกขากับเอกคัตตาเท่านั้น เทวดาท่านบอกว่า ฌานสี่จะต้องมีปัญญาเป็นส่วนประกอบด้วย มิใช่แต่ทรงอารมณ์ไว้อย่างนั้นหรือถอดจิตออกจากกาย เพราะปัญญาเกิดที่ฌานสี่ หลังจากนั้นเทวดา2องค์ก็บอกให้ผมกลับได้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  7. แพรแพร

    แพรแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +638
    สนุกดีคะ อิอิ ^_^มารออ่านต่อ
     
  8. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,428
    ค่าพลัง:
    +33,493
    รออ่านตอนต่อไปอยู่จร้าาาาาาาา
     
  9. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    นับตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปมาก กลายเป็นเด็กที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่ กลัวการทำบาป แล้วก็มีเทวดาร่างกายสีเขียวชอบมาหาผม โดยเสนอให้สิ่งต่างๆ เช่น ความร่ำรวย แต่ผมบอกว่าถ้ารวยแล้วมีแต่กิเลสไม่เอาครับ อิทธิฤทธิ์ต่างๆ เช่น ตาทิพย์ ผมก็ถามกลับไปว่าแล้วจะเห็นผีหรือเปล่า ท่านตอบว่า เห็นแน่นอน แล้วจะเห็นเป็นสิ่งแรกด้วยเพราะอยู่ใกล้กัน ผมก็ตอบว่านั้นไม่เอา เรียกว่าเสนออะไรให้ก็ไม่เอา แต่เลือกเอาอยู่อย่างหนึ่งคือ อ่านใจคนได้(เจโชฌาน) โดยผมให้เหตุผลว่าเอาไว้เวลาคบหาใครจะได้รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ แต่จริงๆแล้วผมนำมาใช้ในการสอบ ในการเรียนหนังสือ โดยส่องเข้าไปดูว่า ครูเขาจะออกข้อสอบอะไร ผมก็จำแต่ที่ครูเขาจะออก เรียกว่าเรียนง่ายกว่าเดิมเยอะเลยครับ แต่วิชาวาดเขียนที่ต้องใช้จินตนาการนั้น ผมทำไม่ได้ เพราะในการทำสมาธิของผมนั้น ผมไม่ให้เกิดนิมิต เมื่อเกิดนิมิตผมจะถอยกลับมาเพราะกลัวติดในนิมิต มันก็เลยส่งผลให้ผมสร้างจินตนาการไม่ได้ วิชาวาดเขียนผมส่งกระดาษเปล่าประจำ รูปแรกที่วาดได้เป็นรูปนกที่กำลังบิน โดยใช้ความพยายามถึง 9 วันกว่าจะวาดได้สำเร็จ เทวดาร่างกายสีเขียวนั้น ท่านคงมีบารมีมากทีเดียว เมื่อท่านพาขึ้นไปบนสวรรค์นั้น สวรรค์ชั้นนี้มีประตูมากมาย ผมเคยเดินนับได้สักร้อยกว่าๆก็เลยเลิกนับน่าจะมีมากว่านั้น เวลาเดินไปกลับท่านเทวดาท่านอื่นจะให้ความเคารพ บนสวรรค์นั้นมีกลิ่นหอมเหมือนดอกกระดังงาที่ถูกฝนมาใส่ใหม่ๆ มันหอมชื่นใจอย่างไงไม่ถูกครับ แล้วเทวดาบนสวรรค์ก็ไม่มีเด็กน้อย มีแต่เทวดาหนุ่มสาว หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ศาลาที่มีหลายร้อยห้องนั้นเขาจะผูกกระดิ่งไว้จะมีเสียงดัง ฟังแล้วก็ชื่นใจดีครับ วิมานที่เทวดาร่างกายสีเขียวนั้นอยู่ก็เหมือนปราสาทของคนนะครับ มีการแบ่งเป็นห้องต่างๆ มีเทวดารับใช้ด้วยครับ โดยเทวดาจะทานอาหารเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน อาหารที่ท่านทานนั้นดูแล้วน่าจะจืดๆนะครับ เรียกว่าสวรรค์น่าอยู่กว่าโลกมนุษย์มากมาย ถ้าใครได้สัมผัสเหมือนผมก็คงจะอยากไปอยู่บนนั้นนะครับ เทวดาร่างกายสีเขียวนี้ ท่านบอกว่าจะอยู่กับผมจนถึงอายุครบ 12 ปี หลังจากนั้นจะมีเทวดาท่านอื่นมาอยู่กับผมต่อไปนะครับ
     
  10. pgame

    pgame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +184
    อนุโมทนา กับ คุณ คุรุวาโร ที่ได้เล่าถึงประสบการณ์
    การฝึกสมาธิที่มีประโยชน์กับผู้อ่านทุกๆท่านครับ
     
  11. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    ตามมาอ่านแล้วจ๊ะ ชอบๆๆๆ รออ่านนะ
     
  12. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    รออ่านเวอรชั่นเต็มคับ ขอบคุณคับ ^^
     
  13. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    อนุโมทนาบุญครับ สําหรับประสบการณ์ที่นํามาเล่า รออ่านตอนต่อไปครับ
     
  14. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ชีวิตไม่เหมือนใครจริงๆ
    อืม....ตาลายด้วย(one-eye)
     
  15. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,428
    ค่าพลัง:
    +33,493
    กำหนดรู้ในผู้อื่นได้, รู้ใจผู้อื่นอ่านความคิดของเขาได้ เรียกว่า เจโตปริยญาณ

    แต่ไม่เคยได้ยินคำว่า " เจโชฌาน"​
     
  16. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 สิงหาคม 2011
  17. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 สิงหาคม 2011
  18. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
    การไปส่องดูข้อสอบนี่ เขาไม่เรียกเจโตญาณนะครับ

    เพราะเจโตปริยญาณ เป็นญาณ หรือ เครื่องรู้พิเศษ ไช้ในการอ่านใจคนเท่าั้นั้น

    แต่ญาณ ที่คุณ คุรุวาโว ไปแอบส่องดูข้อสอบนี่

    เขาไช้ ทิพย์จักขุญาณ หรืออีกนัยหนึ่ง จะเรียกว่ามีตาทิพย์ก็ได้ครับ

    เช่น รู้ เห็น ว่าบ้านหลังนั้น หลังนี้ มีอะไรอยุ่ในบ้านมั่ง โดยไม่ต้อง ไปดู ไม่ว่าจะอยุ่ไกลแค่ไหน

    นั่งอยุ่กับที่ ก็รู้ได้ ประมาณนี้นะครับผม
     
  19. แม่หมูอ้วน

    แม่หมูอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +6,061
    ตามมาอ่านด้วยคน ขอบคุณที่มาเล่าให้อ่านกันค่ะ
     
  20. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
     

แชร์หน้านี้

Loading...