ความมหัศจรรย์ใน'บารมีธรรม'จาก...หลวงพ่อชาถึง...หลวงพ่อคูณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 5 สิงหาคม 2011.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    [​IMG]
    <SCRIPT type=text/javascript src="http://www.komchadluek.net/js/slides.min.jquery.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> $('#slides').slides({ preload: false, preloadImage: 'images/loading.gif', effect: 'fade', crossfade: true, fadeSpeed: 500, play:4500, pause: 1500, hoverPause:true, generateNextPrev: false, generatePagination: false, animationStart: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:-35 },100); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationStart on slide: ', current); }; }, animationComplete: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:0 },200); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationComplete on slide: ', current); }; }, slidesLoaded: function() { $('.caption').animate({ bottom:0 },200); } }); </SCRIPT>
    • [​IMG]
    ความมหัศจรรย์ใน'บารมีธรรม'จาก...หลวงพ่อชาถึง...หลวงพ่อคูณ

    ความมหัศจรรย์ใน'บารมีธรรม'จาก...หลวงพ่อชาถึง...หลวงพ่อคูณ : โดย ศิษย์กวง


    เมื่อปี ๒๕๓๖ คุณพิเชษฐ วิมุกตายน ได้นิมนต์ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ มาทำบุญและจำวัดที่บ้านพัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ผู้เขียนเป็นเพื่อนสนิทกับคุณเฉลิมวัฒน์ ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน ได้มีโอกาสเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้พูดคุยอะไร เนื่องจากในวันดังกล่าวได้มีบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่ไปรอกราบหลวงพ่ออีกมากมาย จนบ้านพักขนาดใหญ่ ต้องคับแคบไปถนัดตา

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน คุณเฉลิมวัฒน์ได้ชวนให้ผู้เขียนไปดูดอกไม้ที่บ้าน พร้อมกับเล่าว่า ในช่วงเช้าก่อนที่หลวงพ่อคูณจะเดินทางกลับวัดบ้านไร่ ท่านได้ออกมาเดินบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และได้หยุดมองต้นไม้ต้นหนึ่ง พร้อมกับตบเบาๆ ที่ลำต้นของต้นไม้นั้น
    คุณพิเชษฐ จึงกราบเรียนท่านว่า “ซื้อมาปลูกหลายปีแล้ว ไม่เคยออกดอกเลย”
    ท่านพยักหน้ายิ้มๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ต่อมาต้นไม้ต้นนี้ได้ออกดอกเต็มต้น หลังจากหลวงพ่อคูณ ได้กลับวัดบ้านไร่ไปแล้ว ๒ วัน
    คุณพิเชษฐ เห็นความมหัศจรรย์ในบารมีธรรมของหลวงพ่อคูณ จึงได้ชักชวนบรรดาเพื่อนนายทหาร และเพื่อนๆ ของลูกชาย ไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ พร้อมกับได้ฝังตะกรุดที่ท้องแขนทุกคน ในวันเสาร์ ๕ ของปี ๒๕๓๖
    หลายปีต่อมา ผู้เขียนได้สนทนากับนักปฏิบัติธรรมมืออาชีพท่านหนึ่ง เรื่องนี้ได้ถูกยกขึ้นมากล่าวขานด้วยความเห็นส่วนตัวว่า เป็นเรื่องแปลก และไม่น่าจะเป็นไปได้
    นักปฏิบัติธรรมท่านนี้มีความเห็นว่า ไม่แปลก และเป็นไปได้เสมอ โดยเฉพาะกับพระบริสุทธิสงฆ์ผู้ทรงธรรม โดยยกตัวอย่างของ หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ที่หลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดสมอง หลวงพ่อชาได้มาพักฟื้นที่บ้านของลูกศิษย์ในกรุงเทพ
    ที่บ้านนี้มีต้นพวงชมพู ที่ไม่เคยออกดอกก็กลับออกดอกได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ผู้เขียนฟังแล้วก็อดนึกไปถึงเรื่องราวในพระพุทธศาสนาไม่ได้ว่า
    เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงประทับ ณ เชตวันวิหาร กรุงสาวัตถี ในยามนั้นท้าวสักกะจอมเทพ ได้เสด็จไปเข้าเฝ้า และตรัสถามพระพุทธเจ้าว่า “สถานที่เช่นใดหนอ เป็นภูมิสถานอันน่ารื่นรมย์”

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบว่า “พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด เป็นบ้านหรือป่าก็ตาม เป็นที่ลุ่มหรือที่ดอนก็ตาม ที่นั้นเป็นภูมิสถานอันน่ารื่นรมย์”
    หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ท่านจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ผู้เขียนก็มิอาจทราบได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าท่านสำเร็จจริงๆ ดังที่มีครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐานหลายท่านกล่าวรับรอง
    ในกรณีของ หลวงพ่อคูณ ก็เช่นกัน ผู้เขียนมิอาจทราบว่า ท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์หรือไม่ อีกทั้งยังไม่เคยทราบว่า มีครูบาอาจารย์ผู้ทรงธรรมท่านใดกล่าวคำรับรอง เพียงแต่ผู้เขียนเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า พระบริสุทธิสงฆ์ผู้มากไปด้วยเมตตาบารมีอย่าง หลวงพ่อคูณ อยู่ที่ไหน ที่นั่นก็น่ารื่นรมย์อยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้ ยังไม่เคยเห็นลูกศิษย์คนไหนปลดวัตถุมงคลของท่านออกจากคอเลย

    �������Ȩ����㹺���ո����ҡ...��ǧ��ͪҶ֧...��ǧ��ͤٳ ���Ѵ�֡ : ��������ͧ : ���Ƿ�����
     
  2. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]

    " หลวงพ่อ คูณ ปริสุทโธ "

    หลวางพ่อนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานแล้วเห็นอะไร

    การปฎิบัติกรรมฐานมีผู้ปฎิบัติและสอบถามหลวงพ่ออยู่เนืองๆว่าเห็นอะไรบ้าง
    หลวงพ่อมีคำตอบว่า


    "กูไม่เห็นอะไรดอกไอ้นาย
    ก็หลับตาจะเห็นอะไร
    ถ้ากูลืมตา กูจึงจะเห็น
    กูเห็นมึงชัดเจนว่า มึงดีหรือชั่ว
    มึงดำกูก็เห็น มึงขาวกูก็เห็น
    แต่เวลากูนั่งหลับตา
    นั่นกูทำใจสงบนิ่งและสบาย
    ทำใจให้ผ่องใส
    แล้วจะเกิดปัญญา"


    จากหนังสือ "กูสอนมึง"
     
  3. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]


    " หลวงพ่อ คูณ ปริสุทโธ "

    พรมวิหารธรรมนำไปสู่ชัยชนะ


    การเดินธุดงค์ในป่าดงดิบ มักจะผจญกับสิ่งเร้นลับ
    โดยเฉพาะกับความรู้สึกนึกคิดผจญกับความคิดกับความวิตกกังวล
    ความหวั่นไหวสับสนต่างๆ นานาในจิตใจของตนเอง
    เพราะท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยววิเวกวังเวง ความมืด
    ความเงียบสงบที่ห่อหุ้มเสียงกู่ร้องคำรามโหยหวนของสัตว์ป่าอันน่าพรั่นพรึง
    หลวงพ่อได้เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า


    " จงตัดความกลัวเหล่านี้ออกไปให้หมดสิ้น
    ไม่ให้ความกลัวเหลืออยู่ในจิตใจ
    อาวุธที่พระพุทธองค์ทรงประท่านให้สู้กับความวิเวก
    สู้กับศัตรูสิงห์สาราสัตว์ หรือแม้แต่สู้กับวิตกจริตของตนเอง
    เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและหนักแน่น
    ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา "


    บางครั้งแม้เส้นธุดงค์จะเสี่ยงภัยอันตรายแสนสาหัสพราณป่าหรือชาวบ้านเขาไม่เดินกัน
    พระธุดงค์ก็ต้องเดิน หลวงพ่อไม่กลัวหรืออย่างไร
    หลวงพ่อกล่าวว่า


    "สัตว์ป่าที่ดุร้าย ไม่ว่าช้าง เสือ
    มันก็กลัวเราเหมือนกัน
    สำคัญที่จิตใจใครเข้มแข็ง
    และมีสมาธิแน่วแน่กว่ากัน
    ใครขวัญอ่อน ขาดสติ ก็เผ่นหนีก่อน
    การทำจิตใจให้แน่วแน่ มั่นคง สงบนิ่งตั้งอยู่ในสมาธิ
    แล้วแผ่เมตตาให้กับมัน
    ต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันไป
    มันก็เท่านั้น
    ไม่มีอะไรน่าวิตก "


    มีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนมีพระธุดงค์ถูกเสือกัดตาย
    หรืออาจถึงกับคาบเอาไปกินเป็นอาหาร
    หลวงพ่ออมยิ้มแล้วเล่าด้วยใบหน้าที่มีอารมณ์ร่วมว่า


    " เหตุการณ์อย่างนั้นเป็นเพราะพระธุดงค์นั้นผิดศีล
    ผิดธรรมธุดงค์แบบไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์
    ไม่ยึดมั่นถือมั่นในศีลในธรรม ไม่ปฎิบัติตนเข้าถึงหลักธรรม
    ให้สมกับการเข้าไปหาความวิเวก แบบนั้นเขาเรียกว่าไม่มีบารมีธรรม
    เป็นเหยื่อสัตว์ป่าเสียเปล่าๆ
    เทวาอารักษ์ในป่าเขาก็คร้านจะคุ้มครอง "



    หลวงพ่อย้ำว่า

    "พระธุดงค์จะต้องครองศีลให้บริสุทธิ์
    ตัดอาสวะกิเลสทั้งปวง ปฎิบัติให้มีศีลมีธรรมอย่างเคร่งครัด
    จึงจะไปตลอดรอดฝั่ง
    และปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

    แม้นเรียนรู้ดูตำรามาร้อยศาสตร์
    เชิงฉลาดชาญวิชาน่าเกรงขาม
    ฤาจะสู้ผู้เรียนรู้เรื่องรูปนาม
    จำเริญตามรอยบาทพระศาสดา"




    จากหนังสือ "กูสอนมึง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2011
  4. เอทัศน์

    เอทัศน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +807
    สาธุอนุโมทนามิ..ธรรมสามารถคุ้มครองผู้รักษษธรรมได้นี่จริงแม้แน่นอนค่
     
  5. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    อนุโมทนาครับ ไม่ค่อยได้มีโอกาสฟังธรรมจากหลวงพ่อคูณเลย ยังงัยก็เอามาลง
    เย๊อะๆหน่อยน๊ะครับ ^^
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    กราบเท้าหลวงพ่อคูณครับ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. สุทธิมา

    สุทธิมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +2,118
    กราบนมัสการหลวงพ่อคูณ ขอให้องค์หลวงพ่อดำรงธาตุขันธ์แข็งแรง
    อนุโมทนาสาธุ
     
  10. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]


    ..เดี๋ยวจะลงให้อ่านอีกนะคะ
    เรื่องของหลวงปู่คูณ
    ท่านมีเมตตามากๆคะ...

    มณีน้อยเองก็ลูกหลานหลวงปู่คูณ
    หลานย่าโม น้อมกราบหลวงปู่
    และจะทำตามในสิ่งที่หลวงปู่สอน
    ด้วยเศียรเกล้า
     
  11. Nukool

    Nukool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,073
    หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเป็นพุทธภูมิครับ
     
  12. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    เคยอ่านในหนังสือ ว่ากันว่า พระภิกษุสงฆ์ที่มีลูกศิษย์เยอะที่สุดในประเทศ คือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
     
  13. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]


    " หลวงพ่อ คูณ ปริสุทโธ "

    ชีวิตสมณะ


    เมื่อหลวงพ่อมีอายุได้ ๒๑ ปี เกิดมีจิตศรัทธาที่จะบรรพชาอุปสมบทในบวรพุทธศาสนา
    ตามประเพณีเพื่อทดแทนพระคุณของบิดามารดา
    จึงได้บรรพชาอุปสมบท ณ จังหวัดนครราชสีมา
    เมื่อวันที่ ๒พฤษภาคม ๒๔๘๗ เวลา ๑๑ นาฬิกา
    โดยมี พระครูวิจารยติกิจอดีตเจ้าอาวาสวัดถนนหักน้อย
    อดีตเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทดเป็นพระอุปฌาย์
    พระอธิการสี วัดบ้านจั่น อำเภอด่านขุนทด เป็นกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการสุข วัดโคกรักษ์ อำเภอด่านขุนทด เป็นอนุสาวนาจารย์


    คำอธิฐานของหลวงพ่อ
    " กูจะตั้งใจบวชซัก ๓ พรรษา "

    หลวงพ่อกล่าวถึงความรู้สึกนึกคิดครั้งแรกๆ
    เมื่อจะบวช แต่เมื่อบวชแล้วจิตใจจะครุ่นคิดถึงภาพในอดีตตั้งแต่วัยเยาว์
    จนกระทั้งอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์
    เห็นสภาพแวดล้อมความยากลำบากของท้องถิ่นทุรกันดารในบ้านเกิดเมืองนอน
    ก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า

    "ทำอย่างไรจะช้วยคนเหล่านี้ให้พ้นทุกข์ได้"

    "อันตัวกูก็ต่ำต้อยน่อยค่าอย่างนี่
    ถ้าซึกออกไปจะทำประโยชน์อะไรให่คนในแผ่นดิน
    ลำพังการเลี่ยงตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอด แต่การบวชเรียนถือศีลอยู่
    หากมีความรู่ มีคุณธรรม
    อาจจะช้วยเหลือเกื้อกูลพวกเขาให่พ่นวิบากกรมได้มากกว่า "


    หลังจากศึกษาพระธรรมวินัย
    พิจารณาคติธรรมคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างถ่องแท้แล้ว
    จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า
    จะอุทิศกายถวายชีวิต
    เพื่อบวรพระพุทธศาสนาตลอดไป

    [​IMG]

    เมื่อครองเพศสมณะในช่วงเริ่มแรก
    หลวงพ่อได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาย อำเภอด่านขุนทด
    มีหลวงพ่อคงพุทธสโร เป็นเจ้าอาวาส
    หลวงพ่อคูณได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อคงไม่นานเท่าใด
    หลวงพ่อคงได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดหนองโพธิ์
    ซึ่งมีความเข้าใจทางวิปัสนากัมมัฎฐาน ยิ่งเรื่องญาณสมาธิแล้ว
    หลวงพ่อแดงมีชื่อเสียงมาก หลักปฎิบัติที่หลวงพ่อแดงสอนก็คือ


    คลายกำหนัดย้อมใจปราศจากทุกข์
    ไม่สั่งสมกองกิเลส สร้างความอยากอัน้อย
    มีความสันโดษ หลีกพ้นจากหมู่คณะ
    มีความเพียร และมีความอยู่ง่าย



    หลวงพ่อได้ปฎิบัติตามคำสั่งของหลวงพ่อแดงอย่างสม่ำเสมอ
    แม้ทุกวันนี้ท่านก็ยังยึดหลักนี้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
    หลักการสอนของหลวงพ่อแดง ได้ยกเอามาจากพระสูตรต่างๆ
    ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค้นพบและสอนไว้
    เช่น หลวงพ่อแดงสอนว่า


    การทำสมาธิด้วยการเพ่งจิตให้สงบ
    เรียกว่าญาณ เพราะถ้ามีญาณก็จะเกิดปัญญา
    ปัญญาย่อมเกิดแก่ผู้มีญาณ
    ผู้ใดใกล้ปัญญาและญาณ
    ผู้นั้นใกล้นิพพานโยแท้


    [​IMG]

    เมื่อหลวงพ่อได้ศึกษาวิชชาวิปัสนากัฏฐานกับหลวงพ่อแดงด้วยความขยันหมั่นเพียร
    จนมีภูมิทางญาณสมาธิแน่นพอสมควรแล้ว
    หลวงพ่อแดงจึงนำหลวงพ่อคูณคืนหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่
    เพื่อศึกษาธรรมะ และวิปัสสนาเพิ่มเติมอีก
    นับแต่นั้นมาหลวงพ่อได้ศึกษากรรมฐาน
    ตามแนวพระสายวิปัสสนาผู้หักคานเรือน
    ไม่ยึดเกาะกับลาภสักการะ
    มุ่งเรียนรู้ให้ถึงแก่นสารของชีวิตและเนื้อแท้ของธรรมะเพื่อสั่งสอนญาติโยมเท่าที่จะสงเคราห์ได้

    หลวงพ่อคง พุทสโร รู้สึกพอใจมาก
    ที่เห็นหลวงพ่อคูณมีความพยายาม
    และตั้งใจจริงต่อการเรียนกัมมัฏฐาน
    เพราะเท่าที่ผ่านมาศิษย์ส่วนใหญ่มักจะขอเรียนวิชาอาคมกัน
    ซึ่งหลวงพ่อคงไม่สนับสนุน เนื่องจากไม่ใช่ทางหลุดพ้น
    หลวงพ่อคงแนะนำหลวงพ่อูณว่า

    " การเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานจะรู้แจ้งเห็นจริงได้นั้นอยู่กับที่ไม่ได้
    ควรหาที่วิเวกสงบเจริญศีลภาวนาให้จิตใจสงบยิ่งขึ้น
    พระวิปัสสนาควรถือธุดงควัตรเป็นหลัก
    อีกทั้งจะเป็นการประกาศศาสนาให้คนทั่วไปได้ทราบด้วย"



    จากหนังสือ "กูสอนมึง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2011
  14. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Anumo..tana..satu..naka.
     
  15. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]



    คำสอน หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
    จากหนังสือ ธรรมะโอวาท



    หลวง พ่อคูณ ปริสุทโธ
    ท่านเป็นพระเถระที่มีพุทธศาสนิกชนเคารพเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดอีกองค์หนึ่ง
    มโนสำนึกที่ท่านแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดก็คือ
    ความเมตตาของท่านอย่างแท้จริงที่ท่านพยายามจะช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้พ้นจาก
    ความทุกข์ ผู้คนเป็นจำนวนมากมายที่ได้รับความเมตตาจากท่าน
    นับถือท่านประดุจดังเทพเจ้า
    และทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กระทำลงไป ท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    ด้วยเมตตาธรรมอันสูงยิ่ง ทำให้คนที่เป็นทุกข์อยู่ได้มีความสุขใจได้
    ระดับหนึ่ง จนท่านได้รับการกล่าวขานด้วยความเคารพนับถือจากพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า
    เป็นนักบุญแห่งที่ราบสูง





    หลวง พ่อมีคำสอนที่ลึกซึ้ง กินใจ
    แม้ว่าบางครั้งคำพูดของท่านอาจจะฟังไม่ระรื่นหูนักสำหรับบางคน
    แต่ความหมายแห่งคำสอนของท่าน สามารถช่วยให้ผู้ที่ได้รับฟังและนำมาคิด
    ได้รับประโยชน์สุขในการดำรงชีวิตเป็นอย่างยิ่ง




    [​IMG]




    หลักการทำบุญ
    เป็น ที่รู้กันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม
    โดยส่วนหนึ่งได้แก่การบริจาคปัจจัย หรือมอบเงินให้กับการกุศลจำนวนมากมหาศาล
    ซึ่งล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่สาธารณชนทั่วไป
    ดังเช่นคราวมอบเงินเพื่อสร้างโรงพยาบาล อำเภอสะแกแสง
    จังหวัดนครราชสีมาจำนวนเงิน ๑๕ ล้านบาท หลวงพ่อให้จารึกที่ป้ายหน้าโรงพยาบาลว่า
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สร้างอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอนุวงศ์ อดีตเจ้าเมืองเวียงจันทน์ (ประเทศลาว)


    จาก คำจารึกดังกล่าว ทำให้ผู้คนสงสัยว่า เป็นเพราะเหตุใดหลวงพ่อคูณจึงได้อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าอนุวงศ์
    ซึ่งถือเป็นศัตรูกับชาวโคราช หลวงพ่อคูณจึงได้ไขข้อข้องใจว่า
    การทำบุญไม่แตกต่างจากการคิดทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ต้องมีแนวทาง หรือขั้นตอนในการทำ นั่นคือการทำบุญแต่ละครั้ง
    แผ่ส่วนกุศลให้กับศัตรูหมู่มารด้วย
    เช่น เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ
    เพราะเป็นของคู่กับเราเหมือนดำคู่กับขาว มืดคู่กับสว่าง สุขคู่กับทุกข์ เป็นต้น
    หากไม่มีเจ้าอนุวงศ์ก็ไม่มีโอกาสมีวีรสตรี
    หรือท้าวสุรนารีและลูกหลานก็ไม่มีโอกาสได้รู้จักบุคคลสำคัญคือ คุณย่าโม นางสาวบุญเหลือ ดังคำกล่าวที่ว่า

    สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ
    ดังนั้นเจ้าอนุวงศ์จึงสมควรที่จะได้รับบุญกุศลด้วยจึงสมบูรณ์







    หัวใจพระพุทธศาสนา
    หลัก ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง
    สรุปมาเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาได้ ๓ ประการ
    คือ ละความชั่ว ทำดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ มีสมาธิ
    หลวงพ่อคูณได้ให้คำสอนสำหรับพุทธศาสนิกชนยึดถือปฏิบัติสั้นๆเข้าใจง่ายๆว่า
    ละทำชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ

    หลวงพ่อกล่าวถึงการปฏิบัติธรรมตามหลักเบญจศีล
    และเบญจธรรม ท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่า คนไทยจะต้องละความชั่ว ทำดี
    มีศีลธรรมประจำใจ

    ท่านบอกว่า...
    อยาก ให้บ้านเราเจริญนะ
    ไม่ยากหรอก ตั้งอยู่ในองค์ปัญจะทั้ง ๕ คือรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
    ไม่ให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ
    หรือใครก็ตาม แม้แต่พระเราก็ต้องรักษาศีล ๕ ถ้าไม่มีศีล ๕ ประจำใจ
    ไม่ว่าพระรูปใดรูปหนึ่ง ก็เป็นพระไม่ได้เหมือนกัน





    [​IMG]

    บุญบาปมีจริง
    หลวง พ่อคูณจะแนะนำคำสอนอยู่ตลอดเวลา
    และให้นำไปประพฤติปฏิบัติเอง จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
    อันนำมาซึ่งความเจริญทั้งต่อตนเองและประเทศชาติ โดยให้ยึดมั่นและ
    ให้เชื่อว่า บาปมีจริง บุญมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้ปฏิบัติตามศีล ๕ อันเป็นรากเหง้าของศีล
    เท่านี้ก็นับว่าเป็นมนุษย์สุดประเสริฐแล้ว

    หลายครั้งที่ท่านพูดเรื่องบาปบุญ เช่นอวยพรปีใหม่ ตอนหนึ่งว่า...
    ...กู ไม่มีอะไรมาก กูไม่มีอะไรจะสอนพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงก็รู้ว่ากูพูดไม่เป็น
    พูดไม่เก่งเหมือนเขา เทศนาว่ากล่าวอะไรก็ไม่เป็น กูมีแต่ว่าให่ละชั่ว ทำดีกันเท่านั้นแหละ
    บุญบาปมีจริงลูกหลานเอ้ย ให่เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ให่ละชั่ว ทำดี
    มีศีลธรรมประจำใจ บุญเห็นกับตา
    บาปเห็นกับตา รักตัวกลัวภัยอย่าทำชั่ว ให่ตั้งอยู่ในเมตตา

    หลวงพ่อคูณกล่าวขึ้นว่า ขึ้นชื่อว่าบุญมีอะไรก็ทำไป
    อย่าไปเลือกว่าบุญมากบุญน้อยทำไปก็มากเอง

    คนนับถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องเชื่ออะไร
    เชื่อบุญมีจริง บาปมีจริง ก็ใช่ได้ เท่านั้นพอ ไม่ต้องทำอะไร

    เวลาทำบุญทำไมต้องไปถึงพระพุทธบาท
    พ่อแม่อยู่บนบ้าน มึงไม่ทำบุญเลย
    มึงควรทำบุญทุกวันก็จะได้มาก

    มึงอย่ามัวรอทำบุญ ๑๐๐ วันมึงจะได้สักเท่าไร

    หลวง พ่อคูณให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำบุญว่า การทำบุญ
    อย่าไปกลัวบุญ อย่าไปอายบุญ ต้องแข่งเขาทำ เหมือนกับการสร้างพระประธานเอาไว้ในโบสถ์ สร้างได้แค่องค์เดียว
    ต้องแย่งกันจอง เหมือนกฐินที่จะนำไปทอดวัดที่มีชื่อเสียง
    ถ้าไม่จองกันไว้ก่อน มีเงินล้นฟ้าเท่าไรก็ทอดไม่ได้
    ฉันใดก็ฉันนั้น

    และท่านได้กล่าวว่า...
    คนทำบุญนี้ ก็ต้องฝึกมาตั้งแต่เป็นเด็ก
    เมื่อเคยฝึกทำมาแล้ว ภายหลังมีเงินมีทอง
    จะบริจาคก็ไม่เสียดาย

    หลวง พ่อคูณให้ความสำคัญ
    และพยายามเน้นให้สาธุชนเชื่อในเรื่องบุญ เรื่องบาป
    โดยให้เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง เพราะถ้าเชื่อเช่นนี้แล้ว
    เราจะหันไปประกอบแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว ใครทำบุญจะได้ไปสวรรค์
    ใครทำชั่วจะได้ไปนรก คือความทุกข์กายทุกข์ใจ ดังคำกล่าวที่ว่า
    สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ




    กิเลส
    ความ โลภ ความโกรธ ความหลง
    ถือว่าเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งหลายทั้งปวง
    ในทางพระพุทธศาสนาสอนให้นำอำนาจของพระธรรม
    คำสอนของพระพุทธเจ้ามาทำลายล้างกองกิเลสทั้ง ๓ นี้ โดยใช้วิธีปฏิบัติตามธรรมะ ๓ ประการ
    คือ ทาน ศีล ภาวนา ตามลำดับ

    หลวงพ่อคูณเป็นผู้ทำเป็นตัวอย่างในการที่จะตัดกิเลสทั้ง ๓ นี้
    ท่านพยายามที่จะจัดการกับกิเลสพวกนี้ หลวงพ่อคูณแนะนำว่า
    ตัวไหนมันมากระซิบหูเรา อย่าไปเชื่อมัน
    เช่นตัวโลภะมา ก็เฮ้ยจะไปโลภทำไม

    สิ่ง ที่ท่านกลัวที่สุดคือกลัวโลภะ โทสะ โมหะ จะเกิดขึ้น
    กลัวมันจะครอบงำจิตสันดาน ถ้ามันมาครอบงำแล้ว
    ไม่ว่าใครก็จะเสียคน เป็นบ้าไปเลยทีเดียว ตื่นไม่รู้ตัว
    เมาตลอดกาลถ้าหลงพวกนี้

    แม้ แต่หลวงพ่อคูณก็ยังอยากได้เงิน
    เพื่อเอาไปพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ไปขุดบ่อขุดบึง
    ทำสาธารณประโยชน์ส่วนรวมแก่คนทั้งหลาย แต่การบริจาคของหลวงพ่อคูณแต่ละครั้งไม่เคยติดตาม
    ไม่เคยทวงถามว่านำเงินไปใช้ตามประสงค์หรือไม่
    ให้ไปแล้วจะทำอะไรก็ช่างเขา ถ้าไปตามดู เห็นเขาทำไม่ดีไม่งาม ก็จะบันดาลโทสะ
    นั่นแหละคือตัวกิเลส แม้แต่จะมีคนนำปัญหาต่างๆมาเรียนให้ทราบไปเรื่อยๆ
    เมื่อบริจาคให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่
    เป็นเรื่องที่จะพิจารณากันเอง สิ่งเหล่านี้แสดงออกถึงความเป็นผู้ละวาง

    ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมด มันยิ่งได้




    ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย
    การ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
    คือ ไม่ประมาททั้งทางโลกและทางธรรม เป็นธรรมะที่มีความสำคัญ
    ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลักธรรมข้ออื่นๆ ถ้าหากมนุษย์เราปฏิบัติธรรมะข้อนี้ได้เหมือนกับได้ปฏิบัติตามหลักธรรมข้อ อื่นๆ
    ของพระพุทธองค์ได้ครบทั้งหมด

    แต่ ถ้าบุคคลใดประมาท หลวงพ่อคูณท่านกล่าวว่า
    ก็เหมือนคนที่ตายแล้ว คือคนหมดชีวิตแล้ว ถ้าประมาทเมื่อใดก็ตายเมื่อนั้น
    เพราะฉะนั้นทำอะไรทุกอย่าง ทำให้ดี อย่าได้ประมาท อย่าผัดผ่อน
    ถ้าประมาทแล้วนึกได้ทีหลังจะเสียใจ

    ท่านให้ข้อคิดกับคนทีเอารถมาเจิมว่า...
    การ ขับรถอย่างระมัดระวังไม่ประมาท
    สำคัญกว่าการเจิม อย่างโบราณท่านว่า วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็ชนกันตาย
    การขับรถจะต้องดูทาง ถ้ามันคดโค้งจะต้องระมัดระวัง



    [​IMG]


    อย่าดีแต่พูด
    พุทธ ศาสนิกชนที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อคูณนั้นไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่ท่าน
    สามารถเทศนาสั่งสอนประชาชนด้วยลีลาโวหารอย่างพระนักเทศน์ทั่วไป
    แต่เกิดจากข้อวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของหลวงพ่อคูณ ซึ่งประจักษ์แก่สายตาพุทธศาสนิกชนอย่างชัดเจน
    นอกจากคำสอนที่เป็นคำพูดตรงๆแทรกธรรมง่ายๆที่ประชาชนทั่วไปฟังแล้วเข้าใจ
    โดย ง่าย แม้ท่านจะเป็นพระอาจารย์ชื่อดังของประเทศ แต่ละวันมีเงินบริจาคหลั่งไหลเข้าวัดจำนวนมาก
    แต่วิถีชีวิตของท่านก็ยังคงดำเนินไปแบบสมถะและเรียบง่าย เงินที่เข้าวัดในแต่ละวันหลวงพ่อคูณไม่ได้สะสม
    แต่จะบริจาคสร้างสาธารณประโยชน์

    หลวง พ่อคูณจึงเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้ที่มีความสมถะ
    และเรียบง่าย รู้จักบริจาคทาน ดังที่ได้กล่าวให้พุทธศาสนิกชนได้คิดในโอกาสต่างๆว่า...

    มันต้องสอนตัวเองก่อน จะแนะนำอะไรเขาตัวเองทำให้เขาดูตัวอย่างก่อน
    เช่น สอนให้เขาบริจาคทาน ตัวเองต้องบริจาคเสียก่อนด้วยจึงจะถูก
    ใคร
    มันจะไปเชื่อ เชื่อไม่ได้ ต้องทำให้เขาดูก่อน สอนตัวเองก่อน ถึงค่อยไปสอนคนอื่น
    จะทำอะไรทุกอย่างมันต้องทำให้เขาดูก่อน เขาจึงจะเชื่อ ...

    อย่างพระสงฆ์ อย่าดีแต่ไปสอนคนอื่น
    สอนตัวเองบ้างเถอะน่า สอนคนอื่นอย่างน้ำไหลไฟดับ
    แต่ตัวเองไม่สอน บอกให้เขาบริจาคเท่านั้นเท่านี้
    แต่ ตัวเองไม่ทำให้เขาดูก่อน
    หรือจะเป็นครูอะไรก็ตาม มันต้องสอนตัวเองให้ได้เสียก่อน
    แล้วค่อยสอนคนอื่น เป็นครูนาฏศิลป์ก็ต้องรำเป็น เป็นครูพละก็ต้องเล่นกีฬาเป็น
    หรือเป็นครูอะไรๆก็ต้องทำเป็นก่อนทั้งนั้น

    พระพุทธองค์ก็เหมือนกัน สอนตัวเองได้แล้ว
    ท่านอาชนะตัวเองได้แล้ว
    จึงได้เสด็จออกไปเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์และเวไนยสัตว์




    ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
    หลวงพ่อคูณ
    ท่านได้กล่าวเตือนสติบุคคลหลายๆสาขาอาชีพอย่างเช่น
    ข้าราชการ นักการเมือง เอาไว้ว่า...

    กู เป็นพระไทย พ่อแม่ของกูก็เป็นคนไทย
    กูก็เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยคนหนึ่งเหมือนกัน
    กูก็รักแผ่นดินไทยไม่น้อยกว่าคนอื่น อะไรไม่ดีกูก็ติ อะไรไม่ถูกกูก็ว่า
    กูจะไม่เฉยๆเหมือนหลายๆคนเฉยเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัว
    เรื่องการเมือง เรื่องยาบ้า เรื่องคนโกงกิน
    ไม่ได้เกี่ยวกับพระอย่างกูเลยแม้แต่น้อย

    กู ต้องพูดออกมา
    ออกมาเทศน์เตือนสติกันอยู่บ่อยๆเพราะว่าหลายคนนั้นฟังชนิดที่เรียกว่า
    เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วเลยไปเข้าหูไอ้ตูบ
    มิฉะนั้นนักการเมืองโกงชาติจะเพิ่มขึ้น
    คนผลิต คนค้า และคนเสพยาบ้ากันมากขึ้น

    เมื่อ มีคนชั่วอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง พระอย่างกูอาจจะไม่มีคนใส่บาตรข้าวให้กิน
    กูอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ที่ร้ายไปกว่านั้นอาจไม่มีวัดให้อยู่ก็อาจเป็นได้

    พระไม่ใช่ว่าจะดีไปทุกองค์ นักการเมืองก็ใช่ว่าจะดีไปทุกคน
    รวมไปถึงข้าราชการใช่ว่าจะมีแต่คนดี
    ทุกๆ สังคม ทุกๆวงการ
    ย่อมมีทั้งคนดี คนชั่ว คนเลว อยู่รวมกัน แต่ทุกวันนี้ดูๆแล้วคนชั่วจะมีมากกว่าคนดี
    พระอย่างกูอาจจะไม่ดีกว่าพระองค์อื่นๆนัก เพียงแต่กูไม่เก็บสะสมทรัพย์สิน
    เงินทองที่ญาติโยมถวายมา กุก็ไปทำบุญสร้างสาธารณประโยชน์อีกทอดหนึ่ง

    เดี๋ยว นี้แผ่นดินไทย เมืองไทย มีการปกครองไม่เหมือนในอดีต
    นักการเมืองกลายเป็นเจ้าประเทศ นักการเมืองเป็นนักปกครองประชาชนไปเสียแล้ว
    นักการเมืองจะพูดอะไร ข้าราชการทุกระดับต้องเชื่อฟังไปหมด ถ้า
    นักการเมืองไปเยี่ยมหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
    ข้าราชการหน่วยงานนั้น ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนไปต้อนรับขับสู้เอาใจมัน
    ราวกับว่านักการเมืองคนนั้นเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของข้าราชการ
    ทั้งๆที่ก่อนการเลือกตั้ง นักการเมืองมันมากราบไหวเรารางกับพ่อแม่ของมัน
    แต่พอมันได้รับเลือกตั้ง มันกลับทำตัวเป็นพ่อแม่ของเรา

    นักการ เมืองมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่แตกต่างกับพวกข้าราชการ
    แต่นักการเมืองเขากลับทำตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เขาปกครองข้าราชการทุกระดับ ถ้าใครไม่ทำงานสนองนโยบาย
    หรือไปขวางทางกินมัน มันก็เด้ง มันก็ย้ายให้ไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
    ชนิดไม่ให้เห็นดาวเดือนกันเลยทีเดียว

    ลูกหลานเอ๋ย... การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม
    จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
    อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลย
    อย่าประมาท ไม่ดี


    [​IMG]
    นิรนาม : ประพันธ์
    · กูก็อยู่ ของกู อยู่ดีดี
    คนนั้นที คนนี้ที รี่มาหา
    มากันจน ล้นวัด เปี่ยมศรัทธา
    ราวกับว่า ทั้งจังหวัด มีวัดเดียว
    · มาให้กู โขกเขก มะเหงกงุ้ม
    กูสุดกลุ้ม เปลี่ยนเป็นไม้ ให้หวาดเสียว
    มันกลับดัง ขลังกว่า แห่มาเกรียว
    กระทั่งเยี่ยว ยังแย่งจอง เป็นของ
    · จะพร่ำบอก อย่างไร ไม่รับรู้
    ว่าตัวกู มิได้เลิศ ประเสริฐศรี
    มันกลับมองตัวกูเป็นปูชนีย์
    ใช้เป็นที่ ดับร้อน ผ่อนลำเค็ญ
    · ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว เป็นใบ้หวย
    สิบคนรวย ล้านคนจน ไร้คนเห็น
    ไอ้สิบคน ก่นเล่า เช้ายันเย็น
    กูเลยเป็น เซียนใบ้หวย ด้วยอีกคน
    · ท่านั่งยอง ของกู ก็หรูเฟื่อง
    เป็นพระเครื่อง คณารุ่น วุ่นสับสน
    บ้านจัดสรร กอล์ฟคลับ ยังสัปดน
    ย่องนิมนต์ กูโปรโมท โฆษณา
    · บ้างเอากู เลี่ยมทอง ผุดผ่องใส
    หวังใจให้ คุ้มครอง ผองปัญหา
    แล้วเกิดกู เคราะห์กรรม กระหน่ำพา
    ใครจะมา ช่วยดึง มึงคิดดู
    · ขนาดเก๋ง เยอรมัน คันเป็นล้าน
    ชนสะท้าน ท้ายยุบ ก้นบุบบู้
    ตัวกูจริง เสียงจริง ยังกลิ้งกรู
    นอนคุดคู้ รอมึงช่วย ด้วยเหมือนกัน

    ที่มาจาก
    http://www.tangboon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539163602
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2011
  16. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Anumo..tana..satu....naka.
     
  17. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ผมจำได้ว่าครั้งนึง หลวงตามหาบัว ท่านเคยกล่าวชื่นชม ในคุณธรรมของหลวงพ่อคูณ

    เพราะมีคนถามท่านถึงเรื่องของหลวงพ่อคูณครับ
     
  18. นายสาธิต

    นายสาธิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2008
    โพสต์:
    409
    ค่าพลัง:
    +1,066
    บางคนก้อเอาอีกอย่าง บางคนก้ออีกอย่าง ไปด้วยกันนั่นแหล่ะ
     
  19. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]


    "คนเรา เมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น
    ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา
    ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน
    ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธที่จะปกป้องตัวเราเอง
    ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ
    จะนำเอาไปใช้ก็ได้
    จัดว่าเป็นของดีนักแล"



    พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ)
    เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา





    ประวัติหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

    [​IMG]






    หลวงพ่อคูณ หรือ พระเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
    เดิมชื่อ คูณ ฉัตรพลกรัง
    เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๖๖ ตรงกับแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน
    ที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา
    ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
    บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชือ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๓ คน คือ ๑ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ๒ นายคำมั่ง แจ้งแสงใส
    ๓ นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์
    มารดาคือ นางทองขาว เล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า
    ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี ๓
    นางได้ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม
    ลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้านของนางและกล่าวว่า...
    เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง
    ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงาม
    ความดีมาตลอดหลายชาติ เราขอำนวยพรให้เจ้า
    และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป
    และเทพองค์นั้นยังได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกว่างให้แก่นางด้วย



    "ดวงมณีนี้ เจ้าจงรับไปและรักษาให้ดีต่อไปภายหน้า
    จะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร
    เพื่อสืบพระพุทธศาสนา
    เป็นเนื้อนาบุญ
    ที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง"




    การศึกษา

    เนื่องด้วยบุรพกรรมและสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน
    บิดามารดาของหลวงพ่อคูณ ได้เสียชีวิตลงในขณะที่ลูกทั้ง ๓ คน
    ยังเป็นเด็ก หลวงพ่อคูณกับน้อง ๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว
    สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ ๖-๗ ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือ
    กับพระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม
    นอกจากนี้พระอาจารย์ทั้ง ๓ ยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิชา คาถาอาคม
    เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณด้วย
    นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย



    "ค่ำคืนอันมืดมิดมิอาจบดบังแสงอันสกาวใส
    ของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาได้ไม่"






    การอุปสมบท

    หลวงพ่อคูณอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
    เมื่อวันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๘๗ ปีวอก หลวงพ่อคูณได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ
    หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว
    ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ
    และวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด
    และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง
    จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
    หลวงพ่อคูณตั้งใจร่ำเรียนพระธรรมวินัย
    ตามรอยพระพุทธองค์ ที่ตรัสไว้ว่า...



    "เทว เม ภิกขเว วิชชา ภาคิยา"



    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิชานั้นมีอยู่ ๒ อย่าง คือ
    ๑ สมถะ ความสงบระงับแห่งจิตที่ปราศจากกิเลสอาสวะทั้งปวง
    ๒ วิปัสสนา ความเห็นแจ้งซึ่งธรรมเบื้องสูงอันสุขุมลุ่มลึก
    ในทางพุทธศาสนาและจงเดินตามหนทางนั้นเถิด...
    พิจารณาว่า ความเกิดเป็นธรรมดา หาล่วงความเกิดนี้ได้ไม่

    หลวงพ่อคูณ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร
    หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร
    ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้ เป็นเพื่อนกันต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน
    เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ
    หลวงพ่อคงสอนเน้นเรื่องการมี

    "สติ" ระลึกรู้ พิจารณาอารมณ์ต่าง ๆ
    ที่มากระทบและให้เกิดความรู้เท่าทัน ในอารมณ์นั้น
    เช่น เมื่อเกิดอารมณ์ "หลง" ท่านให้พิจารณาว่า...


    "อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นความทุกข์ อนัตตา
    ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นนาม
    จึงมิใช่ของเราและของเขา"




    ศัตรูที่แท้จริงของคนคือ โลภ โกรธ หลง
    ต้องแก้ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาล่วงเลยนานพอสมควร
    กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่า ลูกศิษย์ของตนมีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว
    จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรก ๆ
    หลวงพ่อคูณก็ธุดงค์ จาริกอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา
    จากนั้นจึงจาริกออกไปไกล ๆ กระทั่งถึงประเทศลาว
    และประเทศเขมร มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา
    เพื่อการหลุดพ้น จากกิเลส ตัณหา และอุปทานทั้งปวง
    พิจารณาว่า ความแก่เป็นเรื่องธรรมดา
    หาล่วงความแก่ได้ไม่







    การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ

    [​IMG]



    หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว
    หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากประเทศเขมรสู่ประเทศไทย
    เดินข้ามเขตด้านจังหวัดสุรินทร์ สู่จังหวัดนครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่
    จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทาง พระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ.๒๔๙๖
    โดยชาวบ้านได้ช่วยกันเข้าป่าตัดไม้
    ซึ่งในสมัยก่อนมีอยู่มาก การตัดไม้ในสมัยนั้น
    ไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะไม่มีเครื่องจักร ไม่มีถนน กว่าจะได้ไม้ที่เลื่อยแปรสภาพสำเร็จแล้ว
    ต้องเผชิญกับการขนย้ายที่ยากลำบาก โดยอาศัยโคเทียมเกวียนบ้าง
    ใช้แรงงานคนลากจูง บนทางที่แสนทุรกันดาร
    เนื่องจากถนนทางเกวียนนั้นเป็นดินทรายเสียส่วนใหญ่
    เมื่อต้องรับน้ำหนักมากก็มักทำให้ล้อเกวียนจมลงในทราย
    การชักจูงไม้แต่ละเที่ยวจึงต้องใช้เวลาถึง 3-4 วัน
    แต่กระนั้นหลวงพ่อก็สามารถนำชาวบ้านช่วยกันสร้างพระอุโบสถจนสำเร็จ
    (ปัจจุบันได้รื้อลงแล้ว และก่อสร้างหลังใหม่แทน)


    นอกจากสร้างพระอุโบสถแล้ว หลวงพ่อยังสร้างโรงเรียน กุฏิสงฆ์
    ศาลาการเปรียญ รวมทั้งขุดสระน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค
    ยังความสะดวกสบาย และความเจริญในบ้านไร่ยิ่งนัก


    แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เห็นสิ่งดังกล่าว เนื่องจากหลวงพ่อได้เปลี่ยนสิ่งก่อสร้างดังกล่าวทั้งหมด
    มาเป็นปูนเป็นอิฐให้สวยงามและทนทานยิ่งขึ้น
    นอกจากการก่อสร้างอุโบสถแล้ว หลวงพ่อคูณยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ
    ขุดสระน้ำไว้เพื่ออุปโภคและบริโภค
    และที่สำคัญยังสร้างโรงเรียนไว้เพื่อเด็กบ้านไร่อีกด้วย
    นอกเหนือจากนั้น หลวงพ่อยังได้สร้างโรงพยาบาล โรงเรียน
    ตลอดจนบริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือสาธารณะสุขต่างๆ
    หลวงพ่อคูณได้จัดสร้างโรงพยาบาลถึง 3 หลัง ตลอดจนโรงเรียน
    และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังได้บริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือสาธารณะสุขต่างๆ ทุกๆ วัน
    แต่ละเดือนเป็นจำนวนหลายแสนบาท

    "หลวงพ่อเป็นคนยากจนมาโดยกำเนิด
    จึงอยากคิดช่วยเหลือคนอื่น การนำเงินออกไปช่วยคนอื่น
    ก็จะมีคนบริจาคเรื่อยๆ ถ้าเก็บไว้จะทำให้ตนตาบอด
    ใจก็บอดอีกด้วย จึงอยากช่วยคนอื่นอยู่เรื่อยไป
    วันใดไม่มีคนมาขอเงิน
    ก็ไม่ค่อยสบายใจ”




    สมณศักดิ์


    • พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระญาณวิทยาคมเถร

    • พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระราชวิทยาคม

    • พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระเทพวิทยาคม
    ท่านั่งยอง

    หลวงพ่อให้เหตุผลว่า
    เป็นท่าที่สบายที่สุด
    อีกทั้งเป็นลักษณะของคนเตรียมพร้อมที่ลุกเดินไปไหนมาไหนได้ทันที
    จะหยิบจับอะไรก็ง่ายและสะดวกในการทำงานเวลาหายใจเข้า
    ให้บริกรรมว่า ตาย เวลาหายใจออก ให้บริกรรมว่า แน่
    เป็นตายแน่... ตายแน่... ตายแน่ไปเรื่อยๆ
    จะรู้สึกสบาย จิตสงบ





    คาถาที่หลวงพ่อคูณใช้บริกรรมเวลานั่งสมาธิ

    เวลาหายใจเข้า ให้บริกรรมว่า ตาย เวลาหายใจออก ให้บริกรรมว่า
    แน่
    เป็นตายแน่... ตายแน่... ตายแน่
    ไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกสบาย จิตสงบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2011
  20. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    การสร้างวัตถุมงคล

    [​IMG]
    เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นพิเศษ ปี ๒๕๑๗​


    หลวงพ่อคูณสร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่บวชแล้ว ๗ พรรษา
    โดยเริ่มทำวัตถุมงคล ซึ่งเป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคำ
    เพื่อฝังที่ใต้ท้องแขน ณ วัดบ้านไร่ ราว พ.ศ.๒๔๙๓

    “ใครขอ กูก็ให้ ไม่เลือกยากดีมีจน”

    เป็นคำกล่าวของท่าน เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีผู้ถามว่า
    หลวงพ่อแจกให้กับคนไม่ดีเป็นโจรผู้ร้ายอย่างนี้หลวงพ่อไม่บาปหรือ

    “กูจะไปรู้หรือว่ามันเป็นใคร ถ้ามันเป็นโจร
    เมื่อมันได้รับประโยชน์จากของที่กูแจก มันคงคิดได้ว่า
    เป็นเพราะพระศาสนา มันจะได้เข้ามาสนใจปฏิบัติธรรม….”


    “ถ้ามีใจอยู่กับ “พุทโธ” ให้เป็นกลางๆ
    ไม่สอดส่ายไปไหน นั่นหมายความว่า ใจเป็นสมาธิ
    จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราได้ดียิ่ง…
    ยิ่งกว่ามีวัตถุมงคลใดๆ ในโลก”



    การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณจะใช้คาถาไม่กี่บท
    หัวใจพระคาถามีว่า

    "มะอะอุ นะมะพะธะ นโมพุทธายะ พุทโธ และยานะ

    แต่ในการปลุกเสก หลวงพ่อคูณจะใช้วิธี อนุโลมปฏิโลม
    (การต่อตามและย้อนลำดับ)
    เรียกว่า คาบพระคาถา
    เมื่อนำหัวใจธาตุ ๔ คือ นะมะพะธะ มาใช้
    หลวงพ่อคูณจะภาวนาด้วยจิตอันเป็นหนึ่ง(สมาธิ)
    ให้อักขระทั้ง ๔ นี้ เป็น ๑๖ อักขระ ดังนี้


    นะ มะ พะ ธะ มะ พะ ธะ นะ พะ ธะ นะ มะ ธะ นะ มะ พะ


    ระยะเวลาการปลุกเสกของท่านใช้เวลาไม่มากนัก
    ขึ้นอยู่กับอารมณ์จิต ท่านเคยปรารภว่าเมื่อจะปลุกเสกวัตถุใด
    ใจต้องเป็นสมาธิ เมื่อใจมีสมาธิ ปลุกเสกสิ่งใดก็ขลัง ระยะเวลาหนึ่งนาทีก็ดีแล้ว
    แต่หากใจไม่เกิดสมาธิ ปลุกเสกทั้งคืนทั้งวันก็ไม่มีผล อย่างนี้สู้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า

    หลวงพ่อคูณสั่งว่า เมื่อมีพระเครื่องของหลวงพ่อคูณติดตัว
    ให้ภาวนา "พุทโธ" ทำจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่
    ละเว้นถ้อยคำด่าทอ ค่าพ่อแม่ตน และพ่อแม่บุคคลอื่น
    และอย่าผิดสามีหรือภรรยาผู้อื่น ให้สวยมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
    และหวงพ่อคูณย้ำว่า

    "ถ้ามีใจอยู่กับ พุทโธ ให้เป็นกลาง ๆ
    ไม่สอดส่ายไปที่ไหน นั่นหมายความว่า ใจเป็นสมาธิ
    จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราได้ดียิ่ง...
    ยิ่งกว่ามีวัตถุมงคลใด ๆ ในโลก"





    ทำเนียบวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ

    [​IMG]
    เครื่องรางภาพถ่ายของหลวงพ่อคูณแบบขาว – ดำ ปี ๒๕๐๙ ​



    • พ.ศ. ๒๕๐๙ ปีแรกของการสร้างวัตถุมงคล
    • โดยรุ่นแรกสุดนี้เป็นภาพถ่ายของหลวงพ่อคูณแบบขาว – ดำ
    • ด้านหลังระบุปี ๒๕๐๙ ทำขึ้นทั้งหมด ๒ ครั้ง
    • เพื่อแจกลูกศิษย์ลูกหา



    • พ.ศ. ๒๕๑๒ สร้างเหรียญ รุ่นแรกของหลวงพ่อคูณ
    • โดยวัดแจ้งนอก ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา
    • ขอสร้างเพื่อนำเงินไปสร้างโบสถ์จำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ
    • และยังสร้างเหรียญชินราชขึ้นโดยวัดนี้ด้วยเช่นกัน



    • พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างเหรียญรุ่นที่ ๒
    • ซึ่งเป็นรุ่นที่หายากมากในปัจจุบันสร้างขึ้นที่วัดกุดตาลาด จังหวัดนครราชสีมา
    • และยังมีการสร้างวัตถุมงคลที่เป็นภาพของหลวงพ่อคูณนั่งคู่กับตาลปัตร
    • ด้านหลังมีเศษจีวรและลงจารไว้ด้วย



    • พ.ศ. ๒๕๑๖ สร้างเหรียญสมเด็จเนื้อโลหะ และเหรียญวัดพลับพลา จังหวัดนนทบุรี



    • พ.ศ. ๒๕๑๗ สร้างวัตถุมงคลที่วัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา เนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๐๐ เหรียญ
    • เนื้อทองแดง ๙๙,๙๙๙ เหรียญ และยังมีพระสมเด็จปริสุทฺโธขัดสมาธิ
    • เพชรเนื้อเงินและเนื้อทองแดงรวมทั้งเนื้อกะไหล่ทองอีกยังมีการสร้างพระ นาคปรกรุ่นแรก เนื้อทอง
    • ด้านหลังสลักชื่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ขึ้นที่วัดโคกรักษ์ จังหวัดนครราชสีมา



    • พ.ศ. ๒๕๑๘ สร้างวัตถุมงคลที่วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นพระมหาอุตม์ มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก



    • พ.ศ. ๒๕๑๙ สร้างเหรียญรุ่นสร้างบารมีที่วัดโนนแดง มีทั้งเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง
    • มีคำจารด้านหลังว่า “มะ อะ อุ ยา นะ” แบ่งเป็นเนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๑๙๙ องค์ เนื้อนว ๙๙๙ องค์
    • และเนื้อทองแดง ๒,๕๑๙ องค์ นอกจากนี้ยังมีพระกริ่งก้นถ้วยหลวงพ่อคูณ ๒๕๑๙ รุ่น ๑ มีเนื้อเงินและเนื้อโลหะ



    • พ.ศ. ๒๕๒๐ มีการสร้างพระรูปหล่อโบราณรุ่นแรก ที่วัดใหม่พิเรนทร์
    • ปัจจุบันหาได้ยากมากและมีของปลองออกมาเป็นจำนวนมาก และยังมีเหรียญที่ระลึกสร้างกุฏิ วัดสระแก้วลูกเสือชาวบ้าน
    • เนื้อเงินและเนื้อทองแดง

    ในปีเดียวกันยังสร้างเหรียญเป็นที่ระลึกในงานสร้างกุฏิวัดหนองคู
    และที่ระลึกในการสร้างพระอุโบสถวัดสิงหาราม จังหวัดลพบุรี




    • พ.ศ. ๒๕๒๑ สร้างเหรียญรุ่นมหาอำนาจ
    • ที่ระลึกสมทบทุนสร้างพระอุโบสถวัดสามัคคี ราษฎร์บำรุง จังหวัดบุรีรัมย์
    • สำหรับวัตถุมงคลที่จัดสร้างระหว่าง พ.ศ. ๒๕๒๑ – ๒๕๒๖
    • เริ่มตั้งแต่เหรียญรุ่นพิเศษคุณย่าโมออกศึก วัดสระแก้ว พ.ศ. ๒๕๒๑



    • พ.ศ. ๒๕๒๒ สร้างเหรียญที่ระลึกเป็นจำนวนมาก
    • เช่น เหรียญที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมา วัดใหม่สามัคคีธรรม รุ่นพิเศษ จังหวัดนครราชสีมา
    • เหรียญที่ระลึกวัดหนองลุมพุก จังหวัดชัยภูมิ เหรียญที่ระลึกวัดโพธิ์ทอง จังหวัดนครราชสีมา
    • เหรียญที่ระลึกวัดมะระ จังหวัดนครราชสีมา เหรียญที่ระลึกวัดวังบัว
    • เหรียญที่ระลึกวัดตลาดไทรเก่า จังหวัดนครราชสีมา
    • เหรียญที่ระลึกวัดดาวเขาแก้ว จังหวัดสระบุรี



    • พ.ศ. ๒๕๒๔ สร้างเหรียญที่ระลึกวัดใหม่สระปทุม จังหวัดนครราชสีมา



    • พ.ศ. ๒๕๒๕ สร้างเหรียญที่ระลึกวัดชนะชัย จังหวัดขอนแก่น
    • เหรียญรุ่นพิเศษวิหารดาวดึงส์ สำนักสงฆ์เขาถ้ำ
    • จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๒๖ สร้างเหรียญที่ระลึกสร้างวัดบ้านบุ รุ่นสร้างบารมีเล็ก จังหวัดนครราชสีมา



    • พ.ศ. ๒๕๒๗ – ๒๕๒๙ สร้างล็อกเก็ตรุ่นแรก ในปี ๒๕๒๗ ด้านหลังมีการบรรจุเส้นเกศาและเศษจีวรไว้ด้วย
    • และยังมีล็อกเก็ตรุ่นแรก สีฟ้าและสีรัก ด้านหลังอัดตะกั่วลงจารทุกองค์



    • พ.ศ. ๒๕๒๘ สร้างเหรียญที่ระลึกวัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา
    • และเหรียญรุ่นถวายที่ดินด้านทิศตะวันออกและรุ่นสมโภชอุโบสถและพระพุทธ ไสยาสน์
    • เหรียญที่ระลึกงานสร้างหอฉันภัตตาหาร และเหรียญที่สร้างขึ้นในงานสร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
    • ที่สร้างขึ้นที่วัดใหม่อัมพรทั้งสิ้น



    • พ.ศ. ๒๕๒๙ สร้างเหรียญที่ระลึกที่วัดบ้านจั่น จังหวัดนครราชสีมา
    • และที่วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ได้สร้างเหรียญรุ่นผ้าป่านนทบุรี
    • และล็อกเก็ตรุ่นพิเศษที่ด้านหลังลงจารว่า “มะ อะ อุ” ขึ้นมาอีกด้วย



    • พ.ศ. ๒๕๓๐ – ๒๕๓๒ สร้างเหรียญพระพิมพ์ประภามณฑล
    • หรือพิมพ์รัศมีหลวงปู่ศุขที่วัดบ้านไร่ และรุ่นกินบ่เซียง สร้างในปี ๒๕๓๐ เหรียญที่ระลึกวัดบ้านไร่
    • รวมทั้งเหรียญรุ่นสหกรณ์ด่านขุนทดโดดตึก ก็สร้างที่วัดบ้านไร่ในปี ๒๕๓๐ เช่นเดียวกัน
    • นอกจากนี้ปีเดียวกันยังสร้างพระนาคปรกเนื้อทองคำ เนื้อนาค เนื้อเงิน เนื้อนว
    • และเนื้อทองแดง ที่วัดบ้านไร่ รุ่นสร้างตึกผู้ป่วย โรงพยาบาลด่านขุนทด



    • พ.ศ. ๒๕๓๑ สร้างรุ่นเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ รุ่นฉลองอายุครบ ๖๕ พรรษา
    • และพระกริ่งประจุตะกรุดทองคำ รุ่นสุริยุปราคาก็สร้างขึ้นใน พ.ศ.เดียวกัน ซึ่งก็เป็นที่นิยมไม่น้อย
    • รวมทั้งรุ่นสร้างโบสถ์ วัดหนองกระเทียมไต้เช่นกัน



    • พ.ศ. ๒๕๓๒ สร้างเหรียญที่ระลึกรุ่นสร้างอุโบสถ วัดบ้านไร่
    • และอีกเหรียญเป็นที่ระลึกกองทุนโครงการอาหารกลางวันนักเรียนที่หลวงพ่อคูณ
    • เป็นผู้ปลุกเสกเอง ต่อมาสร้างเหรียญที่ระลึกวัดใหม่อัมพร
    • “รุ่นพิเศษ” เพื่อให้ลูกศิษย์ไว้บูชาอีกเหรียญหนึ่ง



    • พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๓๔ สร้างพระนาคปรกเสาร์ ๕ วัดบ้านไร่
    • และเหรียญที่ระลึกในงานสร้างโรงเรียนวัดบ้านไร่ รวมทั้งพระกริ่ง ปริสุทฺโธ
    • เนื้อนวโลหะที่ยังคงหายากในปัจจุบัน ทั้งหมดสร้างขึ้นที่วัดบ้านไร่



    • พระรูปหล่อหลวงพ่อคูณ รุ่นเสาร์ ๕
    • ที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในงานสร้างพระอุโบสถและยังมีพระสังกัจจายน์รุ่น เสาร์ ๕ ที่มีอยู่เป็นชุด
    • มีทั้งเนื้อทอง เนื้อเงิน และเนื้อนว รุ่นเสกตะกรุด รุ่นฉีดลายฉลุ



    • เหรียญพ่อโบราณรุ่นเสาร์ ๕ ที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้ ทั้งหมดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ทั้งหมด



    • พ.ศ. ๒๕๓๔ ส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญที่ระลึกในงานบุญต่าง ๆ



    • พ.ศ. ๒๕๓๖ มีอยู่หลายรุ่นเช่นกัน
    • เช่น พระกริ่งคู่บารมีมาแรงพระชัยวัฒน์ของกริ่งญาณวิทยาคม รุ่นรูปเหมือนลายฉลุลอยองค์
    • เหรียญที่ระลึกพระญาณวิทยาคมเถระ (คูณ) รุ่นเสริมสุข รุ่นสมทบสร้างพระอุโบสถ
    • รุ่นที่ระลึกงานเททองเหล่อพระประธาน



    • เหรียญรุ่นฉลองสมณศักดิ์ แจกฉลองวันเกิด ๖๙ ปี เหรียญที่ระลึกฉลองสมณศักดิ์ ๔ ต.ค.
    • หรือรุนฉลองพัดยศ รุ่นมูลนิธิ เพื่อการศึกษารุ่นเปิดที่ว่าการอำเภอด่านขุนทด
    • รุ่นปฏิสังขรณ์วัดรุ่นครบรอบ ๙๐ ปี ร.ร.ราชสีมาวิทยาลัย รุ่นฝังลูกนิมิต



    • รุ่นผูกพัทธสีมา รุ่นทูลเกล้าฯ (วัดใหม่ราชสีมา)
    • รุ่นสร้างพระอุโบสถ (วัดโนนขุนขัย) รุ่นผูกพันธสีมา (วัดโนนเขา)
    • รุ่นบรรพชาสามเณรหมู่ (วัดป่าจิตตสามัคคี)



    • พ.ศ. ๒๕๓๙ นำโดยรุ่นปฏิสังขรณ์วัดเสาร์ ๕ คูณทวี เหลือเกินเหลือใช้ มีหลายแบบ หลายพิมพ์
    • และเหรียญลงยาสีน้ำเงิน สีแดง เหรียญรูปไข่นั่งยอง รุ่นที่ระลึกปฏิสังขรณ์วัดเสาร์ ๕ ใบโพธิ์เหลือกินเหลือใช้ รุ่นพิเศษแปะทองรุ่นรับเสด็จตัดลูกนิมิต วัดบ้านไร่ รุ่นรับเสด็จตัดลูกนิมิต (วัดศาลาลอย)
    • รุ่นรู้รักสามัคคี ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนว ยังมีพระกริ่งรุ่นทิ้งทวน รุ่นสมปรารถนา เนื้อเงินและทองแดง
    • และชุดรูปเหมือนรุ่นบุญญาบารมี ชุดพระปิดตามหาอุตม์ รุ่นวางศิลาฤกษ์ ร.ร.ญาณวิทยาคม เหรียญเสาร์ ๕ ดวง



    • รุ่นเศรษฐีมหามงคล รุ่นที่ระลึกพระนาคปรกเสาร์ ๕ รุ่นที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา รุ่นสรงน้ำสงกรานต์ รุ่นที่ระลึกงานผูกพันธสีมา
    • และพระประจำวันเกิดมีครบทุกวัน รวมทั้งเหรียญนั่งสูบยาด้วย รุ่นเมตตาบารมี
    • ล็อกเก็ตเหลังมีจีวรแปะ รุ่นเสาร์ ๕ ปฏิสังขรณ์วัด รุ่นเมตตาบารมี รุ่นกูทำเอง



    • นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางของขลังที่ทำขึ้นมาอีกจำนวนมาก
    • เช่น ปลาตะเพียนเสาร์ ๕ พ.ศ. ๒๕๓๖ ตะกรุดโทนลงรักปิดทอง พ.ศ. ๒๕๓๓ ตะกรุดเสาร์ ๕ พ.ศ. ๒๕๓๖
    • ตะกรุดทองคำใช้ฝังที่แขน ซึ่งจะฝังเฉพาะวันเสาร์เพียงวันเดียวเท่านั้น



    • ขี้ผึ้งตลับเล็กรุ่น ๑ รุ่น ๒ ตลับใหญ่ รุ่น ๓ รอบเท้าหลวงพ่อคูณ พ.ศ. ๒๕๓๔
    • ธงสีเหลืองหลังนางกวัก ปี พ.ศ. ๒๕๓๕
    • ผ้ายันต์มีพัดนั่งสมาธิ ปี พ.ศ. ๒๕๓๕
    • ผ้ายันต์รุ่นแรก (วัดหนองบัวทุ่ง) พ.ศ. ๒๕๒๐
    • ผ้ายันต์ชายธง (วัดใหม่อัมพร) พ.ศ. ๒๕๓๐
    • แผ่นปั๊ม (วัดใหม่อัมพร) รุ่นแรก พ.ศ. ๒๕๓๖



    • เขี้ยวเสือวัดบ้านไร่ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระผงปิดตาอุดตะกรุด (วัดบ้านไร่) ปี ๒๕๒๖ จำนวน ๗ องค์
    • และมีรูปถ่าย , ตะกรุดคู่ ตะกรุดชายจีวร ,
    • ผงยาสูบ ผ้ารอยเท้าหลวงพ่อคูณ ลูกนิมิต ติดรูปถ่ายล็อกเก็ตหลวงพ่อคูณเต็มองค์
    • ล็อกเก็ตหลวงพ่อคูณครึ่งองค์
    • และลูกประคำโทน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นวัตถุชั้นเยี่ยมที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน



    • จนกระทั่งถึงรุ่นสุดท้าย รุ่น “รุ่นแช่น้ำมนต์”
    • เหรียญรุ่นที่มีราคาเช่าบูชาถูกที่สุด ราคาเช่าบูชาองค์ละ ๒๐ บาท
    • ซึ่งหลวงพ่อคูณตั้งใจจะทำขึ้นเพื่อสกัดกั้นการโกงราคาของบรรดานักเล่นพระ เครื่องจนผู้ที่มีรายได้น้อยไม่สามารถหามาบูชาได้
    • และนับตั้งแต่เหรียญรุ่นแช่น้ำมนต์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าหลวงพ่อคูณได้จัด
    • สร้างเหรียญที่ระลึกรุ่นใดอีกเลย มีแต่บุคคลอื่นจัดสร้าง แล้วนำไปให้ท่านปลุกเสก




    ที่มาจาก .:: หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ - คลังปัญญาไทย ::.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...