ทำอย่างไรกับการดับสังขารอันปรุงแต่งจิต...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อมิตพระ, 15 สิงหาคม 2011.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ถามต่อนะครับ อุปาทานขันธ์5 คือ อะไรครับ?
     
  3. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    พระพุทะเจ้าไม่ได้สอนให้ดับขัน ไม่ได้ฝึกให้ดับขันธ์
    ทรงชี้ว่า ขันธ์ไม่ใช่เรา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
    ทรงสอนวิธี ออกจากความยึดมั่นถือมั่นไห้หมดไป
    ความยึดมั่นเกิดจาก อวิชา และตันหา อุปทาน เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ
    หากสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้อันเป็น ธรรมดาของชีวิตได้ ก้จะเห็นในความเป็นจริงของสภาวะธรรม และจะไม่ยึดมั่นอีก แต่เพราะการเข้าไปรับรู้สิ่งที่แท้จริงนั้นต้องฝึกฝน
     
  4. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อวิชา มีอยู่เป็นธรรมดา?
    ปัญญา มีอยู่เป็นธรรมดา หรือต้องทำให้เกิดขึ้น?

    ทุข ควรกำหนดรู้
    สมุทัย ควรละ
    มรรค ควรทำให้เกิดขึ้น
    นิโรธ ควรทำให้แจ้ง
     
  5. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    สังขาร-ความคิดตัวเดียวกัน ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะดับ (ความคิดได้ แม้แต่พระอรหันต์ ) ถ้าพระอรหันต์ ดับความคิดได้ ก็ไม่ต้อง(ก็ไม่ต้องกินอาหารอร่อยๆแล้ว)ความคิดก็ยังคงอยู่แม้แต่ปุถุชนหรืออรหันต์

    แต่พระอรหันต์(ไม่มีจิตผู้รู้ ให้ปรุงความคิดแล้ว ) แต่ปุถุชนยังมีจิตผู้รู้ให้ปรุงความคิด /หมายเหตุจิตผู้รู้-กับจิตตัวเดียวกัน

    เข้าเรื่องเลยดีกว่า แต่การที่จะทำให้ ความคิดดับได้นั้น ***ดับได้ชั่วครั้งชั่วคราว
    1.ฌาน 4 (แต่มันง่ายซะเมื่อไหร่กันไอ้ฌาน 4 เนี่ย เกิดใหม่อีก 60ชาติจะทำได้หรือเปล่าเฮอะ-ขนาดหลวงตาบัวที่สำเร็จ อรหันต์ เพียง 9ปีเอง-ถ้าผิดต้องขออภัย ยังเขาฌาน 4 ได้แค่ 3 ครั้งเอง
    2.มีอีกวิธีนึง คือ เจริญสติ
    2.1 รู้กาย ประมาณซัก 15 ปีจะได้ ก็จะเข้ามาเป็นผู้ดูจิตแต่ในบางครั้ง การดูกาย คือการรู้สึกขยับเขยือนรู้สึกกาย บางครั้งดูกายไปด้วย ก็จะเห็นจิตไปด้วย แต่เห็นอย่างเดียว แต่อาการของจิต ไม่สามารถดับได้ เช่น โกรธ กามราคะ อยากเอา อยากได้ เกิดขึ้น
    (เราก็เห็น แต่อาการหรืออารมณ์ โกรธ กามราคะ อยากเอา อยากได้ ไม่ดับ เพราะ)
    เรายังดูกายไม่เก่ง สติยังไม่ต่อเนื่อง เป็นสันตติ แต่เมื่อปฎิบัติไปจนประมาณ 15 ปีเห็นจะได้

    สมาธิจะเริ่มแกร่งขึ้น สามารถระนิวรณ์ ทั้ง 5 ได้ ระวิตก-วิจารย์ได้ เข้าฌาน 2 หรือฌาน 3 (ฌานตัวนี้ไม่ใช่ฌาน สมถะนะ แต่เป็นฌานวิปัสสนา เกิดจากการดูกายจนเป็นสันตติ )

    ที่นี้ จิตผู้รู้จะแข็งแกร่งพอเห็นอารมณ์ โกรธ กามราคะ อยากเอา อยากได้ (เห็นปับ-ดับปึบทันทีทันได) ทีนี้ก็มาทดสอบกันต่อ ขึ้นเขา เข้าป่าคนเดียวนะ กลัวผีไหม เห็นความกลัวปับ-ดับปึบ
    ทดสอบอีก เห็นเมรเผาศพไหม ขึ้นไปเลยเขาไปนอนหน้าเมรเผาศพนั่นซักคืน เห็นความกลัวปับ-ดับปึบ ทดสอบอีก อดข้าว-อดนอน-ไม่อาบน้ำ ซัก 7 วันซิ อารมณ์โทษะจะขึ้น ความงงจะเข้ามา พอสติเห็นปับ-ดับปึบทันที
    เอ้าทดสอบอีก เคยไปพันธ์ทิพย์ไหม ไปซื้อหนังโป้นะ ญี่ปุ่น ฝรั่ง นะ เอามาดู เวลาดูแก้ผ้าดูด้วยนะ ---เห็นกามปับ-ดับปึบ--เห็นการสั่นสะเทือนของหางคุณกำลังจะๆๆๆๆๆเห็นปับ-ดับปับ เห็นปับ งิกปึบ -

    (ท่านพึงสังวร ตัวเองได้เลยว่า ท่านต้องเป็นพระอริยเจ้า ไม่ขั้นใดก็ขั้นหนึ่งแล้ว อย่างแน่นอน ล้าน%)

    แต่ถ้าท่านปฎิบัติไปจนถึงขั้น จิตผู้รู้ไม่มีนั้นแสดงว่าท่าน---เป็นพระอรหันต์แล้วแน่นอน โดยไม่เกี่ยวว่าท่านจะมีทิพย์จักขุญาณหรือไม่ก็ตาม

    (หมายเหตุ จิตผู้รู้ กับ ตัวอวิชชานั้น คือตัวเดียวกันครับ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...