ผีเสื้อขยับปีก

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย น า ทู รี, 20 กรกฎาคม 2011.

  1. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    เรื่องสอนใจมีแง่คิดจ้ะ

    [​IMG]

    www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=629&Itemid=1

    [​IMG]

    เมื่อเดือนที่แล้ว ระหว่างที่ผมกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ที่บริเวณใกล้ที่ทำงาน
    พี่ที่ทำงานซึ่งทานอยู่ด้วยกันได้เล่าให้ฟังว่า เขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ

    โดยในเที่ยวบินขากลับมาประเทศไทยนั้น เขาได้นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ
    แต่ปรากฏว่า วันนั้นเขาตั้งใจจะทานเจพอดี จึงไม่ได้ทานอาหารหลายอย่างที่เสิร์ฟ

    บนเครื่องบินในชั้นธุรกิจนั้น เขารู้สึกเสียดายมาก เพราะมีอาหารน่าอร่อยหลายอย่าง

    [​IMG]

    ผมได้ฟังแล้วก็ให้ความเห็นว่า จริง ๆ แล้ว พี่ก็ทำดีอยู่แล้วนะ
    หากจะเปลี่ยนแนวคิดนิดเดียว จะได้ประโยชน์มากกว่านี้อีก”

    พี่คนนั้นถามว่า“เปลี่ยนแนวคิดยังไง”

    ผมอธิบายว่า หากคิดว่า ที่ตนเองทานเจนั้น เป็นสิ่งที่ดี ทำด้วยใจกุศล เป็นสิ่งควรทำแล้ว การที่เราทำในสิ่งที่ควรทำ เป็นกุศล โดยยอมสละไม่ทานอาหารน่าอร่อยหลายอย่างที่เสิร์ฟนั้น เท่ากับว่า เรายอมสละในสิ่งเย้ายวนใจ เพื่อสิ่งที่เป็นกุศลกว่า และสิ่งที่ดียิ่งกว่า

    แทนที่จะเสียดาย พี่ควรจะมีปีติยินดีในสิ่งที่ตนเองได้ทำมากกว่าว่า เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยการทำสิ่งที่ทำได้ยากนี้ ก็ย่อมจะสร้างบารมีมากกว่าการทำสิ่งที่ทำได้ง่าย”

    [​IMG]

    พี่คนนั้นบ่นเพิ่มว่า “ผมไม่ได้แจ้งเขาให้เตรียมอาหารเจไว้ล่วงหน้า เขาเลยไม่มีอาหารเจให้ นี่ผมเลยได้ทานแค่ขนมปัง กับน้ำผลไม้นะ ไม่ได้ทานอาหารอื่น ๆ เลย”

    ผมตอบว่า “ก็ยิ่งดีสิครับพี่ ในเมื่อยิ่งทำได้ยาก ก็ถือว่ายิ่งเป็นการสร้างบารมีมาก แต่แล้วพี่ก็ทำได้ใช่ไหมล่ะ ในที่สุดก็ทานเจใช่ไหม จึงควรจะมีปีตินะ ไม่ใช่รู้สึกเสียดาย”

    [​IMG]

    ในชีวิตคนเราก็จะได้พบเจอเรื่องทำนองนี้มากมายนะครับว่า เวลาที่เราทำดีอะไรสักอย่าง เรามักจะลืมคุณค่าของสิ่งดี ๆ ที่เราทำนั้น แต่เรากลับไปมองสิ่งอื่นที่มีคุณค่าด้อยกว่า

    กล่าวคือ ทำดีแล้ว แทนที่เราจะมองคุณค่าของความดีที่เราได้ทำ และมีปีติตรงนั้น แต่เรามักจะไปมองสิ่งอื่น มองคนอื่น หรือมองผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแทน[​IMG]

    เช่น บางคนถือศีลไม่ดื่มสุรา แต่พอไปร่วมงานเลี้ยงที่มีไวน์ราคาแพงขวดละเป็นหมื่นแล้ว ตนเองได้ตัดใจและไม่ดื่มไวน์นั้นเลย แต่พอกลับมาถึงบ้าน ก็บ่นเสียดายว่า ตนเองไม่ได้ลิ้มรสไวน์ราคาแพงนั้น เพราะว่าถือศีล และรู้สึกเสียดายมากเลย


    [​IMG]

    ในกรณีนี้ หากเราเห็นว่าการถือศีลนั้นมีประโยชน์ มีคุณค่าสูงกว่าแล้ว
    เราก็ไม่ควรต้องมาเสียดายกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่มีคุณค่านั้น
    ในทางกลับกัน เราควรจะมีปีติว่า เรารักษาศีลไว้ได้ เราไม่ได้พ่ายแพ้ต่อสิ่งเย้ายวนใจ

    แต่ในหลายคราว เราก็เป็นกันนะครับที่รู้สึกเสียดายในสิ่งเย้ายวนต่าง ๆ
    เพราะว่ากิเลสมักจะมาหลอกให้เราหลงไปคิดให้คุณค่าแก่สิ่งเย้ายวนเหล่านั้นนั่นเอง

    บางท่านถึงกับหลงเชื่อหรือกล่าวว่า ทำดีแล้วไม่เห็นได้อะไรเลย ทำดีได้ดีนั้นไม่มีจริงหรอก ทำชั่วแล้วไม่เห็นได้ชั่วเลย


    [​IMG]


    ขนาดคนทำชั่วแล้วได้ดี ก็ยังมีให้เห็นเยอะแยะ หลาย ๆ ท่าน ที่มีความเชื่อที่คลาดเคลื่อนเช่นนี้ (และบางท่านนั้นเสียกำลังใจในการทำดีไปด้วย)

    อาจจะเป็นเพราะว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ตนเองกำลังทำดี แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ หรือเพราะว่าได้ผูกโยงการกระทำ และผลลัพธ์ของการกระทำอย่างคลาดเคลื่อน หรือเพราะว่าไม่มีสายตาที่ยาวไกลเพียงพอ และไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอ

    [​IMG]

    กรณีที่เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าตนเองกำลังทำดี แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ขอยกตัวอย่างว่า

    เราร่วมทำบุญงานกุศลงานหนึ่งโดยให้เงินสิบบาท แล้วขอให้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง หากทำบุญเงินไปสิบบาท แต่ขอให้ได้เงินกลับมาเป็นล้านบาท แล้วตนเองก็ไปซื้อหวย พอไม่ถูกรางวัลที่หนึ่ง หรือรางวัลใด ๆ ก็มาโอดครวญว่า ทำดีแล้วไม่ได้อะไรเลย


    [​IMG]

    เราลองพิจารณาให้ดี ๆ นะครับว่า กรณีเช่นนี้ถือเป็นการทำดีจริงหรือ
    หากใครให้เงินไปสิบบาท แล้วบอกว่าจะต้องได้กลับมาสิบล้าน
    นี่คงเรียกไม่ได้ว่าเป็นการทำทานแล้ว น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการค้า หรือธุรกิจมากกว่า แถมเป็นการค้าที่มุ่งหวังกำไรเกินสมควรเสียด้วย ลงทุนแค่สิบ แต่จะให้ได้กลับมาเป็นล้าน

    [​IMG]

    นอกจากนี้ การเล่นหวยนั้นก็เป็นทั้งอบายมุข (คือ ช่องทางแห่งความเสื่อม
    หรือเหตุแห่งความฉิบหาย) และยังเป็นการผิดศีลอีกด้วย


    [​IMG]

    แล้วจะบอกว่า “ทำดี”ได้อย่างไร

    หากท่านไหนยังเห็นว่า เป็นการทำดีนะครับ ขอให้ลองสมมุติว่า มีชายคนหนึ่งให้เงินเรามาสิบบาท โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อเรารับเงินสิบบาทเขาแล้ว เราจะต้องให้เงินเขากลับไปหนึ่งล้านบาท

    เราลองพิจารณาครับว่า การที่เขาให้เงินเราสิบบาท โดยมีเงื่อนไขเช่นนี้
    ถือว่าเขาทำบุญกับเรา หรือว่าเขาเอารัดเอาเปรียบเรากันแน่ล่ะ

    [​IMG]


    “การทำทาน” นั้นแปลว่า การให้ การสละ การแบ่งปันเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
    หากเราให้เงินร่วมทำทาน โดยมุ่งหวังว่าเราจะต้องได้รับประโยชน์ใด ๆ แล้ว
    (ยกเว้นบุญกุศลที่เกิดขึ้นเองเนื่องจากการทำทานนั้น)



    [​IMG]
    หรือต้องได้ทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรือผลประโยชน์ใด ๆ ตอบแทนกลับมาแล้ว
    ก็ย่อมจะถือว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ตนเอง มากกว่าที่จะทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ก็ย่อมจะเรียกไม่ได้ว่า “ทำทาน” หรือหากจะเรียก ก็ถือเป็น “ทานที่ด่างพร้อย”


    บางท่านไม่ดื่มสุรา และบอกว่าตนเองรักษาศีลข้อสุรา และไม่ผิดศีลข้อสุรา
    แต่ว่าพอถึงช่วงปีใหม่ ถึงช่วงเทศกาลแล้ว ก็ได้ซื้อสุราหรือไวน์แจก
    ลูกค้า และลูกน้องในแต่ละคราวเป็นจำนวนหลายร้อยขวดก็มี
    จัดงานเลี้ยงแต่ละที ก็จัดสุรามาเลี้ยงแขกเหรื่อมากมายด้วย (โดยเข้าใจว่าเป็นการทำทาน)

    [​IMG]

    เราลองพิจารณาให้ดีว่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์คนอื่นหรือไม่
    การดื่มสุรานั้น ก็ย่อมทำให้ขาดสติ เสียสุขภาพ เสียงานเสียการ เดินทางก็อันตราย เป็นการผิดศีล (และเป็นอกุศลกรรม) บางคนทานมาก ๆ แล้วก็อาจจะทำให้ติดสุราไปเสียด้วย


    บางคนเมาแล้วก็พูดจาผิดพลาดทำให้ไปพูดล่วงเกินผู้อื่น หรือทำให้เกิดการทะเลาะกับผู้อื่น ฯ

    จะเห็นได้ว่ามีแต่โทษหลากหลายทั้งนั้น จึงควรเรียกว่าเป็นการสร้างโทษให้แก่ผู้อื่น มากกว่าจะอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น และย่อมถือได้ว่าศีลข้อสุรานี้ด่างพร้อยแล้ว


    บางท่านถือศีลและภาวนา โดยมุ่งอธิษฐานขอให้ได้บางสิ่งที่ไม่สมควร
    ยกตัวอย่างว่า หากเราถือศีลและภาวนาเพื่อขอให้ถูกหวย

    ซึ่งก็ทำนองเดียวกับกรณีทำทาน เพื่อขอให้ถูกหวยที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
    หรือก็เคยมีกรณีหนึ่งนะครับที่ผู้หญิงท่านหนึ่งได้ไปยุ่งกับสามีคนอื่นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว


    [​IMG]


    ต่อมา ตัวเองเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา สามีของคนอื่นนั้นก็ไม่สนใจและไม่รับผิดชอบ
    ผู้หญิงคนนี้ก็ทุกข์ใจมาก เสียใจมาก จึงไปถือศีลและภาวนา หวังว่าจะแก้ไขปัญหานี้ หวังว่าผู้ชายคนนี้จะกลับมาสนใจ กลับมาทำดีด้วย และรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เป็นผล

    แล้วก็มาสรุปว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้ช่วยอะไรได้ ซึ่งเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

    [​IMG]

    ในเมื่อการถือศีลและภาวนาของเธอนั้น ทำไปเพื่อความต้องการได้สามีคนอื่น
    ย่อมเป็นเรื่องที่ผิดศีล (และเป็นเรื่องของความโลภและราคะ)


    [​IMG]

    ขณะที่เข้าใจว่า ตนเองกำลังถือศีลนั้น แต่จิตใจตนเองกลับต้องการสามีคนอื่นอยู่ตลอด และตนเองก็ไม่ยอมเลิกยุ่งกับสามีคนอื่นนั้น แล้วจะเรียกว่าตนเองกำลังถือศีลอยู่ได้หรือ

    ระหว่างที่ภาวนานั้น ก็ทำไปเพื่อว่าสามีคนอื่นจะได้หันมาทำดีและรับผิดชอบตนเอง จิตใจหมกมุ่นแต่เรื่องผิดศีล แล้วจะเรียกว่าเป็นการทำดี และรักษาศีลได้ไหม


    กรณีที่เราไปผูกโยงการกระทำ และผลของการกระทำอย่างคลาดเคลื่อน
    ทำให้เราเข้าใจหรือตั้งเป้าหมายถึงผลลัพธ์ของการทำดีนั้นคลาดเคลื่อนไปด้วย
    ยกตัวอย่างเช่น เราไปร่วมทำทานในงานกุศลแห่งหนึ่ง และอธิษฐานขอให้ผลบุญนั้น


    ส่งผลให้ผู้หญิง (หรือผู้ชาย) ที่เรารู้จักนั้น มาชอบเรา และเป็นแฟนกับเรา
    คำถามคือ การที่เรานำเงินใส่ซอง หรือใส่ตู้ร่วมทำบุญไป และ
    การที่เธอหรือเขาที่เรารู้จัก จะมาชอบเรานั้น มันจะเกี่ยวข้องกันได้ไหม
    มันจะผูกโยงเป็นเหตุเป็นผลกัน ตามที่ใจเราปรารถนาได้จริง ๆ หรือ


    [​IMG]


    สมมุตินะว่า มีผู้ชายหรือผู้หญิงคนหนึ่งมาชอบเรานะครับ แต่เราไม่ชอบเขาหรือเธอคนนั้น ต่อมาเขาหรือเธอคนนั้น นำเงินไปใส่ตู้ทำบุญ และอธิษฐานขอให้เราหันไปชอบเขาหรือเธอนั้น

    ถามว่า เราจะเชื่อไหมครับว่า จากเดิมที่เราไม่ชอบเขาหรือเธอคนนั้นเลย
    แต่พอเขาหรือเธอไปร่วมทำบุญและอธิษฐานปุ๊บ เราก็จะเปลี่ยนไปชอบเขาหรือเธอนั้นเลย

    เหมือนดังเช่นปาฏิหาริย์เช่นนั้น มันจะเป็นไปได้ไหม มันจะเกี่ยวโยงกันได้ไหม

    [​IMG]

    (จริง ๆ แล้ว หากเขาหรือเธอมาทำบุญกับเราเยอะ ๆ ก็น่าจะมีโอกาสมากกว่าเสียอีกใช่ไหม)

    [​IMG]
    สมมุติหากว่ามีคนที่เราไม่ชอบหลาย ๆ คนไปทำบุญในวิธีการเช่นเดียวกัน
    เราก็ต้องหันไปชอบคนทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมดเลยหรือเปล่า มันเป็นไปได้ไหม


    หากท่านไหนตอบว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะ



    [​IMG]

    การที่เราจะชอบใครสักคนหนึ่ง มันมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ว่าเขาทำบุญและอธิษฐานเท่านั้น เราก็จะต้องไปหลงชอบเขาแล้ว
    กรณีทีของเราที่อยากจะให้คนอื่นมาชอบก็ทำนองเดียวกันแหละครับ

    ไม่เช่นนั้นแล้ว ชีวิตเราในโลกนี้จะมีความเสี่ยงมากเลย
    หากใครคนไหนอยากจะให้เราไปหลงรักเขาหรือเธอแล้ว
    ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ไปทำทาน และอธิษฐานเท่านั้น

    เราก็จะต้องไปหลงรักเขาหรือเธอ และเป็นแฟนกับเขาหรือเธอแล้ว
    แม้ว่าเราจะไม่ชอบเขาหรือเธอเลยก็ตาม


    (หากทำได้จริง ๆ แล้ว บรรดาดาราเกาหลี หรือดาราไทยจะเหลือไหมเนี่ย ...)

    [​IMG]

    บางท่านอาจจะบอกว่าตนเอง “ทำดี” แล้วไม่ได้ดี เพราะไม่เห็นจะรวยและมีเงินเลย ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่ทำชั่วและมีเงินมีฐานะร่ำรวยนั้นกลับมีอยู่มากมาย
    ก็ขออธิบายว่า การได้เงินและมีฐานะร่ำรวยนี้ไม่เกี่ยวกับการทำดีนะครับ

    คนที่ไปหลอกคนอื่น โกงคนอื่น ปล้นคนอื่น ก็อาจจะได้เงินมาได้


    คนที่โกงแผ่นดิน ค้ายาเสพติด ทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ก็อาจจะมีฐานะร่ำรวยก็ได้
    ส่วนคนที่ทำงานสุจริตกินเงินเดือนไปเรื่อย ๆ ตามปกติ ซึ่งเป็นคนดี และทำดี
    ก็อาจจะมีฐานะธรรมดา หรือมีฐานะยากจนก็ได้



    [​IMG]

    ฉะนั้นแล้ว เรื่องฐานะร่ำรวยหรือยากจนไม่ได้เกี่ยวกับว่าทำดีหรือทำชั่วนะครับ
    กรณีมีชื่อเสียง หรือได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ก็เช่นกัน
    ไม่ได้แปลว่าจะต้องสืบเนื่องมาจากการทำดีเสมอไป

    [​IMG]

    บางคนทำชั่วจนโด่งดังมาก ก็ย่อมจะมีชื่อเสียงจากการทำชั่วก็ได้
    บางคนที่ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ เพราะใช้เส้นสาย หรือจ่ายสินบนก็ยังมี

    หากเราไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็อาจทำให้เราผูกโยงการกระทำ
    และผลลัพธ์ทั้งหลายอย่างคลาดเคลื่อนไปได้ และทำให้หลงเชื่อไปผิดทาง

    [​IMG]

    กรณีที่บอกว่าไม่มีสายตาที่ยาวไกลเพียงพอ และไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอนั้น
    ยกตัวอย่างเช่น หากเราเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวลงบนพื้นดิน

    หากเราไม่ได้มีสายตาที่ยาวไกลพอ และไม่ได้มีความเข้าใจที่เพียงพอ
    เราอาจจะเห็นว่าเป็นการโยนข้าวทิ้งลงในพื้นดินเท่านั้น
    แทนที่เราจะชื่นชมเขาว่าขยันทำมาหากิน เราอาจจะตำหนิว่าเขาก็ได้ว่าโง่จริง อยู่ดี ๆ นำเมล็ดข้าวที่ควรเก็บไว้กินนั้นไปโยนทิ้งทำไม


    เราตำหนิว่าเขาแล้ว เราก็จากไป เราไม่ได้อยู่จนเห็นต้นข้าวออกรวง
    ไม่ได้เห็นผู้ชายคนนั้นเกี่ยวข้าวไปขาย หรือนำข้าวนั้นไปสีเปลือกออก และไปรับประทาน

    หรือแม้ว่าเราอาจจะอยู่ต่อ แต่เราก็อยู่ต่อจนถึงแค่เห็นว่ามีต้นข้าวเติบโตขึ้นมาเท่านั้น และเห็นว่าผู้ชายคนนั้นก็คอยหมั่นให้น้ำ และป้องกันแมลงต่าง ๆ
    ในระหว่างนั้น เราเองอาจจะตำหนิผู้ชายคนนั้นซ้ำเสียด้วยว่า
    ไปทำอะไรเพิ่มเติมอีกทำไม เสียเวลาเปล่า ๆ ไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย

    [​IMG]

    นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่มีสายตาที่ยาวไกล และไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอ

    [​IMG]

    เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยได้ฟังเรื่องชีวิตจริงเรื่องหนึ่งจากสถานีวิทยุธรรมะนะครับ


    [​IMG]

    เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กชายคนหนึ่งที่แม่ป่วยอยู่บ้าน และที่บ้านไม่มีอะไรกินเลย
    เขาจึงไปแอบขโมยผลไม้ที่ร้านขายผลไม้ แต่โดนแม่ค้าขายผลไม้จับตัวเด็กชายนั้นไว้ได้ แม่ค้าขายผลไม้นั้นไม่ได้เรียกตำรวจ หรือทำร้ายเด็ก
    ในทางกลับกัน เมื่อได้ฟังความจำเป็นจากเด็กแล้ว แม่ค้าจึงสั่งสอนเด็กว่าไม่ให้ลักขโมย

    พร้อมกับให้เงินเด็กไปยี่สิบบาท เพื่อไปซื้อข้าวให้แม่ และให้ผลไม้ไปจำนวนหนึ่ง แม่ค้าขายผลไม้ไม่ได้พบกับเด็กคนนั้นอีกเลย เวลาผ่านไปอีกยี่สิบกว่าปี
    แม่ค้าขายผลไม้ได้ป่วยเป็นโรคร้าย และต้องทำการผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สมัยนั้นก็ยังไม่มีบัตรทอง ๓๐ บาทนะครับ

    [​IMG]

    โดยแม่ค้าขายผลไม้เองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร จึงเครียดมาก ๆ ว่าตนเองจะมีปัญญาจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นไหม


    [​IMG]

    แต่เมื่อแม่ค้าผลไม้ได้ไปที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลแล้ว
    เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้แจ้งว่า ค่ารักษาพยาบาลของแม่ค้าผลไม้นั้นได้ชำระแล้ว โดยลงชื่อผู้ชำระเงินว่าเป็นนายแพทย์ตามด้วยชื่อและนามสกุล
    ซึ่งนายแพทย์ท่านที่ชำระเงินให้นั้น ก็คือเด็กชายคนนั้นนั่นเอง

    [​IMG]

    บางท่านอาจจะมองว่า แม่ค้าผลไม้โชคดีมากเลยที่มีคนอื่นมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้

    แต่พระภิกษุท่านที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังได้สอนว่า ในอันที่จริงแล้ว แม่ค้าผลไม้คนนั้นได้ชำระค่ารักษาพยาบาลนี้แต่แรกแล้ว กล่าวคือชำระ โดยการช่วยเหลือเด็กชายคนนั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั่นเอง

    [​IMG]

    จริง ๆ แล้ว เรื่องราวทำนองนี้มีอยู่มากมายนะครับเพียงแต่ว่าเราอาจจะมองไม่เห็น โดยสิ่งทั้งหลายที่เราทำนั้น สามารถก่อให้เกิด Butterfly Effect ในชีวิตเราได้

    [​IMG]

    บางท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน หรือไม่เข้าใจคำว่า Butterfly Effect นะครับ
    จึงขออธิบายก่อนว่าหมายถึง การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลกระทบอย่างมากมาย เพราะได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องผ่านช่วงระยะเวลาพอสมควร


    [​IMG]

    (บางคนอาจจะเทียบได้ว่า “เพียงผีเสื้อขยับปีกในที่หนึ่ง ส่งผลให้เกิดพายุหมุนในอีกที่หนึ่ง” หรือ “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ทำนองนั้น)

    [​IMG]


    เช่น สมมุติว่า เราสามารถเดินทางผ่านเวลาย้อนกลับไปในยุคสมัยหลายล้านปีก่อน โดยย้อนกลับไปถึงยุคไดโนเสาร์ ซึ่งหากเราได้ไปฆ่าผีเสื้อในยุคนั้นสักตัวหนึ่ง ย่อมจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องมากมาย

    เนื่องเพราะผ่านช่วงระยะเวลาอันยาวนาน ทำให้สิ่งทั้งหลายในปัจจุบันนี้ ไม่เหมือนดังที่เป็นอยู่ และจะแตกต่างอย่างมากมาย

    [​IMG]

    โดยหากเราไม่ฆ่าผีเสื้อตัวนั้น มันอาจผสมเกสรดอกไม้ ช่วยให้มีต้นไม้เติบโตอีกหลายพันต้น ต้นไม้หลายพันต้นจะเป็นอาหารให้แก่ สัตว์เล็ก ๆ อีกหลายหมื่นตัว สัตว์เล็ก ๆ หลายหมื่นตัว จะขยายพันธุ์และออกลูกหลานมาอีกนับแสนตัว นับล้านตัว สัตว์เล็ก ๆ นับแสนตัว นับล้านตัวเหล่านั้น จะเป็นอาหารแก่สัตว์ใหญ่อีกจำนวนมากมาย

    [​IMG]

    และก็เกิดผลกระทบต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ผ่านช่วงกาลเวลาเป็นหลายล้านปี

    [​IMG]

    (ลองนึกดูครับว่า ผลกระทบและความแตกต่าง จะมากมายมหาศาลเพียงไร)

    ซึ่งหากผีเสื้อตัวนั้นตายก่อนเพราะเราฆ่าแล้ว ผลกระทบเหล่านี้ก็จะหายไป หรือเปลี่ยนไป


    [​IMG]

    หรือหากเราเคยได้อ่านชีวประวัติของบุคคลสำคัญอาจจะพบว่า
    บางท่านนั้นได้รับแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างหนึ่งในยามที่เป็นเด็ก
    แรงบันดาลใจนั้นเอง ได้มีผลสำคัญที่เปลี่ยนแปลงและผลักดันให้เด็กคนนั้น
    เติบโตและทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์อันยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต

    [​IMG]


    หรืออาจจะเคยได้ยินเรื่องเล่าว่า มีชายคนหนึ่งขับรถเดินทางไปอีกจังหวัดหนึ่ง
    ระหว่างทาง เขาได้แวะจอดรถยนต์ลงไปซื้อปลาตัวหนึ่งที่กำลังจะโดนฆ่า
    และเขาได้นำมันไปปล่อยลงแม่น้ำ อันเป็นการช่วยชีวิตปลาตัวนั้นไว้
    ในระหว่างที่กำลังปล่อยปลานั้น ได้มีรถยนต์แล่นผ่านไปคันหนึ่ง




    [​IMG]

    เมื่อเขาปล่อยปลาเสร็จ และเดินทางไปต่อ เขาก็พบว่าทางข้างหน้าสะพานขาด
    และมีรถคันที่ได้แล่นผ่านไประหว่างที่เขากำลังปล่อยปลานั้น ได้ตกลงไปในคูคลอง

    ซึ่งหากชายคนนั้นไม่ได้แวะเสียเวลาซื้อปลาไปปล่อยแล้ว รถที่จะตกลงไปในคูคลองนั้น ก็ย่อมจะเป็นรถยนต์ของเขาเอง

    และเขาเองก็อาจจะบาดเจ็บถึงตาย หรือพิการ หรือต้องสูญเสียทรัพย์สินมาก
    เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเนื่องได้มาก

    [​IMG]

    ในชีวิตคนเราก็ย่อมจะมีเหมือนกันนะครับ เพียงแต่ว่าเราไม่เคยเห็น
    การที่เราเสียเวลาแวะให้เงินขอทานสักคนหนึ่ง ทำให้เราขึ้นรถเมล์ไม่ทัน
    แต่หากเราได้ขึ้นรถเมล์คันนั้นได้ทัน เราอาจจะไปประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง
    หรือไปเจอโจรล้วงกระเป๋าบนรถเมล์ก็ได้

    สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถทราบได้เท่านั้น

    [​IMG]

    โดยหากเราทุกคนทราบสิ่งเหล่านี้ได้ ก็คงไม่มีใครกล้าทำชั่ว หรือทำสิ่งอกุศลแล้วเราต้องยอมรับว่าบางสิ่งบางอย่างที่ให้ผลร้ายนั้น ไม่ได้ให้ผลทันที ทำให้คนเราประมาท

    [​IMG]

    เช่นว่า หากสูบบุหรี่หนึ่งมวนแล้วจะเป็นมะเร็งปอดตายทันที ก็คงไม่มีใครกล้าสูบบุหรี่ หรือหากดื่มสุราหนึ่งแก้ว แล้วจะทำให้ตับแข็งตายทันที ก็คงไม่มีใครดื่มสุราเช่นกัน

    ปัญหาคือสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดทันที แต่ใช้ระยะเวลาที่สะสมอยู่พอสมควร


    [​IMG]

    หากเราสังเกตให้ละเอียดแล้วจะพบว่า สิ่งที่เราได้ทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ล้วนแต่ให้ผลทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่จะก่อผลกระทบต่อเนื่องไปในอนาคตกาลทั้งนั้น

    สมมุติว่า เราอยู่ทำงานล่วงเวลาในที่ทำงานจนดึกดื่นจนกระทั่งงานเสร็จ
    แต่พอวันรุ่งขึ้น เจ้านายเรียกเราไปตำหนิว่า งานที่ทำเมื่อคืนนั้นไม่ได้เรื่องเลย
    เราอาจจะมองว่า ที่เราได้อยู่ดึกขยันทำงานนี้ ไม่ให้คุณประโยชน์อะไรเลย
    เพราะว่าเราโดนเจ้านายตำหนิอยู่ดีว่างานไม่ได้เรื่อง

    [​IMG]

    สิ่งที่เราไม่เห็นคือ เราได้สร้างและสะสมนิสัยความขยัน และความอดทนในตัวเราไว้ และหากเราจะเรียน ศึกษา หรือทำงานใด ๆ ในอนาคต
    เราจะมีความขยันและความอดทนดังกล่าวที่จะมาช่วยสนับสนุนเราได้

    [​IMG]

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เปรียบเป็นการสะสม เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งดี เป็นกุศล หรือสิ่งไม่ดี เป็นอกุศล ก็ตาม ล้วนสะสมไว้ทั้งหมด

    สมมุติว่า หลังเลิกงานในเย็นวันหนึ่ง เพื่อน ๆ ได้ชวนเราไปเที่ยวเตร่และดื่มสุรากัน หากเราปฏิเสธไม่ไป และเราก็กลับบ้านไปทานข้าวที่บ้าน หรือกลับไปสวดมนต์ หรือภาวนา ซึ่งเราอาจจะเห็นว่าไม่แตกต่างอะไรมากมายระหว่างไปกับเพื่อนและปฏิเสธไม่ไป


    [​IMG]

    แต่หากเราไปกับเพื่อน ๆ แล้ว สิ่งที่สูญเสียที่เห็นได้ง่าย ๆ คือ เสียเงิน เสียเวลา เสียสุขภาพ สิ่งที่สูญเสียต่อมาที่อาจจะไม่เห็นก็คือ เป็นการสร้างและสะสมนิสัยของเราเองให้มาทางนี้ และในคราวหน้า หากเขาก็มาชวนเราให้ไป ก็จะชักชวนได้ง่ายขึ้น

    [​IMG]

    แต่หากเรากลับบ้าน เราไปสวดมนต์ หรือภาวนา ก็จะเป็นการสร้างสมนิสัยเราไปในทางอื่น และหากในวันหลัง เขาจะมาชวนเราไปด้วย ก็จะชักชวนได้ยากขึ้น

    โดยสิ่งที่สะสมไว้เหล่านี้วันละเล็กละน้อย สะสมไปเรื่อย ๆ เมื่อผ่านเวลาไปเนิ่นนานพอสมควรแล้ว ย่อมจะส่งผลแตกต่างกันสิ้นเชิงและมากมาย

    [​IMG]

    เช่น หากเราไปเที่ยวเตร่กับเขาแล้ว ในอนาคตเราก็ไปบ่อยขึ้น
    ในระยะยาวเราเองอาจจะเสียเงินเยอะมากขึ้น ป่วยหนักขึ้น
    หมดอนาคตการงาน เรากลายเป็นพวกขี้เมาไปด้วย หรือหาแฟนดี ๆ ไม่ได้
    (ได้แฟนเป็นพวกขี้เมาเหมือนกัน)

    โดยเหตุนี้ เราเองจึงไม่ควรประมาทครับ

    [​IMG]

    เคยฟังครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่า ไม่ควรประมาททั้งในกุศลกรรม และอกุศลกรรม กล่าวคือ อย่าประมาทว่าเป็นกุศลกรรมเล็กน้อยแล้ว จึงไม่ทำ
    อย่าประมาทว่าเป็นอกุศลกรรมเล็กน้อยแล้ว จึงทำ

    [​IMG]

    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะสะสมไว้ และเป็นการสร้างนิสัยของเราเอง
    การที่เราเปลี่ยนหรือสะสมการกระทำเล็กน้อย ๆ ในแต่ละวันไปเรื่อย ๆ
    ก็ย่อมจะเป็นการเปลี่ยนหรือสร้างนิสัยของตัวเราเอง

    เมื่อเปลี่ยนหรือสร้างนิสัยอย่างใดแล้ว ย่อมมีผลกระทบต่อเส้นทางชีวิต
    ซึ่งอาจจะถึงขนาดนำพาให้เราพ้นจากสังสารวัฏเลยก็ได้

    [​IMG]

    ในการภาวนาก็เช่นกัน เพียงเราหมั่นขยันทำไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน
    เสมือนเติมหยดน้ำทีละหยด

    สักวันหนึ่ง หยดน้ำทั้งหมดจะเติมเต็มมหาสมุทรได้
    แต่หากเราวิ่งตามกิเลสไปเรื่อย ๆ จะเติมไปเท่าไร ก็ไม่มีวันเต็มนะครับ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  2. จิตสีฟ้า

    จิตสีฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +192
    เป็นข้อคิดที่ดีมากเลยครัย ยกตัวอย่างได้ดีมาก ขอเอาไปเเชร์เพื่อให้เป็นประโยชน์เเด่คนอื่นด้วยนะครับ อนุโมทนาครับ:cool:
     
  3. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อารมณ์สุนทรีย์จังครับ น่าจะมีเพลงบรรเลงเครื่องลมไม้กับเครื่องสีให้ฟังด้วย ^^
     
  4. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    จัดไปจ้ะ เดี่ยว HARP

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=DgzguRsVD2Y"]www.youtube.com/watch?v=DgzguRsVD2Y[/ame]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  5. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    เดี่ยว CLARINET

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=LgLWLNpi2jc&feature=related"]www.youtube.com/watch?v=LgLWLNpi2jc&feature=related[/ame]


    [​IMG]
     
  6. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ทีแรกเข้ามาคิดว่าคงไม่ค่อยมีอะไร ที่ไหนได้ อ่านแล้ว
    "ลึกซึ้ง"กว่าที่คิด บางทีเคยถามตัวเองว่าทำบุญ เพื่อ"ต้องได้"
    อานิสงส์มากๆเหรอ, อันที่จริงการทำบุญก็เพื่อตัดสละ ความเป็น
    ตัวเรา ของเราออกไป, แต่บางครั้งเราก็เผลอไปได้เหมือนกัน
    ก็พยายามจะไม่ "เมาบุญ" ขณะที่ทำบุญ, สาธุค่ะ
     
  7. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อยากเล่นฮาร์พมากเลย แต่มันก็แพงมากๆเช่นกัน... อิอิ
    คลาริเนตก็ดีนะครับ เป่าคลาริเนตยามฝนตก ลมโบก สุดยอดครับ
    แต่ถ้าหน้าหนาว ต้องฟลูตเท่านั้น ^^
     
  8. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    ถ้าเครื่องสี ขอจัดซอเอ้อหูจ้ะ


    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=zDGAGE-hl44&feature=related"]www.youtube.com/watch?v=zDGAGE-hl44&feature=related[/ame]


    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=49yUdmbpyAk&feature=related"]www.youtube.com/watch?v=49yUdmbpyAk&feature=related[/ame]


    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=BCwysQU94Y0&feature=related"]www.youtube.com/watch?v=BCwysQU94Y0&feature=related[/ame]


    [​IMG]
     
  9. pawanakun

    pawanakun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +181
  10. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณค่ะ เพลิดเพลินเจริญใจดีจัง^ ^
     
  11. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ผู้ที่ยิ่งใหญ่ ก็เริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ

    เพราะมันคือสิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่
    ^___^
     
  12. packmilan

    packmilan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +8
    เปนคำกล่าวที่สุดยอดมากครับ:cool:
     
  13. justonelife

    justonelife เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +190
    สุดยอดมากครับ ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่ิองราวดี และข้อคิดต่างๆ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  14. JoyYuwadee

    JoyYuwadee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณค่ะ อ่านแล้ว ตัดใจไปทำอย่างอื่นได้ยากทีเดียว อยากอ่านให้หมดในคราวเดียวค่ะ
     
  15. saovvapa

    saovvapa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ
    ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านไป ซาบซึ้งไป

    ;aa19 ;aa15
     
  16. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขออนุญาติแบ่งปันค่ะ catt1
     
  17. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    โมทนาด้วยค่ะ เนื้อหาดี มีภาพสวยงามให้ชม มีประโยชน์มากจริงๆ
    แสดงให้เห็นว่าผู้โพสมีความตั้งใจ ในการถ่ายทอด ธรรมทานมาก
     
  18. AUNKZERI

    AUNKZERI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +49
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,353
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เพราะมากๆเลยครับ เพราะจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...