คลิปพระอยากดัง มีความคิดเห็นอย่างไรกับพฤติกรรมแบบนี้?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย roentgen, 20 กันยายน 2011.

  1. joyha

    joyha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +102
    ดูแล้วเครียดมาก จิตตกอย่างแรง
     
  2. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,012
    พระแกหลุดไปแล้ว หลุดจากโลกความเป็นจริง น่าจะเกิดจากพระแกเป็นโรคประสาท หรือโรคจิต ว่างๆลูกศิษย์แกน่าจะพาไปให้หมอรักษาบ้าง
     
  3. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +335
    พระพุทธเจ้าแยกคนดีคนชั่วเอาไว้ด้วยศีล
    พระรูปนี้ ดี หรือ ไม่ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเอาศีลอาบัติหนักเข้าไปวัด
    ผิดปราชิกหรือไม่ ในคลิป ผิดสังฆาทิเสสหรือไม่ ในคลิป

    พระโบราณจารย์อย่างหลวงพ่อจีน หลวงพ่อเนียม
    หลวงพ่อจีนนี้ ขี้โมโหอารมรุนแรงมาก เวลาสอนคน จะต้องจับตัวเองขังกรงเอาไว้
    เวลาสอนไคร ไม่ได้อย่างที่ตนคิด ก็จะโวยวายทุบกรงจนกรงแทบพัง

    หรือหลวงพ่อเนียม ท่านจะทำตัวเป็นพระบ้า ทำตัวเองบ้าๆบอๆ
    จนสมัยนั้นไม่มีไครเข้าใกล้ แล้วชาวบ้านชาวเมืองมองว่าเป็นพระบ้า

    สมัยนั้น หลวงพ่อปาน โสนันโท ท่านก็ไปขอศึกษาเล่าเรียนกรรมฐาน
    ปรากฏว่า หลวงพ่อเนียมเป็นปฏิสัมภิทา สำเร็จอรหันต์พร้อมไปด้วยฤทธานุภาพ
    หลวงพ่อจีนก็สำเร็จอรหันต์ หลวงพ่อปานไปขอเรียนกรรมฐานวิปัสสนามา

    ข้อนี้ผมไม่ได้เข้าข้างในคลิป ลองมองคำพูดและจุดประสงค์ท่านให้ดี
    ทำกิริยาแบบนั้นเพื่ออะไร จุดประสงค์อะไร ขอจงมองดีดี
     
  4. Dang1410

    Dang1410 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +2
    ถ้าใครมองว่าเป็นเรื่องปรกติ โดยไม่สนว่าประชาชนเข้าคิดอย่างไร !!!!!!
    พระภิกษุต้องมีทั้งเสขิยวัตร อินทรีย์สังวร วจีสุจิต
    ต่อไปลูกหลานทำบ้าง อ้างว่าขนาดพระยังพูดได้ ทำได้ขนาดนี้ เขาผิดอะไร เขาพูดเรื่องจริง แล้วจะรู้สึก หรือครูบาอาจารย์สอนลูกหลานท่านด้วยพฤติกรรมแบบนี้แล้วจะรู้สึก
    ดีก็ต้องชม ผิดก็ต้องติ ไม่ใช่เข้าข้างกันตลอด ไปอ้างว่าอันอื่นก็สอนดี
    ก็เขาพูดเรื่องที่ไม่ดี ให้แก้ไข เรื่องที่ดีๆก็ดีแล้ว ทำต่อไป
    ถ้าอ้างคำสอนของพระพุทธเจ้าเที่ยวไปติเตียนผู้อื่น แล้วสิ่งที่ทำอยู่นี่
    พระพุทธเจ้าก็ทรงติเตียน ดีแต่จับผิดคนอื่น สิ่งที่ตัวเองทำกลับหาข้อผิดไม่ได้........
     
  5. ข้าน้อยๆ

    ข้าน้อยๆ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +17
    เกิดเป็นมนุษย์นี้ยาก แล้วพบพระพุทธศาสนาอันประเสริฐอีก ชื่อว่าได้โชคหลายชั้น

    ทำดีในศาสนาพุทธนี้ ... มีคุณ มีประโยชน์ มีโชคมหาศาล พ้นเคราะห์พ้นโศกได้จริง
    ทำชั่วในศาสนาพุทธนี้ ... มีโทษอนันต์

    ในครั้งพุทธกาล ยังมีอลัชชี นับประสาอะไรกับหลังกึ่งพุทธกาล..
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สาธุ...
     
  6. ดอกไม้ป่่า

    ดอกไม้ป่่า สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +14
    โลกนี้ไม่มีอะไรถูกและอะไรผิด ไม่มี
     
  7. yokine

    yokine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +602
    มีความเห็นว่า แปลกดีครับ - -'' ส่วนตัว ไม่ถูกกับจริตของผมสักเท่าไหร่ครับ ผมไม่ได้นับถือ เฉพาะพระที่เรียบร้อยพูดจาอ่อนหวานหรอกนะครับ แต่ผมนับถือคุณธรรมที่พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้กระทำเป็นแบบอย่าง ในการนำมาใช้ปฏิบัติเองได้ครับ ส่วนตัวผมชอบพระที่เรียบร้อย ครองตนสำรวม สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่ผมพิจารณา สิ่งที่สองที่จะพิจารณาต่อมาคือ คำสอนของท่านนั้นๆ

    ชาวพุทธเราดู ยังพอเข้าใจได้บ้าง แต่หากเป็นต่างชาติต่างศาสนามาดูนี่ >< ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรน้ะครับ ...
     
  8. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +2,244
    มองจากด้านโลกวัชชะ(โลกตำหนิ ,โทษทางโลก) การที่พระภิกษุ ละเมิดพุทธบัญญัติ แม้จะเป็นอาบัติไม่ถึงกับขาดจากการเป็นภิกษุ อย่างกรณี การแต่งกายอย่างฆรา
    วาส ไปเดินตามร้านอาหารไนท์คลับในเวลาวิกาล ที่ถือว่าเป็นอโคจร ที่ต้องห้ามสำหรับภิกษุ ทั้งหมดจึงเป็นโลกวัชชะ ชาวโลกตำ
    หนิ ติเตียน ทั้งสิ้น เหมือนอย่างกรณี ภิกษุดื่มสุรา แม้จะเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่เป็นโลกวัชชะ โลกตำหนิ (สังคมรังเกียจ) พระภิกษุ
    รูปนั้นจะต้องโดนให้สึกทันทีกรณีที่พระภิกษุ เมื่อกระทำในสิ่งที่สังคมรังเกียจ (โลกวัชชะ) ยังจะมีหน้าจะดันทุรังกลับมาบวชอีก
    ก็นับว่าไม่มีความละอาย ไร้ยางอาย จึงสืบเนื่องไปสู่การพิจารณาทั้งในส่วนพฤติกรรมภายนอก คือการกระทำทางกาย และภายใน
    คือเจตนาในการกระทำ หรือทั้งสองอย่างสัมพันธ์กัน คือการกระทำเป็นตัวชี้เจตนา

    ประเด็นที่สำคัญ ที่น่าจะนำมาพิจารณา ในกรณีนี้ คือเป็นการกระทำไปด้วยความรู้ ทำด้วยเจตนา หรือเป็นความจง
    ใจที่จะทำ ทั้ง ๆที่รู้ว่าผิด จึงชี้ให้เห็นว่า กระทำความผิดเพราะจงใจ กระทำผิดพระธรรมวินัยทั้ง ๆที่รู้ว่าผิดพระธรรมวินัย หาก
    เป็นความชั่วก็ชั่วโดยจงใจ หรือเจตนา กระทำชั่วโดยสันดาน เมื่อมีเจตนาร้ายต่อพระธรรมวินัย ก็เท่ากับมีเจตนาร้ายต่อพระพุทธ
    เจ้าเพราะพระธรรมวินัยก็คือตัวแทนพระพุทธเจ้า จึงน่าพิจารณาต่อไปว่า เมื่อมีเจตนาร้ายต่อพระธรรมวินัย ที่เท่ากับมีเจตนาร้าย
    ต่อพระพุทธเจ้า ไม่มีความเคารพต่อพระธรรมวินัย ก็น่าสงสัยว่า จะกลับมาบวชเพราะมีเจตนาอะไร เมื่อไม่มีเจตนาดีต่อพระธรรม
    วินัยแล้ว ก็มองต่อไปอีกว่า ที่อยากกลับมาบวชนั้น ต้องเป็นการกลับมาเพราะมีเจตนาไม่ดีแน่ ต้องกลับมาเพื่อมีแผนในการทำลาย
    พระพุทธศาสนา เพื่อทำลายพระธรรมวินัย ก็เท่ากับมาเพื่อทำลายพระพุทธเจ้า เท่ากับทำลายความมั่นคงพระพุทธศาสนา เรามี
    ความผิดฐานทำลายความมั่นคงของสถาบันทั้ง ๓ อันได้แก่ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายความมั่นคงของชาติ และทำ
    ลายความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ไม่เคารพพระธรรมวินัย ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ก่อความเดือดร้อนให้กับพระศาสนา
    และสังคม ขอนำเอาคำวินิจฉัย ของ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงบันทึกไว้ในเรื่องการประกาศใช้

    พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ ในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่มที่ ๒ พ.ศ.๒๔๕๗ ตอนหนึ่งว่า
    "ภิกษุสงฆ์ แม้มีพระวินัย เป็นกฎหมายสำหรับตัวอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ก็ยังจะต้องอยู่ในใต้อำนาจแห่งกฎหมายฝ่ายอา
    ณาจักรอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งตราไว้เฉพาะหรือเพื่อคนทั่วไป และยังควรอนุวัตรจารีตของบ้านเมือง อันไม่ขัดต่อกฎหมายสองประเภท
    นั้นอีก"

    สรุปได้ว่า ภิกษุสงฆ์มีหลักอันพึงฟังอยู่ ๓ ประการ คือ กฎหมายของแผ่นดิน ๑ พระวินัย ๑ และจารีต ๑ จึงนำมา
    เสนอไว้เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ตรงกัน ตรงตามหลักของพระธรรมวินัย และจะได้ถือปฏิบัติตามให้ถูกต้องสืบไป.

    *เข้าใจว่าการทำแพลงกิ้ง ยังเลวร้ายน้อยกว่าอาการนี้ เป็นร้อยเท่า
     
  9. testykhun

    testykhun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +90
    ดังไปโดยปริยาย ครับพระเกษม
     
  10. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +134
    มองดีแล้วขอรับ
    เห็นแต่ความต่ำช้า
    ถ่อย เลว ทราม
    ชั่วช้าสามาร
    ให้มันสึกออกไป
    ไปเป็นฆารวาส
    ตั้งสำนักสอนคน
    อย่านุ่งห่มจีวร
    มาสอนคนแบบนี้
    ตั้งลัทธิใหม่ไปซะ
    ชื่อเควี้ยไรก็ตั้งใหม่
    คิดเอาเองทำเอาเอง
     
  11. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +134
    คุณครับ
    ไม่มีอะไรถูก
    ไม่มีอะไรผิด
    บาปไม่มี
    บุญไม่มี
    อย่างนั้นหรือ
    ศาสนาไหนหรือ
    ที่สอนคุณแบบนี้

    ยกตัวอย่าง

    หากผมด่าคุณว่า
    ไอ้สัตว์เดรัจฉาน
    ไอ้สัตว์นรกมาเกิด
    ไอ้เปรตขอส่วนบุญ
    ไอ้โง่งี่เง่า ระยำ
    ไอ้ไพร่ สถุล สกุลต่ำ

    ผมพูดแบบนี้
    ผมไม่ผิด
    เพราะไม่มีอะไรถูก
    ผมจึงไม่ผิดขอรับ

    คิดแบบนี้ใช้ไม่ได้คับ
    แล้วศีลล่ะคับ
    พระรูปนี้แค่วจีกรรม
    ยังรักษาไม่ได้เลย
    ศีลข้อ 4 ยังไม่ผ่าน
    แล้วอีก 226 ข้อ
    มันจะรักษาได้ไหม
     
  12. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +134
    ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
    วจีทุจริตมี 4 ประการคือ
    การพูดเท็จ การพูดคำหยาบ การพูดส่อเสียดและการพูดเพ้อเจ้อ
    ผู้ที่เป็นปุถุชนยังไม่สามารถละวจีทุจริต 4 ประการได้คือเมื่อมีเหตุปัจจัยก็สามารถเกิด
    วจีทุจริตประการใดประการหนึ่งได้ครับ ผู้ที่เป็นพระโสดาบันสามารถละการพูดเท็จ
    และการพูดส่อเสียดได้ครับ พระสกทาคามีก็เช่นกันสามารถละการพูดเท็จ การพูดคำ
    ส่อเสียดได้ พระอนาคามีสามารถละวจีทุจริตได้คือละการพูดเท็จ ละกาารพูดส่อเสียด
    ละการพูดคำหยาบ แต่ยังละการพูดเพ้อเจ้อไม่ได้ ส่วนพระอรหันต์เท่านั้นที่่จะละการ
    พูดเพ้อเจ้อและวจีทุจริตทั้งหมดได้ครับ
    ที่สำคัญแม้พระอริยบุคคลที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ แม้ท่านจะยังละวจีทุจริตในบาง
    ประการไม่ได้ แต่วจีทุจริตที่ท่านพูดออกมา เช่น พูดเพ้อเจ้อ แต่การพูดคำพูดเพ้อเจ้อ
    ของท่านไม่เป็นปัจจัยให้ต้องตกนรกหรือไปอบายภูมิ คือไม่เป็นอกุศลกรรมบถที่ครบ
    องค์ที่จะต้องไปอบายครับ รวมทั้งการพูดคำหยาบของพระโสดาบันและพระสกทาคามี
    ก็ไม่ได้ถึงกับรุนแรงทำให้ต้องไปอบายครับ เพราะฉะนั้นวจีทุจริตของพระอริยบุคคลที่
    ไม่ใช่พระอรหันต์แม้ยังมีอยู่แต่ไม่มีกำลังมาก และไม่ถึงกรรมเป็นอกุศลกรรมบถที่จะ
    ทำให้ไปอบายภูมิครับ ต่างจากปุถุชนที่ยังมีวจีทุจริต 4 ประการครบและยังมีเหตุปััจจัย
    ให้สามารถพูดในสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นวจีทุจริต 4 มีกำลังคือสามารถพูดเป็นกรรมที่เป็นอกุศล
    กรรมบถครบองค์และเป็นเหตุให้ไปอบายภูมิได้ครับ ต่างจากพระอริยบุคคลที่ไม่ใช่พระ
    อรหันต์แม้ท่านมีวจีทุจริตบางข้อ แต่วาจาที่เป็นอกุศลของท่านนั้นไม่มีกำลังมาก
    เหมือนปุถุชนและไม่เป็นเหตุไปอบายภูมิครับ
    ในชีวิตประจำวันจึงควรพิจาณาด้วยปัญญาและเห็นโทษของวาจาที่พูดกัน แม้จะยัง
    ละวจีทุจริต 4 ประการไม่ได้ แต่ก็ค่่อยๆเห็นโทษของวาจาที่พูดประการต่างๆได้ อัน
    เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนและผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคมครับ ปัญญานั่นเองที่จะทำให้
    เราดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง แม้แต่การใช้วาจาในการดำเนินชีวิตครับ เริ่มจากการฟังการ
    ศึกษาพระธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญาจะขัดเกลากาย วาจาซึ่งเป็นไปตาม
    กำลังของปัญญา ขออนุโมทนาครับ

    วจีทุจริต
     
  13. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +134
    ใจที่มีศีลเป็นพื้นฐานก็ทำสมาธิง่ายครับ เห็นบทความนี้เขียนดีตัวอย่างชัดเจนก็เอามาแบ่งให้อ่านกัน

    http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=13040
    พูดเท็จ-ส่อเสียด-หยาบคาย-เพ้อเจ้อ 4 อกุศลบาปทางวาจา by cho.

    สวัสดี Saturday Seiko..ใครเป็นแฟนานุแฟนป๋าเทพ โพธิ์งาม ตลกคราวพ่อที่มีชื่อเสียงโด่งดังยังไม่เห็นดับ คงได้ทราบข่าวกันแล้วว่าป๋าเทพกำลังจะจัดทอล์คโชว์ของตัวเอง.. พอฟังแล้วก็ขำขำ…ใครๆ ก็ลือกันให้แซ่ดว่าป๋าทำอะไรไม่เคยจะสำเร็จเลย เจ้งลูกเดียว.. ตลกหนอตลก.. เรื่องเจ๊งก็เอามาขำกันได้.. ‘ป๋าเจอมาเยอะ..’ วลีนี้เป็นที่ฮือฮาติดปากกันไปอีกระลอก.. คนอะไรฮาโคตรตั้งแต่หนุ่มยันแก่.. ฮาเพราะอะไรก็เพราะ ‘ปาก’ และท่าทางของป๋าเทพแกนั่นหละ.. ไม่รู้สิชอบ..คงต้องหาโอกาสสร้างความบันเทิงเริงรมย์ให้กับตนเองไปดูแกสัก หน่อย..

    พอพูดถึง ‘ตลก’ กับ ‘การพูดจา’ คนชมป่านนี้ก็ยังไม่ทราบเวลาเขาเอาเรื่องมาอำกันให้คนดูขำ..บ้างก็ตบหัว.. รุ่นพ่อ รุ่นพี่ รุ่นน้องนับรุ่นกันยังไงก็ไม่โกรธเพราะทราบถึงเจตนาทำมาหากินค่ะ.. อ้าว..แล้วในโลกแห่งความเป็นจริงเล่า?...
    การพูดจา…มีความสัมพันธ์อย่างไรกับบาปกรรม ฟังพระว่าเรื่องธรรมมะมาเยอะ...มาฟังคนมีกิเลสอย่างดิฉันคุยเรื่องธรรมะกันอีกสักครั้ง

    ความหมายของบาปการพูดทั้ง 4
    พูดเท็จ=เอาเรื่องไม่จริงมาพูด
    พูดส่อเสียด=พูดจาให้คนทะเลาะกันโกรธกัน
    พูดคำหยาบ=พูดจามีเจตนาให้คนอื่นโกรธ
    พูดเพ้อเจ้อ=กล่าวาจาไม่มีหลักฐาน

    4 การทำอกุศลทางวาจาเหล่านี้..เป็นภาคต่อจากการทำอกุศลทางใจในหัวข้อเรื่อง ไฮไลท์มันสำคัญที่ตัวอิจฉา.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,13033.html เพราะเมื่อเรามีจิตใจอกุศล ที่ดำริมาจากใจนั้น…เราจะเริ่มลงมือทำบาปอกุศลทางวาจานั่นเอง… มาเช็คบาปกันทีละข้อ!

    พูดเพ้อเจ้อ: พระไตรปิฏกเขียนว่า ‘คือ พูดในเวลาที่ไม่ควรพูด พูดเรื่องที่ไม่เป็นจริง พูดไม่เป็นประโยชน์ พูดไม่เป็นธรรม พูดไม่เป็นวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่สมควร’
    Check it out: โอะโอว..อกอีแป้นจะแตก..ตามความหมายจากพระไตรปิฏกชัดเจนตรงประเด็นเลย ตัวอย่างมีให้เห็นทั่วไป ขายข่าวGossipดารา ---- คนอ่านอ่านเสร็จตั้งสภาเม้าท์กระจาย--- นี่แหละ พูดเพ้อเจ้อแล้ว… เพราะเรานำมาพูดต่อโดยไม่มีหลักฐานไงหละ เรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้เลย บาปแล้วค่ะ! โหเราทำบาปมาเยอะแล้วหรือนี่?

    พูดคำหยาบ: พระไตรปิฏกเขียนว่า ‘คือการกล่าววาจาที่เป็นคำหยาบอันเผ็ดร้อนแก่ผู้อื่น อันขัดใจผู้อื่น อันใกล้ความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบจิต’
    8 ลักษณะของคำหยาบ
    ด่า=พูดว่ากล่าว
    ประชด=พูดยกจนลอย
    กระทบ=เปรียบเปรยให้เจ็บแค้นใจ
    แดกดัน=เสียดสี
    ล้อเลียน=พูดปมด้อย
    สบถ=แช่ง
    หยาบโลน=คำที่สังคมรังเกียจ
    อาฆาต= พูดให้หวาดกลัว
    Check it out! ไอ้: ) ชิด ไปแดกเหล้ากัน แม่งเซ็งหวะแฟนกูทิ้ง ไปร้านแดกถล่มอีน้ำหวานกันแม่งเพิ่งเปิดร้านใหม่แถวบ้านมึงหงะ’ ใครฟังประโยคนี้ยังไงก็ต้องฟันธงว่าเป็นคำหยาบ.. แต่มาเช็คกับพระไตรปิฏกแล้วถือว่าไม่บาปหากไอ้ชิดฟังแล้วไม่ได้รู้สึก โกรธ..แถมยังเห็นใจเลี้ยงเหล้าได้อีก

    ตายพอดีไม่งั้นคงลงนรกเพราะ พูดแบบนี้กันหมด แหมบางทีดิฉันยังแอบพูดประจำ อย่าสงสัยเลยคนทำงานเบื้องหลังดันให้คนอื่นเขาดัง เขียนสวยได้ ก็เขียนซ่าส์-พูดซ่าส์ได้เหมือนกัน ฮาดีออก หลุดเฟรมกันตลอดหละคนทำงานแบบนี้…เราเน้นเรื่องเจตนาเป็นหลัก ส่วนพับบลิคเป็นเรื่องทำมาหากิน… เฮ่อ! โล่งอกถือว่าเราและพวกพ้องไม่ต้องเอี่ยวกับการไปลงนรก..เพราะเรื่องนี้!

    ‘หืมมม.. น้องชดช้อย สวยมากกกก..เกินนะคะ วันนี้’ (มีลากเสียงและสายตาจิกๆ เล็กน้อย)
    ฟังแล้วยังต้องคิด ตกลงมันด่าหรือมันชม? อ่ะงานนี้คงต้องว่ากันที่เจตนาแล้วค่ะ..

    ‘อุ้ย… อาหารร้านนี้รสชาติอร่อยลิ้นสุนัขไม่รับประทาน ดูคุณพิพัฒน์ชัยสิ.. ทานแล้วทำหน้าเหมือนส้นตีนแช่แฟ๊บเลย..ไว้โอกาสหน้าจะมารับประทานใหม่นะคะ’ ใครฟังประโยคนี้ไม่ต้องแปลแล้ว มึงด่ากูเต็มๆ แต่ไม่เห็นมีคำหยาบ (ที่เราเคยเข้าใจว่าหยาบ) เอาหละ ถ้าพูดซะโจ่งแจ้งขนาดนี้ต่อหน้า face to face คงไม่ต้องไปแปลให้มากความตบสักพลั้วที่กกหูคงไม่เป็นไร..555

    โอะ โอว..เห็นกันมากมายค่ะ พูดจาด่าว่าคนที่ตนไม่ชอบให้อีกฝั่งโกรธกันแล้วโกหกตัวเองว่า เปล่า..ไม่ได้ว่าใคร! ของแบบนี้อยู่ที่ใจเรา.. มีเจตนาอะไร ทุกอย่างสำคัญที่ใจ? วิเคราะห์พระไตรปิฏก คัมภีร์ตัดสินชี้ผิดถูกนั้น คงต้องเลือกเปลี่ยน…เปลี่ยนพฤติกรรมแทนการสะสมบาปไปลงนรก!

    พูดส่อเสียด พระไตรปิฏกเขียนว่า ‘คือ ได้ฟังข้างนี้แล้วนำไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายพวกข้างนี้บ้าง หรือฟังข้างโน้นแล้วนำไปบอกข้างนี้ เพื่อทำลายข้างโน้นบ้าง ยุพวกที่พร้อมเพรียงกันให้แตกกันไปบ้าง ส่งเสริมพวกที่แตกกันบ้าง ชอบใจคนที่แตกกันเป็นพวก ยินดีในความแตกกันเป็นพวก ชื่นชมในพวกที่แตกกันและกล่าววาจาที่ทำให้แตกกันเป็นพวก’
    Check it out! อันนี้น่าสนใจมาก.. บาปที่ทำเป็นอาจิณของเราท่าน.. แต่ยังดันทุรังบอกว่าฉันพูดจริงนะยะ นี่หละตัวปัญหา เพราะแม้พูดความจริงแต่มีเจตนา ย้ำนะคะว่าเจตนา ทำให้คนเกลียดกันแตกแยกกัน ก็จะบาป สังเกตุดีๆ ว่าเรื่องทำบาป บอกว่าไม่ตั้งใจมันก็บาป แต่กรรมที่ต้องชดใช้มันไม่เท่ากัน จะแตกต่างตรงที่เจตนา! ฉะนั้น การที่เราจะนำความของคนรัก เพื่อนสนิทกันจากฝั่งหนึ่งไปบอกอีกฝั่งหนึ่ง ก็ควรต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ เหตุเพราะอาจจะทำให้ แตก ขึ้นได้.. อาทิ
    ‘ฉัน เห็นชิดชัยแฟนหนุ่มของหล่อนไปกับนังหมวยผมหน้าม้าหน้าจืดๆนะยะ นังชะนีคนนี้หรือเปล่าที่โทรมาร้องห่มร้องไห้กับหล่อนว่า ให้หล่อนเลิกกะชิดชัย.. ชิดชัยก็เลวนะไปบังคับให้มันทำแท้ง ฉันก็สงสารหล่อนนะยะ ช่างมันเถอะในเมื่อมันท้องแล้วเธอคงทำอะไรไม่ได้.. ว่าแต่ว่า แล้วมันทำแท้งหรือยังยะหล่อน ถ้าใช่คนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย? ฉันหวังดีนะยะ ขอเตือนเธออย่าไปยุ่งกับมันอีก‘ ความปรารถนาดีโดยไม่มีเจตนาเลวร้ายแอบแฝงแม้เป็นความจริง แต่ก็อาจทำให้เขาและเธอ ต้องวางมวยทะเลาะกันก็ได้…อีกพวกคือพวกชอบเม้าท์นินทาชาวบ้านอย่างเมามัน ระวังจะตกนรก เพราะกรรมจากการพูดส่อเสียดสุดท้ายก็จะมาทำให้ชีวิตเราแย่ตกต่ำได้.. ประมาณว่าเข้าใจผิดนึกว่าตนดีเลิศ เลยเที่ยวว่ากล่าวเขานั่นหละ

    พูดเท็จ พระไตรปิฏกเขียนว่า เมื่อเขาไม่รู้ก็บอกว่ารู้บ้าง เมื่อรู้ก็บอกว่าไม่รู้บ้าง เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าเห็นบ้าง เมื่อเห็นก็บอกว่าไม่เห็นบ้าง เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่ เพราะเหตุตนบ้าง เพราะเหตุผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุเห็นแต่สิ่งเล็กน้อยบ้าง’
    7 ลักษณะของการพูดเท็จ
    ปด=โกหกจังๆ
    ทนสาบาน=ทำผิดไม่ยอมรับ
    ทำเล่ห์กระเท่ห์=อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงให้หลงเชื่อ
    มารยา=แสร้งทำให้หลงเชื่อ
    ทำเลศ=ให้ผู้อื่นตีความคลาดเคลื่อนเอาเอง
    เสริมความ=พูดเรื่องมีมูลน้อยให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น
    อำความ=ปกปิดเรื่องมากให้เป็นเรื่องเล็ก..
    Check it out! การพูดเท็จ คือเจตนาให้ฟังผิดจากเป็นความจริง อีกทั้งยังรวมถึงเรื่องการพูดให้ผู้อื่นหลงผิดด้วย โอ้โห..พอมาแจงในรายละเอียดคำพูดเท็จ.. มันยิบย่อยแท้.. บาปข้อนี้บอกได้เลยว่า ทำง่าย.. บางคนก็ทำเป็นอาจิณโกหกเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยตั้งแต่เด็ก.. ไม่นานก็กลายเป็นโกหกใหญ่ พอโกหกใหญ่มักจะแฝงด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆตามมาเช่น ‘โกหก ว่าชอบ ว่ารักแล้วลวงไปขืนใจ..ผู้หญิงก็อายไม่ปริปากพูดอะไร ทนก้มหน้ารับกรรม เลยตามเลยเพราะคำว่า รัก…มันค้ำคอ! จะแจ้งความหรือก็อายประชาชี ทนให้ผู้ชายเลวซ้ำเติมตบตี เพราะไม่กล้าแจ้งความ ’ หากเราอ้างอิงหลักการของพระพุทธเจ้าตามนี้แล้ว.. เข้าใจเวลาเลยค่ะว่า พระต้องไม่มุสาอย่างแน่นอน.. เพราะเคยมีคนบอกว่า ’พระองค์นี้มุสา เธออย่าไปเชื่อ’ เอ๊ะ..ทั้งๆที่พระองค์นี้เขาก็เล่าเองว่า.. เขารู้จักตั้งแต่อายุ 15? … พระท่านรู้ศีลขนาดนี้ไหนจะปฏิบัติตนมาหลายพรรษา ยกเว้นท่านจะได้ฟังความผิดๆ แล้วมาเล่าต่อ! เอ้าระยำจริง พระผิดเหรอเนี่ย? รับบาปในนรกกันไปค่ะ

    คนมีกิเลสเสวนาเรื่องธรรมะ.. ถือเป็นการเช็คบาปกรรมกับตัวผู้เขียนเอง..หลวงพ่อสอนไว้ ปากสุนัขไม่มีงาช้าง.. เจตนาใครทำอย่างไรทราบกับใจตัวเอง..ไม่ต้องไปโชว์โง่ให้ใครเขานินทาหาว่า 'ถ่มน้ำลายรดฟ้า ยังไง้ก็รดถึงหน้าตัวเองเหม็นฉึ่ง..' เอาน่า..ทุกอย่างสำคัญที่ใจ..

    ไม่สรุปเนื้อหาแล้วนะคะ ขอจบดื้อๆ ไปกินข้าวมันไก่มื้อเช้า อะโอววว...กำลังร้อนๆ เชียว!

    อนุโมทนา ธรรมทานให้แก่ครอบครัว ครูบาอาจารย์ รวมถึงคนที่ดิฉันรัก คนรัก เคยรัก กำลังจะรัก และรักดิฉันทุกคน (ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะเกรงคนเข้าใจผิดคิดอกุศล) เจ้ากรรมนายเวรผู้ใดที่ดิฉันได้เคยล่วงล้ำไม่ว่าจะตั้งหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอให้มีส่วนได้ธรรมทานบุญครั้งนี้ด้วย…ขอให้พวกเขามีความสุขกับบุญนี้ ขอบุญกุศลครั้งนี้จงทำให้เขาอโหสิกรรมให้ดิฉันด้วยเถิด!..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2011
  14. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +134
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
    อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
    </CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER></CENTER><CENTER>กรรมปถวรรคที่ ๗</CENTER> [๒๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ตนเองเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑กล่าวสรรเสริญคุณการฆ่าสัตว์ ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ธรรม ๔ประการเป็นไฉน คือ ตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ฯ [๒๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ตนเองเป็นผู้ลักทรัพย์ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑ พอใจในการลักทรัพย์ ๑กล่าวสรรเสริญคุณการลักทรัพย์ ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ธรรม ๔ประการเป็นไฉน คือ ตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ประการนี้แล ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ฯ [๒๖๖] ตนเองเป็นผู้ประพฤติผิดในกาม ๑ ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจในการประพฤติผิดในกาม ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการประพฤติผิดในกาม ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจในการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ ฯลฯ [๒๖๗] ตนเองเป็นผู้พูดเท็จ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑ พอใจในการพูดเท็จ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการพูดเท็จ ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ ฯ [๒๖๘] ตนเองเป็นผู้พูดส่อเสียด ๑ ชักชวนผู้อื่นในการพูดส่อเสียด ๑พอใจในการพูดส่อเสียด ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการพูดส่อเสียด ๑ ฯลฯตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑ พอใจในการงดเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑ ฯลฯ ฯ [๒๖๙] ตนเองเป็นผู้พูดคำหยาบ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการพูดคำหยาบ ๑พอใจในการพูดคำหยาบ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณในการพูดคำหยาบ ๑ ฯลฯตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑ ฯลฯ ฯ [๒๗๐] ตนเองเป็นผู้พูดคำเพ้อเจ้อ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการพูดเพ้อเจ้อ ๑พอใจในการพูดเพ้อเจ้อ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการพูดเพ้อเจ้อ ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑พอใจในการงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณการงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑ ฯลฯ [๒๗๑] ตนเองเป็นผู้มากไปด้วยความโลภ ๑ ชักชวนผู้อื่นในความโลภ ๑ พอใจในความโลภ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความโลภ ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้ไม่มากไปด้วยความโลภ ๑ ชักชวนผู้อื่นในความไม่โลภ ๑ พอใจในความไม่โลภ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความไม่โลภ ๑ ฯลฯ ฯ [๒๗๒] ตนเองเป็นผู้มีจิตพยาบาท ๑ ชักชวนผู้อื่นในความพยาบาท ๑พอใจในความพยาบาท ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความพยาบาท ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้ไม่มีจิตพยาบาท ๑ ชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาท ๑ พอใจในความไม่พยาบาท ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความไม่พยาบาท ๑ ฯลฯ ฯ [๒๗๓] ตนเองเป็นผู้มีความเห็นผิด ๑ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด ๑พอใจในความเห็นผิด ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความเห็นผิด ๑ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเห็นชอบ ๑ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ ๑ พอใจในความเห็นชอบ ๑ กล่าวสรรเสริญคุณความเห็นชอบ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ฯ<CENTER>จบกรรมปถวรรคที่ ๗</CENTER><CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER></PRE>
     
  15. Tamsc14

    Tamsc14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +204
    การที่เราไหว้พระพุทธรูป เราไม่ได้ไหว้ ทองเหลือง หรือปูน แต่เราไหว้พระพุทธคุณท่าน ที่พระองค์ท่านได้สั่งสอนธรรมต่อชาวโลก เท่ากับเป็นตัวแทนพระองค์ท่านไว้ให้เราสัการะบูชา
     
  16. NaCl

    NaCl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +289
    อะไรดีก็รับไว้ อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องเอาไว้

    มีกำไรในขาดทุน มีทองคำในกองขี้ มีธรรมมะในทุกสิ่ง
     
  17. NaCl

    NaCl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +289
    เท่าที่ฟัง
    อย่ากราบพระพุทธรูป เพียงคิดว่า อ่าห์..องค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่คือรูปแทนพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน

    จงกราบพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมี "รูป" อยู่หรือไม่

    จงอย่าขออะไร อยากได้สิ่งใด ให้ใช้ความพยายามของตัวเอง

    อย่าหลงโง่งมกับสิ่งที่เป็นเปลือกนอก จงมองเข้าไปให้เห็นธรรมในทุกสิ่ง




    เลือกเอาของดีๆไว้ ไอ้ที่ไม่ดี ไม่ต้องเอามา !!!!!!
     
  18. kunmeeja

    kunmeeja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +61
    คิดเหมือนคุณคห.บนนะ

    เราดูคลิปจนจบ...

    แล้วก็ตามไปดูคลิปอื่นๆต่ออีก

    แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่ได้เป็นศิษย์ ไม่ได้นับถือ ไม่เคยไป ไม่เคยรู้จัก

    ที่เรานับถือมีพระพุทธเจ้า หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโต หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อจรัล

    เรา(เคย)เป็นคนขี้โมโห ขี้หงุดหงิด โวยวาย เวลาโมโหเตะนู่นนี่

    แต่ก็ไม่ถึงขนาดในคลิปนะ แบ็คคิกทิชชู่นี่ยังไม่เคย 555+

    แล้วก็รู้สึกถึงคนรอบข้างว่าเค้ากลัวเรา ขยาดเรา ถึงแม้เราจะเป็นคนมีความรู้มาก

    ชอบพูดชอบอธิบาย แต่ใครไม่เข้าใจ เราก็จะโมโหอีก..แป่ววว

    น้องเรามาสะกิดๆบอกว่าให้เพลาๆลงหน่อย เราก็มาศึกษาธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้

    โดยเฉพาะการพูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ ตอนนี้ทำได้ดีขึ้นมาก ไม่พูดไม่ว่าไม่ด่าใคร

    ยึดถือจริยวัตรที่เหมาะสม สงบ อ่อนน้อม ใครว่าเราถ้ามันไม่จริงก็ไม่ต้องไปเดือดร้อน

    ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น

    จากที่ดูคลิป เข้าใจว่าพระเกษมหยิบยกเอาข้อเสียของพระรูปอื่น หรือวัดอื่น และพุทธศาส

    นิกชนที่นับถืออะไรๆโดยหลับหูหลับตา ไม่คิดให้ดีก่อน บางวัดก็เอาแต่เงินๆๆๆๆ

    ถึงแม้มันจะจริงอย่างที่ท่านว่านะท่าน แต่เราคิดว่าอย่าไปยุ่งกับใครดีกว่า

    ทำตัวเองให้ดีหรือยัง เหมาะสมหรือยัง อย่าไปติเตียนกรรมของผู้อื่นมากจนลืมไปว่า

    ตัวเองก็ทำไม่ดีไว้เยอะ อะไรที่ดีท่านก็ทำไป ไม่ดีก็ไม่ต้องไปทำ

    เอาตัวเอง การกระทำของตัวเองเป็นหลักดีกว่า
     
  19. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มนุษย์ตาบอดคงมองไม่เห็นว่าจิตท่านสว่างไสวขนาดไหน จิตวิญญาณใน3โลกย่อมมองเห็น คงมีผมคนเดียวที่เข้าใจ อรหันต์ย่อมไม่บาปในการกระทำทั้งปวง ผมอยากปกป้องท่าน แต่ก็เชื่อว่าไม่มีใครทำอะไรท่านได้ อยากรู้เหมือนกันว่าปุถุชนหน้าไหนกล้าลงโทษพระอริยะ
     
  20. Bill PEA31

    Bill PEA31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +417
    ขอถามนะครับ ผิดในศีล227ข้อหรือเปล่าครับ ถ้าผิดก็มีนรกรออยู่แน่ครับ และยังอาจทำให้ผิดข้อสำคัญคือสงฆ์แตกแยก สังคมแตกแยก ข้อนี้ยิ่งหนัก
    การสอน เป็นเพียงการชีให้เห็นผลและเหตุเท่านั้น ถ้าสัตว์ไม่เห็นนั้นเป็นกรรมของสัตว์
    ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ท่านต้องแสดงอาการเช่นนี้
    เหมือนดั่งสอนเด็กว่า กิริยาวาจาเช่นนี้ไม่ดีไม่สุภาพแต่เราเป็นผู้ใหญ่ปฏิบัติเองจะเป็นอย่างไร
    แล้วนี้ท่านเป็นถึง..........สมควรหรือที่สอนและปฏิบัติเช่นนี้
    และถ้าเป็นอริยะจริงท่านคงเข้าป่าไปแล้ว เพราะการที่ประพฤติเช่นนี้ ถ้าอยู่อย่างนี้มันจะเป็นบาปกับโยมทั้งหลายที่ปรามาสท่าน (เช่น ปู่ฤาษีลิงขาว ที่อยู่ในชุมชนไม่ได้ด้วยนิสัยท่าน อาจทำให้โยมลงนรกได้เพราะปรามาสท่าน)
    แต่ท่านอาจไม่ทราบก็ได้ ใครเป็นลูกศิษย์ของท่านหากมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ก็ขอให้บอกท่านด้วยนะครับ สงสารคนที่เค้าไม่รู้และกำลังปรามาสท่านอยู่
    ทำอะไร ฟ้ารู้ ดินเห็น ไม่มีใครเหนือกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...