คลิปพระอยากดัง มีความคิดเห็นอย่างไรกับพฤติกรรมแบบนี้?

จริตวาสนาที่ติดตัวมาของพระอรหันต์ คือ กระทำไปโดยเป็นปรกติวิสัยครับ และไม่จำเป็นต้องใช้เป็นอุบายสอนใครด้วย ไม่มีการจาบจ้วงล่วงเกินต่อคณะสงฆ์ด้วย ไม่จาบจ้วงล่วงเกินต่อคุณพระรัตนตรัยด้วย ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย และที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมด้วย



จิตของผู้ที่บรรลุธรรมขั้นสูงจริง ละเอียดประณีตมากครับ แม้บางท่านจะมีจริตวาสนาที่โลดโผนไปบ้าง แต่ก็อยู่ในขอบเขตแห่งพระธรรมวินัยและสำรวมมากที่สุดครับ ท่านพระปิลินทวัจฉะ ชอบพูดคำว่า วสละ (เจ้าคนถ่อย) บ่อยๆ แต่เวลาที่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าหรือสนทนาธรรมกับสหธรรมิกก็ไม่มีคำหยาบนะครับ ท่านพูดกับเฉพาะญาติโยมบางคนเท่านั้น ท่านพระสารีบุตรก็เช่นกัน ท่านไม่ได้กระโดดโลดเต้นอยู่ตลอดเวลานะครับ กระโดดเฉพาะเวลาเจอลำธารเล็กๆ เท่านั้น (ขืนกระโดดตลอดเวลา คงไส้เลื่อนแน่) และยังมีเรื่องส่วนตัวอีก เช่น พระอรหันต์บางองค์ยังสูบบุหรี่บ้าง ฉันหมากบ้าง (แบบไม่เดือนร้อนใครก็ไม่เป็นไร) แต่ถ้าฉันยาบ้า ด่าครูบาอาจารย์ อวดเคร่งกว่าครูบาอาจารย์ ยกตนเหนือครูบาอาจารย์ ไม่ดำเนินทางสายกลางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยและไม่เมตตาเอื้อเฟื้อต่อญาติโยมสาธุชนแล้ว ก็ไม่ใช่จริตวาสนาหรอกครับ เป็นสันดานล้วนๆ เลยครับ



ลองคิดดูว่า ถ้าพระ 10 % ในประเทศไทยเป็นเยี่ยงนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ?


เฮ้ย ! กูสำเร็จแล้ว บรรลุธรรมแล้ว จะพูดจะทำอะไรก็ได้ ไม่สนใจใครหรอก แม่งคณะสงฆ์ห่วยแตกว่ะ ปล่อยให้มีการปลุกเสกเลขยันต์กันอยู่ได้ งมงายไร้สาระ ต้องอย่างกูนี่ บรรลุแล้ว ไม่ต้องไปไหว้ไปกราบแม่งหรอก พระพุทธรูปนะ มันเป็นทองเหลือง ฯลฯ



ก็จริงของท่านนะ ผมไม่เถียงเลย แต่สอนดีๆ ก็ได้ เพราะถ้าคนเขาจะเชื่อท่าน ท่านไม่ต้องไปแอ๊คชั่นขนาดนั้นหรอก ท่านโกนหัวห่มผ้าเหลืองอยู่นะ โบสถ์ที่ท่านเคยบวชก็คงมีพระประธานอยู่กระมัง หรือถึงจะไม่มี ก็โปรดเห็นใจและเข้าใจชาวพุทธส่วนใหญ่เขาหน่อยเถอะนะ เพราะเขาเหล่านั้นต้องการที่พึ่งทางใจที่เป็นวัตถุสมมติอยู่ ท่านจะหลุดพ้น (ในแบบของท่าน) ก็หลุดพ้นไปคนเดียวเถอะ ไม่ต้องเผื่อแผ่เวอร์ชั่นใหม่ๆ แบบจัดหนักจัดเต็มให้เป็นไอดอลออกมาหรอก (ไม่มีใครเขาอยากเห็นช้างน้อยของท่านหรอก ไม่ต้องมายกแข้งยกขาให้ดูหรอก มันอุจาดนัยน์ตา)



ศรัทธากับปัญญาต้องไปคู่กัน ศรัทธามากไปก็งมงาย ปัญญามากไปก็มานะทิฏฐิ จริงไหมท่าน

 

เสียงธรรมจากหลวงพ่อ...



<iframe src="http://www.youtube.com/embed/5RDTpkzvYCs" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>

 

การเผา-ทำลายพระเจดีย์หรือพระปฏิมา (พระพุทธรูป) มีกรรมหนักเท่า อนันตริยกรรม

ในช่วงนี้ มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับวงการพระพุทธศาสนาให้เสื่อมเสียเกิดขึ้นมา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเรื่องเก่าเกี่ยวกับ "การห้ามบูชาพระพุทธรูป" โดยเห็นว่าเป็นเพียงแค่ทองเหลือง แล้วมีการนำเอาพระพุทธรูปมาเผา ผมจึงได้ืทำการศึกษาค้นคว้า และค้นพบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ในชั้นอรรถกถา จึงนำมาให้ทุกท่านได้ทราบว่าอรรถกถาจารย์ได้อธิบายไว้อย่างไร ขอให้ทุกท่านอ่านแล้วทำในสิ่งที่เห็นผิดอยู่จงกลับมาเห็นถูก หากทำผิดอันไม่สมควรจงกลับใจมาทำในสิ่งที่ถูกต้องเถิด...


=============================
วินิจฉัยอนันตริยกรรม ๕
=============================

พึงทราบวินิจฉัยใน โลหิตุปปาทกรรม (กรรมคือการทำพระโลหิต
ให้ห้อ) ต่อไป ชื่อว่าการทำให้หนังขาดด้วยความพยายามของคนอื่น แล้ว
ทำให้เลือดออก ไม่มีแก่พระตถาคต เพราะพระองค์มีพระวรกายไม่แตก แต่
พระโลหิตคั่งอยู่ในที่เดียวกันในภายในพระสรีระ. แม้สะเก็ดหินที่แตกกระเด็น
ไปจากศิลาที่พระเทวทัตกลิ้งลงไป กระทบปลายพระบาทของพระตถาคต
พระบาทได้มีพระโลหิตห้ออยู่ข้างในทีเดียว ประหนึ่งถูกขวานทุบ. เมื่อพระ-
เทวทัตทำเช่นนั้น จึงจัดเป็นอนันตริยกรรม. ส่วนหมอชีวกเอามีดตัดหนัง
พระบาท ตามที่พระตถาคตทรงเห็นชอบ นำเลือดเสียออกจากที่นั้น ทำให้
ทรงพระสำราญ เมื่อทำอย่างนั้น เป็นการกระทำที่เป็นบุญทีเดียว

ถามว่า ต่อมา เมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วชนเหล่าใด
ทำลายเจดีย์ ทำลายต้นโพธิ์ ประทุษร้ายพระบรมธาตุ กรรมอะไรจะเกิดแก่
ชนเหล่านั้น ?

ตอบว่า (การทำเช่นนั้น) เป็นกรรมหนัก เสมอด้วยอนันตริยกรรม.
แต่การตัดกิ่งไม้โพธิ์ที่ขึ้นเบียดพระสถูปที่บรรจุพระธาตุ หรือพระปฏิมา ควร
ทำ แม้ถ้าพวกนกจับที่กิ่งโพธิ์นั้นถ่ายอุจจาระรดพระเจดีย์ ก็ควรตัดเหมือน
กัน. ก็เจดีย์ที่บรรจุพระสรีรธาตุสำคัญกว่าบริโภคเจดีย์ (เจดีย์ที่บรรจุเครื่อง
ใช้สอยของพระพุทธเจ้า) แม้รากโพธิ์ที่งอกออกไปทำลายพื้นที่ ที่ตั้งเจดีย์
จะตัดทิ้งก็ควร ส่วนกิ่งโพธิ์กิ่งใดขึ้นเบียดเรือนโพธิ์ จะตัดกิ่งโพธิ์นั้นเพื่อ
รักษาเรือน (โพธิ์) ไม่ควร. ด้วยว่า เรือนมีไว้เพื่อต้นโพธิ์ ไม่ใช่ต้นโพธิ์มี
ไว้เพื่อประโยชน์แก่เรือน แม้ในเรือนอาสนะก็มีนัยนี้เหมือนกัน. ก็ในเรือน
อาสนะใด เขาบรรจุพระบรมธาตุไว้ เพื่อจะรักษาเรือนอาสนะนั้น จะตัดกิ่ง
โพธิ์เสียก็ได้. เพื่อการบำรุงต้นโพธิ์จะตัดกิ่งที่ค้อมลง หรือที่ (เนื้อ) เสีย
ออกไปก็ควรเหมือนกัน แม้บุญก็ได้ เหมือนในการปฏิบัติพระสรีระของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ที่มา : เล่มที่ ๒๒ อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปํณณาสก์ หน้า ๓๑๓ ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล

------------------------------------------------------------------

จากอรรถกถาข้างต้น ยกมาเพียงบางส่วน ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานไปแล้ว แต่ถ้าหากใครทำลายเจดีย์ ทำลายต้นโพธิ์ ประทุษร้ายพระบรมธาตุย่อมถือว่ามีกรรมหนัง เีทียบเท่า "อนันตริยกรรม" เลยทีเดียว ซึ่งในคำถามข้างต้นจะยังไม่มีการระบุถึงว่าทำลายพระพุทธรูป หรือในสมัยนั้นเรียกว่า พระปฏิมา ว่าจะก่อให้เกิดอนันตริยกรรมหรือไม่? แต่ถ้าหากเราทำการศึกษาเพิ่มเติมให้ยิ่งขึ้นไปจะทราบว่า พระปฏิมาเป็นสิ่งที่ควรเคารพ มีระดับเทียบเท่าพระเจดีย์ อันเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปทำลาย ดังต่อไปนี้


====================================================
พระปฏิมา (พระพุทธรูป) และพระเจดีย์ควรเป็นที่เคารพยำเกรง
====================================================


ก็หากว่าทรัพย์เครื่องปลื้มใจชื่อว่า รัตนะ เพราะอรรถว่า ทำให้
เกิดความเคารพยำเกรง พระตถาคตเท่านั้น ก็ชื่อว่า รัตนะ. จริงอยู่
เมื่อพระตถาคตเสด็จอุบัติแล้ว เทวดาแลมนุษย์ ผู้มีศักดิ์มาก ทุกหมู่เหล่า
เทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ย่อมไม่ทำ ความเคารพยำเกรงในรัตนะอื่น ย่อม
ไม่บูชารัตนะไร ๆ อื่น. จริงอย่างนั้น ท้าวสหัมบดีพรหม ก็บูชาพระ
ตถาคต ด้วยพวงรัตนะขนาดเท่าภูเขาสิเนรุ. และเทวดาเหล่าอื่นและมนุษย์
ทั้งหลายมีพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าโกศลและท่านอนาถบิณฑิกะ เป็นต้น
ก็บูชาตามกำลัง. พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสละพระราชทรัพย์ ๙๖ โกฏิ
ทรงสร้างวิหาร ๘๔,๐๐๐ หลัง ทั่วชมพูทวีป อุทิศถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า
แม้เสด็จปรินิพพานแล้ว. ก็จะป่วยกล่าวไปไย สำหรับหมู่คนที่เคารพ
ยำเกรงเหล่าอื่นเล่า. อนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ไร ๆ อื่น แม้ปรินิพพาน
แล้ว การทำความเคารพยำเกรง อุทิศสถานที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่ประกาศ
พระธรรมจักรและสถานที่ปรินิพพาน หรือเจดีย์ คือ พระปฏิมา [พระ-
พุทธรูป] ก็เป็นไปเหมือนของพระผู้มีพระภาคเจ้า. รัตนะที่เสมอด้วยพระตถา-
คต แม้เพราะอรรถว่าทำให้เกิดความเคารพยำเกรง ย่อมไม่มีด้วยประการฉะนี้.

ที่มา : เล่มที่ ๓๙ อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตก-สุตตนิบาต หน้า ๒๓๖ เวรัญชกัณฑวรรณนา


--------------------------------------------------------

ผมเข้าใจว่าเจตนาการสอนแบบนั้น คือ อาจต้องการให้คนถึงแก่น แต่ด้วยวิธีการนำเสนอที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งไม่ึศึกษาให้รอบคอบเพียงพอ นำมาซึ่งการทำผิดอย่างมหัน แล้วอาจจะนำไปสู่การส่งเสริมให้ใครต่อใครอีกหลายๆ คนที่เชื่อและทำตามก่อ "อนันตริยกรรม" ขึ้น โดยไม่รู้ตัวได้

ที่มา : PANTIP.COM : Y11097109

 

หากไม่บ้าคือกัน
ก็ทนฟังไม่ได้ขอรับ

แล้วที่สำคัญ
***เกษมยอมรับว่าปล่อยคลิปเอง

เข้าใจซะใหม่นะ
การบรรลุธรรมขึ้นสูง
หากผิดเพี้ยนขึ้นมา
มันก็ไร้ค่านะขอรับ
ไม่ใช่ว่าได้โสดาบันแล้ว
ความเป็นโสดาบันจะมี
ไปตลอดชาตินะขอรับ
จิตตก ไม่เพียรละกิเลส
ไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ความเป็นโสดาบัน
มันก็เหลือแค่ปุถุชน

 

"ศีลไม่บริบูรณ์ ขืนทำกรรมฐาน ผลคือเป็นบ้า"
มีอาตมา ***เกษม เป็นตัวอย่างขอรับ

 

พระเส้าหลินธรรมยุตินิกาย ทหารน่าเกณฑ์ไปรบน่ะครับ

 

พระไม่อยากดัง

มองในแง่ดีพระคุณเจ้าคงมีวิธีที่แตกต่างที่แม้ท่านจะพร่ำสอนศิษย์ของท่านแล้วท่านคงอยากให้ชาวโลกได้ทราบ และสิ่งที่ท่านอาจจะอึดอัดกับพระเถระหรือพระกรรมฐานรูปอื่นในเรื่องของปัจจัยมากมาย.......แต่ว่าชาวโลกก็ผิดหวัง ผิดคาดกับการไม่สำรวมกริยาอันงดงามที่สมควรแก่สงฆ์พึงมี เจ้าค่ะ

 

ครับ กำลังคิดอยู่เช่นกัน
ควรนิมนต์ท่านให้ลงใต้
ไปสามจังหวัดชายแดน
ไปเดินบิณฑบาตรที่นั่น
ไปเทศน์ในแนวของท่าน
จะได้ทดสอบกรรมฐาน
ไปในตัวว่าท่านถึงระดับไหน

 

นักบวชหรือนักเลงกันแน่?

 

อ่านความเห็นในนี้ก็แล้วกัน

http://palungjit.org/threads/งานนี้...ัน-พระอจ-เกษมประพฤติผิดพระวินัย.306611/page-3

 

แนะนำให้ลองนั่งสมาธิสักพัก แล้วดูคลิป

คุณสังเกตจากน้ำเสียงและการกระทำดีๆ

ผมเห็นว่าไม่มีอาการโกรธอยู่ แต่ทำลงไปด้วยเจตนาบางอย่าง


พระรูปนี้ดีหรือไม่ดีอย่างไรผมไม่ทราบ ผมเห็นของดี ผมก็รับมา อะไรที่ไม่ดี ก็ไม่เอามา ชั่วหรือดี ช่างชีช่างสงฆ์ โชคร้ายมองไม่เห็น ไม่เก็ต ติเตียนผู้มีภูมิธรรมสูงกว่าเป็นบาปแก่ตัวเองโดยไม่จำเป็น


แสดงความเห็นกลางๆ ดีกว่านะครับ เราๆ ท่านๆ ภูมิธรรมแค่ขามด ดูไม่ออกหรอกว่าใครเป็นอะไรอย่างไร ลองว่าหากไม่ได้ผิดศีลชัดเจนแบบหาข้ออ้างไม่ได้ อย่าเสี่ยงดีกว่า

ถ้าไม่ดีจริง เราก็เท่าทุน ถ้าเป็นอริยะบุคคลขึ้นมาจะซวยกันหมด !!

 

เจตนาเป็นตัวกำหนดกรรม กรรมใดใครก่อย่อมเป็นผลของบุคคลนั้น พึงอุเบกขาเถิด ถ้าไม่ใช้หน้าที่ของเราจะไปพิพากษา ตัดสิน กรรมใครกรรมมัน อย่าเอาจิตเราไปตำหนิใคร ไปผูกกรรมเวรกับใครเลย

 

ผมเองหลังจากได้ดูคลิป รู้สึกว่าขัดข้องใจอย่างมากจนแทบรับไม่ได้ ไม่เคยพบเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่องทำลายพระพุทธรูป
แต่ได้เห็นอีกหลายๆ คลิป ก็รู้สึกเหมือนว่าในส่วนดี ๆ ที่ท่านสอนก็มีแทรกอยู่บ้างเหมือนกันนะ...

ลองดูอันนี้เป็นคลิปที่ท่านมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนครั้งก่อนโน้น ที่ สภ.น้ำหนาว ลองดูให้จบนะ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=V6TScBf_gXw&feature=player_embedded]หลวงปู่เกษม สอบสวนที่ สภ น้ำหนาว 1/3 - YouTube[/ame]

ก็แล้วแต่จะคิดพิจารณากันเอาเองนะครับ ทางใครทางมัน แต่สำหรับผมเองแล้วคิดว่าคงไม่เหมาะในแนวทางที่ท่านสอนแน่ ๆ และก็ไม่มีภูมิรู้ภูมิธรรมอะไรที่จะไปตัดสินใครชี้ขาดใครได้ เลยขอวางใจเป็นกลางดูอยู่ห่างๆ อย่างเฉยๆ ก่อนละกันงานนี้

 

ถ้าไม่อยากดังจริงจะต้องโพสทำไม ครับ? เพราะถ้าไม่ติดในโลกธรรม ๘แล้ว จริงๆจะต้องให้คนอื่นได้ดูทำไม และเสขิยวัตรที่ต้องสำรวม

 

ไม่สำรวมก็ผิด พูดจาด้วยผรุสวาจาก็ผิดแล้ว

 

ช่วยสอดส่องดูแลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆนานา ช่วยกันแก้ไข ให้พุทธศาสนายั่งยืนต่อไป

 

ไอ้พวกเวปสามแยกนี่ มันสุดจะชั่วได้ใจจริงๆ บิดามารดา มันไม่ได้อบรมตั้งแต่เด็กเลยไม่รู้ว่าผิดชอบชั่วดีเป็นอย่างไร หากสิ่งที่มันสอนดีจริงป่านนี้คนเขาไปเข้าลัทธินี้กันหมดแล้วก็เพราะมันไม่ดี เหยียบย่ำพระพุทธศสานา กล่าวว่าจาซึ่งดูถูก ดูหมิ่น อยากถามถามหน่อยเถอะว่าเวลาบวชมันกราบพระพุทธหรือเปล่าแล้วพอมาวันนี้กลับมาเหยียบย่ำทำลาย แบบนี้เขาเรียกว่าเนรคุณ พวกเวปสามแยกที่เข้ามาอ่านวานกลับไปบอกไอ้เกษม ด้วยว่าหากมีโอกาสมีคนจะจองเป็นเจ้าภาพ สหบาทาไว้เยอะมาก หลบให้ดี ชาตินี้ไม่มีความสุขสงบแน่นอน ฟันธง.....เปลี่ยนเป็นฟันหัวพวกเวปสามแยกดีกว่า พระพุทธศานาจะได้หมดพวกเลวๆ

 

เคยได้ยินเราพูดว่า "อยากจะสงบๆ ใครอย่ามาขวาง" หรือเปล่าล่ะ
เอาไว้ดูเป็นตัวอย่างก็แล้ว

พระก็คน คนก็คือพระ ต่างกันแค่ฐานะและหัวโขนที่สวม
จะเป็นอย่างไรหากคนที่อยากทำลายศาสนาโดยการเข้ามาสวมหัวโขนของพระ

การมองภาพแบบ 2 มิติ หรือเห็นแล้วเชื่อเท่าที่เห็นว่ามีอยู่แค่นั้น
การมองภาพแบบ 3 มิติ หรือเห็นแล้วเชื่อเท่าที่เห็นว่ามีมุมที่สูงกว่ามองเห็นเขตแดนทั้งสองฝั่ง
การมองภาพแบบ 4 มิติ หรือเห็นแล้วภาพรวมทั้ง 2, 3 มิติมองเห็นก่อนเกิดและหลังเกิดในขณะที่ปรากฏการณ์นั้นๆยังไม่เกิด (ญาณหยั่งรู้)

คิดกันเอาเองก็แล้วกันครับ หากใครคิดว่าทำบาปไว้เยอะๆไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปบวช
หรือบวชแล้วจะได้ไปนิพพานก็ลองตรองดูใหม่

สังคมทางโลกก็อีกแบบหนึ่ง สังคมทางธรรมก็อีกแบบหนึ่งเหมือนกัน

เจริญธรรมกันครับ

 

พระเกษม สอนให้คนทำลายพระพุทธรูป แล้วบอกว่า นั่นเป็นแค่เศษอิฐเศษปูน อย่าไปยึดติด

เรื่องนี้ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เคยเล่าให้ฟังว่า มีเปรตตนนึงที่หลวงปู่ศรีเคยโปรด ชื่อบักพรหมตีนเป ที่ต้องมาเป็นเปรตเพราะ ไปทำลายพระพุทธรูป

พระเกษม สอนให้คนยกเลิกการสวดมนต์ เพราะบอกว่าจะไปรบกวนภพภูมิอื่นๆ

พระเกษมสอนให้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เชื้อโรค

ฯลฯ

 

คืนนี้ผมพึ่งค้นหาประวัติท่านจากgoogle ผมว่าพระรูปนี้ไม่ธรรมดา ครับ ดูจากประวัติท่าน เป็นศิษย์หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ แห่งภูจ้อก้อ ..เคยได้รับอุบายธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ตามประวัติจิตท่านผาดโผนโจนทะยาน ตามวาสนาของท่าน...ภูมิธรรม อภิญญาธรรมสูงทีเดียว....หากดูด้วยจิต กิริยาอาการที่แสดงออกนั้น ล้วนอยู๋ในระดับปรมัต ..พระอรหันต์ เป็นที่จิต จะเกี่ยวข้องอะไรกับอาการภายนอก..ดูเสียงท่าน ดูกิริยาท่าน สุดยอด เกินจะบรรยาย ...พระแท้ ธรรมแท้ เป็นแบบนี้แหร่ะ อย่าสงสัย ...ท่านทำอะไร จิตท่านพิจารณาแล้ว ไม่กระเทือนแล้ว ดูการยืน การเต๊ะของท่าน ลุ่มลึก ถึงใจศิษย์ที่อยู่ที่นั่นแน่นอน...ส่วนผมอยู่นอก อยู่ห่าง ได้แต่กราบท่านด้วยจิตวิญญาณอิสระ...สาธุ สาธุ สาธุ