คลิปพระอยากดัง มีความคิดเห็นอย่างไรกับพฤติกรรมแบบนี้?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย roentgen, 20 กันยายน 2011.

  1. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    เรื่องนี้แหละครับ..

    เรื่องเดียวกันครับ...เปรียบเสมือน...คนที่ยังไม่รู้จักท่าน...คือสามเณรที่ยังไม่รู้จักหลวงตา...มองแค่รูปหลวงตาอุ้มและสัมผัสสตรีเพศ...แต่มองไม่เห็นสภาวะจิตของหลวงตา...แล้วตัดสินหลวงตา...สังคมรู้จักท่านดีแค่ไหน...เรารู้จักท่านดีแค่ไหน...ท่านทำเพื่อจุดประสงค์อะไร...ทำเพื่อใคร...เจตนาของท่าน คือ อะไร ...(คิดดูครับ...)
     
  2. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    หายากครับ...บุคคลที่ยอมเสียสละตนเอง เพื่อส่วนรวม....
    หาง่ายครับ...บุคคลที่ยอมทำลายส่วนรวมเพื่อตนเอง...

    นักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นหลายท่านครับ ที่นำเสนอแบบหักมุมสังคม ..แล้วโดนประนาม
    แม้แต่สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ ก็ยังสู้กับความคิดหลายลัทธิ..

    อย่าเพิ่งด่วนสรุปครับ...
    ส่วนเรื่อง ใครจะทำตามนั้น...คงไม่มีใครกล้าครับ...คงมีแต่ท่าน....เพราะท่านกล้า...

    ผมไม่ค่อยได้โพสอะไรครับ...ถ้าไม่เห็นว่า สำคัญ จริง..

    ไม่ได้เห็นด้วยทุกสิ่ง ...ไม่ได้วิ่งตามทุกอย่าง...แต่เมื่อเดินไปแล้วสุดทาง...ทุกอย่างก็ต้องดิ้นรนต่อไป....(ฝากความคิด...อย่าฝากชีวิตไปตามกระแสสังคมครับ)


    โปรดแยกแยะให้ได้ครับ...ระหว่าง ความจริง กับ ความเชื่อ (สัจธรรม กับ ศรัทธา)

    สื่อ คือ สิ่งนำเสนอเท่านั้น ...อย่าเพิ่งเชื่อ....
    อย่าตกเป็นเหยื่อสังคมครับ...อยู่กับสังคมอย่างมีสติ...

    พระพุทธ คือ พ่อแม่
    พระธรรม คือ หัวใจ
    พระวินัย คือ แขนขา

    รู้ธรรม ถึง โลก
    แต่...รู้โลก...อาจไม่ถึงธรรม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2011
  3. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    5555555555+ ยังมีแบบนี้อีกหรือ
     
  4. chanathan

    chanathan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    กิริยาของคนนี้ยังไงก็ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นพระ การยกเท้าเตะเก้าอี้ แสดงกิริยากักขฬะทั้งหลาย การพูดจา การเลี่ยงบาลี ผู้ที่เป็นภิกษุไม่ควรจะกระทำ กรรมที่กระทำไว้ก็คงจะส่งผลเองแหละไม่ช้าก็เร็ว
     
  5. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    นี่แหละครับสาวก สำนักสงฆ์สามแยก ปล่อยให้มันจมอยู่กับกับสิ่งที่โดนเขาหลอกเถอะ พูดมาได้พระอริยะ ถุย.... ช่างกล้า
     
  6. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    ประชาชนส่วนใหญ่ที่เขารู้เขาเห็นการกระทำของลัทธินี้ ทุกคนต่างเบือนหน้าหนี แต่ก็มีบางคนที่อาจเรียกว่าอยากเด่นอยากดัง ไม่ผิดถ้าต้องการเช่นนั้นแต่ไม่ถูกที่เอาพระพุทธรูปไปทำลาย หลักฐานก็มี พูดปรามาสพระรูปอื่น ทำเหมือนว่าข้าวิเศษกว่าคนอื่นเขา ลบหลู่เบื้องสูง แบบนี้ประชาชนคนพุทธในประเทศไทยรับไม่ได้ อยากจะวิเศษเป็นลัทธิใหม่อะไรก็ได้แต่อย่ามาบอกว่าตัวเองเป็นพระ เพราะพระไม่ใช่แบบนี้ อาศัยโกนหัวเอาผ้าเหลือมาห่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วหลอกใครๆว่าสิ่งที่ตัวเองคิดและทำถูกต้อง ลองไหมลองเอาผ้าเหลืองออก แล้วกระทำสิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่โดนตีนกระทืบตายผมจะแถมเงินให้สักยี่สิบ เอาไหมล่ะกล้าหรือเปล่า โธ่ ทุกวันนี้หลอกข้าวชาวบ้านกินหลอกให้เขากราบใหว้ เป็นผู้ชายหรือเปล่าลองเอาผ้าเหลืองออกซะแล้วเอาผ้าถุงใส่แทนจะไม่ว่าเลย
     
  7. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ผมสังเกตดูหลายคนละที่ศรัทธาวัดสามแยกหรือนายเกษมเนี่ย

    ส่วนมากเลยนะ ผมขอพูดแบบตรง ๆ ไม่เกรงใจใครกันไปเลย

    ชอบปั้นแต่งตัวเองให้มันดูสูงส่ง พูดจาดูดี ไม่ทราบว่าแสร้งทำลำบากมั้ย?

    หัวสูง หยิ่ง ดีแต่ไปสั่งสอนคนอื่นแม้กระทั่งพระที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมาก

    แต่พอนายเกษมผิด ก็มายกยอ ปอปั้นด้วย "อคติ" ลำเอียงเข้าข้างรัก/ชอบ

    บ้างก็บอกว่า เรื่องของสงฆ์ ให้สงฆ์ตัดสินเอง แล้วศิษย์วัดไหนวะ เที่ยวพิพากษาภิกษุอื่น

    สอนพระด้วยการไป Copy วินัยสงฆ์ไปสอนพระ "เฮ้ย ทำไมมึงไม่ไปบวชเลยวะ?"

    รู้มากนี่ เก่งกันมากนี่ ฝีปากกล้ากันมากนี่ เก่งซะเหลือเกิน เที่ยวพิพากษาคนอื่นและพระด้วย

    มันเคยเข้าไปบวชแล้วเคยใช้ชีวิตพระในเมืองหรือพระเรียนมั้ย?

    มีสิทธิ์อะไรไปกล่าวว่าพระรูปอื่นที่บวชเรียนว่าพระเลว ด้วยเหตุผล จับเงิน-ทอง

    แต่พอถามว่าวัดสามแยกไม่มีค่าใช้จ่ายหรือยังไง กลับไม่ตอบ บ่ายเบี่ยง มันยังไงวะ?

    (ยกเว้นกรณีพระที่เรี่ยไรเงินเพื่อส่วนตัวด้วยความโลภ ด่าไปเถอะ แต่อย่ามาด่าพระเรียน)

    เรียบเรียงคำพูดตัวเองซะดิบซะดี ทำให้มันดูดีไปงั้นแหล่ะ วัดนี้เขาสอนกันแบบนี้หรอ?

    ผมอ่านและเคยเห็นมาหลายต่อหลายคนแล้ว แล้วมันก็ยกพระไตรปิฏกจากวัดสามแยก

    ไม่ได้ไปยกพระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ หรือฉบับมหามกุฏฯ หรือว่าสองที่นี้เชื่อถือไม่ได้?

    เว็ปบอร์ดวัดสามแยกก็คอมมิวนิสต์ ให้ฟังคำตอบจากพวกมันได้อย่างเดียว

    คนอื่นหมดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น ให้เชื่อมันอย่างเดียว ห้ามแย้ง เห็นต่างจากพวกมันไม่ได้ อ๋อ นี่คือวิถี แนวทางในการสอนของวัดนี้?

    แล้วบ้าหรือเปล่า Copy พระวินัยไปสอนพระ อย่างน้อยพรรษาแรกต้องเรียน นธ.ตรี แล้ว

    รู้พระวินัยกันแล้ว แล้วเที่ยวทำตัวเป็นเหมือนพระวินัยธร เที่ยวปรับอาบัติพระ

    "บ้าหรือเปล่า?"

    แล้วมักจะจบท้ายประโยคเหมือน Copy มา แถมอุทิศบุญกุศลให้เชื้อโรคแถมมาอีก

    "อะไรอ่ะ?"

    งง
     
  8. dojocaro

    dojocaro สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    อยากระบายเนื่องจากผมปลงไม่เป็นเห็นแล้วหดหู่ใจ

    เนื่องจากพระเกษมไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูปที่เป็นที่ระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า แล้วยังทำลายอีก จึงมีคำถามผุดขึ้นในหัวว่า แล้วควรไหว้พระเกษมไหมละ? ผมว่าพระเกษมควรไปนับถือองค์พระศิวะนะครับ ไม่รุพระศิวะจะรับเป็นศิษย์ไหม
     
  9. yotaka34

    yotaka34 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเคยอ่านประวัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนหลวงพ่อปานไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ท่านก็เจอหลวงพ่อเนียมด่าแบบเสียๆหาย และอาการหลวงพ่อเนียมก็คล้ายๆจะบ้าชอบมีหมาเดินตาม ฉันข้าวคำ ให้หมาคำ และด่าชาวบ้านไปทั่ว แต่พอกลางคืน ท่านกลับสอนกรรมฐานได้อยากคล่องแคล่ว ถูกต้องนุ่มนวลละมุนละไม ชี้ให้เห็นว่าอย่าตัดสินพระที่ภายนอก ให้ดูลึกลงไปในจิตใจ เราไม่เคยคลุกคลีกับท่าน อาจไม่รู้ว่าท่านมีดีข้างในหรือไม่ การสบประมาทอาจเป็นกรรม ถ้าท่านไม่มีดีคงไม่มีใครใส่บาตรให้ท่านฉันหรอก ไม่เชื่อคุณลองบวชแล้วทำแบบนั้นดูสิ บารมีไม่ถึงจริงเป็นหัวแตกแน่ ถ้าผิดพลาดประการใดข้ออภัยไว้น่ะที่นี้ด้วยสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2011
  10. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    อย่าเอาไปเปรียบกับพระอริยะสงฆ์ของจริงเลยครับ แต่นี่โพสคลิปลงเน็ท พระสมัยก่อนท่านเคยสร้างกระแสหรือเปล่าและกริยาท่าทางเป็นอย่างไรคุณเคยเห็นไหม แต่ที่เห็นแน่ๆจากคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นพระนี่ ถ่อยสถุน ยิ่งกว่านักเลงตามแหล่งอโคจรพิจรณาดูกันแบบจริงๆดีกว่า เพื่อสร้างกระแสความดัง มันต่างกันราวสวรรค์กับนรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2011
  11. yotaka34

    yotaka34 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    พระภิกษุ ตราบใดที่ท่านยังไม่ได้ทำผิดปาราชิก4 ท่านก็ยังเป็นพระภิกษุอยู่ เราไม่ควรมองข้าม เพราะผลกรรมอาจตกถึงเราทางที่ดี ควรมองอย่างปลงว่าถึงยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว รีบขวนขวายปฎิบัติกันเถิดก่อนจะหมดพรระศาสนา
     
  12. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    หากผู้ปฏิบัติหลงปฏิบัติ และเข้าใจในทางที่ผิด การปฏิบัตินั้นก็เท่ากับสูญเปล่า หากพระพุทธศาสนาที่ดำรงผ่านมาไม่ถูกต้องไม่ดีจริงแล้วคงไม่สามราถ สืบทอดต่อกันมานับพันปี ผู้ที่บรรลุ เห็นธรรมก็ดำเนินการปฏิบัติเหมือนเช่นที่ผ่านมาก็บรรลุธรรม แต่จะมีมารศาสนากลุ่มหนึ่งคอยล่อลวงผู้ที่ปพฤติปฏิบัติโดยยกเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นเลห์ให้ผู้ที่ไม่เข้าใจถ่อแท้หลงผิด อีกทั้งกระทำการให้พระพุทธศาสนาเสื่อมลง ในฐานะชาวพุทธคงจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ เพราะบุตรหลานจะเข้าใจผิดว่าสิ่งที่กล่าวอ้างมานั้นจากกลุ่มที่พยายามจะยกตัวว่าเป็นผู้มีภูมิธรรมสูง เป็นผู้ที่เข้าใจในพุทธศาสนา ใช้เลห์ทางธรรมหลอกลวงใหหลงผิดคิดว่าถูก แล้วเป็นเช่นนี้ชาวพุทธทั้งหลาจะยังอยู่เฉยได้อยู่หรือครับ ผมคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมให้คนกลุ่มนั้นมาใช้เลห์หลอกลวง ทำถูกให้เป็นผิด ทำผิดให้เป็นถูก
     
  13. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    การแสดงออกมาอย่างนี้ เป็นอาการที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ ทำให้เป็นโลกะวัชชะ (ชาวโลกติเตียน) เท่าที่ทราบมาพระวินัยของสงฆ์นั้น ต้องสำรวมกิริยาอาการ แค่ยกแขนโบกมือเย้ว ๆ ก็ผิดแล้ว นับอะไรกับยกแข้งยกขา ออกอาการอย่างนี้ (ดิฉันเรียนถามมาจากพระป่ากรรมฐานนะค่ะ)
    ส่วนการสอนธรรมของท่านนั้น ถ้าจะให้ดีเปลี่ยนวิธีการถ่ายทอดหรือวิธีสอนให้เหมาะสมกว่านี้จะดีกว่า รวมทั้งการใช้คำพูดบางคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะแก่ผุ้ที่บวชเป็นสงฆ์เลย

    การกล่าวตักเตือนด้วยเจตนาดีของชาวบ้านอย่างเรา ๆ ไม่ใช่การปรามาสแน่นอน เพราะเราทำด้วยเจตนาดี ตั้งใจดีเพื่อช่วยกันจรรโลงพระศาสนาไว้ ไม่ใช่เรื่องบาปอะไร
     
  14. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ใช่ครับ แล้วแต่ละท่านก็พูดเรื่องจริง มีเหตุ-ผล
    ไม่ใช่ขาดสติเข้าไปด่า ๆ อย่างเดียวเหมือน Comment ใน Youtube
     
  15. NaCl

    NaCl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +289
    ผมไม่เคยรู้จักพระเกษม ไม่เคยติดตามข่าว ไม่เคยได้ฟังอะไรมาก่อน

    ได้มาดูคลิปแทบทุกอันที่นำมาแปะที่นี่ ดูไปดูมาหลายรอบ แต่ละรอบก็ได้เห็นอะไรบางอย่าง

    ด้วยการใช้วิจารณญาณส่วนตัว ผมว่ากิริยาที่ปรากฏ ไม่ธรรมดา

    มีบางสิ่งซ่อนอยู่ ผมคิดว่าผมเห็น และเชื่อว่า พระเกษมมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นอริยะบุคคล แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยในบางเรื่อง



    ...ถ้าพระเกษมจะเป็นคนธรรมดาๆ เป็นไปได้สถานเดียวว่าท่านเป็นคนต่างศาสนามาทำลายโดยเฉพาะ มีคนจำพวกนี้อยู่จริง ผมเคยเจอจริงๆ แต่คนต่างศาสนาคนนั้นไม่ได้มาทำลาย เพียงแต่ว่ามีความรู้ทางศาสนาเรามากจนน่าตกใจทีเดียว

    แต่ กรณีนี้เป็นไปได้น้อยมาก จนอาจจะเป็นไปไม่ได้
     
  16. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เรื่องนี้ถ้าปุถุชนกระทำ ผิดและเป็นบาป และเป็นบ้าไปแล้ว
    ถ้าพระอรหันต์กระทำ อาจจะผิดแต่ไม่เป็นบาป ส่วนใครจะรับไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ส่วนปุถุชนที่ไปว่ากล่าว ไปตำหนิท่านนั้นบาป เพราะไม่มีสิทธิ
    วิจารณญาณของพระอริยะในโลกสมมุติ อาจจะแตกต่างกันในบางเรื่อง ขึ้นอยู่กับการรู้การเห็นที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือวิมุติ
    .............................................................................................
    ที่น่าสังเกตุอย่าง หลวงพ่อเกษมจะแสดงในสิ่งที่คนทั่วไปตำหนิอย่างไร ลูกศิษย์ก็ไม่ได้กระทำตามไปด้วย ขอบอกว่าลูกศิษย์ท่านเรียบร้อย สุภาพมาก(ดูในคลิปก็ได้)
    ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ปุถุชนจะกระทำเหมือนท่านไม่ได้ เด็ดขาด ผิดและเป็นบาป เป็นเอกสิทธิเฉพาะพระอรหันต์เท่านั้น(ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละองค์)
    สิ่งเหล่านี้กาลเวลาจะพิสูจน์ ถ้าไม่ใช่ของจริง 7 วันก็เป็นบ้าแล้ว ยกเว้นว่าท่านเป็นอรหันต์จริงๆ
    ..............................................................................................
    หากข้าฯพลาดพลั้ง ล่วงเกินหลวงปู่เกษม ด้วยกาย วาจาใจ ขอท่านได้ยกโทษให้ข้าพเจ้า ณบัดนีด้วยเถิด
     
  17. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    เรียน ท่านเกษม ที่ไม่เคารพนับถือ ^_^



    การเคารพพระธรรมวินัยเป็นเรื่องที่ดี แต่ให้ดูกำลังและขอบเขตของตนเองก่อน คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ย่อมพิจารณากันเองได้ แม้พระพุทธองค์ก็ทรงเปิดโอกาสไว้ให้ (มหาปเทส 4) เพื่อปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยตามความเหมาะสม จึงมีทั้งอาบัติหนักและอาบัติเบา แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ (สเตกิจฉาและอเตกิจฉา) ที่สำคัญต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วยว่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของคนหมู่มากหรือไม่ เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของคนหมู่มากหรือไม่ นี้เป็นจุดมุ่งหมายแห่งพระธรรมวินัย (จึงเป็นที่มาของการอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ การจัดโครงการผ้าป่าช่วยชาติขององค์หลวงตามหาบัว หรือแม้กระทั่งการถวายปัจจัยแด่พระภิกษุในสมัยปัจจุบันที่เห็นกันอย่างดาษดื่น พระสงฆ์ (บางองค์) ก็รู้ว่าการรับปัจจัยหรือเงินนั้นเป็นการผิดพระวินัย แต่ขัดศรัทธาของญาติโยมไม่ได้ เพราะจะเป็นการทำลายศรัทธาของเขาทำศรัทธาของเขาให้ตกไป จึงต้องอนุเคราะห์รับไว้ คือยอมผิดพระวินัยเสียเองเพื่อรักษาศรัทธาของสาธุชนไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แห่งพระพุทธศาสนาโดยรวมนั่นเอง และจะมีใครรู้บ้างว่าผู้ที่ริเริ่มถวายปัจจัยแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นคนแรกคือใคร เคยได้ยินคำว่าถวายนิตยภัตหรือไม่ รู้ไหมว่าคืออะไร เอ้า...ไปค้นหาคำตอบกันเอาเองเถอะ ใบ้ให้แค่นี้แหละ ถ้ารู้แล้วจะถึงบางอ้อ และโปรดเงียบๆ ไว้ อย่ากระโตกกระตากไป)



    ผมเข้าใจว่า การชี้โทษเหมือนการชี้ขุมทรัพย์ให้


    แต่ผู้ที่จะทำการชี้โทษของผู้อื่นนั้นต้องทำการพิจารณาให้รอบคอบโดยถี่ถ้วนเสียก่อน ว่าเหตุและผลแห่งธรรมนั้นเป็นไปเพื่ออะไร และก่อนจะชี้โทษใครต้องสำรวจตนเองก่อน ว่าเมื่อชี้ไปแล้วเขาจะฟังเราหรือไม่ เราอยู่ในฐานะอะไร เขาให้ความนับถือและเชื่อถือเราหรือไม่ มิฉะนั้นก็จะเหมือนกรณีของท่านเกษมที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คืออยู่ดีๆ ไม่ว่าดี พยายามจะสอนให้ชาวบ้านเลิกยึดติดในวัตถุสมมติ แต่ใช้วิธีการแผลงๆ โลดโผนเกินเหตุ เลยปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งศาสนา และไม่เป็นที่เลื่อมใสของบุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเลย แม้บุคคลที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาก็คลายความเลื่อมใสได้ (ถ้าจิตของคนผู้นั้นยังไม่ตกสู่กระแสพระนิพพานหรือไม่เข้าใจหลักสำคัญในการนับถือพระพุทธศาสนาว่าต้องมีที่ยึดเหนี่ยวก่อน แม้จะเป็นเพียงวัตถุสมมติก็ตาม)



    การจะส่งจิตออกไปภายนอกนั้น แม้จะเป็นธรรมะ ก็ควรจะระมัดระวังไว้ด้วย เพราะจิตของเรานั้น สติธรรมและปัญญาธรรมยังไม่ลึกซึ้งกว้างขวางและบริสุทธิ์เพียงพอต่อพระธรรมที่แท้จริง ถ้าไปหลงกับความคิดของตนเองเข้ามากๆ ก็จะกลายเป็นตัวอัตตาตัวใหญ่ไปโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว สุดท้ายก็จะกลายเป็นหลงตนเองสมมติตนเองขึ้นมาว่าเป็นผู้สำเร็จชั้นนั้นชั้นนี้ไป ซึ่งหาทางแก้ไขได้ยากมาก


    และที่สำคัญบางครั้งจะกลายเป็นการขัดขวางและปิดกั้นโอกาสแห่งการทำบุญสร้างกุศลบารมีของผู้อื่นได้ ซึ่งจะมาเป็นกรรมคอยขัดขวางตัวเราเองไม่ให้สำเร็จธรรมหรือบรรลุธรรมได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองเป็นห่วงมาก จึงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีของท่านเกษม ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ไม่ดำเนินการอะไร ต่อไปพระพุทธศาสนาย่อมถึงกาลวิบัติได้จากมิจฉาทิฏฐิของพระในพุทธศาสนาเองที่ไม่รู้จักแยกแยะลำัดับชั้นของพระธรรมโดยอ้างแต่พระวินัยแล้วมาทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดสังเวชมาก เพราะหากเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งจริง จิตใจย่อมจะมีความละเอียดประณีตมาก ยกตัวอย่างเช่น สมเด็จโต ครั้งหนึ่งท่านเดินผ่านกองดินเหนียวที่เขาจะปั้นเป็นพระพุทธรูป อยู่ๆ ท่านก็ก้มลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ลูกศิษย์ถามว่าท่านกราบดินทำไม ท่านตอบว่ากองดินนี้เป็นพระพุทธรูปองค์แทนของพระบรมศาสดาตามเจตนาของผู้สร้างจึงสำเร็จเป็นพระตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว ที่ท่านกราบจึงกราบด้วยการเจริญซึ่งพุทธานุสติไม่ใช่กราบดิน นี้แลผู้ที่มีจิตใจละเิอียดและสูงส่ง หรือ องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในประวัติกล่าวว่าหากองค์ท่านไปเห็นเศษกระดาษที่มีตัวหนังสือหล่นลงพื้นอยู่ที่ไหนท่านก็จะเก็บขึ้นมาไว้บนที่สูงทันที ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ตัวหนังสือชาติใดก็สามารถใช้จารจารึกพระธรรมได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นของสูงไม่ควรข้ามกราย (องค์หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ก็ทำอย่างนี้เช่นเดียวกัน)



    และยังไม่เคยเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ไหนที่ห้ามคนกราบพระพุทธรูปเลย มีแต่บอกเล่าถึงอานิสงส์ในการสร้างพระในการกราบพระทั้งนั้น เพราะพระอรหันต์ผู้สิ้นสมมติในวัฏฏะสงสารทุกๆ องค์ ย่อมมีแต่ความเมตตากรุณาต่อบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายและมีใจเอื้อเฟื้อการุณย์ต่อสรรพสัตว์ผู้ทุกข์ยากเสมอ นี้เป็นหลักสำคัญ เพราะท่านย่อมรู้ย่อมเข้าใจว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในความประมาทมีแต่ความมืดบอดในสังสารวัฏ หากสัตว์โลกเหล่านั้นได้ประกอบซึ่งการบุญ มีการให้ทานเป็นต้น ย่อมมีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเป็นที่พึ่งพิงในสังสารวัฏได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กุศลชั้นโลกียะก็ตาม


    การกราบพระพุทธรูปก็เช่นกัน ย่อมยังจิตของผู้ที่ศรัทธานั้นให้เกิดโลกียกุศลภายในใจได้ อันจะมีอานิสงส์ที่ดีอำนวยผลสืบต่อไปในขันธสันดานและในภพหน้า และเป็นการฝึกฝนเพื่อลดละอัตตาตัวตนของผู้ที่ปฏิบัติธรรมชั้นสูงได้ด้วย



    ความมุ่งมั่นในการเผยแผ่เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งไม่ต้องจัดหนักจัดเต็มตลอดเวลาก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรแบบสุดๆ ก็ได้ (เร็วสุดๆ อาจจะแหกโค้งแบบสุดๆ ก็ได้ จะรีบไปไหนกันนักกันหนา) ทางสายกลางมีไว้ให้เดินก็พยายามเดินไปให้ดีๆ เถิด ถึงแน่นอน (รีบมากๆ ใช่ว่าจะถึงที่หมายนะจ๊ะ จะบอกให้...)


    การยึดติดในรูปแบบนั้น ถ้าไม่ทำการพิจารณาให้ดีโดยแยบคายแล้ว ก็จะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมเสียเอง เพราะการยึดติดนั้นก็เป็นอัตตาตัวหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเป็นรูปแบบที่ดี แต่ถ้าเอามาเพ่งโทษผู้อื่นหรือเอามาข่มผู้อื่นนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อการปฏิบัติธรรมเลย ดังนั้น การละสีลัพพตปรามาส (ความหลงผิดในการถือศีลพรตข้อปฏิบัติต่างๆ) ของพระโสดาบันนั้น จึงต้องควบคู่ไปกับ การละสักกายทิฏฐิ (ความหลงในอัตตาตัวตนมากจนเกินไป ถือเขาถือเรามากจนเกินไป) เพราะผู้ที่มุ่งความบริสุทธิ์ที่แท้จริงนั้น ต้องมุ่งชำระที่จิต ไม่ใช่มุ่งที่กายหรือรูปแบบภายนอกใด ดังนั้นเราจะเห็นว่าแม้เราจะถือศีลเคร่งครัดมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเจตนาแห่งการถือศีลรักษาศีลแล้ว เราก็ไม่อาจที่จะบรรลุธรรมได้ ตรงกันข้าม หากเราละแค่สังโยชน์เพียง 3 ข้อแรกได้ ก็สามารถบรรลุความเป็นพระโสดาบันผู้มีดวงตาเห็นธรรมมีจิตอันตกสู่กระแสพระนิพพานได้ (โดยไม่ยาก แค่เข้าใจ) ส่วนการละวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย) นั้น ง่ายที่สุดในบรรดาสังโยชน์ทั้ง 3 ข้อแรก ง่ายกว่าการละสักกายทิฏฐิกับสีลัพพตปรามาส เพราะเพียงแค่มีจิตศรัทธาต่อคุณพระรัตนตรัย เชื่อในการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า และเชื่อในคำสอนของพระองค์ท่านแล้ว ก็สามารถละวิจิกิจฉาได้โดยไม่ยาก (จะว่าง่ายก็ไม่เชิง เพราะต้องรู้ด้วยว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร และอะไรคือจุดมุ่งหมายแห่งพระธรรมคำสอนด้วย ถ้าเป็นท่านพระสารีบุตร (ชื่อเดิมคืออุปติสสะ) แค่ฟังธรรมจากท่านพระอัสสชิเพียงแค่ประโยคเดียวก็สำเร็จเป็นพระโสดาบันได้ เพราะท่านรู้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมายของพระธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า)


    แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องรักษาศีลใดๆ เลย เพราะการรักษาศีลจำนวนมากๆ เช่นกรณีของพระภิกษุสงฆ์จำเป็นต้องรักษาศีลหรือพระวินัยจำนวนมากๆ ก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยแห่งหมู่สงฆ์เพื่อความผาสุกของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแห่งหมู่สงฆ์ นี้เป็นหลักสำคัญ (คือรักษาเพื่อสังคมภายนอกให้อยู่กันอย่างโดยปรกติสุข) แต่ถ้าเป็นโลกุตรศีลเพื่อโลกุตรธรรม (โดยส่วนตัว) แล้ว รักษาที่ "ใจ" ดวงเดียว จบ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2011
  18. Nuntapus

    Nuntapus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2007
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +385
    ก่อนจะว่าอะไรควรศึกษาก่อนไม่ควรมองเพียงแง่เดียว
    -หลวงพ่อเกษมสอนให้คนถือตามพระไตรปิฎก
    -สรณะที่ถูกต้อง ไม่ใช่พระพุทธรูป จากพุทธพจน์ว่า อปฏิโม พระไตรปิฎก มหามกุฏฯ เล่ม32 หน้า214
    -ปัจจุบัน มีพระทำผิดวินัยมาก และไม่ยอมรับว่าผิด สอนให้คนโง่ไม่รู้ความจริง มีพระบางรูป ว่าพระเกษมอยากดัง พระเกษมจึงแสดงท่าทางโต้ตอบอย่างที่เห็นในคลิป
    -พระรับเงิน ซื้อขาย ดูฤกษ์ ปลุกเสกเครื่องราง ผิดวินัย หนักกว่ากริยาที่พระเกษมทำ แต่ไม่มีใครว่า ปล่อยไว้เหมือนเป็นเรื่องปกติ
    ผู้ที่ไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจผิดว่าสร้างพระพุทธรูปได้บุญ เป็นคำสอนที่แต่งขึ้นมาภายหลังจากคนที่เข้าใจผิด ไม่มีคำใดของพระพุทธเจ้าให้สร้างไว้เลย
    โปรดศึกษาก่อน ว่าความจริงเป็นอย่างไร
     
  19. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    อ๋อ ที่จริงต้องสอนว่า อุทิศบุญให้เชื้อโรคนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฏก อ๋อ ๆ เชื้อโรคมันอนุโมทนาบุญได้ด้วยเนาะ แล้วบอกสอนตามพระไตรปิฏก

    อ๋อ ๆ คนทำบุญ จิตเป็นกุศล บอกว่าเป็นบาป ใครมันบาปกันแน่เนาะ

    อ๋อ ๆ ถวายเงินตกนรก ขุมอะไร กี่ปี มีในพระไตรปิฏกด้วยเนาะ แล้วบอกสอนตามพระไตรปิฏก

    ผมไม่ได้ศึกษาเลยเนาะ โอ๊ย ชาวพุทธโง่กันจนไม่รู้ว่าพระพุทธรูปไม่ใช่พระพุทธเจ้ากันเลยเนาะ มีแต่วัดแตกแยกที่รู้อยู่ที่เดียวเนาะ

    ไม่ทราบว่าท่าทางตอบโต้ในคลิปมันสมควรทำแล้วหรอครับ
    ถ้าเทียบกับพระแพลงกิ้ง พระแพลงกิ้งยังไม่พูดคำหยาบด่าสบถ และไม่เตะของ
    นายเกษมยังผิดมากกว่าอีกนะครับ

    เพราะพวกคุณมันไม่ยอมรับนั่นแหล่ะครับว่าผิด
    ยังจะหน้าด้านแถมันต่อไป
     
  20. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    อานิสงค์การสร้างพระพุทธรูป
    ในวัฏฏังคุลีชาดก กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ถวายนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามว่า “บุรุษสตรีผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากร กระทำรูปเปรียบจำลองพระพุทธองค์ ขึ้นไว้ จะได้ประมาณอานิสงส์เช่นไรพระพุทธเจ้าข้า”

    สมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธดำรัสว่าดูกร มหาบพิตร ผู้เป็นมหาราชบุรุษหรือสตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากรไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธปฏิมากรนั้น บุคคลจะสร้างด้วยดินเหนียว หรือศิลาก็ตามหรือทำด้วยโลหะแลทองแดงก็ตาม จะทำด้วยไม้ แลสังกะสี ดีบุกก็ตาม จะทำด้วยรัตนะ เงินทองก็ตาม ผู้ที่สร้างทำนั้น จักได้อานิสงส์ผลอันมากพ้นที่จะนับประมาณ การที่สร้างพระพุทธปฏิมากร หรือปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปก็ดี เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งยังเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ครั้งเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรซึ่งทำด้วยดินเหนียวหักขาดไปนิ้วหนึ่ง จึงนำเอาดินเหนียวมาปั้นทำให้เป็นบริบูรณ์เป็นปกติ แล้วทำการสักการบูชาด้วยมาลาแลของหอม ครั้งทำลายเบญจขันธ์ ก็ได้เสวยสมบัติในสวรรค์ ได้เป็นบรมกษัตริย์ในมนุษย์โลก สิ้นกาลนาน ภายหลังเมื่อโพธิสมภารพุทธการกธรรมเต็มบริบูรณ์แล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า” แล้วทรงเทศนาถึงอดีตชาติของพระองค์ ดังนี้

    ในอดีตกาล มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ กุลภัทรกุมาร ไดัชักชวนพ่อค้าทั้งหลายเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ระหว่างทางเขาเห็นพระพุทธปฏิมากรทำด้วยดินเหนียวองค์หนึ่ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอาราม ในป่าชัฏ พระพุทธปฏิมากรนั้น มีนิ้วพระหัตถ์หักไปนิ้วหนึ่ง จึงเอาดินเหนียวมาขยำกับน้ำอ้อย ปั้นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรปฏิสังขรณ์ให้เต็มบริบูรณ์ทั้ง ๕ นิ้ว แล้วเอาเงิน ๕ กหาปนะ ให้หญิงทาสีคนหนึ่ง คอยปฏิบัติรักษา พระพุทธปฏิมากรนั้น และให้มูลค่าประทีป เทียน แลมาลา ของหอม สำหรับบูชาพระปฏิมากรนั้นด้วย ครั้นบูชาแล้ว จึงตั้งความปรารถนาด้วยว่า “อานิสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิสังขรณ์นิ้วพระหัตถ์นี้ ขึ้นชื่อว่าข้าศึกศัตรูทั้งปวง อย่าให้มีเฉพาะหน้าข้าพเจ้าเลยอนึ่งขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าในอนาคตด้วยเถิด”

    นับแต่นั้นมา ข้าศึกศัตรูและ ร้ายทั้งหลายทั้งหลาย แม้แต่งู ตะขาบ และแมลงป่อง เป็นต้น ก็มิได้กล้ำกลายกุลภัทรกุมาร เมื่อตายไปได้เกิดเป็นเทพในสวรรค์ พวกอสูรในเทวโลกก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พากันหนีหมด เมื่อปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี เทพบุตรซึ่งเป็นบริวารพันหนึ่งก็มาเกิดในครรภ์ของภรรยาพวกอำมาตย์ เมื่อประสูติพระกุมารแล้ว ในกาลนั้น ทั้งหลายมีช้าง แลม้าเป็นต้น แม้จะดื้อเพียงใด เมื่อพระราชกุมารยกนิ้วพระหัตถ์ชี้มาในกาลใด เหล่านั้นก็ซวนเซล้มลงพระราชกุมารจึงได้พระนามว่า “วัฏฏังคุลีราชกุมาร”

    เมื่อได้ครองราชย์เป็น “พระเจ้าวัฏฏังคุลีราชโพธิ ” ประกอบด้วยเมตตากรุณา ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดเลย ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในกาลนั้นพระยาร้อยเอ็ดทั้งหลายในชมพูทวีปจึงปรึกษากันจักไปชิงราชสมบัติ ของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ฆ่า เลย คงได้เมืองมาโดยง่ายเมื่อยกทัพมาประชิดเมืองของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช พระองค์เพียงชี้นิ้วพระหัตถ์ พวกพระยาร้อยเอ็ดและเหล่าทหารก็ตกจากยานพาหนะและหกล้มระเนระนาด พระยาร้อยเอ็ดจึงสวามิภักดิ์ยอมเป็นประเทศราชของพระโพธิ สมเด็จพระทศพลจึงตรัสพระคาถาว่า บุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปนั้น จะได้เป็นพระอินทร์ ๘ ครั้ง จะได้เป็นสมเด็จบรมจักรพรรดิ ๘๐ ชาติหรือ ๑๐๐ ชาติ จะได้เป็นพระราชานับประมาณไม่ได้ ผลแห่งการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปนั้น ไม่ควรคิดว่ามีค่าเท่าใดเพราะเป็นอจินไตย ประมาณไม่ได้ บุคคลผู้ก่อสร้างพระพุทธรูปด้วยปีติเลื่อมใสแล้วจะเกิดในสวรรค์สิ้นกาลนาน ผู้ปลูกมหาโพธิ์ นรชนผู้บวชตน นรชนผู้สร้างพระปฏิมากร นรชนสามจำพวกนี้ จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้.....

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขียนโดย นายเจโต </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2010 เวลา 01:11 น. </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...