จิตไว จัดการอย่างไรดี

อาการเตโชธาตุ มีทั้งไฟร้อน ไฟเย็น

ร่างกายมันปรับธาตุ ในลมหายใจก็มีครับ ร้อน หรือ เย็น

เกิดจาก ๔ อย่าง อุตุ อาหาร จิต อะไรอีกอย่างจำไม่ได้ครับ

 

พวกนิ่งๆ เยิ้มๆ ยวบๆ หยอยๆ พุ่งๆ แฟบๆ พวกนี้ข้ามไปเลยครับไม่มีประโยชน์

สำคัญคือเข้าใจ เข้าใจว่าขณะนั้นเป็นสภาพธรรมอะไร

เป็นกุศล หรือ อกุศล

เป็นลักษณะของจิตประเภทใด ขันธ์ใด ธาตุใด อายตนะใด เที่ยงไหมนั้น ใช่เราไหมนั่น

เพื่ออะไร ตอบว่าเพื่อคลายสักายทิฏฐิ ดับความสงสัยต่างๆ

 

พอดีช่วงนี้ สังเกตุอาการของกาย ทั้งระบบ
ที่มาจากคิด
ที่มาจากจิต
ที่มาจากร่างกายเอง
มีอะไร แปลกๆ (คือเพิ่งจะรู้ว่ามี) และมีที่ไม่รู้เยอะมาก
อย่าง พอคิด นี่ มันก็จะทำงาน ในระบบ ของคิด ซึ่งไปสัมพันธ์กับร่างกาย
มันไปเห็น เป็น ระบบ ยิ่งกว่าใยแมงมุม
สนุกดี เหมือนจะเพ้อเจ้อ ไร้สาระ
แต่ดูกาย ดูใจนี่ สนุกกว่าดูทีวีอีก
อย่างกระทู้นี่
จิตไว จัดการอย่างไรดี
จะตอบ ง่ายที่สุด ก็คือ ดู

 

อืม ผมพูดตรงๆนะครับพี่บ่าว
มาคนละทางจริงๆ
อ่า ผมถามเรื่อง อาการ ร้อน เย็น ที่เกิดแนบกับอารมณ์ ที่มีจากคิด
แล้วที่ผมนำมาใช้ประโยชน์ให้ รู้จักกุศล อกุศล ก็อาการเทือกนี้ล่ะ
ว่ามันไปไงมาไง ใช้ประโยชน์อะไร ในการภวนา
จริงๆ ผมเอง ใช้อยู่ในการภวนา ประจำวันเลยทีเดียว
แต่อยากจะทราบมุมมองอื่นบ้าง
แง ...

 

ขณะ จิ๊บน้ำกำเกี้ยง ใจรู้อะไร
อารมณ์เป็น อกุศลแทรก หรือ กุศลหนุน

ช่วยชลอ ให้สุขุม ได้ไหม

 

ทีนี้ ในส่วน สภาพธรรม ที่รู้ กุศล อกุศล
ก็ไม่ได้ เกิดที่คิด
หากเป็นที่จิต ที่แสดง
ดังนั้น ผู้รู้ที่จริง ขณะนั้น มีเพียงจิต เท่านั้นเอง
แรกๆ ที่มีคำถาม เนื่องจาก คิดว่า นี่กุศล นี่อกุศล จะวัดยังไง เทียบเคียงยังไง
เพราะยังติด ว่าบัญญัติ ต่างๆอยู่ ยังสงสัยอยู่
พอการหมุน ไปได้ ก็จะไม่มีความสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ ไปหาคำอธิบาย
มันจะวิ้ง จะแว๊ป ก็ดำเนินไป
เขียนมาก็เป็นความจำที่ระลึกได้ บางขณะที่แอบดู โดนต้มมาเยอะแล้วววว

 

ดูจิตตินนท์ ไม่ค่อยชอบศัพท์ที่พุทธองค์บัญญัติจำแนกแจกแจง ไว้ให้รู้เห็นเข้าใจสักเท่าไหร่เน๊อะ

ถามเรื่องสัมพันธ์กายใช่ไหม

เจตนาครับ นั่งนิ่งเฉยซัก ๑ นาทีสิ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในจิต ในกายบ้าง

จะชงกาแฟ หยิบแก้ว เปิดฝา ตักกาแฟนั้น มือที่เอื้อม เท้าที่เดิน เกิดจากจิต

ก่อนกระทำ จะมีแว็บเดียวที่รู้กันได้ สังเกตุได้ เกิดขึ้นมาแล้วดับไป

ส่วนที่ขยับ ที่เดิน เป็นเรื่องของวาโยธาตุ สังเกตุดีๆว่าเป็นปัจจัยต่อกัน

แต่ก้ไม่ใช่กันและกัน เป็นคนละกิจหน้าที่กัน


ส่วนเรื่องดูรูปสนุกกว่าดูทีวีนี้ถูก เหมือนโลก โลกหนึ่งถูกไหม

เดาอะไรไม่ได้เลย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เอาให้ปัญญาดุจตาเห็น

บางทีเวลากระทบอารมณ์ ความนึกคิดออกมา สังเกตุดูความคิดก็ได้

ว่าคิดออกจากกามไหม ประมาณว่าเห็นโทษภัยใน สิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน ที่สัมผัส ที่นึกคิดไปเป็นกรรม

ถ้ามี แปลว่า มีสัมมาสังกัปปะ

 

เฮ้อ พวกขี้โม ...."พวกดูจิต ทำให้จริต ข้าเสียไป"

เจ้าพ่อสมถะ เลยหายไปเลย เพราะงี้นี่เอง

 

ร้อน หรือ เย็น วัดความเป็นกุศลไม่ได้ครับ

เพราะว่า โลภะก็เย็นได้

พอใจในอารมณ์เป็นไง ยินดีติดใจได้ไหม

ขณะเย็นสบาย ขณะนั้นรู้ไหมว่ายินดี รู้ไหมว่าเป็นสังขารทำกิจ รู้ไหมว่าเป็นโลภะ

ขณะธาตุส่งผลเย็น หรือ ร้อนน้อย รู้ตรงความเป็นธาตุ ขณะนั้นรู้ไหมว่าเป็นธาตุเนื่องจากจิต

ถึงจะบอกว่ารู้ในเวทนา ความสุข จนเห็นเป็นธาตุก็ตาม ใจที่รู้นั้น เข้าใจสภาพธรรมนั้นอย่างไร

 

เอาพุทโธเป็นหลัก
เอาสติเป็นเชือก

แล้วเอาเชือกด้านหนึ่งคือสติ ผูกกับหลักคือพุทโธไว้
แล้วก็เอาเชือกอีกด้านหนึ่งก็คือสตินั้นแหละ ผูกกับจิตไว้

ทั้งสามอย่าง พุทโูธ สติ จิต
ผูกไว้ให้อยู่ด้วยกัน

เมื่อจิตจะไปเชือกคือสติก็จะดึงจิตไว้ให้อยู่กับพุทโธ
พอจิตหมดแรงมันก็ไปไหนไม่ได้แล้ว

สำคัญที่สติ
พุทโธอย่างเดียวจะไม่มีผลอะไร
เผลอไปได้ทั้ง ๆ ที่มีพุทโธนี่ล่ะ
ต้องมีสติประกอบด้วย

 

อร่อยครับ ^^

ขณะชิมรสเกิด รู้รสอร่อย ชอบใจในรส ดื่มๆมาก กลายเป็นโลภะเสียบ

คราวนี้ไม่ได้ดื่มน้ำมะเกี๋ยงแล้ว แต่ติตดื่มความติดข้อง พอใจในอารมณ์

เป็นอกุศลครับ


ถ้าสติปัฏฐานเกิด รู้ตรงลิ้นกระทบรส รูปเกิดนามเกิด รวดเร็วเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน

รสเป็นรูป ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน

ขณะดื่มเกิด พอใจ เกิด จำได้ เกิดสดชื่น พวกนี้เป็นคนละขณะกับรูปที่กำลังกระทบ

สดชื่น สบายใจ เป็นเวทนาทำกิจ

ดื่มเอิ๊กๆแบบไม่รู้รส แต่ไปรู้ว่าชอบใจ พวกนี้สัญญา สังขาร เป็นโลภะที่ดื่มอยู่

ความเห็นผิดดับลงชั่วขณะ

ปัญญาเห็นเป็นช๊อดๆในปัจจุบัน บางทีขวดยังค้างอยู่ที่ปาก

แต่มันดับโง่ในตนตรงนั้น ปิติเกิดในความเข้าใจธรรม เล็กน้อยถึงปานกลาง ^^

แบบนี้เป็นกุศลในสติปัฏฐาน มีปัญญาเกิดร่วม

โสมนัสจิตดวงที่ ๑

 

วิ้ง แว๊บ เกิดจากปัญญาที่เข้าใจนะครับ ประเภทเห็นแล้ว เก็ท

แต่ประเภทเห็นแว็บๆแล้วรู้นิดๆ พวกนี้สติมีกำลัง แต่ปัญญาอ่อน สมาธิอ่อน

เกิดได้ เสี้ยววินาที

อีกกรณี แว๊บๆนี่ล่ะ แต่รู้สึกมันนาน ทุกอย่างช้าไปหมด

เหมือนเห็นของสด ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏชัดเจน

ตรงนี้ยังไงก็มีความเบากาย เบาใจ เป็นอุเปกขามารองรับครับ ^^

 

ไม่รู้ว่าสื่อสารเข้าใจรึเปล่า

พวกนี้เป็นสภาวะธรรมในสติปัฏฐานสี่นะครับ

 

.......... ครับ ผมว่า รู้ พร้อมกันไปทั้งหมดแหละดี ครับ....ทำไมสติปัฎฐานสี่ ถึง ต้อง กาย เวทนา จิต ธรรม? เพราะ มัน จะ รู้ตั้งแต่ รูป ผัสสะ เวทนา ตัณหา.....ที่สัมมาสติระลึกรู้ นะครับในมุมมองผมในเบื้องต้น ผมว่า รู้ว่าเป็น สภาพธรรมที่เกิดก่อน เป็นขั้นต้น ครับ

 

ผมไม่รู้ครับ เมื่อปัญญาเกิด ผมถึงจะบอกได้ว่า คิดหรือจิต จิตหรืคิด อันไหนไวกว่ากัน แต่ตอนนี้ ปัญญายังไม่เกิดผมต้องขอโทษด้วยครับ

 

ถ้าตามจิตทัน ก็จบกิจพอดี

 

พุทธดำรัส:-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใดจิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้นเป็นเวลาเหมาะสมสำหรับเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ เพราะจิตฟุ้งซ่าน นั้นอาจให้สงบได้ด้วยธรรมเหล่านี้ เปรียบเหมือนบุรุษต้องการที่จะดับไฟกองใหญ่ เขาจึงใส่หญ้าสด ลงในกองไฟใหญ่นั้น....”

อัคคิสูตร
____________________
เชิญร่วมกันพัฒนาประเทศไทยให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ทุกเชื้อชาติทุกศาสนาและทุกลัทธิการเมือง ตามพระเมตตาธรรมอันเป็นเครื่องค้ำจุนโลกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

เออ เอกวีร์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวใช่มั้ย
เดี๋ยวเจอกันที่มอเตอร์เวย์

จะไปทำงานที่ชลบุรีซัก 2 วัน