รวมรายชื่อหมอดูแม่นๆ ทีนี่ !!

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 30 เมษายน 2009.

  1. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    คนจะดีได้ก็เพราะศีล หนทางแห่งการดับทุกข์ โดยสิริ ศรีสมบัติ

    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับสามท่านครับ
    คุณพี่ผู้ชาย นักปฎิบัติธรรม จากกรุงเทพมหานคร ปรึกษาวิธีเดินจงกรม นั่งสมาธิ
    การเดินจงกลมหมายถึงลักษณะ อาการเดินกลับไปกลับมา ในระยะไม่สั้นไม่ยาวเกิน3-5วา แค่พอเหมาะ บริกําคําภาวนาทุกขณะ ตั้งแต่เริ่มยืนหนอ อยากก้าวหนอ เริ่มยกหนอที่เท้าขวาก่อนเท้าซ้ายทุกครั้ง พอกระทบพื้นภาวนาคําว่าถูกหนออย่างนี้ไปตลอดสุดทางเดิน(ให้จิตรับรู้เมื่อเท้าสัมผัสกับพื้น อ่อนก็รู้ว่าอ่อน แข็งก็รู้ว่าแข็งไปอย่างนี้ ลักษณะมือเยียดสุด มือขวาทับมือซ้ายบริเวรหน้าท้อง) พอสุดทางเดินกําหนดคําว่าหยุดหนอ อยากกลับ ก็ภาวนาว่าอยากกลับหนอ กลับหนอค่อยๆขยับเท้าขวา 45องศาหมุนขวา ตามด้วยเท้าซ้ายจนมาอยู่ตำแหน่งทางตรง จะเดินใหม่ก็เริ่มต้นทุกอย่างนี้เช่นครั้งแรก วิธีนี้เรียกว่ารู้ตัวทั่วพร้อมแต่ถ้าจะใช้วิธีเดินจงกรมแบบของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กำหนดระยะทางเดินให้พอเหมาะพอดีอย่าให้มีสิ่งกีดขวางเริ่มต้นเดินเรียกว่าหัวจงกรม สุดทางเรียกท้ายจงกรม ต้องยืนพนมมือที่หัวจงกรมกล่าวคำอฐิษฐานเดินจงกรมว่า
    ขอนอบน้อมแด่ คุณพระรัตนตรัย คุณพ่อแม่ครูอาจารย์...สาธุ
    ลักษณะแขนและมือเยียดสุดมือขวาจับข้อมือซ้ายพอดีๆจะเอาไว้ข้างหน้าหรือด้านหลังก็ได้อย่าให้หลุดจิตจะเคลื่อนจากฐานที่ตั้งของจิตได้ง่ายจากนั้นให้ใช้จิต(ใจ)เพ่งไปบริเวณฐานที่ตั้งของจิต สำหรับผู้ผึกใหม่อาจจะยังไม่ทราบคำว่าฐานที่ตั้ง ก็คือเป็นที่วางคำบริกำ,กระปุกออมสิน,ที่ๆระลึกแล้วจำได้ชัดเจนในทันทีทันใด ตรงนี้ใช้เป็นประทาน(สติ)เป็นที่ให้สติเข้าไปใช้เป็นที่อาศัยเกาะอยู่ส่วนคำภาวนาพุทโธเป็นรอง(สัมปชัญญะ)รวมไปจนถึงอาการยืน เดิน นั่ง นอนคือสัมปชัญญะทั้งหมดร่างกายจึงเป็นรูป คำภาวนาแม้แต่ฐานที่ตั้งของจิตเป็นนามตามไปด้วยหากยกระดับจิตไปเป็นวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ดังนี้มีอยู่ตั้งแต่ เหนือสะดือ ระหว่างหน้าอกฝั่งซ้ายที่หัวใจ ปลายจมูก ระหว่างคิ้ว ใช้คำบริกำพุทโธ(หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ)ว่าในใจใส่ลงไปในฐานที่ตั้งของจิตของแต่ละคนตามจริต ตามความถนัด ตามความชอบของแต่ละคนเพียงหนึ่งฐานเท่านั้น ใหม่ๆกลัวจะจำไม่ได้ให้ใช้นิ้วจิ้มตามฐานต่างๆที่บออกไว้ดูตรงไหนมีความรู้สึกได้ชัดเจนให้ใ้ช้ตรงจุดนั้นๆทำเป็นฐานแล้วเริ่มเดินก้าวด้วยเท้าขวาตามด้วยเท้าซ้าย ช่วงก้าวไม่สั้นไม่ยาวเกินไปให้เหมือนการเดินตามปกติ อย่าให้ช้ามากเกินไปจะขาดความสดชื่นเพราะจิตจะส่งออกนอกฐานที่เลือกไว้ สายตาอย่าทอดลงต่ำกว่า3วาไม่ควรมองลงไปที่พื้นโดยตรง ใช้เพียงการสังเกตุเห็นความขุ่นมัวและเมื่อใดเผลอไปเห็นสิ่งอื่นชัดเจน แสดงว่าจิตส่งออกนอกฐานก็ให้รู้ ให้น้อมเอาจิตกลับฐานดังเดิม เมื่อเดินไปสุดท้ายจงกรมให้ยุดเดินก่อน แล้วเรียกความรู้สึกทั้งหมดคือรู้ในอาการนั้นๆกลับมา แล้วหันกลับโดยหมุนไปทางขวาเหมือนกับวิธีข้างบนระหว่างหมุนกลับจะวางคำภาวก่อนหรือไม่วางก็ได้แต่ตอนเริ่มเดินต้องปฏิบัติเป็นไปตามอย่างที่เริ่มต้นดังเดิม(ใช้เวลาไม่มากไม่น้อยราวๆ30-40นาีที)ขึ้นกับความสะดวกเหมาะสมของแต่ละคนครับ เมื่อจะจบการเดินให้เดินจนมาสุด ณ.จุดเริ่มต้นเช่นครั้งแรกที่หัวจงกรม แล้วน้อมจิตให้อยู่ในฐานที่ตั้งของจิตพนมมือแผ่เมตตา สัพเพ สัตตา สุขีโหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิเม
    ขอผลบุญที่ข้า้พเจ้าได้กระทำแล้ว จงอำนวยผลให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง อยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด...สาธุ
    หากระหว่างปฎิบัตินี้ท่านได้ความสงบความสดชื่น ปิติสุขหรือคุณวิเศษใดๆแสดงว่าท่านได้ดำเนินทำมาถูกทางแล้ว หากมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากนี้ นอกนั้นถือว่าเป็นมิจจฉาทิฎฐิ(ต้องค่อยๆศึกษาปรับแก้กันต่อไป)

    การนั่งสมาธิ ที่ถูกต้องควรกราบสติปัฏฐานสี่เสียก่อน(เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย)โดยกราบแบบเบญจางคประดิษสําหรับผู้ชาย ผู้หญิงกราบแบบเทพธิดา แล้วนั่งขัดสมาธิเท้าขวาทับเท้าซ้าย มือซ้ายวางบนตักมือขวาทับมือซ้ายหัวแม่มือทั้งสองข้างชนกันหรือไม่ชนก็ได้ หลับตาให้เปลือกตาปิดสนิทอย่าปีบลูกนัยตา หลับตาแบบสบายๆ กําหนดกองลมระงับกายสังขาร(สังขารคือ กายเรียกกายสังขาร คำพูดเรียกวจีสังขาร ใจเรียกมโนสังขาร รวมทั้งสามอย่างนี้เป็นสังขารทั้งหมด)บริเวรศูนย์กลางกายเหนือสดือหรือหน้าท้องเรียกว่ากองลม,ที่สุดแห่งลม ส่วนจมูกเป็นทางเข้าออกให้ระลึกรู้รูปลักษณะของลมขณะภาวนา หายใจเข้าภาวนาคําว่าพุทธ หายใจออกภาวนาคําว่าโธ(ว่าในใจหรือจะใช้วิธีการนับแบบพระพุทธเจ้าก็ได้นับ1-5,1-6,1-7,1-8,1-9,1-10) หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าสั้น หายใจออกสั้นก็รู้ว่าสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่ายาว ให้สติไปกําหนดรู้อาการหายใจเข้า-ออก พร้อมๆกับพิจรณารูปลักษณะของลมด้วยว่าเป็นเช่นไรเช่น ร้อนหรือเย็น ลีบเล็กหรือม้วนเป็นเกลียว สำหรับผู้ที่จิตเริ่มเป็นสมาธิที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้วสติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว ทําเช่นนี้ไปเรื่อยๆประคองจิตอย่าให้จิตแส่ส่ายไปข้างนอกหรือจะภาวนาไปในฐานที่ตั้งของจิตก็ได้ หากจิตออกไปชั่วแว๊บหนึ่ง ไม่เป็นไรไห้คอยตามดูจิตแล้วค่อยดึงกลับมา จนกว่าจิตจะนิ่งจึงจะเรียกว่าอยู่ในขั้นขณิกสมาธินะครับแล้วแผ่เมตตา.
    442 ไฟ (เตโชธาตุ)จากเชียงใหม่ ให้คุณใช้พรหมวิหารสี่ คือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาในการดําเนินชีวิต ร่วมกับการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา(การนั่งสมาธิ)นะครับ
    707 ไฟ (เตโชธาตุ)จากปราจีนบุรี ให้คุณทําบุญ ถวายเงินปัจจัย ถวายสิ่งของแด่พระสงฆ์อยู่เนืองนิจตามสมควรแต่ เจตนาอันบริสุทธิ ร่วมกับการรักษาศีล ภาวนา นะครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)








    บุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  2. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    สร้างบุญ ฝ่าวิกฤตเรื่องร้ายๆ ด้วยตนเอง

    ขออนุโมทนาบุญ และให้กําลังใจกับคุณพี่ผู้หญิง 389 ไฟ(เตโชธาตุ)โทรมาปรึกษา เรื่องปัญหาครอบครัว การเงิน ขอให้พ้นวิกฤตในเรื่องต่างๆโดยเร็ววันนะครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  3. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ธรรมะจักษุ บารมีธรรมนําปัญญา โดยสิริ

    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับบุคคลสามท่านครับ
    224ไฟ(เตโชธาตุ) ปัญหาความรัก และอนาคต
    ให้คุณใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันอย่างมีสติ พิจราณาทุกสิ่งรอบข้างอย่างมีเหตุผล
    อนาคตที่ยังมาไม่ถึงอย่าไปโหยหา ยึดหลักสายกลางโดยใช้ พรหมวิหาร4 ได้แก่ เมตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในการดําเนินชีวิต จาก กรุงเทพฯ
    072ลม(วาโยธาตุ) ปัญหามีสิ่งรบกวนจิตใจ จะทําอย่างไรดี
    ให้คุณมองโลกในแง่ดีโดยใช้สติให้รอบด้าน อะไรที่ยังค้างคาอยู่ก็ให้รีบแก้ ปัญหาจะได้เบาบางลง กําลังใจและสิ่งดีๆก็จะกลับมาเอง จาก ฉะเฉิงเทรา
    492น้ำ(อาโปธาตุ) ปัญหาชีวติประจําวัน
    ให้คุณใช้สติพิจจราณาโลกปัจจุบัญว่ายังมีสิ่งใดบกพร่อง หากมีให้รีบแก้ไข และจะเป็นผลดียิ่งขึ้นไปอีกหากจะนําเอาบารมี10 มาปรับใช้ ชีวิตคุณก็จะพบกับความสุข จาก ราชบุรี สําหรับวันนี้ขอยุติเพียงเท่านี้ก่อนครับ สวัสดี
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  4. ต้องดี

    ต้องดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +53
    สำหรับท่านที่รักการดูดวง ศาสตร์พยากรณ์จากชื่อและนามสกุล มาจากฐานหลักเลขศาสตร์ เป็นหลัก ซึ่งศาสตร์ด้านเลขศาสตร์ ถือเป็นศาสตร์สากลที่มีมานานกว่า 4000 ปี ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับ

    มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีชื่อ คน สัตว์ สิ่งของทุกชนิดในโลกนี้ที่มนุษย์รู้จักล้วนมีชื่อ มีหน้าที่เสมอ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่มนุษย์ค้นพบ รู้จักแล้วไม่มีชื่อเรียก ไม่มีหน้าที่ ดังนั้นชื่อจึงมีความสำคัญ และมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ทั้งสิ้น

    หลักเลขศาสตร์เป็นการนำพลังจากเลขต่าง ๆ มาประกอบกันเพื่อให้ก่อเกิดพลัง และนำเลขแต่ละตัว ซึ่งแทนค่าของพลังของดวงดาวแต่ละดวง มาเรียงร้อยคู่กัน จนเกิดเป็นพลังที่เกื้อหนุนต่อกัน หรืออาจขัดแย้งกัน ดังนั้นการตั้งชื่อที่ดี จึงมึความระเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก


    แต่ในทางพุทธศาสนา ชื่อ สกุล อาจมิใช่ตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ แต่กฎแห่งกรรม เป็นตัวกำหนดความเป็นไป ทั้งกรรมดี และกรรมชั่วของคน ดังนั้นเมื่อกฎแห่งกรรมเป็นตัวกำหนด ชื่อจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ที่คนๆคนนั้น จะได้ชื่อที่ีมีเลขศาสตร์ที่ดี หรือร้าย เพราะคนบางคนก็ไม่ได้ตั้งชื่อจากหลักเลขศาสตร์ใด ๆ แต่กลับได้ชื่อที่ดี โดยบังเอิญตั้งแต่กำเนิด ซึ่งกรรมดีเป็นตัวกำหนด

    ดังนั้นศาสตร์แห่งเลขศาสตร์ จึงเป็นเสมือนการถอดรหัสชีวิตของมนุษย์ออกมาเป็นผลของกรรมในอดีตนั่นเอง ว่าท่านทำกรรมดี แลกรรมชั่วอย่างไรไว้บ้าง คล้ายคลึงกับการยิงบาร์โค้ท ของสินค้า ที่ทำให้เรารู้ความเป็นไปของสินค้าชิ้นนั้น ๆ

    หลังจากเกริ่นมาอย่างยืดยาว ท่านใดสนใจ ดูดวง จากชื่อ นามสกุล ติดต่อ มาได้ที่ Ake_numerology@windowlive.com ค่าครูตามแต่กำลังศรัทธา ครับ ไม่บังคับ


    ส่วนเพื่อน ๆ ในเวปพลังจิต ผมรับพยากรณ์ชื่อ เล่น เบอร์มือถือ ให้ฟรีครับ เพียงแต่แจ้งไว้ในกระทู้แล้วผมจะมาตอบให้ครับ

    เอก เลขศาสตร์
     
  5. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นของตน เป็นธายาทแห่งกรรม

    ขออนุโมทนาบุญ
    และเป็นกําลังใจกับทุกท่านครับ
    875 ดิน (ปฐวีธาตุ)จากเชียงใหม่
    993 ไฟ (เตโชธาตุ)จากจังหวัดน่าน
    +886782326.. จากประเทศใต้หวัน
    624 ไฟ (เตโชธาตุ)จากเชียงใหม่
    263 ไฟ (เตโชธาตุ)จากกรุงเทพฯ
    218 น้ำ (อาโปธาตุ)จากเชียงใหม่
    777 น้ำ (อาโปธาตุ)จากจังหวัดราชบุรี
    กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ (มีกรรมเป็นกําเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ)
    กัลยาณังวา ปาปะกังวา (ดีหรือชั่วก็ตาม)
    ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ (เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น)
    ขอให้ทุกท่านใช้สติ ไม่ว่าจะทําการสิ่งใดก็ตาม ตัวเราจะเป็นทั้งนาย และทาสในสิ่งนั้นๆ
    ผมขออวยพรให้ทุกท่านจงข้ามพ้นปัญหาและอุปสรรคต่างๆโดยเร็ววัน เลยถือโอกาสนี้ตอบคําถามของคุณพี่ ที่อยู่ประเทศใต้หวันด้วยครับว่า ตอนนี้พี่จะเจอกับปัญหาเรื่องส่วนตัว ภายในครอบครัวของพี่เองและจะขยายเป็นวงกว้าง กระทบไปถึงหน้าที่การงานอีกด้วย ให้ใช้สติ ยึดหลักการและเหตุผลเป็นสําคัญ อย่าวู่วาม โดยปราศจากตุผล พยามควมคุมอารมณ์ด้วยการดับทุกข์ในใจให้สนิท จงรักลูกและอนาคตของแกด้วย สําหรับวันนี้ขอยุติดํารงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน สวัสดีครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  6. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ข้อความถึงคุณพี่ ที่อาศัยอยู่ในประเทศใต้หวันครับ จากสิริ

    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับคุณพี่ จากประเทศใต้หวัน ที่ได้กรุณาโทรมาสอบถามเรื่องราวต่างๆส่วนตัวในวันนี้อีกครั้ง หลังจากที่ท่านได้รับฟังผมพูดคุย แนะนําจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ทราบว่าได้ส่งอีเมล์ไปหาเพื่อนผู้หญิง คนไทยอีกท่านหนึ่ง ที่อยู่ในเมืองไทจง ประเทศใต้หวัน และได้โทรติดต่อมาเพื่อให้ผมตรวจดูกรรมในอดีตชาติให้ จากนั้น20นาทีให้หลัง พี่เค้าจึงโทรมาอีกครั้งเพื่อรอฟังคําตอบจากผม ฃึ่งก็มีปัญหาในชีวิตไม่แพ้กัน ฃ้ำหนักไปกว่านั้นคือ พี่เค้าป่วยมีโรคประจําตัวที่ต้องพึ่งหมอ รักษามาตลอดแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น พอได้สนทนาทางโทรศัพท์กับพี่เค้าแล้ว ผมก็รู้สึกหวาดกลัวต่ออํานาจ ของบุพกรรมจริงๆ เพราะญาณที่ผมมี ช่วยให้รู้สาเหตุแห่งอกุศลกรรม(กรรมไม่ดี)และวิธีบรรเทาทุกข์เท่านั้น ไม่สามารถหลีกเร้น เพื่อให้รอดพ้นหรือแก้กรรมใดๆได้เลย หากคุณพี่ยังติดตามอ่านข้อความ ที่ผมตั้งใจโพสให้กําลังใจในคืนนี้อยู่ ได้โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่าบุญกุศลที่กระผมตั้งใจ ทําวัตรเย็น ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ประกอบกรรมดีในเย็นวันนี้ ฃึ่งเป็นวันออกพรรษา ก็ขอให้บุญกุศลนั้นเผื่อแผ่ไปยังพี่ด้วยเช่นกัน สุดท้ายนี้ผมหวังว่าความปราถนาดีของผม จะเป็นส่วนช่วย กระตุ้นเตือนจิตใจใครต่อใครและอีกหลายๆท่าน ให้หลุดออกจากอวิชา(ความไม่รู้)ให้รู้เท่าทันในวัฎสงสาร(เวียนว่าย ตายเกิด)และพบหนทางในการดับทุกข์ด้วยตนเอง ครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  7. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับบุคคลสองท่านครับ
    576 ดิน (ปฐวีธาตุ) จากกรุงเทพฯ อะไรที่หนักเกินไปไม่อยากแบกรับเอาไว้ ก็ปล่อยวางซะบ้าง มีหนี้ก็ค่อยๆทยอยคืนเขาไป การเป็นผู้ให้จะเป็นสุข มากกว่าเป็นผู้รับ ครับ
    131 ดิน (ปฐวีธาตุ) จากเชียงใหม่ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นของไม่เที่ยง สุขทุกข์ในชีวิตประจําวัน ล้วนมาจากการกระทําทั้งสิ้น เชื่อในสิ่งที่ทําอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ครับ
    ผมมีบทเพลงในอดีตเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตอนผมยังเป็นเด็ก เคยได้ยินมาจากโทรทัศน์ของผู้มีฐานะท่านหนึ่งใกล้ๆบ้านผม และจําได้บ้างเป็นบางตอนจึงอยากจะนําเสนอดังนี้ครับ
    พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรมบุญไหนใครทํากรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร...ปวดร้าวตรอมตรมขื่นขมอนันต ทําดีสารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม โถ้เอ๋ยพระเจ้าไม่เคยปรานีในชาตินี้ทําดีไม่เคยก่อกรรม หวังให้ผลบุญได้น้อมนําล้างเวรที่เคยทําแต่ชาติปางก่อน สิบนิ้วประนม กราบลงพรั่มบ่นบูชา กุศลทํามาจงนําข้าสิ้นเวรดับวร หากแม้นชีวีสิ้นลับดับคอน เวรกรรมภพชาติก่อนบรรเทาผันผ่อนอย่าตามซ้ำเลย.(จากละครเรื่องวงเวียนกรรม)
    แต่มายุคนี้สมัยนี้ผมก็ได้ยินเพลง ทางโทรทัศน์ช่อง5อีกไม่ทราบว่าทุกท่านเคยได้ยินได้ฟังบ้างไหม เนื้อเพลงมีดังนี้ครับ
    เวรกรรมตามทันกันในชาตินี้ คิดดูให้ดีใครจะก่อกรรมทําเข็ญ ก่อกรรมเช้า ได้รับลงทัณฑ์ตอนเย็น อยากให้โลกได้เห็นความป็นลิขิตแห่งกรรม สามคําจําไว้กรรมลิขิต ให้ชีวิตไม่ขึ้นสูงและตกต่ำ ใครเคยทําดีบุญนี้จะช่วยหนุนนํา ใครเคยก่อกรรมทําเวรไว้ กรรมลิขิต.(จากละครกรรมลิต) และ 6โมงเย็นทาง ททบ5(จากละครชุด84000พระธรรมขันธ์)
    ดูหนังดูละคร ท่านให้ย้อนดูตัวเราเองด้วยครับ(จะได้คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป)
    ด้วยความปราถนาดี
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  8. พลังสติ

    พลังสติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากให้พิสูจน์เอง

    พิสูจน์เองดีกว่า
    www.tumnaiduang.com
     
  9. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับทุกๆท่านครับ
    576 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    157 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    977 ไฟ (เตโชธาตุ)จาก...
    575 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    131 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    500 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    758 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    784 น้ำ (อาโปธาตุ)จาก...
    ทุกท่าน ได้รับฟังจากผมมามากพอสมควรแล้ว ผมจึงไม่อยากเน้นย้ำอะไรอีก อันจะเป็นการซ้ำเติมทุกข์ที่มีจาก ทางหู ทางตา และทางมโนความคิด เพราะในทางพระพุทธศาสนา ท่านกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า แค่อยากก็ผิดมากแล้ว ฉะนั้น ผมจึงขอใช้แนวทางสายกลาง(มัชฌิมาปฎิปทา)โดยใช้สติ จะได้ไม่ตกอยู่ในความประมาท จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  10. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ละครเก่านํามาเล่าใหม่ โดย สิริ ศรีสมบัติ ครับ

    ผมขอฝากคําคม (เปิดตัวละครเรื่องวงเวียนกรรมในอดีต)
    " เมื่อเกิดมา มีอะไรมาด้วยเล่า
    เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
    เมื่อเกิดมาตัวเปล่า จะเอาอะไร
    เจ้าก็ไปตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา "
    ไตเติ้ลจะมีล้อเทียมเกวียนเดินไปตามทางเดินที่เป็นดินโคลนในชนบท จะซูมเจาะจงให้เห็นกงล้อขณะที่กําลังหมุน ว่านี่คือ " กงกํากงเกวียน " หรืออีกนัยหนึ่งก็คือรูปเสมาธรรมจักรนั่นเอง เพราะมีทั้งซี่และกงล้อโดยสมบูรณ์
    ผมจําได้ว่าละครออกอากาศช่วงตอนเย็น ผมมักจะมารอดูอย่างใจจดใจจ่อ
    จนไม่สนใจว่าแม่จะเรียกให้ไปทานข้าว เพราะกลัวพลาดโอกาสดูตอนสําคัญๆ
    เจ้าของบ้านท่านใจดีครับ และมีอยู่เครื่องเดียวในระเเวกนี้ ท่านเลยมีเมตาต่อเด็กๆทุกคนรวมถึงตัวผมด้วย เย็นนี้เป็นตอนที่โจรแอบตัดเศียรพระพุทธรูป ได้สําเร็จ แต่พออยู่มาไม่นานชายคนนั้นเดินผ่านหมู่บ้าน เห็นชายสูงอายุคนหนึ่ง
    กําลังใช้เลื่อยลันดา(เลื่อยมือ) เลื่อยไม้ที่จะทําเป็นเสาเรือน มองดูคล้ายกับที่ตนใช้เลื่อยตัดเหล็กตัดเศียรพระพุทธรูป จนเกิดภาพหลอนร้องสดุ้งหวาดกลัวด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งกระฉูดพร้อมกับศรีษะที่เปื้อนเลือด ของโจรใจปาบร่วงลงไปกองกับพื้น และจะมีเสียงยมราชหัวเราะดังกึกก้องกัมปนาทปานฟ้าผ่า ยิ่งตอกย้ำให้ได้รู้ซึ้งถึง อํานาจของกฎแห่งกรรมได้เป็นอย่างดี ว่า
    " ทําชั่ว ชั่วโฉดเฉาชนม์ ไม่พ้นผลกรรมซ้ำเติม " ครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  11. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ทําบุญอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นบุญ เป็นกุศล โดยสิริ ศรีสมบัติ

    ผมขออธิบายความหมายของการทําบญ แด่พุทธศาสนิกชนทุกท่านอย่างกว้างๆดังนี้นะครับ
    <!-- Start K2 Item Layout -->แต่สําหรับท่านที่ยังใหม่ หรือไม่มีเวลาเข้าวัดฟังพระเทศน์และบางท่านก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ ผมจะขอแนะนําอย่างง่ายๆรั้งท้ายให้แล้วกันนะครับ
    <!-- Item title -->บุญกิริยาวัตถุ ๑๐


    <!-- //Blog tools --><!-- Plugins: AfterDisplayTitle --><!-- K2 Plugins: K2AfterDisplayTitle --><!-- Plugins: BeforeDisplayContent --><!-- K2 Plugins: K2BeforeDisplayContent --><!-- Item introtext -->บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, ทางทำความดี ประกอบด้วย
    ทานมัย - ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ(ต้องบริสุทธิ ไม่ลักขโมย)
    สีลมัย - ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือปฏิบัติดี(ศีล5เป็นต้น)
    ภาวนามัย - ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกอบรมจิตใจเจริญปัญญา(การทําสมาธิ มีอานิสงค์มาก)
    อปจายนมัย - ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม(เป็นคนว่าง่าย)
    เวยยาวัจจมัย - ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้(รู้จักเสียสละ)
    ปัตติทานมัย - ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น(การไม่เอาเปรียบเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน)
    ปัตตานุโมทนามัย - ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น(อนุโมทนาบุญ ในสิ่งที่ผู้อื่นทําไว้ดีแล้ว)
    ธัมมัสสวนมัย - ทำบุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้(ตามโอกาสเหมาะสม)
    ธัมมเทสนามัย - ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้(เทศนาบรรยายธรรม)
    ๑๐ทิฏฐุชุกัมม์ - ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง(สัมมาทิฎฐิ)
    ข้อ ๔ และข้อ ๕ จัดเข้าในสีลมัย; ๖ และ ๗ ในทานมัย; ๘ และ ๙ ในภาวนามัย; ข้อ ๑๐ ได้ทั้งทาน ศีล และภาวนา
    เนื้อความในนี้ผมได้คัดลอกมาจาก อ้างอิง: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)และได้เพิ่มเติมในส่วนที่เป็นวงเล็บ ส่วนท่านที่ยังใหม่หรือไม่สะดวกที่จะปฎิบัติตามข้างบนนี้กระผมใคร่แนะนําดังนี้ครับ
    1ให้ทาน ไม่ควรกําหนดที่ปริมาณ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเงินทองหรือสิ่งใดๆก็ตาม ของสิ่งนั้นจะต้องบริสุทธิ
    ต้องให้ด้วยความเต็มใจ และหลังจากให้แล้วต้องไม่เสียดาย
    2การรักษาศีลอย่างน้อยควรให้ครบ5ข้อหรือจะเพิ่มเป็นอุโบสถศีล(ศีล8)ก็ได้เพื่อให้ได้อานิสงค์สูงสุด
    3ภาวนาคือการทําอานาปานสติ(การทําสมาธิ)ได้อานิสงค์สูงสุดยิ่งกว่าบุญใดในโลก เพราะสามารถค้นพบวิธีการดับทุกข์ทําให้จิตสงบ มีปัญญาแก้ไขปัญหาได้ด้วยตน เป็นหนทางสู่มรรคผลนิพพาน(เพื่อความหลุดพ้นในสังสารวัฏ)
    สําหรับคืนนี้ ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนสวัสดีครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  12. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    แจ้งลบมีภาพและเสียงที่ไม่เหมาะสมปะปนมาบนYOU Tube

    ผมต้องขออภัยทุกท่าน ที่ติดตามข้อความที่ผมโพส!
    และต้องผิดหวังที่ผมต้องลบสารคดีเรื่องน้ำออกจากไฟล์อย่างกระทันหัน
    เป็นเพราะไม่อยากให้กระทบ กับภาพลักษณ์และเจตนาอันบริสุทธิ ซึ่งกระผมให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่งเสมอมา หากยังมีวิธีการใดๆที่สามารถทําให้ทุกท่าน รู้รักและสามัคคี อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง กระผมยินดีน้อมรับคําแนะนํานั้นครับ.
    จากใจ สิริ ศรีสมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2011
  13. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    พุทธจักรก็ต้องเป็นพุทธจักร มิอาจเป็นอย่างอื่นไปได้ครับ!

    ขอขอบคุณผู้ที่มีเมตาจิต ที่อยากให้ทุกท่าน ที่กําลังประสบกับวิกฤตน้ำท่วมอยู่ขณะนี้ ผ่านพ้นโดยเร็ววัน
    แนวทางหนึ่งที่สามารถบรรเทาทุกข์ได้ในตอนนี้คือ การสละทรัพย์หรือสิ่งของที่จําเป็นตามเจตนาอันบริสุทธิ ตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือให้ถึงมือท่านเหล่านั้น และเป็นการสร้างบารมีโดยการให้อย่างไม่จํากัดกาล บุญกุศลที่ท่านทําไว้ดีแล้ว ท่านก็จะเป็นผู้ที่ไม่ขาดแคลน หากเมื่อยามมีภัยเช่นกันครับ
    ขออนุโมทนา สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  14. จรัสวรรณ

    จรัสวรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +37
    แนะนำ อ.จรัสวรรณ ดูรหัสกรรม ทุกชีวิตต้องมีรหัสกรรมของตนเอง สามารถแก้ไขได้ โทร. 081-9183348
     
  15. ๑๑๑๑๑

    ๑๑๑๑๑ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    แนะนำหมอดูแม่นๆ แถวห้วยขวาง

    ขื่อหมอต้น คะ น้องเขาทำนายว่าจะมีอุบัติเหตุให้เจ็บหนัก
    ควรจะไปทำบุญปล่อยปลาหรือสัตว์อะไรก็ได้แล้วจะไม่เป็นอะไรมาก
    เลยลองไปทำดูน้องเขาก็บอกวิธีทำและแนะการปฎิบัติธรรมก็ฟังไว้
    ปรากฎว่า 3 วันต่อมานั่งวินมอไซต์เข้าบ้านเกิดรถล้มตอใจมาก
    ไอ้เราก็ไม่เป็นอะไรมากแต่คนขับวินแขนโซ้นเกือบหักเราแค่เป็นลอยแดง
    มาคิดดูเลยนึกถึงน้องเขาเลยกลับไปหาและขอเบอร์น้องเขามาด้วย
    เป็นเบอร์ 080-9202783 ต้องไปดูไห้ได้เลย แม่นทันตา
     
  16. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    คําตอบของคุณ บ่ายวันนี้ 14....น โดย สิริ ศรีสมบัติ

    ผมต้องขออภัย กับคุณพี่ผู้หญิงที่ทํางานราชการในจังหวัดลําพูน
    ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษา เรื่องการทํางานในปัจจุบันที่ทําอยู่
    แต่เนื่องจากมีผู้ที่รอฟังคําตอบในต่างจังหวัดอีกเป็นจํานวนมาก ซึ่งแต่ละท่านใช้เวลาไปไม่น้อย จึงเกินเวลาที่ผมนัดให้คําตอบกับท่านไว้ ผมจึงถือโอกาสนี้โพสฝากข้อความมายังท่านก็แล้วกันนะครับ หวังว่าคงให้อภัย
    ในอดีตชาติของคุณพี่มีดังนี้ครับ
    คุณพี่เกิดเป็นชาย ธาตุน้ำ(อาโปธาตุ)ครอบครัวเป็นคนมีฐานะดี สมบูรณ์ทั้งโภคทรัพย์ อริยะทรัพย์(ทรัพย์ภายใน)คือเป็นผู้ฝักใฝ่ในการบําเพ็ญทานรักษาศีล เป็นต้น ในชาตินี้พี่เองจึงมีทุกอย่างไม่ต่างจากในอดีตชาติมากนัก แต่
    ชาตินี้พี่กลับกลายมาเป็นหญิง เป็นเพราะดังนี้ครับ
    ในอดีตชาติ พี่มีความละเอียดอ่อนในทุกๆเรื่องจึงมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก และเป็นอย่างนี้จนสิ้นอายุขัย ซึ่งจริงเท็จแค่ไหน
    ขอให้คุณพี่โปรดใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ ส่วนเรื่องงานที่พี่ทําอยู่ ไม่ว่าจะมองมุมไหนคุณพี่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งแล้ว ณ เวลานี้ เพราะท่านได้ทําหน้าที่สนองในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ราชการจึงมีความหมายว่า งานของพระราชา จึงเป็นความภาคภูมิใจต่อวงศ์ตระกูลไปอีกนานเท่านาน และไม่ว่าพี่จะท้อแท้หรือแม้จะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด อย่าลืมความตั้งใจแรกที่อุตส่าห์บากบั่นกว่าจะมายืนอยู่บนจุดนี้ เพื่อประเทศชาติและครอบครัวของพี่เองด้วยนะครับ ขอเป็นกําลังใจ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  17. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ฝากข่าว!!!
    ผมขออนุญาตฝากข่าวมายังคุณพี่ผู้หญิง ที่มาศึกษาต่ออยู่ที่เมืองเมลเบิร์น
    ประเทศออสเตรเลีย และกําลังอยู่ระหว่างตัดสินใจ ที่จะแต่งงานกับแฝน?
    ก่อนอื่นผมต้องขอประทานอภัย ที่ไม่สามารถโพสฝากคําตอบเรื่องราวต่างๆ ตามที่พี่สาวของคุณได้กรุณาโทรมาให้ผมช่วยดูให้ เป็นเพราะผมไม่อาจเปิดเผยหรือ นําเรื่องราว ข้อมูลส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใดต่อสาธารณชน ให้มารับทราบตามไปด้วย เป็นอันขาด
    หากคุณได้อ่านเจอข้อความที่ผมโพสไว้ และอยากรับทราบเรื่องราวต่างๆ ตามที่พี่สาวของคุณร้องขอผมมา กรุณาโทรติดต่อไปทางเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฎด้านล่างนี้ หรือหากไม่สะดวก จะโทรผ่านพี่สาวของคุณอีกครั้งก็ได้ เพราะผมได้ลบเบอร์โทรศัพท์ท่านเหล่านั้นทันทีที่คุยธุระจบ และจงสบายใจได้ในทุกๆเรื่อง ผมจึงเรียนมาเพื่อทราบ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  18. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    และเป็นกําลังใจกับคุณน้องผู้ชาย ธาตุลม(วาโยธาตุ)
    หมายเลขโทรศัพท์ +614211875..เวลา18:29น
    เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
    ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษาเรื่องการเรียน
    ผมขอมอบคาถาบทนี้แทนใจให้คุณนะครับ
    สุ จิ ปุ ลิ คือ หัวใจของนักปราชญ์หรือบัณฑิต
    สุ ย่อมาจาก สุตตะ แปลว่าการฟัง
    จิ ย่อมาจาก จิตตะ แปลว่า การคิด
    ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า การถาม
    ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า การเขียน
    "ฟังอะไรฟังให้หมด จดให้มาก ปากต้องใช้ ใจต้องคิด จึงจะเป็นบัณฑิต(นักปราชญ์)ที่แท้จริง"
    ซึ่งเป็นคาถาประจําสถาบัน ในสมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษาในวิทยาลัยแห่งในเมืองไทยนี่แหละจึงอยากให้คุณ ได้น้อมนําไปใช้ด้วยเช่นกันครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  19. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญ



    อภิญญาในคำวัตรหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
    อิทธิวิธิแสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
    ทิพพโสต มีหูทิพย์
    เจโตปริยญาณกำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
    ปุพเพนิวาสานุสติญาณระลึกชาติได้
    ทิพพจักขุมีตาทิพย์
    อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
    อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
    อริยบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ประเสริฐ, ผู้ไกลจากข้าศึก, ผู้หักกำล้อแห่ง วัฏสงสาร ได้แล้ว
    อริยบุคคล สามารถแบ่งออกได้ 2 อย่างคือ
    1. พระเสขะ คือพระผู้ยังค้องศึกษาไตรสิกขาเพิ่มขึ้นต่อไปจนกว่าจะสำเร็จมรรคผล
    2. พระอเสขะ คือ พระผู้ศึกษาสำเร็จแล้ว เสร็จกิจการศึกษาแล้ว ไม่ต้องศึกษาอะไรต่อไปอีก
    และ อริยบุคคล แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
    พระโสดาบันสามารถละสังโยชน์ได้ 3 ประการ ผู้ที่บรรลุธรรมนี้อาจเป็นฆราวาสหรือบรรพชิต
    พระสกิทาคามี ละสังโยชน์ได้ 3 ประการ แต่สามารถทำกิเลสให้เบาบางลงกว่าพระโสดาบัน
    พระอนาคามี ละสังโยชน์ได้ 5 ประการ
    พระอรหันต์ ละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการหลุดพ้นจากกิเลสและวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด)
    อริยบุคคลแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ มี 8 หรือ 4 คู่ ได้แก่
    คู่ที่ 1 พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรคและโสดาปัตติผล
    คู่ที่ 2 พระผู้ตั้งอยู่ในสกิทาคามีมรรคและสกิทาคามีผล
    คู่ที่ 3 พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามีมรรคและอนาคามีผล
    คู่ที่ 4 พระผู้ตั้งอยู่ในอรหัตมรรคและอรหัตผล
    การทำให้ไปสู่การเป็น อริยบุคคลจะต้องอาศัย ปัญญาพิจารณาเพื่อลดละกิเลส ลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง
    ปัญญาแปลว่า ความรู้ทั่ว คือรู้ทั่วอย่างถึงเหตุถึงผล รู้อย่างชัดเจน รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ รู้สิ่งที่ควรทำควรเว้น เป็นต้น เป็นธรรมที่คอยกำกับศรัทธาให้มีเหตุผลและไม่หลงเชื่ออย่างงมงาย
    การเกิดปัญญาทำได้ 3 วิธี ประกอบด้วย
    1. โดยการสดับรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
    2. โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
    3. โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)
    ปัญญา ที่เป็นระดับ อธิปัญญา คือปัญญาอย่างสูง จัดเป็น สิกขา ข้อหนึ่งในสิกขา 3 หรือ ไตรสิกขา คือ อธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญา
    กรรมฐานหมายถึง ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิต สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนาหรือวิธีใช้ในการฝึกอบรมขัดเกลาจิตหรืออุบายหรือกลวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดสมาธิ
    กรรมฐาน เป็นสิ่งที่จิตกำหนดเพื่อให้เกิดความสงบ ไม่เตลิดลอยฟุ้งซ่านอย่างไร้จุดหมาย
    กรรมฐาน 40 เป็นอุบาย 40 วิธี ที่ใช้ฝึกจิตให้เกิดสมาธิ คือสิ่งที่เอามาให้จิตกำหนด เพื่อชักนำให้เกิดสมาธิ พอจิตกำหนดจับสิ่งนี้แล้ว จะชักนำให้เกิดความแน่วแน่อยู่กับสิ่งนี้จนเป็นสมาธิได้มั่นคงและเร็วที่สุด ในคัมภีร์ อรรถกถาและปกรณ์ ได้รวบรวมกรรมฐานไว้ 40 อย่าง ประกอบด้วย
    กสิณ 10แปลว่า วัตถุอันจูงใจหรือวัตถุสำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ เป็นวิธีใช้วัตถุภายนอกเข้าช่วย โดยการเพ่งเพื่อรวมจิตให้เป็นหนึ่ง มี 10 อย่าง คือ
    กสิณ 4 ได้แก่ ปฐวีกสิณ (ดิน) อาโปกสิณ (น้ำ) เตโชกสิณ (ไฟ) วาโยกสิณ (ลม)
    วรรณกสิณ ได้แก่ นีลกสิณ (สีเขียว) ปีตกสิณ โลหิตกสิณ (สีแดง) โอทาตกสิณ
    กสิณแบบอื่น ๆ ได้แก่ อาโลกกสิณ อากาสกสิณ เป็นต้น
    อสุภะ 10คือ การพิจารณาซากศพในระยะต่าง ๆ รวมกัน 10 ระยะ ตั้งแต่หมดลมหายใจ ขึ้นอืด น้ำเหลืองน้ำหนองไหล เนื้อหนังเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูก
    อนุสติ 10 คือ อารมณ์ดีงามที่ควรระลึกถึงเนือง ๆ ได้แก่ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ มรณสติ กายคตาสติ อานาปานสติ อุปสมานุสติ
    อัปปนัญญา คือ ธรรมที่พึงแผ่ไปในมนุษย์ สัตว์โลกทั้งหลายอย่างมีจิตใจสม่ำเสมอทั่วกันไม่มีประมาณ ไม่จำกัดขอบเขต หรือเรียกอีกอย่างว่า พรหมวิหาร 4 ได้แก่
    เมตตาคือ ปรารถนาดี มีไมตรีอยากให้มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย มีความสุขทั่วหน้า
    กรุณา คือ อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์
    มุฑิตาคือ พลอยมีใจแช่มชื่นบาน เมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข และเจริญงอกงาม ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไป
    อุเบกขา คือ วางจิตเรียบสงบ สม่ำเสมอ เที่ยงตรงดุจตาชั่ง มองเห็นมนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ได้รับผลดีร้าย ตามเหตุปัจจัยที่ประกอบ ไม่เอนเอียงไปด้วยชอบหรือชัง

    อาหาเร ปฏิกูลสัญญา กำหนดหมายความเป็นปฏิกูล

    จตุธาตุววัฏฐาน กำหนดพิจารณา คือ พิจารณาเห็นร่างกายของตน โดยสักว่าเป็นธาตุ 4 แต่ละอย่างๆ อรูปกำหนดสภาวะที่เป็นอรูปธรรมเป็นอารมณ์ ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เพ่งกสิณ 9 อย่างแรก จนได้จตุตถฌานมาแล้ว กรรมฐานแบบอรูป มี 4 อย่าง คือ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    เมื่อเจริญภาวนาจนเกิดปัญญาขั้นสูงสุดแล้วก็จะบรรลุมรรคผลสำเร็จเป็น พระอรหันต์

    สำหรับบรรดาเกจิอาจารย์ทั้งหลายหากสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่ว่าจะยึดแนวทางใด หากละกิเลสได้แล้วก็ถือว่าเป็น "พระอริยสงฆ์" หรือ "พระอริยบุคคล"ที่น่าเคารพศรัทธา ส่วนจะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หรือไม่ขึ้นอยู่กับการสำเร็จมรรคผลขั้นใดและแนวทางการฝึกจิตบำเพ็ญเพียรบางท่านอาจแสดงอิทธิฤทธิ์ได้แต่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ก็มี บางท่านไม่มีอิทธิฤทธิ์แต่เป็นพระอรหันต์ก็มีเช่นเดียวกันครับ!
    ดังนั้นกระผมจึงทุ่มเท เสียสละเวลา พยายามเสาะแสวงหาหนทางเพื่อการดับทุกข์อย่างแท้จริง ตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่ทุกท่านจะได้ น้อมนําไปปฎิบัติให้เหมาะสมกับตนเองด้วยเช่นกันครับ
    และขอขอบคุณคุณพี่นักปฎิบัติธรรมท่านหนึ่ง ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษาและให้กําลังใจมาโดยตลอด
    ผมซาบซึ้งในความมีเมตาจิตของท่าน จึงขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ครับจาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได็เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  20. BIGGUNMAN

    BIGGUNMAN สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    โหรตาทิพย์ ดูทางในโดยใช้ญาณองค์เทพ

    ดูดวงโดยใช้จิตสัมผัสทางในโดยใช้ญ่ณเทพองค์พระจักรวาล ดูธุรกิจการงาน ดูจิตวิญญาณ ดูผี ดูเจ้าที่ ดูเทพเทวดา ดูพระพรหม ดูสิ่งศักดิ์สิทธ์ ดูเจ้ากรรมนายเวร ดูเรื่องเงินเรื่องทอง ดูเรื่องความรัก ดูเรื่องกรรม ดูเรื่องการถูกของถูกคุณไสย ดูเรื่องการถูกทำเสน่ห์ แก้อาถรรพ์ต่างๆ ดูเรื่องคู่ครอง ตัดวิบากกรรม เสริมบารมี ดูทุกเรื่องที่อยากรู้ ดูอดีต ดูปัจจุบัน ดูอนาคต ทุกคำถามมีคำตอบ ทุกปัญหามีทางแก้ไข
    ท่านที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทำธุรกิจ ทำธุรกิจแล้วไม่เจริญรุ่งเรื่องไม่เป็นไปตามที่คาดคิด มีอุปสรรคทำให้ติดขัดตลอด หรือธุรกิจทำแล้วประสบกับการขาดทุนตลอดทั้งๆที่โอกาสน่าจะประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง ซึ่งเกิดจากพลังหรืออำนาจลึกลับทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เราสามรถช่วยแก้ไขให้ท่านได้ช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งหลายคนได้มาขอให้ ท่านอาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม ทำพิธีตัดกรรม เสริมบารมี แก้ไขชะตาชีวิตให้ กลับพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือประสบความในธุรกิจอย่างไม่น่าเชื่อ
    ท่านที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องคนรอบข้าง เพื่อน คนรัก หรือตัวท่านเอง ที่โดนคุณไสย ทำเสน่ห์ หรือโดนวิญญาณ เจ้าที่ ผี เทพ มาร ตามรังควาน หรือมาสิงสู่ ซึ่งท่านอาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม ทำพิธีให้หลายๆคนที่โดนของเหล่านี้ หายอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนที่ทำพิธีกับท่านอาจารย์ คำนวน เฉียบแหลมประสบโชคดีมีโชคลาภหลายคน
    ส่วนในเรื่องความรักหลายคนที่อกหักผิดหวังในความรัก ได้มาให้ท่านอาจารย์คำนวน เฉียบแหลมทำพิธีเสริมเสน่ห์ให้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ของท่านอาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม สุดยอดมากๆ มีคนมาชอบมากมาย และสมหวังในรักไปหลายคน เป็นที่รักแก่ทุกคน ไม่ว่าเจ้านาย เพื่อร่วมงาน คนรัก ต่างรักมากขึ้นกว่าเดิม
    ส่วนท่านที่เป็นโรคเรื้อรังไปรักษาแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย ไปตรวจเอ็กซเรย์ไม่เจอสาเหตุของโรค แพทย์หาสาเหตุของโรคไม่เจอ แพทย์บอกว่าไม่รอดแน่ ไปรักษากับร่างทรง กับพระ กับแม่ชี แล้วยังไม่หาย มาให้ท่าน อาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม ตรวจเช็คและทำพิธีรักษาให้ หลายคนต่างหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งท่านอาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม จะทำพีธีตัดกรรมและเสริมบารมี ทุกคนที่เป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย ให้หายทุกราย
    อาจารย์พลังจิต ดูทางในโดยใช้ญาณเทพองค์ท่านพระจักรวาล รับดูทางโทรศัพท์ เบอร์โทรศัพท์ 0852976153 และเบอร์ 0831508205 และดูที่ตำนัก ค่าบูชาครูเพียงท่านละ 500 บาท
    <!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...