ถามเรื่องเนื้อคู่แต่ละภพแต่ละชาติ

เป็นกำลังใจให้คุณ ชา ใคร่รู้ สู้ต่อไปครับ
ขอบคุณในข้อมูลครับ ที่ช่วยตอกย้ำการตัดสินใจเลือกทางเดิน ให้มีความหนักแน่นขึ้นอีก

 

ดีจังครับอย่างน้อยก็ได้สมหวังกับความรัก รักที่มาจากความรู้สึกจริง ๆ

 

ยินดีด้วยและขอเป็นกำลังใจให้คุณชา ใคร่รู้ คุณพบคู่แท้แล้ว รักษาความรักให้ยั่งยืน จะเป็นบทพิสูจน์และบทเรียนอันทรงคุณค่าของชีวิตคุณทั้งสองครับ

 

ขออนุญาต ทุกท่าน นำไปเผยแพร่ ต่อนะคะ เข้ามาอ่านแล้วได้แง่คิดมากค่ะ

 

ขอบคุณมากค่ะที่นำมาแบ่งปัน

 

ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ครับ เพิ่มเติมข้อมูลอีกหน่อยแล้วกัน ที่ผมประมาทในธรรม ก็เพราะผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็เอาตัวรอดมาได้ ใช้เวลามากน้อยต่างกัน แต่สุดท้ายก็หลุดมาได้ทุกที มันเลยเกิดความลำพองในใจว่าเราสามารถจัดการเรื่องแบบนี้ได้แน่นอน ไม่มีปัญหา (แต่ว่าความรู้สึกทั้ง 3 ครั้งก่อนไม่รุนแรงและชัดเจนเท่ากับครั้งนี้) ผมก็ใช้วิธีแบบที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหล่ะมันใช้ได้ผลทุกครั้ง ผมก็เลยมั่นใจมากว่ามันจะใช้ได้ผลตลอดกาล แค่อาจต้องออกแรงมากหน่อยก็เท่านั้น

ผมแต่งงานมาได้ 4 ปีแล้วครับ อยากจะบอกว่ากว่าจะเข้าที่เข้าทางเล่นเอาเหนื่อยครับ ทั้งภาระทางโลกที่มากขึ้น และตัวกิเลสในใจของเราเองที่ซับซ้อนมากขึ้น สำหรับการปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีความคล่องตัวเหมือนตอนอยู่คนเดียว จะทำอะไรก็ติดๆขัดๆ ยิ่งช่วงแต่งงานใหม่ๆนี่ ผมปรับตัวไม่ทันครับ เพราะเราเคยอยู่คนเดียว ทำอะไรได้ตามใจ วันไหนว่างๆก็ปิดห้องนั่งสมาธิมันได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่จำเป็นต้องสนใจใคร แต่พอมีครอบครัวแล้วมันหาโอกาสแบบนั้นได้ยากมาก เนื่องจากเรื่องทางโลกที่มันแสนจะยุ่งเหยิง และที่สำคัญคือเราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ย่อมต้องคำนึงถึงกัน ไม่ให้เกิดโทษทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ยอมรับว่าลำบากกว่าการปฏิบัติธรรมคนเดียวเป็นอย่างมาก นี่แหล่ะคือความทุกข์แบบตัวเป็นๆ เห็นได้ด้วยตาเนื้อ ยังไม่นับความทุกข์ที่เกิดจากการยึดเอาสังขารของผู้อื่นเป็นมาของเรา

อย่างที่ผมเล่าให้ฟังในโพสต์ก่อน ว่าผมโชคดีมากที่อย่างน้อย ครอบครัวของภรรยาชอบทำบุญ เข้าวัด ผมก็เลยมีปัญหาตรงจุดนี้ไม่มากนัก แต่ผมเห็นหลายๆคู่ที่แฟน หรือไม่ก็ครอบครัวของแฟน ไม่สนใจการทำบุญทำทาน บางคนยังต่อต้านการปฏิบัติธรรมเสียด้วยซ้ำ มีรุ่นน้องของผมหลายคนที่มีปัญหาเรื่องแฟนหรือครอบครัวแฟน ไม่ยอมให้ปฏิบัติธรรม หรือห้ามทำบุญ อะไรทำนองนี้ ซึ่งผมเองบางทีก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่ให้กำลังใจและแนะนำให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรให้มากๆหน่อย มีโอกาสก็ทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวให้เห็นประโยชน์ในการบำเพ็ญความดี

ทุกวันพระ ภรรยาผม เขาจะจัดเตรียมพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน เอาไว้ให้ผม เพราะเธอรู้ว่าผมจะต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิ บางครั้งเธอก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย ผมก็พยายามแนะนำการนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมให้ตามโอกาส โดยรวมถือว่ายังไม่มีปัญหาอะไรมากครับ

ชีวิตแต่งงานมันไม่มีอะไรแน่นอน เราไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆก็คือการเดินเข้าหาความทุกข์ที่เพิ่มมากขึ้น แต่เชื่อผมเหอะ "ถึงรู้ว่าเสี่ยง แต่ก็มีคนจะขอลอง" (ผมคือหนึ่งในนั้น) ยังไงขอให้ทุกท่านตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านผู้ประพฤติธรรม

 

ขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
เรื่องราวไม่ต่างจากคุณชา ใคร่รู้ แต่เรื่องดิฉันซับซ้อนกว่ามาก
ดิฉันเลิกกับแฟนเก่าซึ่งเจ้าชู้มาก มาเจอสามีซึ่งเลิกกับแฟนที่มีคนอื่นเหมือนกัน
คบกันซักพักก็แต่งงานกันเพราะดิฉันท้อง
แต่งงานกันมา 4 ปี มีความสุขมาก
แล้ววันนึงสวรรค์ก็พรากเราจากกันด้วยความตาย
เค้าไปทำงานต่างประเทศแล้วก็หลับตายไป
ผ่านไป 1 วันจึงเพิ่งมีคนมาพบ
ทุกวันนี้ดิฉันยังงงและรับไม่ได้
การจากกันมันช่างโหดร้ายเพราะสววรค์ไม่ให้โอกาสเราได้สั่งเสียกัน
ก่อนสามีนอนก็โทรคุยกันปกติ
ไม่มีวี่แววว่าจะตายจากกัน
ดิฉันได้แต่นั่งทบทวนว่าเราสองคนทำอะไรผิด
อยู่ด้วยกันเรามีแต่พากันไปทำบุญ
บางคืนว่างเราก็ชวนกันไปตลาด ไปซื้อปลาที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อยแม่น้ำ
ทุกคนบอกว่าเราหมดกรรมต่อกัน
แต่ทำไมผลบุญที่เราร่วมทำกันในชาตินี้จึงไม่สามารถต่ออายุให้เราได้ร่วมสร้างบุญกันต่อไปได้
ใครตอบได้ช่วยบอกที

 

ขอบคุณในธรรมทานนะคะ
ขอทุกท่านจงเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม

เห็นด้วยค่ะ ว่า การจะเจอคู่แบบไหนนั้น อยู่ที่กรรมเก่าและกรรมใหม่ ค่ะ
ตอนนี้ อยู่กับคนที่เรา ไม่ได้รัก (คิดว่าน่าจะเป็นคู่กรรม) ที่บังเอิญมาเจอกันพอดี
แต่คนที่เรารัก กลับต้องพลัดพราก นั่นก็แสดงว่า เคยไปพรากความรักของใครมาแน่นอน
ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึง ไม่เสื่อมคลาย มาวิเคราะห์ดู ก็แปลกดีค่ะ

คนคนนั้น เขาก็บอกว่า ไม่ได้รักคนที่เขาแต่งงานด้วย วันแต่งงาน ยังโทรมาหาเรา เพื่อบอกความในใจ (ทุกวันนี้ยังสงสัย ว่า ผู้ชายมีแบบนี้ด้วยเหรอคะ อยู่แบบไม่รัก แต่มีลูกด้วยกัน) ผู้ชายช่วยตอบหน่อยนะคะ ว่าจริงไหม
จะได้เป็นความรู้ค่ะ

 

ขอบคุณสำหรับคำถามของท่านเจ้าของกระทู้และอีกหลายคนที่แชร์ความเห็น สำหรับคำถามนั้นเราไม่ขอออกความเห็น พระท่านว่า อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริิง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เพราะฉะนั้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อ่านไปๆทำให้รู้สึกปลงๆดีเกี่ยวกับความรัก ตามความรู้สึกของเราขอเรียกว่าเป็นการยึดติดในรูป นาม

เขาดูดี เราก็ไปชอบเขา
จะตัดความรู้สึกตรงนี้ได้ต้องใช้การพิจารณาอสุภะกรรมฐาน ให้ลองพิจารณากำหนดว่าลองถ้าเขาตาย หรือเราตายขึ้นอืด เน่าเหม็น ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะอยู่ใกล้ ถ้าเห็นคนที่หน้าตาดีผ่านมาก็ให้กำหนดพิจารณาให้ขึ้นใจ จะได้ไม่ไปยึดติดเขาอีกต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่างกาย สังขารของเราที่เสื่อมลงไปทุกวันทุกวินาที ไม่มีใครรู้ว่าจะตายวันไหน อาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ก็ได้ ขอให้ตั้งสติใหม่ว่าแต่ละวันจะไม่ผิดศีล และหาเวลาไปปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็เพื่อขัดเกลาจิตใจให้สงบ ให้ยึดติดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ไปยึดติดในรูป รส กลิ่น เสียงอีกต่อไปจะได้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้เป็นสุข และนั่นแหละจะเป็นความสุขที่ยั่งยืนตลอดไป
คนเราธรรมดานั้น เมื่อไรก็ตามเมื่อได้ดั่งใจ ก็เป็นสุข ไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ และโลกนี้ก็เต็มไปด้วยขี้ เช่น ขี้เกลียด ขี้อิจฉา ขี้นินทา ขี้โลภ ขี้โกรธ ลฯล เต็มไปด้วยสิ่งลวงล่อที่ทำให้เกิดกิเลสตัณหา หากเราหลงไปตามนั้นก็เปรียบดั่งเราว่ายไปตามน้ำไหล ไม่ทันได้คิดว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นน้ำตกอันนำพามาซึ่งความหายนะ หากเรามีสติรู้ทันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะออกมาจากน้ำนั้นได้ทัน
ให้คิดเสมอว่าเราเกิดมา เราจะเกิดมาเพื่อสิ่งแค่นี้เองเหรอ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายเพื่อต่อกรรมต่อเวรไม่จบไม่สิ้น ไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอ ตัวเราเองเท่าน้ันที่เป็นผู้ลิขิตชะตากรรมของตัวเอง คนอื่นช่วยได้เพียงแนะนำ แต่ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติเสียเองก็ไม่มีใครช่วยท่านได้

 

ใครเคยดูละครช่องเจ็ด กาษา นาคา จะทราบดีถึงความทุกข์อันเนื่องมาจากความรัก มันแฝงความน่ากลัวไว้เบื้องหลังครับ

 

ขอคุณครับ ที่นำสิ่งดีๆ มาให้ ครับ