อาการของฌาน ๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 18 ตุลาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : พอนั่งสมาธิภาวนาไปเรื่อย ๆ เราจะรู้ไหมครับว่าเราเข้าฌาน ?

    ตอบ : ถ้ามั่นใจในขั้นตอนจะรู้ทันที

    ถาม : ถ้ารู้สึกตัวเหมือนกับว่าหลับละครับ ?

    ตอบ : อย่างนั้นดีที่สุดก็แค่ ปฐมฌานหยาบ ถ้าหากว่ามากกว่านั้นสภาพจิตจะละเอียด จะไม่รับรู้อาการภายนอก แต่ทุกขั้นตอนที่ผ่านระดับของสมาธิจะรู้

    ถาม : ถ้าถึงฌาน ๔ ล่ะครับ ลืมตาขึ้นมา..?

    ตอบ : ถ้าหากว่าถึง ฌาน ๔ แล้วจะนิ่งอยู่ข้างใน หากไม่ใช่บุคคลที่ฝึกหัดเรื่อง ฌานใช้งาน มาจริงๆ เวลาสมาธิไม่ถอยแล้วจะลืมตาไม่ขึ้น เพราะจิตกับประสาทแยกกันหมดแล้ว รวมถึงขยับปากไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ อย่างกับตอไม้อย่างนั้นแหละ แต่ข้างในสว่างโพลง เยือกเย็นมาก มีความสุขมาก

    ถาม : ไม่ได้ยินเสียงภายนอก ?

    ตอบ : ไม่รับรู้อาการภายนอกเลย แต่ว่าภายในรู้ตลอด


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2894




    .
     
  2. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    <CENTER>หลวงพ่อสอนวิธีทำบารมีเต็มโดยเร็ว


    ขอฝากธรรมทานนี้ ให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆชาวเว็ปผลบุญที่รักทุกท่าน
    (คุณ Tonwade โพสต์ในเว็บผลบุญ)
    </CENTER>
    <DD>"...เช้ามานี้ เกิดความอัศจรรย์ที่ได้เข้าไปฟังคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงในเว๊ปวัดท่าซุง

    <DD>เป็นคำสอนด้านการฝึกอาโลกสิณและการทำกำลังใจให้บารมีเต็มได้โดยเร็ว ซึ่งหลวงพ่อพูดละเอียดมาก จึงขอฝากธรรมทานอันเลิศยิ่งนี้ไว้ให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่รักทั้งหลายตามลิ้งด้านล่าง ซึ่งเป็นคำสอนหลวงพ่อ ที่วิหารแก้ว ม้วนที่ 20 ตอนที่ 2 www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=957

    <DD>โดยฟังแล้วจะได้คำตอบในประเด็นสำคัญว่า

    -->ทำอย่างไร ทิพย์จักขุญาณจึงจะแจ่มใสดุจพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน
    -->ภาพกสิณของฌานโลกีย์และฌานโลกุตระ มีภาพต่างกันอย่างไร
    -->จะตรวจสอบตนเองอย่างไร ว่าจิตกำลังทรงฌาน 4
    -->ทำอย่างไร จึงจะขอดูภาพเรื่องราวต่างๆ จากกสิณภาพพระ ได้อย่างไม่รู้สึกผิดว่าเรากำลัง "ใช้" พระท่าน
    -->ทำอย่างไร บารมีจึงจะเต็มได้โดยเร็ว (สำหรับคนเอาจริง)


    <DD>ขอสรุปให้อ่านในประเด็นหลักๆ นะครับ แต่แนะนำให้ฟังเองดีกว่าจะเข้าใจกว่ามากจ้า

    --> การใช้อาโลกสิณจะช่วยให้ทิพย์จักขุญาณแจ่มใส เนื่องจากอาโลกสิณเป็นตัวต้นของทิพย์จักขุญาณ จึงควรฝึกให้คล่องถ้าปรารถนาให้ทิพย์จักขุญาณแจ่มใส จุดที่ต้องการจริงๆคือนึกภาพพระเมื่อไร ภาพพระก็ปรากฏทันทีและเป็นแก้วแพรวพราวระยับ

    --> ทำอย่างไรให้ภาพกสิณเป็นแก้วระยับ

    .......ภาพกสิณที่เป็นแก้วแพรวพราวเป็นประกายระยับนั้น บ่งบอกว่าจิตเราขณะนั้นเป็นฌานโลกุตระ ถ้าเป็นแค่แก้วใส แต่ไม่เป็นประกายระยับจะเป็นแค่ระดับฌานโลกีย์ การปฏิบัติให้เข้าสู่ฌานโลกุตระ ให้วางกำลังใจไล่จาก ศีล->สมาธิ->ปัญญา ก่อนจะทำกสิณภาพพระ

    <DD>ก่อนอื่นต้องทำกำลังใจรักษาศีลให้ทรงตัว และนึกถึงพรหมวิหารสี่เป็นอัปปมัญญาเพื่อระงับนิวรณ์ชั่วคราว แล้วใช้วิปัสนาญาณตามกำลังใจของตนเอง
    -- กำลังใจอ่อนหน่อยให้พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของร่างกาย
    -- กำลังใจอย่างสูงให้พิจารณาว่าอีกไม่นานแล้วหนอ ร่างกายนี้ก็จะปราศจากจิตวิญญาณคือตาย ศพมีสภาพดั่งขอนไม้ที่ชาวบ้านเค้าไม่ต้องการ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ร่างกายแบบนี้มันจะพังเมื่อไรก็พังไป ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะมีร่างกายที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ตายเมื่อไร ขอไปพระนิพพานจุดเดียว

    <DD>เมื่อกำลังใจเป็นดังนี้แล้ว เมื่อภาวนานึกถึงภาพพระก็จะปรากฏภาพพระชัดเจน แจ่มใส สว่างแพรวพราวระยับ

    -->จะตรวจสอบตนเองอย่างไร ว่าจิตกำลังทรงฌานสี่

    .......ในขณะที่จับภาพกสิณ ถ้าขณะใดยังรู้ตัวว่ามีลมหายใจก็ยังไม่ถึงฌานสี่ ถ้าขณะใดรู้ตัวว่าไม่มีลมหายใจก็เป็นฌานสี่

    -->ทำอย่างไร จึงจะขอดูภาพเรื่องราวต่างๆ จากกสิณภาพพระ ได้อย่างไม่รู้สึกผิดว่าเรากำลัง "ใช้" พระท่าน

    .......เมื่อเดินจิตจนปรากฏกสิณภาพพระสว่างแพรวพราวเป็นระยับแล้ว ให้อธิษฐานขอภาพพระจงหายไปชั่วคราว ขอภาพอาโลกสิณจงปรากฏขึ้นแทน แล้วก็อธิษฐานขอทราบเรื่องราวต่างๆจากภาพอาโลกสิณแทน

    -->ทำอย่างไร บารมีจึงจะเต็มได้โดยเร็ว (สำหรับคนเอาจริง ท่านว่า 7 วัน)

    .......เมื่อเดินจิตจนปรากฏกสิณภาพพระสว่างแพรวพราวเป็นระยับแล้ว ให้ทำมโนมยิทธิไปกราบพระพุทธองค์ที่วิมานของท่านบนพระนิพพาน แล้วให้ถามพระท่านว่า บุญบารมีที่เราสะสมมายังอ่อนตรงไหน พร่องตรงไหน ควรปฏิบัติอย่างไร พระท่านจะแนะนำจุดที่เราควรปรับปรุงและวิธีการปฏิบัติที่ตรงจุด จิตเราจะเกิดศรัทธายิ่งกับคำแนะนำนี้เพราะพระท่านบอกเราโดยตรง ให้ปฏิบัติความเพียรตามคำแนะนำดังกล่าว หลวงพ่อท่านว่า อย่างช้าไม่เกิน 1 เดือนเห็นผล แต่ถ้าเอาจริงก็ไม่เกิน 7 วัน..."

    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2009, 05:31:58 AM โดย Tonwade </DD>

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=957
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...