ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    ข้อคิด และข้อสอบ ขอบคุณค่ะ
     
  2. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    อาซาฮี ซินเหวิน ขอสัมภาษณ์<O:p</O:p
    เรื่องน้ำหลาก ทางการ ปล่อยน้ำไหล<O:p</O:p
    คนไทย ใจดี ไม่เป็นไร<O:p</O:p
    แบ่งทุกข์ไป ถ้วนทั่ว ทุกครัวเรือน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    องค์อินทร์ ๙๗<O:p</O:p
    ทำการแทน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2011
  3. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    โลก ไม่เหมือนเดิมแล้ว ''น้ำเป็นภัย!!'' ต่อไป ไทย ยิ่งจมหนัก?

    [​IMG]

    วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม 2554
    http://www.norsorpor.com


    หากมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกจับตาความเป็นไปของมนุษย์โลกอยู่ ในระยะหลัง ๆ และในช่วงนี้ ก็คงจะเห็นชัดเจนถึง ’ความโกลาหลอลหม่านของชาวโลก“ ในหลายประเทศ และรวมถึงในประเทศไทย ’อันเนื่องจากภัยน้ำ“รูปแบบต่าง ๆ ทั้งน้ำทะเลสูง คลื่นยักษ์สึนามิ พายุฝน ซึ่งความโกลาหลนี้ดูผิวเผินเป็นเพราะธรรมชาติ

    แต่พิจารณาลึก ๆ แล้ว...มนุษย์เองมีส่วนอย่างสำคัญ

    มนุษย์ทำลายธรรมชาติมาก...ธรรมชาติก็พิโรธมาก!!

    ’หากมองโลกในภาพรวม ต้องยอมรับว่า ระดับน้ำบนโลกสูงขึ้น ซึ่งอาจจะสูงขึ้นไม่กี่เซนติเมตร แต่ไม่กี่เซนติเมตร นี่ก็มีความหมาย“

    นี่เป็นการระบุของนักวิทยาศาสตร์อาวุโส รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุปตระกุล

    กับระดับน้ำบนโลกสูงที่ขึ้นนั้น นักวิทยาศาสตร์ไทยรายนี้บอกว่า... สาเหตุหนึ่งมาจาก “ภาวะโลกร้อน” ซึ่งยุคนี้ทุก ๆ คนต่างก็พอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ภาวะโลกร้อนนั้น เกิดมาจากอะไรบ้าง และมีอีกหนึ่งความเห็น จากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพ ที่บอกว่า... เกิดจาก“รังสีคอสมิก ที่มาจากดวงอาทิตย์ และกาแล็กซี”

    ความคิดเห็นประการหลังนี่ก็กำลังดังขึ้นมา

    ทั้งนี้ ภาวะ ’น้ำมาก-น้ำหลาก-น้ำท่วม“ นั้น ในยุคปัจจุบันไม่ได้เกิดกับประเทศไทยที่เดียวในโลก แต่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ ส่วนกับประเทศไทยนั้น รศ.ดร.ชัยวัฒน์ บอกว่า... จากการติดตามเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่คราวนี้ พบว่า เป็นอีกปี ที่ปริมาณน้ำที่มาจากทางเหนือเยอะมาก และภาคกลางก็มีฝนตกมาก แต่โชคดีของประเทศไทยอย่างหนึ่งคือ ฝนไม่ได้ตกต่อเนื่องอย่างหนัก 6-7 วัน ติดต่อกัน เหตุการณ์จึงไม่เลวร้ายหนักไปกว่านี้

    รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ระบุว่า... น้ำท่วมปีนี้ระดับน้ำมากกว่าปี 2485 ซึ่งน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ แต่ภาพในปี 2485 นั้นรุนแรงกว่าปีนี้ นั่นเพราะปัจจุบันระบบการป้องกัน การระบายน้ำ ดีกว่าในอดีต จึงทำให้ดูไม่รุนแรงกว่า

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ ในเมื่อทราบว่าเหตุหนึ่งของการเกิดภัยจากน้ำ คือภาวะโลกร้อน ประชาชนทุกคน ก็ต้องช่วยกันในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยกันรักษาสภาวะแวดล้อม ไม่ตัดไม้ทำลายป่า

    ’และสิ่งที่จะป้องกัน ไม่ให้น้ำท่วมซ้ำซากต่อไปคือ การมีกระบวนการแก้ไขปัญหาน้ำ จากการรู้จริง เข้าใจจริง อย่างเป็นระบบ การมีระบบผังเมืองที่ถูกต้อง การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งสำคัญที่สุด“...นักวิทยาศาสตร์อาวุโสรายนี้กล่าว ซึ่งอย่างหลังนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาครัฐ แต่ก็เกี่ยวพันถึงประชาชน


    [​IMG]


    ด้าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซา ระบุถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่า... ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น เพราะฉะนั้น น้ำจากมหาสมุทร จะระเหยออกมามากขึ้น ซึ่งกลายเป็นความชื้นและเมฆ

    เมื่อมีความชื้นและมีเมฆมาก จึงทำให้มีความชื้นตลอดปี และเป็นเหตุ ทำให้สภาพดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปหมด ซึ่งก็จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานหลายปี หากไม่ลดภาวะโลกร้อนให้ได้ผล และก็จำเป็นต้องพร้อมรับมือ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    “การเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ ปรากฏการณ์ธรรมชาติใหม่ ๆ เกิดจากภาวะโลกร้อน และไม่ใช่เกิดกับประเทศไทยที่เดียว แต่เกิดกับทั่วโลก เท่าที่มอง โดยทั่วไปสถานการณ์ในอนาคต จะยังไม่ดีขึ้น เพราะสภาวะความชื้น จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่ง สึนามิ แผ่นดินไหว ก็จะเกิดขึ้นบ่อย เพราะเปลือกโลกเคลื่อนไหว”

    [​IMG]

    ดร.อาจอง ระบุอีกว่า... มนุษย์มีการก่อสร้าง ที่ส่งผลถึงเรื่องน้ำ ในไทยก็ยกตัวอย่างเช่น สนามบินสุวรรณภูมิ แทนที่พื้นที่จะเป็นแก้มลิงรับน้ำ กลับกลายเป็นสนามบิน ก็เสี่ยงมากขึ้น ที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ

    กรณีภาวะโลกร้อน ดร.อาจอง บอกว่า... ที่จะส่งผลกับประเทศไทยโดยตรงมี 2 อย่างคือ ผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้น้ำท่วมมากขึ้น และการที่เปลือกโลกเริ่มเคลื่อนไหว จนเกิดรอยร้าว ซึ่งจะทำให้ เกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมากขึ้น นี่คือ 2 อย่าง การเปลี่ยนแปลง ที่ไทยเราต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี

    เรื่องน้ำทะเลสูงขึ้น ถ้าไม่สร้างเขื่อนกั้นตรงอ่าวไทย ก็ต้องคิดย้ายเมืองหลวงภายใน 6 ปี เพราะอีก 15 ปีข้างหน้า น้ำจะเริ่มท่วมกรุงเทพฯ

    สิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องสร้างเขื่อนกั้นไว้ก่อน รัฐบาลต้องคิดและวางแผนตั้งแต่วันนี้ ต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ ต้องวางแผนล่วงหน้า 10 ปี ต้องวางแผนให้ดี เพื่อไม่ให้สูญเสียสถานที่สำคัญไป

    “จะกลายเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราพูดถึงภัยอันตรายส่วนรวม แล้วมนุษย์เลิกทะเลาะกันเสียที เรามีภัยธรรมชาติเป็นศัตรูร่วมกัน

    ถ้าไม่ป้องกันอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปกรุงเทพฯ และภาคกลางหลายจังหวัด จมน้ำแน่ ฉะนั้น รัฐบาลต้องเร่งตัดสินใจ คนไทยต้องเลิกทะเลาะกัน คนไทยต้องสามัคคีกัน และปฏิบัติธรรมให้มาก ๆ

    ถ้าเราช่วยกัน เราก็จะอยู่ร่วมกันได้ และ ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย คนไทยเราก็จะอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง ท่ามกลางความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในโลก ในอนาคตอันใกล้” ...ดร.อาจอง ระบุ

    [​IMG]

    ใครจะเชื่อ-ไม่เชื่อเรื่องน้ำทะเลสูงท่วมกรุงเทพฯ...สุดแท้แต่

    แต่...ในไทยก็คล้ายจะมีบทพิสูจน์ว่า ’ภัยน้ำกำลังถล่มโลก“

    และ’ทางรอด“ คนไทย...คือ ’ต้องพอเพียง-ต้องสามัคคี!!“

    [​IMG]
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "รถยนต์ลอยน้ำ" ป้องกันน้ำท่วม

    [​IMG]

    ส่วนใครที่กำลังกังวลว่าน้ำท่วมไม่รู้จะเอารถไปจอดที่ไหน วันนี้เรามีไอเดียร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถทำให้รถลอยในน้ำ

    อาจารย์และนักศึกษาประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล ได้ทำการทดสอบวิธีการที่ทำให้รถลอยในน้ำ ด้วยการหาวัสดุง่ายๆ มาใช้กับรถ คือ ตาข่าย และผ้าใบ ที่มีขนาดพอดีเท่ากับรถของคุณผู้ชม โดยตาข่าย และผ้าใบนั้น มีขนาดความหนาที่ใช้กับรถบรรทุก 10 ล้อโดยทั่วไป ขั้นแรกนำผ้าใบมาวางก่อน ตามมาด้วยตาข่ายอยู่ด้านบน จากนั้นก็ถอยรถมาจอดบนตาข่าย พร้อมกับหาผ้าคลุมรถมาคลุมด้านบน แล้วค่อยยกตาข่ายมารัดหุ้มตัวรถชั้นที่ได้แน่นก่อน จากนั้นก็ตามมาด้วยผ้าใบหุ้มตามอีกที เพื่อป้องกันน้ำเข้า และสาเหตุที่ทำให้รถลอยได้ เพราะน้ำหนักของตัวรถถูกถ่ายหรือกระจายไปตามรูตาข่าย ซึ่งจะทำให้ผ้าใบและตาข่ายไม่ฉีกขาด และสามารถทำให้รถลอยน้ำได้ทั้งคัน

    แต่ทั้งนี้รถจะลอยขึ้นมาได้ต้องอยู่ในระดับน้ำประมาณ 47 เซนติเมตรเป็นต้นไป ส่วนสนนราคาในการใช้วัสดุอุปกรณ์ครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 4 พันบาท สำหรับผู้สนใจอยากที่จะทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อไปที่สาขาวิชา วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่หมายเลข 044-224410-1

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    รับชมวิดีโอคลิปได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1319196036.jpg
      1319196036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.2 KB
      เปิดดู:
      1,774
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2011
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948

    สัจจะ มีผลตอบแทนแก่ผู้ทำได้
    สัจจะ คือแก่นสารการปฏิบัติ
    สัจจะ เป็นนิยามของการหลุดพ้นทุกข์
    สัจจะปฏิบัติ เป็นการนำสัจจะธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    [​IMG]

    จริงๆ ธรรมชาติเค้าเตือนมาเรื่อยๆ นะ แต่ชาวโลกไม่สนใจกันเอง ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ที่สุด หรือว่าเฟดสุดท้ายหรอก ยังมีอีกเป็นระลอก

    ถ้าอยากรอดปลอดภัย แต่ระหว่างนั้น ชีวิตก็จะต้องลำบากมั่งนะ ตามสภาพที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ก็ขอให้ทำแต่ความดี เลิกเด็ดขาด ที่จะทำไม่ดีทุกอย่างทุกเรื่อง

    คือว่า เมล็ดพันธุ์อันไหนที่ดี เค้าก็จะคัดไว้ อันไหนไม่ได้เรื่องก็คัดทิ้ง
     
  7. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    ถ้ามองเป็นวัฏจักร ก็คงจะใช่ หรือจะมองว่าเป็นความประมาทก็คงได้
    อะไรที่เจริญขึ้น ก็มีสิทธิ์ร่วงต่ำลง แม้จะยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดก็ตาม

    คนทำธรรมชาติให้เสื่อมลง มุ่งหวังในการเอาชนะและทำให้ความเป็นคนก้าวล้ำ
    และจะทำให้สูงส่งเหนือกว่าทุกๆสิ่ง
    แต่ที่สุดก็กลายเป็นความเหลื่อมล้ำภายในคนด้วยกันเอง
    แผนผังจะจัดการอย่างไรดี ในเมื่อพากันละเลย จนยากจะโละทิ้งในมูลค่าได้
    คนพากันพัฒนาอุตสาหกรรมภายในพื้นทีี่การเกษตร เพื่อสะดวกในแรงงาน
    ที่อาจจะมีราคาไม่แพงนัก คนพากันต่อยอดเพืือจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
    และเพิ่มเติมในความสะดวกสบายต่างๆ ท่ามกลางผู้ที่ีมีส่วนจะได้ในผลประโยชน์
    กลายเป็นว่าผู้คนก็พากันเติบโตยั้วเยี่ยภายในพื้นที่ที่เป็นที่รองรับน้ำ
    จะว่าประมาทก็ว่าใช่ เพราะที่ผ่านมาน้ำไม่เคยผ่านลงมามากมายขนาดนี้
    จะมองเป็นวัฏจักรที่เป็นของธรรมดาของโลกก็คงจะใช่
    ด้วยเส้นทางความเหลื่อมล้ำของคนกับวิถีัธรรมชาติเริ่มแตกแยกและแตกต่าง
    ซึ่งแม้กระทั่งในความได้เปรียบและเสียเปรียบของผู้คนด้วยกันเอง

    คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสูงสุดด้านสติปัญญา
    หา่กแต่เป้าหมายที่เดินไปยังไม่ถึงจุดสูง วัฏจักรแห่งการร่วงตกก็ปรากฏเสียแล้ว
     
  8. chunhapong

    chunhapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +731
    [FONT=&quot] คิดเป็นกับคิดไม่เป็น คนฉลาดมีปัญญา อะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาจักคิดไปในแง่ดีเสมอ โดยยึดหลักอริยสัจเป็นสำคัญในการแก้ปัญหา เขาเคารพในกฎของกรรม มองทุกอย่างมาตามกรรม แล้วก็ไปตามกรรม ไม่โทษผู้อื่น-ไม่โทษสิ่งแวดล้อม ดังนั้นก็จงอย่าประมาทในชีวิต เพราะความตายเป็นของเที่ยง แต่ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง[/FONT]

    [FONT=&quot] โลกไม่เที่ยง-โลกเป็นทุกข์-โลกเป็นอนัตตา ทำกำลังใจให้ดีให้มีความตั้งมั่นที่เข้มแข็งเพื่อพระนิพพาน และในเมื่อยังอยู่ในโลกก็จงรู้ว่า โลกนี้ยึดถืออะไรไม่ได้ เพราะมีความไม่เที่ยงอยู่เป็นนิจ จงทำจิตให้เบาบางในการยึดเกาะในสิ่งใดๆ ในโลกทั้งปวง อย่าไปหลงติดอยู่ในใดๆ ในโลก ธรรมจุดนี้ไม่มีใครช่วยใครได้ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น

    [/FONT][FONT=&quot]รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน[/FONT]
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    คาดว่า อาจจะใกล้หมดเวลาของความทันสมัยไฮเทค ในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ตอนนั้น เครื่องมือสื่อสาร ที่อุตส่าห์คิดประดิดประดอย พอไฟฟ้าถูกตัด ก็จะใช้การไม่ได้ สังคมทุนนิยมจะล่มสลาย ด้วยภัยธรรมชาติ ด้วยสงครามนิวเคลียร์

    บ้านเมืองราบเป็นหน้ากลอง คนต้องจร ต้องอพยพ ไปตายเอาดาบหน้า มือที่เคยคลิกเมาส์ ต้องไปจับจอบจับเสียม ทำไร่ไถนา ประทังชีวิตด้วยวิถีเกษตรกรรม (ในกรณีที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติ)

    ขอรวมฮิต ที่เคยโพสไว้ก็แล้วกัน จากหลายครั้งหลายวาระ

    ---------------------------------------------------------------------------------

    [​IMG]


    <TABLE style="MARGIN: 6px 0px" id=post5261533 class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="FONT-WEIGHT: normal" class=thead>20-10-2011, 06:53 PM </TD></TR><TR><TD class=alt1>คำตอบ: 12,957
    [​IMG] แนะนำ กลียุค...[.178/COLOR][/I]

    กลียุค (อักษรเทวนาครี...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    อ่อ ลืมบอกไป คิดว่าอีกซักพัก สภาพบ้านเมือง ถนนหนทางจะกลับมาเกือบปกติ

    พอคลื่นลมสงบ คนส่วนใหญ่ ก็จะลืมตัวลืมใจ ลืมคิดถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขาดธรรมะ แม้แต่ศีล 5 ก็ไม่มี แล้วไปใช้ชีวิตระเริงกันอีก เหมือนแมงเม่าที่ชอบไปตอมไฟ

    แต่หลังจากนั้น พิบัติภัยระลอกใหม่ครั้งใหญ่ ในรูปแบบใหม่จะมา เพื่อกวาดล้างบรรดาแมงเม่าไปเรียบ

    เพราะอย่างนั้น อย่าประมาทในการใช้ชีวิต เดินดีๆ มีธรรมะ ที่ต้องทำให้ได้ตลอดไป คือศีล 5
     
  11. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ท่านวิเคราะห์ได้ถูกต้องแล้ว ครับ

    ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง ปีต่อไปเก็บกระดูก
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เตือนกันนิด รีบสำรองน้ำดื่มไว้
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลย...
    (เลิกสนใจน้องเฟย์ หันมาสนใจน้องบอลกันดีกว่า)

    [​IMG]

    การทำจุลินทรีย์บอล บำบัดน้ำเสีย

    ปัญหาน้ำเน่าเสียในคลอง เป็นเรื่องใหญ่สำหรับสิ่งแวดล้อมในบ้านเรา และวิธีที่ใช้แก้ไขปัญหา คือการใช้ “จุลินทรีย์บอล” เพื่อเป็นการแก้ปัญหาน้ำเสีย จากการแก้ปัญหาแบบนี้ จึงมีหน่วยงานหนึ่งคิดที่จะนำวิธีการใช้ “จุลินทรีย์บอล” มาบำบัดน้ำเสีย จากภัยน้ำท่วมแทนค่ะ

    อีเอ็ม บอล (EM Ball) หรือจุลินทรีย์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียทางการเกษตร น่าจะเป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือในสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ได้


    สูตรลับ

    1. รำละเอียด 20 กก. (ส่วนสูตรลับมาจาก ผู้ใหญ่หรั่ง แห่งหมู่บ้านเกาะพิทักษ์)
    2. รำหยาบ 10 กก.
    3. ดิน 50 กก.
    4. โดโลไมต์ 20 กก.
    5. จุลินทรีย์น้ำซาวข้าว 6 ลิตร
    6. หัวเชื้อ EM 2 ช้อนโต๊ะ
    7. กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ


    น้ำที่่ท่วมขังกำลังจะเน่า!! ส่งกลิ่นเหม็นด้วย ขออาสาสมัครมาปั้นลูกบอลชีวภาพ 8,400 ลูก เพื่อแจกจ่ายให้พื้นที่ ที่กำลังโดนน้ำท่วม ลงทะเบียนได้ที่นี่ http://www.dmgbooks.com/register/

    ที่มา การทำจุลินทรีย์บอล บำบัดน้ำเสีย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผบ.ทบ.ปรับแผนอพยพหลังเสี่ยงน้ำเข้า กทม.

    [​IMG]

    ผู้บัญชาการทหารบก ระบุมีโอกาสเสี่ยงน้ำเข้า กทม. ต้องปรับแผนช่วยเหลือประชาชนใหม่ ขณะที่ ทอ. เตรียมเครื่องบิน C130 ไว้ใช้งานหากฉุกเฉินเรื่องการอพยพ

    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงบทบาททหารในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยว่า คงต้องลงรายละเอียดให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามีการลงรายละเอียดน้อยไป จึงต้องวางแผนล่วงหน้ามากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาวางแผนล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่การแจ้งเจ้าหน้าที่ทำได้น้อยเกินไป เช่น ประชาชนต้องไปอยู่จุดไหนหากเกิดภัยขึ้นมา ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จะคุยกันถึงการวางแผนอพยพประชาชน โดยทหารจะเข้าไปมีบทบาทส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการป้องกันภัย

    ผบ.ทบ.กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้ น้ำจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องระวัง เพราะเมื่อปริมาณน้ำมากขึ้น โอกาสเสี่ยงที่น้ำจะเข้ามาให้ กทม.มีอยู่ ดังนั้น ต้องมาทบทวนแผนการอพยพให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ว่าจุดไหนที่ต้องอพยพ จุดไหนที่ต้องให้การช่วยเหลือ จะต้องแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า และพาประชาชนไปในจุดที่จัดไว้ให้

    ทางด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเข้าร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือสถานการณ์น้ำว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการว่าต่อไปนี้ต้องรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ ขณะเดียวกันก็ดูแลเรื่องของโรงไฟฟ้าไม่ให้ได้รับผลกระทบ รวมถึงสถานที่สำคัญขอให้เฝ้าดูตลอด 24 ชั่วโมง

    ทั้งนี้ประตูน้ำหลักหกเป็นจุดที่มีความสำคัญมาก เพราะต้องดูระดับน้ำตลอดเวลา และพนังกั้นน้ำว่ามีความแข็งแรงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาอีกมาก โดยให้กระทรวงกลาโหม และ กรมชลประทาน ช่วยตรวจสอบและประเมินมวลน้ำที่จะเข้ามา หากการระบายน้ำได้เร็วน้ำที่จะเข้ามา กทม.ก็จะน้อยลง ซึ่งจะรักษา กทม.เอาไว้ได้ ยกเว้นพังกั้นน้ำพัง

    อย่างไรก็ตามขณะนี้ทั้งทหารและกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมความพร้อมในการอพยพไว้แล้ว ซึ่งทหารเตรียมเครื่องบิน C 130 จำนวน 3 ลำไว้แล้วเพื่ออพยพ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข เตรียมโรงพยาบาล ต่างๆ และเป็นห่วงช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ซึ่งถือเป็นวันอันตรายต้องคอยดูตลอด ทั้งนี้ตน และ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ยกเลิกการไปประชุมที่ต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้สำคัญกว่า

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1319186933.jpg
      1319186933.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.8 KB
      เปิดดู:
      2,214
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พณ.ยันข้าวไทยเพียงพอบริโภคในประเทศ ขู่แทรกแซงตลาดข้าวถุง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body style="FONT-SIZE: x-small; MARGIN: 0px; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: rgb(204,102,0); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>23 กรกฎาคม 2554 22:29 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    พณ.ยันข้าวในประเทศไม่ขาดแคลน ฝากวอน ประชาชนอย่าวิตกกังวล - กักตุนสินค้า พร้อมสั่งรับมือผลกระทบนโยบายรับจำนำข้าว พท.“ยรรยงค์” ว้ากใส่ผู้ประกอบการ หากฉวยโอกาสขึ้นราคา เจอข้าวถุงราคาต้นทุนขายแข่งแน่

    นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ปริมาณข้าวในประเทศจะมีเพียงพอต่อการบริโภค โดยยืนยันว่า ไทยจะไม่เกิดภาวะข้าวขาดตลาดแน่นอน เพราะปริมาณข้าวในประเทศขณะนี้มีมากกว่า 4.4 ล้านตัน แบ่งเป็นสต็อกของเอกชน 3.2 ล้านตัน สต๊อกของรัฐบาล 1.2 ล้านตัน

    นอกจากนี้ ปริมาณข้าวเปลือกนาปรังช่วงปลายฤดูที่จะออกสู่ตลาดภายใน 1-2 เดือน มีถึง 2 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นข้าวสาร 1.7 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก โดยประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล หรือซื้อกักตุนไว้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

    ส่วนปัญหาเรื่องราคาจำหน่ายข้าวถุงที่เป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ที่อาจกำหนดราคาจำนำอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนข้าวถุงนั้น ได้สั่งการไปยังกรมการค้าภายในไปหามาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบให้กับผู้บริโภค ผู้ผลิตข้าวถึง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้มีการช่วยเหลือ หากข้าวถุงมีราคาแพง พร้อมที่จะผลิตข้าวถุงในราคาต้นทุนเพื่อจำหน่ายในประเทศให้กับประชาชน

    “กรณีผู้ประกอบการข้าวถุงร้องเรียนว่า ขาดแคลนวัตถุดิบเพราะโรงสีกักตุน เราจึงให้โรงสีข้าวและผู้ประกอบการข้าวถุงไปเจรจากัน และไม่มีเหตุผลที่โรงสีข้าวทั่วประเทศจะสต็อกข้าวเพื่อต้องการราคาใหม่ และผู้ประกอบการผลิตข้าวไม่ควรขอปรับราคา”

    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูเรื่องต้นทุนราคาข้าวทั้งระบบอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกฝ่ายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม แต่หากผู้บรรจุถุงถูกโก่งราคาจากโรงสีใด ก็ให้ร้องเรียนมาที่กรมการค้าภายใน โดยจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เพราะเข้าข่ายทำให้ตลาดปั่นป่วน เป็นการกักตุน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    “ผมได้สั่งการกรมการค้าภายในไปหามาตรการช่วยเหลือ ลดผลกระทบให้กับผู้ผลิตข้าวถุง โดยให้เจรจากับห้างสรรพสินค้า ลดการคิดค่าธรรมเนียมวางจำหน่ายสินค้า หรือมาตรการอื่นๆ รวมทั้งทางสมาคมโรงสีข้าวยืนยันกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะเข้ามาช่วยเหลือ หากราคาข้าวถุงมีราคาแพง พร้อมที่จะผลิตข้าวถุงในราคาต้นทุนเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วประเทศ”

    สำหรับต้นทุนการผลิตข้าวถุงอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 14-15 บาท ขนาดถุง 5 กก.เฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาท เมื่อบวกค่าบริการและอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 15 บาทต่อถุง ต้นทุนต่อถุงจะอยู่ที่ 85-89 บาท ขณะนี้ข้าวขาว 5% ในตลาดขายอยู่ 95-110 บาทต่อถุง นับว่า ผู้ประกอบการยังมีกำไรพอสมควร จึงไม่ควรขอปรับราคาอีก ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลกมีทิศทางดีขึ้น โดยเฉลี่ยการส่งออกข้าวขาว 5% ส่งออกอยู่ที่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน และเชื่อว่า โอกาสที่เกษตรกรจะจำหน่ายข้าวได้ราคาสูงต่อไป

    ที่มา http://www.manager.co.th/business/viewnews.aspx?NewsID=9540000090984
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 13646-2.jpg
      13646-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.6 KB
      เปิดดู:
      1,964
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  16. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    นี่เป็นการเตือนรอบที่ 2 คนที่รู้ก็รู้ คนที่ไม่รู้ก้อพยายามค้นหา คนที่รู้ บัดนี้ก็คงรู้ว่าต้องทำอะไร ต้องไปอยู่ที่ไหน แล้วที่ไหนคือดินแดนพิเศษ คนเก่งในนี้ก็เยอะคงพอเดาออกนะคับ นาลแกก็เหมือนกัน แต่ทุกอย่าง มันก็ คือ ดังบ่ดี ดีบ่ดัง สิ่งที่จะทำให้เรารอดได้ ก็คือ ศีล และธรรม บวกด้วยบุญเก่า ไม่ใช่มานั่งรอ นารีกับจักรพรรดิ์ แล้วจะไปเกาะพลังเขา ทำให้เรารอด ถ้าเขายื่นมือมาแล้ว เราไปเกาะไม่ได้ มันก็ตายเหมือนกัน
     
  17. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    มีคนมากมายที่ต้องการเป็นใหญ่ มีคนมากมายที่ต้องการพลัง มีคนมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ มีคนมากมายที่ต้องการล้างโลก มีทั้งฝ่ายธรรมมะ มีทั้งฝ่ายอธรรม มีทั้งเทวดาที่ดี มีทั้งเทวดาที่เลว มีหลายกลุ่มที่ต้องการช่วยโลก แต่มีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง และผู้ครอบครองย่อมถูกคัดสรรมาอย่างดีจาก พรหมและเทวดา เพื่อผดุงศาสนา บำรุงบ้านเมืองและแผ่นดิน และคนที่ถูกเลือกย่อมซ่อนเก็บงำพลังนั้นไว้ จากผู้ที่ไม่มีหน้าที่และไม่มีประโยชน์ที่จะครอบครอง และขอยอมรับว่า คนเก่งในนี้เยอะจิง ๆ
     
  18. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    สงสารประเทศไทย สงสารเมืองหลวง สงสารคนที่ตาย สงสารคนที่ตายทั้งเป็น และที่สงสารที่สุดคือในหลวง
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บัว ๔ เหล่า

    [​IMG]

    เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป

    บัว ๔ เหล่า ได้แก่

    ๑.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)

    ๒.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)

    ๓.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)

    ๔.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/bigbabe/2009/02/04/entry-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เหตุของความเสื่อม คือไม่มีความเคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันใกล้เมืองกิมิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

    พระพุทธเจ้า:

    ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในศาสดา
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสงฆ์
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิกขา
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงกันและกัน

    ดูก่อนกิมพิละนี้ แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน
    ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    กิมพิละ:

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน
    ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    พระพุทธเจ้า:

    ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในศาสดา
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในธรรม
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสงฆ์
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสิกขา
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงกันและกัน

    ดูก่อนกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมดำรงอยู่นาน
    ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    ที่มาจาก:-
    กิมพิลสูตร : พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ – หน้าที่ ๔๔๖
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1282973696.jpg
      1282973696.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      1,607
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...