Inelia ผู้มาจากต่างมิติ - บทสัมภาษณ์ และบทความจากเธอ เกี่ยวกับปี 2012 และการ Ascension ของโลก

Thank youu karbbbb.

 

You see, we don't remove our "want". What would the point of a physical experience be
without the joy of a magnificent reality? And that's the catch 22.

If we need, fear or refuse to drop the "dreams" that we think will make us happy,
we can never be truly happy, and our manifesting will be a painful and slow slog.
And if we do drop them, we might never get them.

But here is the "but", we get things we never even dreamed of, or thought possible.
Including a level of happiness unknown to most people alive today.

มาร่วมขอแบ่งปันมุมมองตรงนี้ด้วยนะคะ

จากที่อ่านข้อความมาแล้วที่คุณ Threeam ได้อธิบายให้ฟังเรื่อง catch 22 ทำให้อยากมาร่วมแบ่งปันมุมองบ้างนะคะ

Catch 22 เป็นรหัสทางทหารจากนิยายเรื่องหนึ่ง
เป็นรหัสที่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร
ทหารก็จะโทรเข้าหอบังคับการเพื่อขอคำสั่ง เพื่อเรียกสติกลับคืนมา
ในนิยายเรื่องนี้นักบินรบคนหนึ่งโทรเข้าหอบังคับการบิน
และขอให้หมอช่วยลงความเห็นว่าเขาเป็นบ้า
และอนุญาตให้เขาหยุดบิน เพราะเขารู้ว่าบินต่อไปต้องตายแน่

หมอไม่สามารถทำให้ได้ เพราะที่เขาขอนั้นหมายถึงว่าเขาไม่ได้บ้า
คนที่รุ้ว่าตัวเองกำลังเอาตัวเข้าไปตายแล้วหาทางเอาชีวิตรอดย่อมไม่ใช่คนบ้า
พวกที่กำลังบินเข้าไปโดยไม่มาขอต่างหากที่บ้า แต่พวกนั้นไม่รู้ว่าตัวเองบ้า
หมอจึงสั่งคนพวกนั้นหยุดบินไม่ได้ พอๆกับที่ไม่สามารถให้เขาหยุดบินได้เช่นกัน
เพราะเขาไม่ได้บ้า

ในสิ่งที่คิดคือ Inelia กำลังพูดถึงการอยุ่ในสถานการณ์ รหัส 22 ในชีวิตเรา
คนเรามักต้องให้คนกำหนดคุณค่าเรา กำหนดความฝันเราแล้วเราจึงทำตามความฝันนั้น
เช่น เราให้บริษัทกำหนดคุณค่าเราผ่านเงินเดือน เราจึงทำงานตามคุณค่าที่เราได้รับ

เราต้องรอให้เราอยุ่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานก่อน แล้วเราก็เรียกหารหัส 22
เราทำแบบทหารขี้ขลาดคนนั้นคือขอคำแนะนำในสถานการณ์นั้น
เพื่อเรียกสติเรากลับมา
ทั้งที่เราสามารถมีความฝันได้มากกว่านั้น มีชีวิตรุ่งเรืองได้มากกว่า
แต่เรากลับร้องหารหัส 22 ในชีวิตเรา

เรากลัวที่จะฝันเพราะเรากลัวความล้มเหลว
ทั้งที่เรารู้ว่าถ้าเราทำสำเร็จเราจะมีความสุขแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
บนเส้นทางแห่งความฝัน เราอาจต้องลุยกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อความสำเร็จและความสุขที่เราอาจไม่เคยแม้แต่จะกล้าจินตนาการถึง

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ^^

 

การยกระดับ Ascension .. ในทางพุทธ เรียกว่า ภูมิจิตภูมิธรรมที่สูงขึ้น

 

วิธีการรับมือกับเหล่าคนชั่วจากโลกมืด
(How to deal with Perpetrators of Darkness)

บทความโดย: Inelia Benz
มิถุนายน 2011

ที่มา:
How to deal with Perpetrators of Darkness - Call to Action
How to deal with Perpetrators of Darkness - Call to Action

ตลอดชีวิตของฉัน ฉันก็เหมือนกับคนที่มีสัมผัสไวพิเศษคนอื่นๆ ที่จะสามารถรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว,
ความเจ็บปวด และ ความทุกข์ทรมานของมวลหมู่มนุษย์บนโลก รวมถึงของสัตว์ และของธรรมชาติได้
ในระดับใดระดับหนึ่งเสมอๆ

มนุษย์, สัตว์, พืช และต้นไม้ทั้งหมด ล้วนมีความเจ็บปวดมากเหลือเกิน ล้วนมีความทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน
ล้วนมีความรุนแรงมากเหลือเกิน ซึ่งฉันสัมผัสรู้ถึงมันได้ทั้งหมด ฉันได้ยินมันทั้งหมด ทุกๆนาทีในทุกๆวัน
ไม่เคยหยุดหย่อนเลย และฉันก็ทนไม่ได้ แล้วมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเหล่าผู้มีอำนาจบาตรใหญ่
ใช้เครื่องมือของพวกเขา ทำให้มันเพิ่มขึ้นมาอีก

รวมถึง ความไม่ตระหนักรู้ของคนที่ทำงานอยู่ในโรงฆ่าสัตว์, เกษตรกรที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช,
ชาวประมงที่จับปลาเพื่อป้อนโรงงานอุตสาหกรรม, ผู้ที่ตัดไม้ทำลายป่าฝน, ผู้ที่ก่อให้เกิดสงคราม,
ผู้คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ที่ทรมาน และสังหารประชาชน, สัตว์ และต้นไม้นับล้านๆชีวิตทุกๆวัน,
ผู้ที่คิดว่าสัตว์และต้นไม้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด และหวาดกลัว หรือผู้ที่ชอบส่งกระแสความคิดร้ายๆ
ไปสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้อื่น, ผู้ที่ส่งกระแสจิตไปทำร้ายคนอื่น หรือผู้ที่ลงมือทำร้ายคนอื่นด้วย


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

หลายปีก่อนฉันเคยมีสุนัขพันธุ์ German Shepherd อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นอุ้งเท้าของมัน
ไปติดอยู่ในประตูรั้วเหล็ก มันจึงทั้งกำลังเกรี้ยวกราด และทั้งเจ็บปวด มันสะบัดหัวของมันไปมา
พยายามดึงให้ตัวเองหลุดออกมาให้ได้ และคำรามใส่ทุกคนที่พยายามจะเข้าไปใกล้มัน

ฉันเดินเข้าไปหามัน แล้วกอดมันไว้แน่นๆ แต่ว่าการที่จะเอื้อมมือไปดึงขาของมันออกมาได้นั้น
แขนของฉันจะต้องอยู่ระหว่างฟันของมันและประตูรั้วพอดี ดังนั้น เพราะความเจ็บปวด
มันจึงกัดฉันจนเขี้ยวของมันจมลงไปในแขนซ้ายของฉัน แต่ฉันก็ยอมให้มันกัด
ในขณะที่พยายามช่วยดึงขาของมันออกมา (เพราะว่ามันเจ็บกว่าฉัน)

หลังจากที่ฉันดึงขาของมันออกมาได้แล้ว ฉันก็จับปากของมันไว้แน่นๆ เพราะมันพยายามที่จะกัดต่อไปอยู่อีก
ฉันกอดมันไว้แน่น และกดมันแนบลงกับพื้น แต่ก็ทำอย่างนุ่มนวล มันจึงสงบลง แล้วฉันจึงปล่อยมันไปได้
เพราะว่าฉันรู้แล้วว่ามันจะไม่ไปกัดใครต่ออีกแล้ว

รอยแผลที่แขนของฉัน ต่อมาก็สามารถรักษาให้หายได้โดยไร้รอยแผลเป็นใดๆทั้งสิ้น

คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไร?

มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ที่จะระเบิดความเลวร้ายออกมาด้วยความโกรธ และ ความรุนแรง
นั่นก็เพราะว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความกลัว และความเจ็บปวดอย่างมากนั่นเอง

ฉันจึงอยากจะโอบกอดพวกเขาทั้งหมดไว้ในอ้อมกอดของฉัน พวกเขาทุกๆคนเลย
ฉันอยากจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่ามีคนที่รักพวกเขาอยู่ และพวกเขาก็อยู่ในความปลอดภัยด้วย

ฆาตกรทุกๆคน อาชญากรข่มขืนกระทำชำเราทุกๆคน ผู้ที่ฆ่าแมวน้ำ ปลาวาฬ ปลาโลมาทุกๆคน
พนักงานผู้กระหายเลือด ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ทุกๆคน ผู้ที่ทำให้เกิดสงครามขึ้นทุกๆคน
ผู้ที่มีส่วนร่วมในการโจมตีทางจิตทุกๆคน

และรวมถึง ผู้ที่ระเบิดความชั่วร้ายออกมาใส่ฉัน เพราะความเจ็บปวดและความกลัวของพวกเขา
ผ่านทางอินเตอร์เน็ตด้วยความเกลียดชัง และโกรธแค้น หรือผ่านทางถ้อยคำที่เป็นพิษ
และด้วยการคุกคามชีวิตฉันทุกๆคนด้วย


แล้วเราจะลดผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุดได้อย่างไร?
เราจะเข้าถึงผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ได้อย่างไร?
เราจะทำให้ความเจ็บปวด และความเสียหายนี้ยุติลงโดยเร็วที่สุดได้อย่างไร?
เราจะสอนผู้ที่สอนไม่ได้เหล่านี้ได้อย่างไร?
เราจะช่วยดึงอุ้งเท้าของพวกเขาออกมาจากประตูเหล็กได้อย่างไร?
เราจะหยุดยั้งพวกเขาด้วยความรัก จากการกัดได้อย่างไร?
และเราจะนำเอาประตูเหล็กทั้งหมด ที่อาจทำให้อุ้งเท้าของพวกเขาไปติดอีก ออกไปให้หมดได้อย่างไร?

มันไม่ใช่การจะไปโทษว่าใครผิด เพราะการแก้ปัญหา มันจะต้องครอบคลุมกว้างขวางกว่านั้น

ใช่แล้ว พวกเรามีหน้าที่ที่จะต้องลดความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานของผู้อื่นลงให้เหลือน้อยที่สุด
ผ่านทางการกระทำของเรา

พวกเราสามารถทำได้ง่ายๆ ตามวิถีทางของเรา เช่น โดยการเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์มขนาดเล็ก
หรือจากแหล่งผลิตอาหารชีวภาพที่มีความรักความเมตตาต่อสัตว์ของพวกเขา

ใช่แล้ว พวกเราสามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากแหล่งไม้ที่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้
หรือเลือกซื้อเสื้อผ้าจากโรงงานที่ไม่เอาเปรียบประชาชน

แต่เราจะทำอย่างไรหละ กับคนชั่วที่หวาดกลัวและความเจ็บปวดเหล่านั้น?

เราอาจจะโอบกอดพวกเขาไว้ในสนามพลังแห่งแสงสว่างของพวกเรา
แล้วก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไกอา (โลก – ผู้แปล) ต่อไป

ลำพังฉันเพียงคนเดียว ฉันก็แค่มนุษย์โลกเพียงคนหนึ่ง
แต่ถ้า “พวกเรา” แล้ว จำนวนก็จะมีมากกว่าเยอะ

ถ้าหากพวกเราสละเวลาวันละ 10 นาที เพื่อมาโอบกอดผู้คนเหล่านี้
ไว้ในแสงสว่างร่วมของพวกเราแล้ว มันก็จะสามารถ
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ขึ้นกับทั้งพวกเขาและพวกเราได้

และหลังจาก 10 นาทีนั้นผ่านไปแล้ว พวกเราก็จะเพ่งสมาธิ
จดจ่อความรักและความเมตตา ไปที่เหล่า
“ผู้ปฏิบัติงานแห่งแสงสว่าง” (Lightworkers)
และเหล่า “นักรบแห่งแสงสว่าง” (Lightworriors)
ที่มีอยู่หลายล้านคนทั่วโลกในขณะนี้ และเป็นพี่น้องของพวกเราด้วย
เพื่อให้พลังอำนาจมวลรวมของพวกเราเพิ่มมากขึ้น
เพื่อจะทำให้พวกเราทุกๆคน สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกัน
ให้สำเร็จลุล่วงไปได้มากขึ้นด้วย

แต่ว่าฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความรัก แสงสว่าง และความเมตตากรุณาของผู้คนหลายพันล้านคน
ที่อยู่ทั่วโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากพ่อแม่ทุกๆคนที่กำลังโอบกอดลูกน้อยของตัวเองอยู่
ด้วยความรักและเสน่หาอย่างสุดซึ้ง จากทุกๆคนที่เป็นผู้เฝ้าดูแลรักษาโลกของเราอยู่
ด้วยความรู้สึกเกรงขาม เพราะพวกเขาสามารถสัมผัสรู้ถึงพลังอำนาจและความเมตตากรุณาของเธอได้

ฉันยังรู้สึกได้ถึงเหล่า “ผู้ปฏิบัติงานแห่งแสงสว่าง” (Lightworkers) และเหล่า
“นักรบแห่งแสงสว่าง” (Lightworriors) ที่มีอยู่หลายล้านคนทั่วโลกในขณะนี้ด้วย
ว่าพวกเขากำลังขมีขมันทำภารกิจของพวกเขาอยู่ทุกวันๆ ด้วยความรักและความเมตตากรุณา
โดยไม่เห็นแก่ตัว เพื่อนำพาแสงสว่างไปสู่ผู้อื่นและสู่โลกใบนี้


ต่อฆาตกร 1 คน จะมีผู้บำบัดรักษา (healer) อยู่ 10 คน
ต่อผู้กระทำทารุณกรรมสัตว์ 1 คน จะมีคนที่ปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยการให้เกียรติ
และด้วยความเสมอภาคอยู่ 1000 คน

ต่อผู้ก่อให้เกิดสงคราม 1 คน จะมีพวกเราผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเกมๆนี้อยู่หลายล้านคน

ถ้าฉันไม่รู้สึกถึงแสงสว่าง ฉันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก

ดาวเคราะห์โลกแม่ของพวกเรา ได้ร้องเรียกให้พวกเราช่วยเหลือเธอแล้ว
และพวกเรา พวกเราทุกๆคน ก็คือผู้ที่จะตอบสนองต่อเสียงเรียกนั้น

……………………………….

 

อ่านทั้งหมดแล้ว ขอพูดคำเดียว

ซึ้งค่ะ

 

เราจะขอโอบกอดพวกคุณด้วยความรัก ^^

 

ขอบคุณคุณ sarissa ที่มาแบ่งปันเรื่อง catch 22 ทำให้ผมสนใจหาข้อมูลเพิ่ม จากที่ตอนแรกไม่สนใจกับคำนี้เลย ^_^ เลยทำให้เจอข้อมูลเพิ่มว่าคำว่า catch 22 ก็เหมือนกับว่าเป็นสำนวนในทางด้านตรรกะ(logic)เหมือนกัน ซึ่งสำนวนนี้ก็เอามาจากนิยาย catch 22 ที่คุณ sarissa ว่ามานั่นแหล่ะ ข้อมูลอ้างอิงที่จะยกมาขยายความก็เอามาจากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Catch-22_(logic)

ตามที่วิกิเขียนมา catch 22 ก็เหมือนๆ เป็นสำนวนที่หมายถึงสถานการณ์ที่ต้องการบางสิ่งโดยที่ตอนนั้นไม่มีสิ่งที่จะทำให้ได้ของสิ่งนั้น เขียนอย่างนี้แล้วอาจจะงงๆ ลองดูตัวอย่างที่ในวิกิยกขึ้นมาเลยดีกว่าจะได้เห็นภาพ

ตัวอย่างเช่น คนคนนึงไม่ได้สามารถที่จะได้งานที่มี high-profile ได้โดยไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนั้นมาก่อน แต่คนคนนั้นจะไม่สามารถมีประสบการณ์ทางด้านนั้นมาได้เลยถ้าไม่เคยทำงานนั้นมาก่อน (อันนี้บางคนอาจจะเคยโดนกับตัวเองตอนหางานในตำแหน่งที่ต้องการแต่ตำแหน่งนั้นแต่ละที่รับแต่คนมีประสบการณ์แล้วพึ่งจบมาจะหาประสบการณ์จากไหนมา แต่ละที่ก็รับแต่คนมีประสบการณ์ทั้งนั้นไม่มีซักทีที่รับคนไม่มีประสบการณ์)

หรืออีกตัวอย่างนึง

คนคนนึงไม่ได้สามารถที่จะขอกู้ได้ถ้าไม่มีเครดิตมาก่อน แต่คนคนนั้นจะไม่สามารถมีเครดิตได้ถ้าไม่ได้ผ่านการขอกู้มาก่อน (เครดิตจะดูจากการจ่ายเงินคืนว่าจ่ายตรง จ่ายช้าแค่ไหน ถ้าจ่ายตรงก็เครดิตดี)

อีกตัวอย่าง

คนคนหนึ่งไม่ซื้อรถยนต์พลังไฮโดรเจนเพราะว่ายังไม่มีปั๊มเติมมากพอ แต่ว่าการขยายปั๊มให้มากก็จะไม่ทำจนกว่าจะมีรถยนต์พลังไฮโดรเจนมากพอ
(ไม่ซื้อรถเพราะว่าปั๊มมีน้อย ฝ่ายปั๊มก็ไม่ขยายสถานีเพราะว่ารถมีน้อย)

อีกอัน

ห้องที่ถูกล็อคจะไม่สามารถเปิดได้จนกว่าจะเอากุญแจมาไขเสียก่อนแต่ว่ากุญแจนั้นมันอยู่ในห้องๆ นั้น


ดูๆ ไปแล้วมันก็เหมือนๆ กับคำว่า paradox หรือที่แปลเป็นไทยก็คือคำว่า ปฏิทรรศน์ หรือที่บางคนใช้คำว่า ลักลั่นย้อนแย้ง (อาจจะเพราะดูเท่ดี) ภาษาจีนก็คือคำว่า เหมาตุ้น(หอกและโล่ห์) ซึ่งที่มาของคำคำนี้ก็มาจากนิทานสุภาษิตเรื่องนี้

เล่ากันว่าครั้งหนึ่งมีพ่อค้าแดนไกลยืนขายสินค้าตามสี่แยก เริ่มจากการตะโกนคุยอวดสินค้าชิ้นแรกที่นำมาวางขาย คือหอกศึก ว่าเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งแหลมคมที่สุด ไม่มีสิ่งใดในโลกที่แทงทะลุไม่ได้ สักพักหนึ่งพ่อค้าคนเดิมก็โฆษณาสินค้าชิ้นที่สอง นั่นคือโล่ห์ศึก ซึ่งพี่แกก็คุยอีกว่า เป็นโล่ห์ที่ผลิตจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดที่จะแทงทะลุมันได้ ในที่สุดจีนมุมนายหนึ่งซึ่งติดตามฟังมาแต่ต้นทนไม่ได้ จึงตะโกนถามไปว่า ช่วยเอาหอกที่แทงทะลุได้ทุกอย่างของท่าน ลองแทงโล่ห์ที่ไม่มีอะไรแทงทะลุได้ของท่านให้ดูหน่อย

ก็ประมาณนี้แหล่ะครับ
(คำว่าลักลั่นย้อนแย้งมาจากการ์ตูนเรื่องหงสาจอมราชันต์ครับ ซึ่งในต้นฉบับใช้คำว่าเหมาตุ้น[การ์ตูนนี้เป็นการ์ตูนจีนครับ] คนแปลก็เลยใช้คำว่าลักลั่นย้อนแย้ง ซึ่งบางคนก็ติดปากเอามาใช้กัน แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ายังมีใครเอามาใช้หรือเปล่า - อันนี้ถึงไม่มีใครอยากรู้แต่อยากบอกครับ 555)

 

ขอบคุณๆๆค่ะ เติมเต็มแสงสว่างแล้วค่า^ ^

 

กระทู้ที่ยังอยู่ในความคิดถึง
อาจเป็นช่องทางแห่งแสงสว่างให้อีกหลายคน

ขออนุญาติขึ้นหน้าแรกสักวันนะคะ

 

ผมหาอ่านอยู่พอดีครับคุณฐนา แต่พอกลับมาอ่านอีกทีปรากฏว่าหาไม่เจอแล้ว ดีนะที่คุณฐนาเอาขึ้นมา จะได้เซฟหัวข้อไว้ก่อนแล้วเมื่อว่างจะกลับมาอ่านครับ

เดี๋ยวหาไม่เจออีกจะอดอ่านน่ะ #-#

 

ถ้าหากระทู้ไหนไม่เจอ
ลองค้นดูในข้อมูลส่วนตัวของผมดูนะครับ

เช่น..แบบนี้...

<fieldset class="statistics_group"> <legend>Total Posts</legend>

• Total Posts: 4,222
• Posts Per Day: 1.94
• ข้อความล่าสุด: พระเยซูเคยไปศึกษาพุทธศาสนาที่อินเดีย จริงหรือ (สารคดีจาก BBC) วันนี้ 11:43 AM
• หาข้อความทั้งหมดของคุณ Chayutt
• หากระทู้ทั้งหมดที่คุณ Chayutt ตั้งขึ้น

</fieldset>

 

ตามมาจากคีย์เวิร์ด "Inelia" ที่คุณ Chayutt ทิ้งไว้ให้ลองหาอ่านดู
มันก็เจอกันจังๆ ตรงนี้นี่เอง...อาการที่ quote มาให้ดู..เวลานี้เราเป็นแบบนี้จริงๆ
ไม่อยากจะสาธยาย...นั่งที่โต๊ะทำงานอย่าให้ฟุบกับโต๊ะเชียว หลับได้ทันที...
แล้วภายในระยะเวลาไม่นานน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าใจหาย...โอ้แม่เจ้า..

ก่อนหน้านี้ติดกาแฟอย่างจริงจัง...ไม่กินไม่ได้ค่ะ...ปวดหัวน้ำตาไหล
แต่ก็เลิกไปได้ประมาณ 4 เืดือนละ...เพราะรู้สึกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น แล้วไม่มีกาแฟกิน
สงสัยจะลำบากแน่ๆ...ตัดสินใจหักดิบ ปวดหัวแทบตายไป 3 วัน..ได้ผล

แล้วก็มีเหตุ(เพราะพ่อป่วย)ให้ตัวเองต้องบนบานด้วยการกินมังสวิัรัติปีละ 3 ครั้ง
ครั้งละ 21 วัน (แม้ขณะนี้ก็ยังอยู่ในช่วงมังฯ ของตัวเอง)

เข้าใจว่านี่คือผลของการสวดมนต์ นั่งสมาธิมาอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาปีกว่ามานี้
ไม่เคยรู้เรื่องการยกระดับอะไรเหล่านี้หรอกค่ะ

พอรู้แล้วมันก็สนุกดีนะ...

 

มารออ่านต่อครับ

มีอะไรให้ช่วยแปลมั้ยครับ ผมพอจะแปลได้บ้างครับ

 

ลองเข้าไปดูในเวปไซต์ของ Inelia นะครับ
ลองดูว่ามีข้อความไหนที่ถูกใจคุณ แล้วจากนั้น
ก็แปลและโพสต์ในกระทู้นี้ได้เลยนะครับ

เพราะว่ายังมีข้อความของเธออีกหลายข้อความที่น่าสนใจ
แต่ผมยังไม่ได้แปลและโพสต์หนะครับ เช่น ข้อความนี้เป็นต้น

Agreement - our choice.

โมทนาล่วงหน้านะครับ

ชยุต

 

The United States of America - Call to Action

The United States of America - Call to Action



October 2011


ฉันถูกปลูกฝังให้ “เกลียดชัง” ประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เด็ก ด้วยเหตุผลที่ว่า
ไม่ว่ายังไงก็ตาม “พวกเขา” ก็คือผู้ที่จ่ายเงินสนับสนุนให้เกิดการปฏิวัตรัฐประหารอย่างโหดเหี้ยมและนองเลือดขึ้น
ของกองกำลังฝ่ายขวาในประเทศชิลี ตอนที่ฉันอายุได้ 7 ขวบ ซึ่งทำลายครอบครัวของฉัน
และฆ่าเพื่อนๆของพวกเราตายไปหลายคน

และเมื่อฉันย้ายมาอยู่และโตที่ประเทศอังกฤษ ฉันก็ยิ่งถูกสอนให้ “เกลียดชัง” ประเทศ USA มากขึ้นไปอีก
ประกอบกับผู้อพยพส่วนใหญ่ที่พวกเรารู้จัก ที่มาจากส่วนต่างๆของโลก ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
สิ่งที่พวกเขาสอนกันมาในท้องถิ่นของพวกเขาเกี่ยวกับ USA นั้นๆมันเป็นความจริงจริงๆ

..ใช่แล้วประเทศ USA จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด..

แต่เมื่อฉันถูกนำทางมาที่นี่ มาอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน California
ฉันมีโอกาสมากพอที่จะ “หนี” ไปจากดินแดนแห่งนี้ เพื่อไปอยู่ที่อื่นที่ปลอดภัยกว่า ที่สมดุลมากกว่า
และวุ่นวายน้อยกว่า แต่ฉันก็ไม่ทำ ฉันเลือกที่จะอยู่ที่นี่ แล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะเริ่มสังเกตและศึกษา
“พลังงานมวลรวมของชาว USA ทั้งประเทศ” และรวมถึงเริ่มสังเกตและศึกษาวัฒนธรรมและตัวชาว USA เองด้วย


และสิ่งแรกที่ฉันได้รู้อย่างแจ่มแจ้งก็คือ
“มันไม่ใช่ชาวอเมริกัน” แต่อย่างใดเลย ที่เป็นคนทำลายประเทศชิลีของฉัน
แต่มันคือกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ที่ “เคยมี” พลังอำนาจต่างหากหละ

เพราะว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า
ประเทศชิลีอยู่ตรงไหนเสียด้วยซ้ำ
หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีประเทศที่ชื่อชิลีอยู่ในโลกนี้ด้วย


และอย่างที่สองที่ฉันรู้อย่างแจ่มแจ้งอีก
และเป็นประเด็นที่สำคัญมากอันหนึ่งก็คือ
ชาวอเมริกันเอง ก็เป็นพลเมืองของโลกอีกชนชาติหนึ่ง
ที่กำลังถูกกดขี่ข่มเหงมากที่สุดอยู่เหมือนกัน


พวกเขาถูกวางยาในน้ำดื่ม (เช่นการเติมสารฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่ง ลงไปในน้ำดื่ม
แต่โฆษณาชวนเชื่อว่า เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ เช่น ให้ฟันแข็งแรง เป็นต้น – ผู้แปล),
พวกเขาถูกวางยาในอาหาร, พวกเขาถูกทำ Chemtrials (การโปรยสารพิษในอากาศ เพื่อลดภูมิต้านทางมนุษย์
หรือเพื่อบั่นทอนสุขภาพของผู้คน ซึ่งเกิดขึ้นใน USA แคนนาดา และอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะทางแถบยุโรป
ซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มอิลลูมินาติ – ผู้แปล) ,

พวกเขาถูกทำร้ายด้วยเทคโนโลยีสร้างความสั่นสะเทือน (เช่น HAARP และอื่นๆ) ,
พวกเขาถูกทำให้ติดยาตามแพทย์สั่ง, ถูกทำให้ติดแอลกอฮอล์,
พวกเขาถูกทำให้กลายเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวงโดยโทรทัศน์ และวิทยุ,

และพวกเขาก็มีระบบการศึกษา และโปรแกรมการศึกษา ที่เป็นอันตรายร้ายแรงและเลวร้ายที่สุดในโลกอีกด้วย
ระบบประกันสุขภาพของพวกเขา ก็ถูกออกแบบมา เพื่อทำให้พวกเขาป่วยอยู่ตลอดเวลา
และพวกเขาก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่ที่จะเยียวยาให้หายจริงๆซะด้วย
(เพราะว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว มันก็จะไปทำลายอุตสาหกรรมยาเข้าหนะสิ)


ฉันเคยถามตัวเองว่า ทำไมพวกเขา (กลุ่มอิลลูมินาติ – ผู้แปล) ถึงจะต้องทุ่มเงินลงทุนนับล้านล้านดอลล่าร์
เพื่อกดขี่ประชากรของประเทศนี้เอาไว้ด้วยหละ? ประชากรของประเทศนี้ มีอะไรสำคัญนักหรือ
หรือมีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ ถึงต้องโดนกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้
เพื่อที่จะทำลายเสรีภาพพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของพวกเขา และเพื่อที่จะทำลายศักยภาพของพวกเขา
หรือพลังอำนาจที่มีมาแต่กำเนิดของพวกเขาไปให้จงได้?


เอาหละ..เรามาดูกันนะ..ประเทศ USA คือประเทศที่เป็นผู้ริเริ่มการเคลื่อนไหวสู่ยุคพลังงานใหม่ (New Age Movement) ,
เป็นผู้ให้กำเนิดระบบอินเตอร์เน็ต, เป็นผู้ให้กำเนิดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล,
เป็นผู้ริเริ่มการเคลื่อนไหวเรื่อง “โลกสีเขียว” และอื่นๆอีกมากมาย

ประเทศนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ถูกนำออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงในมิติที่ 3 แห่งนี้
แล้วสามารถเปลี่ยนโลกไปทั้งโลกได้

ใช่แล้ว..วิถีชีวิตแห่งสันติภาพของพวกเขา ได้ถูกปล้นสดมไปเสียแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยวิธีการต่างๆ
แม้แต่การใช้วิธีการทำให้ประเทศนี้ตกเป็นจำเลย (ของเรื่องชั่วร้ายทั้งหลาย – ผู้แปล)
เพื่อให้ผู้คนทั้งโลกเกลียดชังประเทศนี้ และประชาชนของประเทศนี้ก็ตาม

..แต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่คงเหลืออยู่ บางอย่างยังคงอยู่ที่นั่นเสมอ..


ขณะนี้..คือเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน ปี 2011

ประชาชนพากันออกมาชุมนุมตามท้องถนนต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงแต่ใน USA เท่านั้น แต่หมายถึงทั่วทั้งโลก

ในประเทศ USA รัฐบาลของพวกเขา ได้ยึดเอาสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของพวกเขาไปอย่างเป็นระบบ
ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่ประการใดเลย ที่หากอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ พวกเขาจะประกาศกฎอัยการศึก
เพื่อทำให้ประเทศนี้กลายเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหาร..
หรืออย่างน้อยก็พยายามจะทำให้เป็นเช่นนั้น

ฉันเห็นมาตลอดว่า ผู้คนทั่วโลกหัวเราะเยาะสปิริตของชาวอเมริกัน ว่า
“มันจะไม่เกิดขึ้นที่นี่ ฉันรับประกันได้” แต่ฉันรู้สึกมั่นใจว่า ถ้า “ผู้ที่เคยมีอำนาจ”
พยายามที่จะทำลายประเทศนี้แล้วหละก็ จะไม่เพียงแต่ชาวอเมริกันเท่านั้น
แต่จะเป็นประชาชนทั่วทั้งโลก ที่จะออกมายืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กัน
เพื่อให้การสนับสนุนสิ่งที่กำลังจะมาถึง.. แล้วอะไรหละที่กำลังจะมาถึง?

มันก็คือการเกิดใหม่อีกครั้งที่กำลังจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งโลกอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
ธรรมชาติของคลื่นลูกใหม่นี้ คือ “การตื่นขึ้นครั้งใหญ่ของคนทั้งโลก” อย่างหนึ่ง

ใช่แล้ว มันจะเป็นการตื่นขึ้นที่จะส่งผลกระทบไปถึงแม้กระทั่งคนที่หลับลึกที่สุดด้วย
แม้ว่าบางคนอาจจะยังไม่ตื่นขึ้นมาสู่กระบวนทัศน์ใหม่นี้อย่างเต็มที่ก็ตาม แต่อย่างน้อย
ก็พอจะทำให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในยุคพลังงานใหม่นี้ โดยไม่ช็อกมากเกินไปนัก


เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ ฉันถูกขอให้เพิ่มเวลาในการทำสมาธิของฉันขึ้นอีก
(โดยส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งการปรับเปลี่ยนช่วงหนึ่ง ที่พลังงานสามารถหลั่งไหลเข้ามาสู่โลกได้)
จากเดิมวันละครึ่งชั่วโมง เป็นวันละ 4 ชั่วโมงแทน และตอนนี้ ฉันก็ยังปฏิบัติแบบนี้อยู่
แต่ร่างกายของฉันไม่ได้ถูกฝึกมาแบบนี้ ดังนั้นจึงยังต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่

มันเกี่ยวข้องกับการดูดซับเอาความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น เข้ามาสู่สถานที่ๆเราอยู่อาศัย
และเข้ามาสู่หมู่คณะของเราทุกๆคนด้วย


เพราะฉะนั้น วันนี้ ฉันจึงได้รับลิงค์ๆหนึ่ง มาจาก Lance White (Zany Mystic)
เกี่ยวกับเรื่องที่น่าทึ่งมากเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขียนโดย Cal Garrison อธิบายถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสชาวมายันของพวกเรา
ได้วางแผนเอาไว้สำหรับสองสามเดือนหรือปีข้างหน้านี้ และมันก็สอดคล้อง และตรงกันกับ
ข้อมูลที่ฉันได้รับมาก่อนหน้านี้พอดีซะด้วย

ซึ่งลิงค์ที่ว่านั้นก้คือลิงค์นี้:

"THE MAYAN ELDERS, THE THIRTEEN CRYSTAL SKULLS,
AND THE SIGNIFICANCE OF THEIR UPCOMING CEREMONIAL PILGRIMAGE
ACROSS THE UNITED STATES"

The Spirit of Ma'at &mdash; October, 2011 &mdash; THE MAYAN ELDERS, THE THIRTEEN CRYSTAL SKULLS, AND THE SIGNIFICANCE OF THEIR UPCOMING CEREMONIAL PILGRIMAGE ACROSS THE UNITED STATES &mdash; By Cal Garrison

(เดี๋ยวสักประเดี๋ยวผมจะแปลและโพสต์เนื้อหาของลิงค์นี้ให้อ่านนะครับ – ผู้แปล)


แล้วพวกเราทั้งหลาย จะสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้การสนับสนุน
และให้ความช่วยเหลือในกระบวนการแห่งการเกิดนี้หละ?

คำตอบก็คือ

- โดยการใช้เครื่องมือที่ฉันได้เคยให้เอาไว้แล้ว ในการจัดการกับความกลัวของพวกคุณเอง
จากนั้นก็ขยายขอบเขตออกไปจัดการกับความกลัวระดับประเทศของพวกคุณ แล้วก็ระดับโลกต่อไป
ซึ่งทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้พวกคุณเองมีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงนั่นเอง

- โดยการช่วยกันจินตนาการถึงโลกที่ปราศจากมลภาวะ
- โดยการชำระสะสางสิ่งที่เป็นตัวถ่วงให้พวกคุณตกต่ำลงให้ออกไปให้หมด

- โดยการปฏิบัติตามหลักสูตรการเลื่อนระดับขึ้น (the Ascension Course) ของฉัน
และโปรดจำไว้ว่า การไม่มีเงินนั้นไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวได้เลย

(เพราะว่าหลักสูตรอบรมหรืออะไรต่างๆทั้งหมด ที่แม้ว่าจะเกี่ยวกับทางด้านจิตวิญญาณก็ตาม
ของพวกฝรั่งนี่ ส่วนใหญ่จะต้องจ่ายตังค์ซื้อหนะนะครับ – ผู้แปล)
เพราะว่าคุณสามารถเขียนจดหมายมาถึงพวกเราได้ แล้วคุณก็จะได้รับ copy ฟรีๆไปใช้ศึกษาและปฏิบัติ
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทำภารกิจช่วยเหลือโลกของพวกคุณเอง
แต่สิ่งที่คุณจะต้องอธิบายในจดหมายนั้นก็คือ บอกพวกเรามาว่าปัญหาของคุณคืออะไร
และคุณจะต้องให้สัญญากับพวกเราว่า คุณจะเรียนให้จบหลักสูตรนั้นจริงๆ

- โดยการใช้เครื่องมืออื่นๆและวิธีการปฏิบัติแบบอื่นๆทั้งหมด ที่พวกคุณได้เรียนรู้มาแล้ว
ที่จะสามารถช่วยเพิ่มพลังอำนาจ หรือช่วยให้มีพลังอำนาจขึ้น ในตัวพวกคุณแต่ละคน
และในตัวพวกคุณทุกๆคนบนโลกใบนี้ได้

- จงจำไว้ว่า ตอนนี้พวกเราคือ “คนๆนั้น” แล้ว คนที่พวกเราเฝ้ารอคอยที่จะเป็นมานานแสนนานแล้ว
ตอนนี้พวกเราเองนี่แหละคือ “ทวยเทพ” หรือ “ผู้ไถ่บาป” ที่ชาวโลกได้อธิษฐานขอเอาไว้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว
พวกเราจะมาเพื่อทำให้ตัวเองรู้แจ้ง และมาเพื่อช่วยชีวิตตัวพวกเราเอง

- และโดยการ “ส่งแสงสว่างอันบริสุทธิ์” และ “ความรักที่ปราศจากเงื่อนไข” ไปให้กับชาว USA
(จงจัดการกับความรู้สึกไม่ดีใดๆที่เกิดขึ้นในขณะที่พวกคุณอ่านข้อความเมื่อตะกี๊นี้ซะด้วย)


เหตุการณ์แห่งความน่าสะพรึงกลัวหลายอย่าง
ที่จะเกิดขึ้นในประเทศ USA ภายในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนปีนี้
ได้ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว และบางทีอาจจะมีประเทศอื่นๆด้วยก็ได้

จงอย่าไปเห็นด้วยหรือยินยอมกับแผนการเหล่านี้
และจงเห็นด้วย และยินยอมกับการมีชาวโลก และดาวเคราะห์โลกที่ใสสะอาดแทน

และในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ฉันกำลังจะเดินทางกลับไป และอยู่ใน “US of A” ให้นานที่สุดเท่าที่จำเป็น


(ปล.วิธีการ “ไม่ยินยอม” กับเรื่องราวใดๆในชีวิตของพวกเรา หรือของโลกก็ตาม Inelia บอกไว้ว่า:


“ให้เลือกบุคคล, สถานการณ์, สถานที่, เรื่องราวส่วนตัว หรือเหตุการณ์ระดับโลกก็ตาม
ที่พวกคุณไม่เห็นด้วยมา จากนั้นก็ให้วงกลมสีแดงไว้รอบๆมัน หรือขีดฆ่ามันด้วยเส้นสีแดง
แล้วพูดออกมาว่า “ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”


จากนั้น ก็ให้จินตนาการถึงสิ่งที่พวกคุณอยากจะเห็น หรือเห็นด้วยแทน
แล้วทำเครื่องหมายถูกสีเขียวไว้ตรงเรื่องนั้นๆ

มันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆและรวดเร็วมากๆเลย แต่หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า
มันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวความเป็นไปใดๆในชีวิตได้เลย..

..แต่มันทำได้..

ลองดูสิ! ลองทำกับเรื่องใหญ่ๆดูสิ!
แล้วก็ลองทำกับเรื่องเล็กๆดูด้วย
ทำทุกๆวัน แล้วจับตาดูผลลัพธ์ของมันให้ดี..

..Inelia Benz..”
ที่มา: Agreement - our choice. )

…………………………

 

บ้ะ ชื่อเหมือนกัันเลย (แต่ของเราเป็นชื่อเล่น 555+)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลจ้า พี่ชยุต

 

ขอบคุณน่ะครับคุณชยุตไม่ทราบว่ามีข้อความอื่นเพิ่มเติมรึปล่าวครับน่าสนใจมากเลยครับ

 

ผมทำแล้วครับ รู้สึกน้ำตาจะไหลเพราะนึกถึงความรัก รู้สึกมีความร้อนแบบพลังงานที่ตรงหัวใจเป็นก้อนความร้อน แต่ fire wall ของผม ผมสามารถเจาะมันได้ทุกครั้ง เพราะมันเป็นตัวกิเลส ผมมีจิตที่ต่ิอต้านกัน 2จิตในตัวผม ผู้คิด + และคิด - แต่คิด + ชนะทุกครั้ง 55 เยี่ยมมาก

 

เอาหละ..คราวนี้ก็มาถึงข้อความในลิงค์ที่ Inelia กล่าวถึงหละนะครับ

...........................................................................