หัวใจของพระพุทธศาสนา.... ความแตกต่างกับศาสนาอื่น ๆ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 4 ธันวาคม 2005.

  1. lovelypui

    lovelypui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +129
    ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง โทษคนอื่นไม่ได้ (ทุกคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์)
    สอนให้ปล่อยวางจากทุกข์ และ สุข เกิดความสงบ (อุเบกขา)
    สอนให้เป็นคนมีเหตุผล ก็จะหาสาเหตุและแก้ปัญหาได้ (อริยสัจจ์ 4)
    สอนให้อยู่เหนือดี 1.ละชั่ว 2.ทำดี 3.ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว (บรมสุขเหนือสุขทางโลก)
     
  2. cacalot

    cacalot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +130
    TIme

    คุณ web snow กับคุณมหาหินตอบได้ครบหมดแล้วละครับถึงความแตกต่างของศาสนาพุทธกับศาสนาอื่นๆ ขออนุโมธนา สาธุ ด้วยนะครับ แต่อยากเสริมนอกประเด็นนิดนึงอะครับ ปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับก็มีอยู่หลักใหญ่ๆที่ผมมองเห็นคือ คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่เพราะคิดว่ามองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้จึงไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม จึงไม่ยอมรับ และเมื่อไม่ยอมรับอีกอันที่ตามมาก็คือไม่มีใจคิดที่จะปฏิบัติตามแนวทางวิถีพุทธหรือบางคนก็มองว่ายากเกินไปที่ปฏิบัติตาม แล้วจะไปบอกเค้าว่ายังไงละครับในเมื่อพระพุทธองค์ก็บอกแล้วว่า ตนเป็นที่พึงแห่งตน เราๆชาวพุทธก็คงทำได้แต่บอกให้เค้าเปิดใจยอมรับแล้วนำไปปฏิบัติตามแล้วจะรู้ด้วยตัวเค้าเอง
     
  3. -Sacrifice-

    -Sacrifice- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    อะไรที่ทำให้พุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่นหรอครับ

    ผมว่า....ไม่มีนะ เพราะดูๆไป สุดท้าย ก็จบเรื่องความดีหมดอะ
    (ปล. ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์เท่าไร แต่เชื่อในการกระทำมากกว่า)


    ความคิดของตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะบอกว่าต่างหรือไม่ต่าง
     
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ได้โพสไว้แล้วครับ....
    หัวใจของพระพุทธศาสนา....

    ให้ยอมรับในกฎแห่งกรรม....

    จะเวียนว่าย ตาย เกิด กันอีก กี่มากน้อย....
    ก็ดูที่บารมี ที่คนเราจะเข้าถึงธรรม ในระดับที่แตกต่าง กันไป....
    จะไปเคี่ยวเข็ญ จะไปบังคับ จะไปดึงให้นิ้งโป้ง, นิ้วก้อย มายาวให้เท่านิ้วกลาง....
    ก็คงจะทำไม่ได้....

    โลก.. มันก็เป็นเช่นนี้เอง.. เสมอมา....

    ก็เป็นไปตามวาสนา บารมี และกรรมของใครของมัน....
     
  5. chaska

    chaska สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +20
    เราคิดว่า แก่นพระพุทธศาสนาเป็นยังไงให้ดูแบบที่พระพุทธเจ้าทำ...
    พระพุทธเจ้าหลบหนีจากทุกสิ่ง แล้วก็ไปนั่งสมาธิอยู่คน ไปพยายามหาคำตอบด้วยพระองค์เอง จนตรัสรู้...จนรับรู้ในสิ่งต่างๆได้ด้วยพระองค์เอง ไม่ต้องอ่านหนังสือ ไม่ต้องศึกษาพระธรรม แต่มันเป็นสิ่งที่พระองค์รู้ได้ด้วยพระองค์เอง กว่าจะตรัสรู้ก็ลำบากมาก ไม่ใช่ว่า นั่งๆ สองชั่วโมงแล้วตรัสรู้ หรือ ว่า มี guideline มาให้อ่าน แต่พระองค์พบมันด้วยพระองค์เองจะด้วยการนั่งสมาธิ บำเพ็ญเพียรอะไรก็ตาม พอตรัสรู้แล้ว อะไรต่างๆทั้งเรื่องกรรม และอื่นๆจะตามมาเอง เพราะคุณตรัสรู้แล้ว...เพราะให้พูดจริงๆ คนเราทุกคนมีกี่คนที่จะ "ตรัสรู้" ได้ จริงๆ ด้วยตนเองแบบที่พระพุทธเจ้าทำ...เราว่าแก่นของพระพุทธศาสนาก็คงเหมือนกัน คือการออกไปหาคำตอบด้วยตัวเองแบบพระพุทธเจ้าแล้วก็ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง..ไม่รู้เข้าใจป่าวนะ แต่เราว่าอย่างงี้อะ...T_T
    แล้วเราเคยเห็นชาวต่างชาติไปที่วัดไปนั่งสมาธิอะ เราเห็นแล้วศรัทธามากเลย ในขณะที่คนไทย ส่วนใหญ่ก็จะไปไหว้พระเฉยๆ แต่ฝรั่งนี่แบบ ปฏิบัติเลย ค้นหาเลย เราว่าอย่างงี้มันดีกว่ามั้ยอะ เพราะเหมือนคุณได้สัมผัสได้รู้ได้ด้วยตัวเองเลย...
     
  6. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    อนุโมทนาด้วยค่ะ สุดยอดเลยค่ะคุณมหาหิน ได้อ่านได้คิดตาม ได้ความรู้อีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2006
  7. wasu

    wasu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +383
    สาธุ อยากให้ทุกคนทำใจให้เป็นกลาง ๆ แล้วลองศึกษาดูก็อาจจะเกิดประโยชน์ได้บ้าง
     
  8. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    อ่านได้สี่หน้าแล้ว เด๋วมาอ่านต่อ

    อนุโมทนา และขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากนะคะ หนุได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลย

    สาธุค่ะ
     
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มีคำสอนของ สมเด็จพระสังฆราช....
    ที่ทรงประพันธ์ เรื่อง.. "ชีวิตนี้ น้อยนัก"
    เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า "การยอมรับกฎแห่งกรรม" นั้น

    น่าที่จะเป็น "หัวใจของพระพุทธศาสนา" ได้ไหม....

    ลองเข้าไปศึกษา ใคร่ครวญ ด้วยสติ ปัญญา อันบริสุทธิ์ ยอดเยี่ยม ของพวกเรา....

    ได้ที่....

    สมเด็จพระสังฆราช.. ผู้มียศใหญ่สุดทางสงฆ์..
    แต่ท่านกล่าวว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก"
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=34035
     
  10. enlightment

    enlightment Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +63
    ผมอยู่ท่ามกลางชาวคริสต์ที่ทึ่งกับหลักการของชาวพุทธ ทุกวันนี้ผมก็มีคำถามอย่างเดียวกับที่กระทู้ของคุณมหาหินตั้งไว้แหละครับ แต่ผมมีวิธีดังนี้ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมสังเกตเห็นว่า (คงหลายอย่างที่ใครๆในกระทู้ก็คงรู้เหมือนผมนั่นแหละครับ)คือ<O:p</O:p
    1. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความเชื่อในเหตุและผล<O:p</O:p
    2. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความเชื่อที่ต้องพึ่งพาตนเอง<O:p</O:p
    3. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความเชื่อที่เป็นเรื่องราวอัศจรรย์<O:p</O:p
    4. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความความเชื่อในสัจจธรรมอันได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย<O:p</O:p
    5. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความอยากมีแต่สุข ไม่อยากมีทุกข์<O:p</O:p
    6. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความมีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ<O:p</O:p
    7. คนต่างชาติมีความเหมือนคนไทยในเรื่องความเชื่อของชีวิตหลังความตาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่ในความเหมือนก็มีความแตกต่างครับ ผมจะพูดในทีละข้อ<O:p</O:p
    1. ชาวพุทธเราถูกสอนไม่ให่เชื่ออะไรง่ายๆครับ พระพุทธองค์ทรงสอนในเรื่องกาลามสูตรอันได้แก่<O:p</O:p
    ๑. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา <O:p</O:p
    ๒. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี) <O:p</O:p
    ๓. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง <O:p</O:p
    ๔. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา) <O:p</O:p
    ๕. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ <O:p</O:p
    ๖. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง <O:p</O:p
    ๗. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ <O:p</O:p
    ๘. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน <O:p</O:p
    ๙. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ <O:p</O:p
    ๑๐. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา

    ดังนั้นผมเริ่มต้นที่นี่ครับ บอกชาวต่างชาติเลยว่าพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ไม่สามารถสอนให้ใครเชื่อโดยง่าย ยกเว้นว่าท่านต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวของท่านเอง พระพุทธองค์จะเพียงทรงชี้แนวทางให้ บอกวิธีให้ แล้วให้ไปพิสูจน์เองครับ ไม่มีใครบอกท่านหรอกครับว่า แค่เชื่อว่ามีพระพุทธองค์เกิดขึ้นในโลกแล้วพระองค์จะทรงบันดาลให้ทุกอย่าง ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ พระพุทธองค์ทรงสอนว่าให้เชื่อเรื่องเหตุและผล แต่ความลึกซึ้งก็อยูู่ในเรื่องหลักของกฎแห่งกรรม ครับไม่ใช่เพราะเหตุและผลเพียงเท่าที่มองเห็น หรือพอจะรับรู้ได้จากความรู้ที่เรียนรู้ตามครูอาจารย์ในห้องเรียนสืบๆกันมา <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2. ชาวพุทธถูกสอนให้พึ่งพาตนเอง เพราะต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ใครก็พิสูจน์แทนไม่ได้ หลักการพึ่งพาตนเอง พระพุทธองค์ทรงชี้แนะในเรื่องของหลักการเอาตัวรอดอย่างแท้จริง ดูจากเวปไซด์นี้นะครับ เขาเขียนไว้น่าอ่านครับ<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=36650<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    3. ชาวพุทธถูกสอนให้รู้จักในเรื่องราวของสมาธิจิต การรวมจิตในแนวทางที่ถูกต้องและใช้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างมีเยอะครับ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเช่นการสวดมนต์แผ่เมตตา ทำให้ผู้ที่สวดมนต์เองก็จะรับรู้ได้ถึงความสงบแม้เพียงชั่วครู่ ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก็มีนะครับ เช่น น้ำมนต์จากการสวดมนต์ของพระญี่ปุ่น เมื่อเอามาส่องกล้องดูจะเห็นว่าจากน้ำเน่าเสีย เหม็น และเป็นโคลน ได้กลายเป็นผลึกโมเลกุลที่สวยงาม นับประสาอะไรกับจิตมนุษย์ที่สวดมนต์ทำสมาธิจิตบ่อยๆล่ะครับ นี่ผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราวอัศจรรย์เยอะแยะ (ผมอยากจะบอกว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เห็นพระธาตุมาปรากฎเสด็จมาและเพิ่มให้เห็นตรงต่อหน้าครับ) <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    4. ชาวพุทธถูกสอนให้เข้าใจในเรื่องสัจจธรรม คือเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเรื่องโลกธรรมทั้งแปด คือ ลาภ-เสื่อมลาภ ยศ-เสื่อมยศ สุข-ทุกข์ สรรเสริญ-นินทา เพื่อรู้จักและเข้าใจวิธีปล่อยวาง ไม่หมกมุ่นจนทำลายตนเองหรือเป็นบ้าไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องลึกซึ้งที่ยิ่งไปกว่านี้คือมองความจริงที่จริงที่สุด คือ<O:p</O:p
    การมองให้เห็นความจริงว่าร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุ ดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ พูดเรื่องธาตุ ชาวต่างชาติก็เข้าใจได้ครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    5. ชาวพุทธถูกสอนในเรื่องของวิธีไปให้ถึงทางที่พบสุขคือมรรค8 คือ 1. สัมมาทิฏฐิ ิคือความเข้าใจถูกต้อง2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง.3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง......4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง.5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง..6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง...7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
    ท่านจะได้สุขแน่ แต่ถ้าจะพ้นทุกข์ถาวร ก็ต้องเพิ่มมหาสติปัฏฐาน ครับ เราชาวพุทธไม่ได้ถูกสอนว่า สุขจะอยู่ในการบันดาลของใครแล้วรอๆๆๆๆ อยากได้ต้องทำเองครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    6. ชาวพุทธถูกสอนให้รู้จักกิเลสเหล่านี้ว่ามีในทุกถ้วนตัวบุคคลปุถุชนทั้งหลาย แต่จะมีอันไหนเด่นก็แล้วแต่การหัดนิสัยมาแต่เดิมล่ะคร้บ สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้คนเราต้องมีทุกข์จากการมีนิสัยชั่วร้ายเหล่านี้ แต่พระพุทธองค์ทรงบอกให้รู้ด้วยว่าไม่ใช่กิเลสสามตัวนี้เท่านั้น ยังมีตัวอื่นอีกได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ใครละได้ก็จะพบสุขง่ายขึ้น ก็อยู่ที่ตนเองล่ะครับจะหมั่นฝึกขัดเกลาจิตว่าจะละกิเลสตัวไหนได้มากแค่ไหน คนต่างชาติฟังเท่านี้ก็เริ่มทึ่งแล้วครับว่าทำไมพุทธศาสนาบอกอะไรเยอะจัง แล้วเดี๋ยวก็มีคำถามตามมาล่ะครับว่าฝึกอย่างไร จึงละตัวไหนบ้าง เพราะในศาสนาเขามีแต่ให้อยู่ในพระเมตตาของพระผู้เป็นพระศาสดาที่จะกำหนด เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงจุดนี้ได้ เขาก็จะอยากรู้ว่าแล้วจะพิสูจน์ได้ไหม (เขาไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายเหมือนกันครับ) เราก็จะเชิญชวนเลยครับ (ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    7. ในชีวิตหลังความตาย พวกคนต่างชาติถูกสอนว่าจะเป็นชีวิตที่รอการตัดสินจากศาสดา ความจริงเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่เคยพิสูจน์ แต่ในทางพุทธศาสนาเราท้าพิสูจน์อยู่แล้วครับ ผมเริ่มจากการอธิบายว่าในเมื่อท่านรู้และประจักษ์ว่าเมื่อวานนี้มี วันนี้ก็มี พรุ่งนี้ก็มี วันต่างๆในอดีตท่านทำอะไรไว้ ผลก็มีให้ท่านเห็นได้ในปัจจุบัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทำในวันนี้ก็จะไปปรากฎผลในวันข้างหน้าเหมือนกัน ผลบางอย่างอาจมาจากวันก่อนในอดีตเมื่อวัยเยาว์ (ทฤษฎีทางจิตวิทยาฝรั่งมีเยอะครับที่อธิบายเรื่องเหล่านี้) ผลบางอย่างก็เกิดขึ้นจาการทีี่ท่านทำเมื่อวานนี้ นี้ก็แสดงให้เห็นจริงในผลแห่งกรรมที่ท่านทำ ตามหลักกฎแห่งกรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ ดังนั้นก่อนที่ท่านจะพิสูจน์เรื่องชีวิตหลังความตายขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ ศึกษาไป ทำไปเดี่๋ยวก็พิสูจน์ได้เองล่ะครับ เพราะผลการปฏิบัติจะมีขั้นตอนในตัวอยู่แล้ว เหมือนเข้าสอบก็พอจะรู้ผลเทียบเคียงเอาเองได้ครับ ฝรั่งมักถามผมว่าจริงหรือที่รู้คะแนนสอบได้เอง โดยพระพุทธองค์ไม่มาตรวจให้ ผมบอกเลยครับ ว่าเรื่องพุทธศาสนาจะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนมาก ยิ่งปฏิบัติเคร่งครัดยิ่งทายผลคะแนนตัวเองถูกต้องครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    8. กว่าจะมาถึงข้อเกือบสุดท้าย ผมบอกเลยว่าทุกศาสนาก็ดีทั้งนั้น เพราะสอนให้รู้และเข้าใจทางพบความสุข พุทธศาสนาอาจจะแตกต่างไปบ้างก็ตรงที่ สอนให้ไม่ต้องเชื่ออะไรแต่ให้ศึกษาเอง ทดลองเอง ปฏิบัติเองก่อนแล้วจึงเชื่อได้ และหัวใจของพุทธศาสนาก็คือสอนวิชาให้รู้และเข้าใจทางพบสุข (ตรงนี้เหมือนศาสนาอื่น) และเพิ่มวิชาความรู้และเข้าใจ ถึงทางพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง (ตรงนี้ที่แตกต่างอย่างชัดเจน) ไม่ว่าจะเป็นหลัการละชั่ว-ทำดี-มีจิตผ่องแผ้ว หลักทาน-ศีล-ภาวนา หลักปฏิจจสมุปบาท หลักมหาสติปัฏฐาน หลักอริยสัจจ์สี่ หลักสุญญตา เป็นต้น ดังนั้นถ้าคนต่างชาติคนใดเชื่อมั่นตนเองว่าเป็นคนฉลาด และไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ เชิญเขาเลยครับว่าขอให้ท้าพิสูจน์ในพุทธศ่าสนานี้แหละครับ ที่นี่มีคำตอบให้ผู้ปฏิบัติทุกท่าน แต่ท่านต้องปฏิบัติเองนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    9. ข้อสุดท้ายแล้วครับ ผมบอกชาวต่างชาติเลยครับว่า หัวใจพระุพุทธศาสนาจึงมารวมอยู่ใจ ที่ใจ
    หัวใจปฏิบัติคือการฝึกฝนที่ใจ

    ศึกษาให้รู้ รู้เพื่อเข้าใจ เข้าใจเพื่อรู้วิธีละ ให้ละคือปล่อยวาง วางเพื่อว่างจากทุกสิ่ง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้นผมจึงเห็นสอดคล้องต้องกันกับคุณมหาหินว่าแท้จริงแล้วหัวใจพระพุทธศาสนาก็คือ<O:p</O:p
    อริยสัจ4 ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ให้พวกเราได้รู้และเข้าใจในมรรค(หนทางดับทุกข์) แล้วลดลงมาให้เหลือ 3 ข้อ คือละชั่ว ทำดี มีจิตผ่องแผ้ว
    (ที่ให้มีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เชื่อศรัทธาสี่อย่างคือศรัทธา 4 คือ.เชื่อเรื่องกรรมว่ามีจริง (กัมมสัทธา) .เชื่อวิบากหรือผลของกรรมว่ามีจริง (วิปากสัทธา).เชื่อการที่แต่ละคนมีกรรมเป็นของตน (กัมมัสสกตาสัทธา).เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ตถาคตโพธิสัทธา) ก็อยู่ในหลักสามข้อนี้แหละครับ)<O:p</O:p
    <O:p</O:pปล้วลดเหลือเพียงพระปัจฉิมโอวาทคือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Doc2.doc
      ขนาดไฟล์:
      62 KB
      เปิดดู:
      116
  11. enlightment

    enlightment Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +63
    ผมเขียนเร็วไปหน่อยครับ
    ข้อหนึ่งในความแตกต่าง ศาสนาพุทธสอนให้ใครๆไม่ต้องเป็นคนเชื่ออะไรง่าย ไม่ใช่ไม่สามารถสอนให้ใครเชื่อโดยง่าย
    ขออภัยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  12. enlightment

    enlightment Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +63
    เพื่อนฝรั่งของผมใกล้ตัวนี่แหละครับ ถามผมว่า ตกลงหัวใจพระพุทธศาสนาอยู่ที่ใจ หัวใจปฏิบัติคือการฝึกฝนใจ แล้วจะฝึกอย่างไร<O:p</O:p
    ตอบ : ฝึกการมีสติ สติให้เท่าทันลมหายใจ เพราะคนเราจะอยู่หรือตายก็เพียงแค่ช่วงหายใจเข้าได้ออกได้นี่แหละครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เขาถามผมว่า เมื่อมีสติตลอดเวลาแล้วจะเป็นอย่างไร ผมก็ตอบว่า เมืื่อถึงตอนนั้นจริง ผลลัพธ์ก็จะรู้ได้เองว่าเป็นอย่างไร เพราะจิตที่มีสติกำกับจะเป็นเครื่องมือที่จะใช้จิตพิจารณากาย (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน )ให้เห็นว่า มีแต่ทุกข์ ไม่เที่ยง และไม่มีตัวตน ใช้จิตพิจารณาเวทนา(เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน ) ใช้จิตพิจารณาจิต (จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน) ดูรู้เท่าทันจิตหรือสภาพและอาการของจิต และใช้จิตพิจารณาธรรม (ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน) ขอเพียงแต่ท่านทำจริง ฝึกจริงเถอะ ผลก็รอให้ท่านพิสูจน์อยู่แล้ว

    <O:p</O:p
    เมื่อจิตสามารถมีสติกำกับตลอดและเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปแล้ว ก็จะไปถึงระดับที่จะรู้ได้ด้วยตนเองว่า ไม่มีทั้งจิตและไม่มีอะไรให้กำกับอีกต่อไป <O:p</O:p
     
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ขอโมทนา กับ คุณenlightment อย่างยิ่ง

    ที่สรุปจาก โพสที่ 151 ว่า.... <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หัวใจของพระพุทธศาสนา คือ....<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อริยสัจ4 ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ให้พวกเราได้รู้และเข้าใจในมรรค(หนทางดับทุกข์)
    แล้วลดลงมาให้เหลือ 3 ข้อ คือ ละชั่ว ทำดี มีจิตผ่องแผ้ว
    (ที่ให้มีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เชื่อศรัทธา สี่ อย่าง คือ ศรัทธา 4 คือ
    <O:p</O:p.เชื่อเรื่องกรรมว่ามีจริง (กัมมสัทธา) <O:p</O:p
    .เชื่อวิบากหรือผลของกรรมว่ามีจริง (วิปากสัทธา)<O:p</O:p
    .เชื่อการที่แต่ละคนมีกรรมเป็นของตน (กัมมัสสกตาสัทธา)<O:p</O:p
    .เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ตถาคตโพธิสัทธา) ก็อยู่ในหลักสามข้อนี้แหละครับ)<O:p</O:p

    แล้วลดเหลือเพียงพระปัจฉิมโอวาทคือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2007
  14. ชุติพนธ์ แจ่มอุลิตรัตน์

    ชุติพนธ์ แจ่มอุลิตรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +314
    ผมว่านะครับที่ศาสนาพุทธเราไม่มีในศาสนาอื่นและดีที่สุดมีหลายอย่างเหมือนกันนะ
    อริยะสัจ4 โดยเฉพาะหนทางดับทกข์คือมรรค 8
    หลักอนัตตา ว่างจากตัวตน
    นิพพานการดับจากทุกข์โดยสิ้นเชิง
    หลักสันติสุข อหิงสา
    การใช้ปัญญาพิจารณาทุกสิ่งในโลกเป็นไปตามเหตุผลที่เป็นไป
     
  15. ee56054

    ee56054 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +130
    ความแตกต่างคือทำให้รู้ว่าความสุขที่แ้ท้จริงเป็นอย่างไงนะ ถ้่าอยากรู้ต้องศึกษาเอาเองครับ
     
  16. ศิยรายา

    ศิยรายา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +18
    ใช้วิจารณญาณมากทีเดียวสำหรับคนอายุ18อย่างผม แต่เมื่อได้รับความปีติตอบแทนเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นยอดกระทู้ หากคนไทยทุกคนมีอุดมการณ์พึ่งพาตัวเองแล้ว ประชาธิปไตยก็ย่อมแข็งแกร่งขึ้น ศาสนาก็ย่อมเจริญขึ้น ในหลวงของเราก็ย่อมลำบากน้อยลงด้วย อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  17. ทรรศิกา

    ทรรศิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +121
    หัวใจของพระพุทธศาสนาหนูคิดว่า พระธรรม คำสอนพระพุทธเจ้าค่ะ
    เป้นคำสอนที่เป็นจริง พิสูจน์ได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เห็นผลจริงเป็นที่ยอมรับได้ทั่ว สอนให้เราคิดเป็น
     
  18. toya

    toya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,010
    ขออนุโมทนากับทุกท่านและทุกข้อความที่ Post ในเวปนี้นะครับ รวมถึงท่านที่อนุโมทนากับทุก Postขออานิสงส์ผลบุญจงส่งผลให้มีความสุขทั่วกันนะครับ
     
  19. granun

    granun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +148
    ขออนุโมทนาทุกท่านที่ให้ความคิดเห็นในกระทู้นี้ครับ

    ท่านมหาตั้งคำถามได้คมคิดและชวนตรึกดีจริงๆครับ
    การตั้งคำถามอย่างแหลมคมดีกว่าเล่าตรงนี้นี่เอง
    เพราะคำถามตีให้หยุดคิด และใช้ประสบการณ์ ความรู้ที่สั่งสม
    ของแต่ละคนมาตอบ

    อนุโมทนาอย่างยิ่งครับ..
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พุทธศาสนาสอนให้เรามีปัญญาเพื่อแก้ไข รู้เท่าทันความทุกข์ ทำจิตใจให้ผ่องใสและดับทุกข์อย่างมีเหตุผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...