"ข้อห้ามในการแขวนพระ" สิ่งสำคัญที่ควรศึกษา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 21 มกราคม 2007.

  1. นะ๙

    นะ๙ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +10
    อุปมา ท่านว่า พระเครื่องก็เปรียบเสมือนกับงูพิษ จะอยู่บนหลังคา หรือใต้ถุนบ้าน ก็มีพิษทั้งนั้น ดั้งนั้น พระพุทธคุณก็เหมือนกันไม่มีเสื่อม และ ขึ้นอยู่กับพลังศรัทธาจิตเราด้วยเหมือนกัน
     
  2. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ได้ตระกุดหลวงพ่อวัดเขาแหลม ต.แนงมุด อ.กาบเชิง สุรินทร์มา ก่อนให้ท่านเตือน ย้ำนักย้ำหนา ว่าห้ามไปเอาเมียเขา ไม่งั้นของจะคืนเข้าตัว
     
  3. นะปถมัง

    นะปถมัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +2
    อยู่ที่เจตนาของบุคคลนั้น ว่ากระทำโดยเจตนารึไม่เจตนาก็ได้ ล้วนย่อมมีผลต่างๆกันไป
     
  4. kritsanatt

    kritsanatt สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +10
    เห็นด้วยครับ มีพระอยู่ที่ใจเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ทำความดี แล้วพระจะคุ้มครองครับ
     
  5. 02749536

    02749536 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +17
    ข้อความไม่เต็มหรอคับ
     
  6. มหาหงษ์

    มหาหงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,093
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆเลยครับ
     
  7. tiezanaja

    tiezanaja สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ddd makkkkk krubbbb .....................
     
  8. kusonn-eak

    kusonn-eak สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +6
    ทำไม พระสงฆ์และฆราวาสยุคนี้ สร้างพระเครื่องกันเยอะจัง สร้างจนจะทับคนตายอยู่แล้ว สาระมันอยู่ตรงไหนหนอ..นึกถึงเพื่อนที่ชื่อเฮียริ้ง แกชอบเชคพลังพระ วันหนึ่งเฮียริ้งไปกราบหลวงตามหาบัว ท่านพูดว่า " เฮียริ้งไปเชคแต่พลังพระ ระวังเป็นบ้านะ" อีกไม่ถึง 15 วันเฮียริ้งเป็นบ้าจริง ๆ เดินเพ้อไปตามถนน เกือบสองเดือนกว่าญาติจะหาเจอ... เพื่อนอีกคนที่เป็นนายพล ชอบสะสมพระเป็นชีวิตจิตใจ เช่า-ขาย องค์หนึ่งหลายล้าน มีเครื่องลางของขลังแทบทุกอย่างที่เขามีกัน ตั้งแต่เบญจภาคี เหรียญเกจิดัง ๆ ราคาที่สะสมน่าเกิน 30 ล้าน สุดท้ายตายไป เมียยกให้วัดหมดเลย คนนั้นก็มาเอา คนนี้ก็มาเอา..ส่วนผมที่เป็นเพื่อนสนิทไม่เอาอะไรเลย กับสลดสังเวช ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้จริง ๆ ... หาธรรมจริงกันดีกว่า ธรรมปลอม ๆ ที่อยู่ในพระเครื่องเอาไปทำไม สะสมกันทำไม มันเป็นกิเลสไม่ใช่หรือ ครับ
     
  9. beer232524

    beer232524 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ่สางา
    าีววางวายบนงสงวสบนนบง
    นบนลืรยืรืยร
     
  10. Sikkha

    Sikkha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +421
    มาอ่านคำสั่งของสุดยอดพระอรหันต์ได้บุญมากครับ

    [​IMG]

    พูดถึงการปฏิบัติบูชาของคนสมัยก่อนนั้นรู้สึกเขาเคร่งครัดมาก และพูดจริงทำจริง เกรงกลัวต่อบาป เวลาจะทำสิ่งใดเขามักจะนึกถึงพระเสมอ โดยถือพระเครื่องเป็นเครื่องเตือนสติ สร้างแต่กรรมดีเสมอ เมื่อประสบกับภัยอันตรายต่าง ๆ จึงแคล้วคลาดไปได้ ซึ่งตรงกับคำพูดที่ว่า " พระย่อมคุ้มครองแต่ผู้ที่ประกอบกรรมดีเท่านั้น "

    ในปัจจุบันผู้ที่แสวงหาพระมักมีจุดประสงค์ไม่เหมือนกันบางพวกหาไว้เพื่อ "ประดับบารมี" บางก็เป็น "สินค้า" "คุ้มกัน" "ค้าขาย" "บูชา" ต่างกันไปบางคนมีพระเครื่อง ห้อยคอไว้เต็มคอ แต่เมื่อมีผู้ถามว่าแขวนพระไว้ทำไม ต่างก็ตอบไปต่าง ๆ กันบางคนตอบว่าไว้ ป้องกันตัวบ้าง ไว้เป็นเมตตามหานิยมบ้าง บางคนก็ตอบไม่ถูกว่าตนเองแขวนพระเพื่ออะไร ฉะนั้นเราลองมาพิจารณาดูให้ดี ถ้าเรามีพระเครื่องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แท้ ๆ สัก 1 องค์แต่ถ้าเราไม่กระทำความดี เที่ยวไปเกะกะระรานชาวบ้าน ชาวบ้านเขาก็คงไม่เมตตาเราแน่บางคนหวังอิทธิฤทธิ์ เพื่อให้เก่งกล้า คงกระพัน ใครทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครที่จะรอดพ้นความตายไปได้สักคน บางคนหวังโชคลาภ แต่ถ้าไม่เสาะแสวงหาก็ยากที่จะได้ แม้จะแขวนพระหลวงพ่อแก้ว สักสิบองค์ ส่วนที่จะพูดว่าการห้อยพระเครื่องเพื่อเป็นพุทธนุสติ เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอน เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้บุคคลนั้น ประพฤติปฏิบัติในทางที่ชอบที่ควรก็ยังไม่เคยพบ ฉะนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยยากเหลือเกินว่าใครที่จะห้อยพระเครื่องกัน เพื่อความมุ่งหมายหรือเจตนาอย่างไร ดังเช่นในปัจจุบันนี้พระเครื่องพระบูชาใน เมืองไทยเราจึงเป็นที่รู้จักกันมากถึงในประเทศไทย และต่างประเทศ ส่วนจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่นั้น ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องนี้

    ท่านเจ้าคุณนร รัตนราชมานิตย์ (ธมฺมวิตกฺโก) วัดเทพศิรินทราวาส บอกว่า
    เป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริงเพราะเกี่ยวเนื่องจากอำนาจจิต แต่ต้องเป็นความสัมพันธน์กัน ระหว่างผู้สร้างพระเครื่องกับผู้ที่นับถือขั้นแรผู้สร้างคือผู้ถ่ายทอดลมปราณหรืออำนาจจิตลงใน วัตถุที่จะถ่ายทอดจะต้องมีอำนาจจิตสูง ถ่ายทอดไปโดยไม่เห็นแก่อามิจสินจ้างไดๆ ด้วยความบริสุทธิ์และจะต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ส่วนผู้นับถือนั้นจะต้องมี ศรัทธาอย่างจริงใจ มีจิตเพ่งอยู่กับวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้น จนเกิดเป็นพลังจิตของตัวเองขึ้นด้วย เป็นความเชื่อมั่นจึงจะเกิดอำนาจและอิทธิฤทธิ์

    ท่านบอกว่าถ้าผู้นับถือมีใจมั่นเองไม่ต้องมีพระก็ได้ เพราะพลังใจของตัวเองก็มีอำนาจอยู่เช่นกัน

    ท่านเล่าว่ามีเรื่องเล่ากันมาแต่โบราณว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งมีพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์อมไว้ในปาก แล้วเดินทางไปถูกคนร้ายหลายคนทำลายชายหนุ่มผู้นั้นก็สู้พลางนึกถึงพระที่ตนอมไว้ไปพลาง แต่บังเอิญเมื่อถูกต่อยปากพระที่อมไว้เกิดหลุดกระเด็นออกไป จึงก้มลงเก็บขณะนั้นกำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่ จึงไม่มีเวลาที่จะดูก็เก็บเอาลูกเขียดขึ้นมาไว้ในปาก เมื่อลูกเขียดเข้าไปอยู่ในปากก็ดิ้น ชายหนุ่มคนนั้นเข้าใจว่าพระท่านช่วยแล้วถึงกับเต้นได้ ก็เกิดกำลังใจสู้ จนกระทั่งเหล่ารายนั้นแตกหนีไป เมื่อได้รับชัยชนะแล้วก็คายพระออกมาดู " อพิโธ่เอ๋ย " กลายเป็นลูกเขียดไปได้

    ท่านบอกว่านี้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าอำนาจของจิตคือความมั่นใจเมื่อมีความมั่นใจจิตก็เกิดพลังลี้ลับ สามารถทำได้ทุกอย่างแม้จะไม่มีพระห้อยคอก็สามารถทำได้สำเร็จ เพราะกระแสจิตมีอำนาจลึกลับเหมือนกระแสไฟฟ้าเราจะดูด้วยตาเปล่าไม่ได้ ต่อเมื่อเราเอาสายบวกกับสายลบมากระทบกัน เราจึงรู้ว่ามีพลังสูง จนเกิดประกายไฟหรือไม่ เราจะสังเกตได้ว่าขณะที่ไฟไหม้บ้านตามปรกติคนเราธรรมดาน้ำเต็มตุ่มต้องใช้ หลายคนยกจึงจะยกได้ แต่ขณะไฟไหม้เหตุไฉนคนเพียงคนเดียวจึงแบกออกมาได้ นี้ก็แสดงว่าผู้ที่ขณะที่แบกตุ่มอยู่ตอนนั้น กระแสจิตกำลังมุ่งอยู่ที่ตุ่มน้ำลูกนั้นจุดเดียว จึงสามารถที่จะมีพลัง ภยในอันมหาศาลเช่นนั้น

    ท่านได้ยกย่องพระเครื่องของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)วัดระฆังว่าเป็นพระเครื่องที่ดี เพราะสมเด็จโตท่านสามารถที่ถ่ายทอดอำนาจจิตลงในพระเครื่องของท่านได้มาก และผู้สร้างก็มีเจตนาอันบริสุทธิ์ ทำให้พระเครื่องของท่านจึงไม่ เสื่อมจากอำนาจจิตได้ง่าย

    จากหนังสือเกียรติคุณพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิตย์ วัดเทพศิรินทราวาส

    คำสอนของท่าน " จนสร้างแต่กรรมดีดีกว่าขอพร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  11. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    อันนี้แน่นอนสุดครับผม...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราครับ

    "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว" ครับผม
     
  12. themouse

    themouse สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดีๆ จะได้นำไปปฎิบัติตาม
     
  13. prakit klinchoo

    prakit klinchoo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    พระพุทธเจัาสอนว่าให้ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง สิ่งอื่นๆไม่ใช่ที่พึ่งอันประเสริฐ ทื่เเขวนพระก็เพราะใจเรายังไม่มั่นในอำนาจกรรมดี เสมึอนคนที่คอยเเต่ขอเพราะไม่มีปัญญาทำเอง เคยได้ยินใหม จิตที่ฝึกดีเเลัวย่อมนำสุขมาให้ ถ้ายังก็หามาเเขวนเสืยจะได้มั่นใจ ข้อห้ามต่างๆนั้นท่านสาปไว้ก็มีจริง อาจเป็นกุศโลบายให้ทำดี เเต่ถ้าเราเเน่จริงไม่ต้องเเขวนให้หนัก ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินเอาไปให้ลูกดีกว่า ผีเทวดาในนั้นไม่ใช่ที่พึ่งอันประเสริฐ ตามพระพุทธพจน์ เอวัง........
     
  14. Sikkha

    Sikkha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +421
    ที่จริงไม่มีเครื่องรางของขลังที่ขลังที่สุดของครูบาอาจารย์องค์ไหนช่วยเราดับทุกข์หรือแก้ปัญหาได้

    ชีวิตและตัวเองจะรวยหรือจนดีขึ้นหรือเสื่อมลงตามการสอนของพระพุทธศาสนาไม่ได้อาศัยอยู่ในเครื่องรางของขลังแต่อาศัยอยู่ใน 3 อย่างคือ
    1. กรรม

    2. ปัญญา

    3. ขยันหมั่นเพียร

    ผู้ใดจะได้รับความสุขและความเจริญก้าวหน้าก็ไม่ใช่อาศัยอยู่ในเครื่องรางของขลังแต่อาศัยอยู่ในสติปัฎฐาน 4

    1. กายานุปัสสนา : พิจารณากายเป็นอารมณ์

    2. เวทนานุปัสสนา : พิจารณาสุข ทุกข์ เป็นอารมณ์

    3. จิตตนุปัสสนา : พิจารณาจิต เป็นอารมณ์

    4. ธรรมานุปัสสนา : พิจารณาธรรมเป็นอารมณ์

    สติปัฎฐาน คือ การเจริญภาวนาที่มีสติเป็นประธาน พระพุทธองค์ตรัสว่าสติปัฎฐานนี้ เป็นหนทางที่เป็นอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศก และปริเทวะ เพื่อดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพานให้แจ้ง

    การมีสติสัมปชัญญะ มีความเพียร กำหนดรู้กายตามสภาวะเป็นจริง เช่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เวลาเดิน นั่ง นอน รู้ลักษณะของธาตุทั้ง 4 ในกายเรานี้มี ผม ขน เล็บ เป็นต้น ตามเป็นจริงว่า เป็นสักว่ากายเท่านั้น เรียกว่า กายานุปัสสนา

    การรู้เท่าทันตัวที่เสวยอารมณ์ เช่น เสวยสุขก็รู้ว่าสุข เสวยทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ มีสติรู้อยู่อย่างนี้เรียกว่า เวทนานุปัสสนา

    การมีสติพิจารณาความเป็นไปของจิตว่า ขณะนี้จิตของเรามีราคะ โทสะ โมหะ หรือมีความฟุ้งซ่าน กำหนดรู้อย่างนี้ มีสติตั้งมั่นไม่เอนเอียงไปตามอารมณ์ของจิต ย่อมจะรู้เท่าทันว่าจิตก็เป็นเพียงสักว่าจิตเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เป็นต้น เรียกว่า จิตตานุปัสสนา

    การมีสติกำหนด พิจารณาธรรมซึ่งเกิดกับจิตเป็นอารมณ์ ธรรมในที่นี้ท่านหมายเอานิวรณ์ 5 เมื่อธรรมเหล่านี้เกิดขึ้น ก็มีสติรู้เท่าทันความเป็นไป เรียกว่า ธรรมานุปัสสนา

    เรื่องเครื่องรางของขลังตัวผมเองถือเป็นงานอดิเรกไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริงครับ

    ผู้ใดกำหนดจิตได้ในฐาน 4 เป็นที่อาศัยจะประสบการณ์ความสุขความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริงตลอดไป

    เรื่องการใช้เงินที่เราควรจะทำหน้าที่ของเราให้ไหวก่อนแบ่งเป็นไปตามความมั่งคั่งของตัวเองจะมีความสุขมากขึ้นทุกข์ลงน้อยไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2011
  15. Renault19

    Renault19 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    แนะนำให้สวดมนต์ภาวนาเป็นประจำ แค่นี้ก็เหมือนมีพระพุทธเจ้าอยู่กับตัว ครับ สมาชิกใหม่ครับ หวัดดีทุกคนครับ:boo:
     
  16. Anniceamp

    Anniceamp สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    อยากทราบขอห้าม ของคนที่แขวนพระเครื่องของหลวงปู่สรวง มีใครแนะนำได้บ้าง
     
  17. ยี่สิบเอ็ดมิถุนา

    ยี่สิบเอ็ดมิถุนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +627
    ขอบคุณครับผม:cool::cool::cool:
     
  18. ยี่สิบเอ็ดมิถุนา

    ยี่สิบเอ็ดมิถุนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +627
    จริงไม่มีเครื่องรางของขลังที่ขลังที่สุดของครูบาอาจารย์องค์ไหนช่วยเราดับทุกข์หรือแก้ปัญหาได้

    ชีวิตและตัวเองจะรวยหรือจนดีขึ้นหรือเสื่อมลงตามการสอนของพระพุทธศาสนาไม่ได้อาศัยอยู่ในเครื่องรางของขลังแต่อาศัยอยู่ใน 3 อย่างคือ
    1. กรรม

    2. ปัญญา

    3. ขยันหมั่นเพียร


    ยอดเยี่ยมกระเทียมดองไปเลยขอรับ
    ขอบคุณมากครับคุณน้า Sikkha เรียกน้าคงไม่ว่านะขอรับเพราะมามี๊ของผมท่านอายุ 46 ปีเอ๊งแฮ่ๆๆ
     
  19. เสียงพระ

    เสียงพระ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
  20. willy0089

    willy0089 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +239
    อยู่ด้วยกิเลส

    คนเราทุกวันนี้ จริงๆแล้ว ร้อยละ99 มั๊งครับ อยู่กับกิเลสทั้งนั้น นี่แหละ โลกทุกวันนี้ ถึงไม่สงบจริงๆ สักที จ้องแต่จะก่อสงครามกัน แค่น้ำท่วมก็แย่อยู่แล้ว ยังจะมาก่อสงครามน้ำลายใส่กันอีก เหม็นก็เหม็น ลื่นก็ลื่น จึ๋ยยยย โลกย่อมเป็นไปตาม(กำ) ๆ ไม่ยอมแบ ก็ปวดมือแย่ แบแล้วปล่อยวางบ้างก็จะดี :mad:
     

แชร์หน้านี้

Loading...