ตามหา หมอดู เชียงใหม่ คนนี้ให้ผมด้วยครับ มีรายละเอียดให้ครับ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย ramai, 23 ตุลาคม 2010.

  1. KARNDAVADEE

    KARNDAVADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +217
    พี่ขออนุโมทนา สาธุ ในกุศลจิต ที่คุณมีให้กับเพื่อนมนุษย์นะคะ ธรรมรักษาค่ะ
     
  2. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับทุกๆท่านครับ
    576 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    157 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    977 ไฟ (เตโชธาตุ)จาก...
    575 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    131 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    500 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    758 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    784 น้ำ (อาโปธาตุ)จาก...
    ทุกท่าน ได้รับฟังจากผมมามากพอสมควรแล้ว ผมจึงไม่อยากเน้นย้ำอะไรอีก อันจะเป็นการซ้ำเติมทุกข์ที่มีจาก ทางหู ทางตา และทางมโนความคิด เพราะในทางพระพุทธศาสนา ท่านกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า แค่อยากก็ผิดมากแล้ว ฉะนั้น ผมจึงขอใช้แนวทางสายกลาง(มัชฌิมาปฎิปทา)โดยใช้สติ จะได้ไม่ตกอยู่ในความประมาท จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันครับ
    จากสิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  3. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    มีสติ ศีล สมาธิ ปัญญา

    ขออนุโมทนาบุญ
    และให้กําลังใจกับทุกๆท่านครับ
    576 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    157 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    977 ไฟ (เตโชธาตุ)จาก...
    575 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    131 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    500 ดิน (ปฐวีธาตุ)จาก...
    758 ลม (วาโยธาตุ)จาก...
    784 น้ำ (อาโปธาตุ)จาก...
    ทุกท่าน ได้รับฟังจากผมมามากพอสมควรแล้ว ผมจึงไม่อยากเน้นย้ำอะไรอีก อันจะเป็นการซ้ำเติมทุกข์ที่มีจาก ทางหู ทางตา และทางมโนความคิด เพราะในทางพระพุทธศาสนา ท่านกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า แค่อยากก็ผิดมากแล้ว ฉะนั้น ผมจึงขอใช้แนวทางสายกลาง(มัชฌิมาปฎิปทา)โดยใช้สติ จะได้ไม่ตกอยู่ในความประมาท จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันครับ
    จากสิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  4. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ละครเก่านํามาเล่าใหม่ โดย สิริ ศรีสมบัติ ครับ

    ผมขอฝากคําคม (เปิดตัวละครเรื่องวงเวียนกรรมในอดีต)
    " เมื่อเกิดมา มีอะไรมาด้วยเล่า
    เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
    เมื่อเกิดมาตัวเปล่า จะเอาอะไร
    เจ้าก็ไปตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา "
    ไตเติ้ลจะมีล้อเทียมเกวียนเดินไปตามทางเดินที่เป็นดินโคลนในชนบท จะซูมเจาะจงให้เห็นกงล้อขณะที่กําลังหมุน ว่านี่คือ " กงกํากงเกวียน " หรืออีกนัยหนึ่งก็คือรูปเสมาธรรมจักรนั่นเองเพราะมีทั้งซี่และกงล้อโดยสมบูรณ์
    ผมจําได้ว่าละครออกอากาศช่วงตอนเย็น ผมมักจะมารอดูอย่างใจจดใจจ่อ
    จนไม่สนใจว่าแม่จะเรียกให้ไปทานข้าว เพราะกลัวพลาดโอกาสดูตอนสําคัญๆ
    เจ้าของบ้านท่านใจดีครับ และมีอยู่เครื่องเดียวในระเเวกนี้ ท่านเลยมีเมตาต่อเด็กๆทุกคนรวมถึงผมด้วย เย็นนี้เป็นตอนที่โจรแอบตัดเศียรพระพุทธรูป ได้สําเร็จ แต่พออยู่มาไม่นานชายคนนั้นเดินผ่านหมู่บ้าน เห็นชายสูงอายุคนหนึ่ง
    กําลังใช้เลื่อยลันดา(เลื่อยมือ) เลื่อยไม้ที่จะทําเป็นเสาเรือน คล้ายกับที่ตนใช้เลื่อยตัดเหล็กตัดเศียรพระพุทธรูป จนเกิดภาพหลอนร้องสดุ้งหวาดกลัวด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งกระฉูดพร้อมกับศรีษะที่เปื้อนเลือด ของโจรใจปาบร่วงลงไปกองกับพื้น และจะมีเสียงยมราชหัวเราะดังกึกก้องกัมปนาทปานฟ้าผ่า ยิ่งตอกย้ำให้ได้รู้ซึ้งถึง อํานาจของกฎแห่งกรรมได้เป็นอย่างดี ว่า
    " ทําชั่ว ชั่วโฉดเฉาชนม์ ไม่พ้นผลกรรมซ้ำเติม " ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2011
  5. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ทําบุญอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นบุญ เป็นกุศล โดยสิริ ศรีสมบัติ

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->ผมขออธิบายความหมายของการทําบญ แด่พุทธศาสนิกชนทุกท่านอย่างกว้างๆดังนี้นะครับ
    แต่สําหรับท่านที่ยังใหม่ หรือไม่มีเวลาเข้าวัดฟังพระเทศน์และบางท่านก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ ผมจะขอแนะนําอย่างง่ายๆรั้งท้ายให้แล้วกันนะครับ
    บุญกิริยาวัตถุ ๑๐


    บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, ทางทำความดี ประกอบด้วย
    ทานมัย - ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ(ต้องบริสุทธิ ไม่ลักขโมย)
    สีลมัย - ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือปฏิบัติดี(ศีล5เป็นต้น)
    ภาวนามัย - ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกอบรมจิตใจเจริญปัญญา(การทําสมาธิ มีอานิสงค์มาก)
    อปจายนมัย - ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม(เป็นคนว่าง่าย)
    เวยยาวัจจมัย - ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้(รู้จักเสียสละ)
    ปัตติทานมัย - ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น(การไม่เอาเปรียบเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน)
    ปัตตานุโมทนามัย - ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น(อนุโมทนาบุญ ในสิ่งที่ผู้อื่นทําไว้ดีแล้ว)
    ธัมมัสสวนมัย - ทำบุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้(ตามโอกาสเหมาะสม)
    ธัมมเทสนามัย - ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้(เทศนาบรรยายธรรม)
    ๑๐ทิฏฐุชุกัมม์ - ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง(สัมมาทิฎฐิ)
    ข้อ ๔ และข้อ ๕ จัดเข้าในสีลมัย; ๖ และ ๗ ในทานมัย; ๘ และ ๙ ในภาวนามัย; ข้อ ๑๐ ได้ทั้งทาน ศีล และภาวนา
    เนื้อความในนี้ผมได้คัดลอกมาจาก อ้างอิง: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)และได้เพิ่มเติมในส่วนที่เป็นวงเล็บ ส่วนท่านที่ยังใหม่หรือไม่สะดวกที่จะปฎิบัติตามข้างบนนี้กระผมใคร่แนะนําดังนี้ครับ
    1ให้ทาน ไม่ควรกําหนดที่ปริมาณ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเงินทองหรือสิ่งใดๆก็ตาม ของสิ่งนั้นจะต้องบริสุทธิ
    ต้องให้ด้วยความเต็มใจ และหลังจากให้แล้วต้องไม่เสียดาย
    2การรักษาศีลอย่างน้อยควรให้ครบ5ข้อหรือจะเพิ่มเป็นอุโบสถศีล(ศีล8)ก็ได้เพื่อให้ได้อานิสงค์สูงสุด
    3ภาวนาคือการทําอานาปานสติ(การทําสมาธิ)ได้อานิสงค์สูงสุดยิ่งกว่าบุญใดในโลก เพราะสามารถค้นพบวิธีการดับทุกข์ทําให้จิตสงบ มีปัญญาแก้ไขปัญหาได้ด้วยตน เป็นหนทางสู่มรรคผลนิพพาน(เพื่อความหลุดพ้นในสังสารวัฏ)
    สําหรับคืนนี้ ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนสวัสดีครับ
    จากสิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  6. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    แจ้งลบมีภาพและเสียงที่ไม่เหมาะสมปะปนมาบนYOU Tube

    ผมต้องขออภัยทุกท่าน ที่ติดตามข้อความที่ผมโพส!
    และต้องผิดหวังที่ผมต้องลบสารคดีเรื่องน้ำออกจากไฟล์อย่างกระทันหัน
    เป็นเพราะไม่อยากให้กระทบ กับภาพลักษณ์และเจตนาอันบริสุทธิ ซึ่งกระผมให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่งเสมอมา หากยังมีวิธีการใดๆที่สามารถทําให้ทุกท่าน รู้รักและสามัคคี อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง กระผมยินดีน้อมรับคําแนะนํานั้นครับ.
    จากใจ สิริ ศรีสมบัติ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2011
  7. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    พุทธจักรก็ต้องเป็นพุทธจักร มิอาจเป็นอย่างอื่นไปได้ครับ!

    ขอขอบคุณผู้ที่มีเมตาจิต ที่อยากให้ทุกท่าน ที่กําลังประสบกับวิกฤตน้ำท่วมอยู่ขณะนี้ ผ่านพ้นโดยเร็ววัน
    แนวทางหนึ่งที่สามารถบรรเทาทุกข์ได้ในตอนนี้คือ การสละทรัพย์หรือสิ่งของที่จําเป็นตามเจตนาอันบริสุทธิ ตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือให้ถึงมือท่านเหล่านั้น และเป็นการสร้างบารมีโดยการให้อย่างไม่จํากัดกาล บุญกุศลที่ท่านทําไว้ดีแล้ว ท่านก็จะเป็นผู้ที่ไม่ขาดแคลน หากเมื่อยามมีภัยเช่นกันครับ
    ขออนุโมทนา
    จากสิริ ศรีสมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  8. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    คําตอบของคุณ บ่ายวันนี้ 14....น โดย สิริ ศรีสมบัติ

    ผมต้องขออภัย กับคุณพี่ผู้หญิงที่ทํางานราชการในจังหวัดลําพูน
    ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษา เรื่องการทํางานในปัจจุบันที่ทําอยู่
    แต่เนื่องจากมีผู้ที่รอฟังคําตอบในต่างจังหวัดอีกเป็นจํานวนมาก ซึ่งแต่ละท่านใช้เวลาไปไม่น้อย จึงเกินเวลาที่ผมนัดให้คําตอบกับท่านไว้ ผมจึงถือโอกาสนี้โพสฝากข้อความมายังท่านก็แล้วกันนะครับ หวังว่าคงให้อภัย
    ในอดีตชาติของคุณพี่มีดังนี้ครับ
    คุณพี่เกิดเป็นชาย ธาตุน้ำ(อาโปธาตุ)ครอบครัวเป็นคนมีฐานะดี สมบูรณ์ทั้งโภคทรัพย์ อริยะทรัพย์(ทรัพย์ภายใน)คือเป็นผู้ฝักใฝ่ในการบําเพ็ญทานรักษาศีล เป็นต้น ในชาตินี้พี่เองจึงมีทุกอย่างไม่ต่างจากในอดีตชาติมากนัก แต่
    ชาตินี้พี่กลับกลายมาเป็นหญิง เป็นเพราะดังนี้ครับ
    ในอดีตชาติ พี่มีความละเอียดอ่อนในทุกๆเรื่องจึงมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก และเป็นอย่างนี้จนสิ้นอายุขัย ซึ่งจริงเท็จแค่ไหน
    ขอให้คุณพี่โปรดใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ ส่วนเรื่องงานที่พี่ทําอยู่ ไม่ว่าจะมองมุมไหนคุณพี่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งแล้ว ณ เวลานี้ เพราะท่านได้ทําหน้าที่สนองในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ราชการจึงมีความหมายว่า งานของพระราชา จึงเป็นความภาคภูมิใจต่อวงศ์ตระกูลไปอีกนานเท่านาน และไม่ว่าพี่จะท้อแท้หรือแม้จะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด อย่าลืมความตั้งใจแรกที่อุตส่าห์บากบั่นกว่าจะมายืนอยู่บนจุดนี้ เพื่อประเทศชาติและครอบครัวของพี่เองด้วยนะครับ ขอเป็นกําลังใจ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  9. charoenthai

    charoenthai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +13
  10. charoenthai

    charoenthai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +13
  11. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ฝากข่าว!!!
    ผมขออนุญาตฝากข่าวมายังคุณพี่ผู้หญิง ที่มาศึกษาต่ออยู่ที่เมืองเมลเบิร์น
    ประเทศออสเตรเลีย และกําลังอยู่ระหว่างตัดสินใจ ที่จะแต่งงานกับแฝน?
    ก่อนอื่นผมต้องขอประทานอภัย ที่ไม่สามารถโพสฝากคําตอบเรื่องราวต่างๆ ตามที่พี่สาวของคุณได้กรุณาโทรมาให้ผมช่วยดูให้ เป็นเพราะผมไม่อาจเปิดเผยหรือ นําเรื่องราว ข้อมูลส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใดต่อสาธารณชน ให้มารับทราบตามไปด้วย เป็นอันขาด
    หากคุณได้อ่านเจอข้อความที่ผมโพสไว้ และอยากรับทราบเรื่องราวต่างๆ ตามที่พี่สาวของคุณร้องขอผมมา กรุณาโทรติดต่อไปทางเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฎด้านล่างนี้ หรือหากไม่สะดวก จะโทรผ่านพี่สาวของคุณอีกครั้งก็ได้ เพราะผมได้ลบเบอร์โทรศัพท์ท่านเหล่านั้นทันทีที่คุยธุระจบ และจงสบายใจได้ในทุกๆเรื่อง ผมจึงเรียนมาเพื่อทราบ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  12. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    และเป็นกําลังใจกับคุณน้องผู้ชาย ธาตุลม(วาโยธาตุ)
    หมายเลขโทรศัพท์ +614211875..เวลา18:29น
    เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
    ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษาเรื่องการเรียน
    ผมขอมอบคาถาบทนี้แทนใจให้คุณนะครับ
    สุ จิ ปุ ลิ คือ หัวใจของนักปราชญ์หรือบัณฑิต
    สุ ย่อมาจาก สุตตะ แปลว่าการฟัง
    จิ ย่อมาจาก จิตตะ แปลว่า การคิด
    ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า การถาม
    ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า การเขียน
    "ฟังอะไรฟังให้หมด จดให้มาก ปากต้องใช้ ใจต้องคิด จึงจะเป็นบัณฑิต(นักปราชญ์)ที่แท้จริง"
    ซึ่งเป็นคาถาประจําสถาบัน ในสมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษาในวิทยาลัยแห่งในเมืองไทยนี่แหละจึงอยากให้คุณ ได้น้อมนําไปใช้ด้วยเช่นกันครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  13. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน


    อภิญญาในคำวัตรหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
    1. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
    2. ทิพพโสต มีหูทิพย์
    3. เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
    4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
    5. ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
    6. อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
    อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
    อริยบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ประเสริฐ, ผู้ไกลจากข้าศึก, ผู้หักกำล้อแห่ง วัฏสงสาร ได้แล้ว
    อริยบุคคล สามารถแบ่งออกได้ 2 อย่างคือ
    1. พระเสขะ คือพระผู้ยังค้องศึกษาไตรสิกขาเพิ่มขึ้นต่อไปจนกว่าจะสำเร็จมรรคผล
    2. พระอเสขะ คือ พระผู้ศึกษาสำเร็จแล้ว เสร็จกิจการศึกษาแล้ว ไม่ต้องศึกษาอะไรต่อไปอีก
    และ อริยบุคคล แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
    -พระโสดาบัน สามารถละสังโยชน์ได้ 3 ประการ ผู้ที่บรรลุธรรมนี้อาจเป็นฆราวาสหรือบรรพชิต
    -พระสกิทาคามี ละสังโยชน์ได้ 3 ประการ แต่สามารถทำกิเลสให้เบาบางลงกว่าพระโสดาบัน
    -พระอนาคามี ละสังโยชน์ได้ 5 ประการ
    -พระอรหันต์ ละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการหลุดพ้นจากกิเลสและวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด)
    อริยบุคคลแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ มี 8 หรือ 4 คู่ ได้แก่
    คู่ที่ 1 พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรคและโสดาปัตติผล
    คู่ที่ 2 พระผู้ตั้งอยู่ในสกิทาคามีมรรคและสกิทาคามีผล
    คู่ที่ 3 พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามีมรรคและอนาคามีผล
    คู่ที่ 4 พระผู้ตั้งอยู่ในอรหัตมรรคและอรหัตผล
    การทำให้ไปสู่การเป็น อริยบุคคล จะต้องอาศัย ปัญญา พิจารณาเพื่อลดละกิเลส ลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง
    ปัญญา แปลว่า ความรู้ทั่ว คือรู้ทั่วอย่างถึงเหตุถึงผล รู้อย่างชัดเจน รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ รู้สิ่งที่ควรทำควรเว้น เป็นต้น เป็นธรรมที่คอยกำกับศรัทธาให้มีเหตุผลและไม่หลงเชื่ออย่างงมงาย
    การเกิดปัญญาทำได้ 3 วิธี ประกอบด้วย
    1. โดยการสดับรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
    2. โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
    3. โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)
    (ปัญญา ที่เป็นระดับ อธิปัญญา คือปัญญาอย่างสูง จัดเป็น สิกขา ข้อหนึ่งในสิกขา 3 หรือ ไตรสิกขา คือ อธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญา)
    กรรมฐาน หมายถึง ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิต สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนาหรือวิธีใช้ในการฝึกอบรมขัดเกลาจิตหรืออุบายหรือกลวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดสมาธิ
    กรรมฐาน เป็นสิ่งที่จิตกำหนดเพื่อให้เกิดความสงบ ไม่เตลิดลอยฟุ้งซ่านอย่างไร้จุดหมาย
    กรรมฐาน 40 เป็นอุบาย 40 วิธี ที่ใช้ฝึกจิตให้เกิดสมาธิ คือสิ่งที่เอามาให้จิตกำหนด เพื่อชักนำให้เกิดสมาธิ พอจิตกำหนดจับสิ่งนี้แล้ว จะชักนำให้เกิดความแน่วแน่อยู่กับสิ่งนี้จนเป็นสมาธิได้มั่นคงและเร็วที่สุด ในคัมภีร์ อรรถกถาและปกรณ์ ได้รวบรวมกรรมฐานไว้ 40 อย่าง ประกอบด้วย
    กสิณ 10 แปลว่า วัตถุอันจูงใจหรือวัตถุสำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ เป็นวิธีใช้วัตถุภายนอกเข้าช่วย โดยการเพ่งเพื่อรวมจิตให้เป็นหนึ่ง มี 10 อย่าง คือ
    กสิณ 4 ได้แก่ ปฐวีกสิณ (ดิน) อาโปกสิณ (น้ำ) เตโชกสิณ (ไฟ) วาโยกสิณ (ลม)
    วรรณกสิณ 4 ได้แก่ นีลกสิณ (สีเขียว) ปีตกสิณ โลหิตกสิณ (สีแดง) โอทาตกสิณ
    กสิณแบบอื่น ๆ ได้แก่ อาโลกกสิณ อากาสกสิณ เป็นต้น
    อสุภะ 10 คือ การพิจารณาซากศพในระยะต่าง ๆ รวมกัน 10 ระยะ ตั้งแต่หมดลมหายใจ ขึ้นอืด น้ำเหลืองน้ำหนองไหล เนื้อหนังเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูก
    อนุสติ 10 คือ อารมณ์ดีงามที่ควรระลึกถึงเนือง ๆ ได้แก่ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ มรณสติ กายคตาสติ อานาปานสติ อุปสมานุสติ
    อัปปนัญญา 4 คือ ธรรมที่พึงแผ่ไปในมนุษย์ สัตว์โลกทั้งหลายอย่างมีจิตใจสม่ำเสมอทั่วกันไม่มีประมาณ ไม่จำกัดขอบเขต หรือเรียกอีกอย่างว่า พรหมวิหาร 4 ได้แก่
    1. เมตตา คือ ปรารถนาดี มีไมตรีอยากให้มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย มีความสุขทั่วหน้า
    2. กรุณา คือ อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์
    3. มุฑิตา คือ พลอยมีใจแช่มชื่นบาน เมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข และเจริญงอกงาม ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไป
    4. อุเบกขา คือ วางจิตเรียบสงบ สม่ำเสมอ เที่ยงตรงดุจตาชั่ง มองเห็นมนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ได้รับผลดีร้าย ตามเหตุปัจจัยที่ประกอบ ไม่เอนเอียงไปด้วยชอบหรือชัง

    อาหาเร ปฏิกูลสัญญา กำหนดหมายความเป็นปฏิกูลในอาหาร

    จตุธาตุววัฏฐาน กำหนดพิจารณาธาตุ 4 คือ พิจารณาเห็นร่างกายของตน โดยสักว่าเป็นธาตุ 4 แต่ละอย่างๆ
    อรูป 4 กำหนดสภาวะที่เป็นอรูปธรรมเป็นอารมณ์ ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เพ่งกสิณ 9 อย่างแรก จนได้จตุตถฌานมาแล้ว กรรมฐานแบบอรูป มี 4 อย่าง คือ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    เมื่อเจริญภาวนาจนเกิดปัญญาขั้นสูงสุดแล้วก็จะบรรลุมรรคผลสำเร็จเป็น พระอรหันต์

    สำหรับบรรดาเกจิอาจารย์ทั้งหลายหากสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่ว่าจะยึดแนวทางใด หากละกิเลสได้แล้วก็ถือว่าเป็น "พระอริยสงฆ์" หรือ "พระอริยบุคคล" ที่น่าเคารพศรัทธา ส่วนจะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หรือไม่ขึ้นอยู่กับการสำเร็จมรรคผลขั้นใดและแนวทางการฝึกจิตบำเพ็ญเพียรบางท่านอาจแสดงอิทธิฤทธิ์ได้แต่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ก็มี บางท่านไม่มีอิทธิฤทธิ์แต่เป็นพระอรหันต์ก็มีเช่นเดียวกันครับ!
    ดังนั้นกระผมจึงทุ่มเท เสียสละเวลา พยายามเสาะแสวงหาหนทางเพื่อการดับทุกข์อย่างแท้จริง ตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่ทุกท่านจะได้ น้อมนําไปปฎิบัติให้เหมาะสมกับตนเองด้วยเช่นกันครับ
    และขอขอบคุณคุณพี่นักปฎิบัติธรรมท่านหนึ่ง ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษาและให้กําลังใจมาโดยตลอด
    ผมซาบซึ้งในความมีเมตาจิตของท่าน จึงขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  14. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    คุณพี่ผู้หญิงธาตุไฟ(เตโชธาตุ)
    จากเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เวลา 11:30 น.15/11/2554
    ผมขอเน้นอีกอย่างหนึ่งนะครับ!
    คือเรื่องการชําระหนี้สงฆ์ อย่างต่อเนื่องอย่าได้ขาดนะครับ
    ส่วนอื่นๆก็ให้ทําเป็นปรกติ ตามแต่จะเห็นสมควรครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  15. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุโมทนาบุญ
    คุณพี่ผู้ชายธาตุดิน(ปฐวีธาตุ)
    หมายเลขโทรศัพท์ +614342259-- จากกรุงซิดนีย์ วลา19:35น 19/11/2554
    ประเทศออสเตรเลีย ที่กรุณาณาโทรมาปรึกษาเรื่องงานฯลฯ
    ผมขอเป็นกําลังใจและอวยพรให้คุณจงประสบแต่ความสุข ความสําเร็จในชีวิตคู่ ตลอดจนในหน้าที่การงานการเงินด้วย นะครับ
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  16. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ขออนุทนาบุญ
    และเป็นกําลังใจแด่
    คุณน้องผู้หญิง ธาตุลม(วาโยธาตุ)หมายเลขโทรศัพท์ +614321023--
    เวลา 07:27น 21/11/2554
    จากประเทศ ออสเตรเลีย
    ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษา เรื่องการเรียน
    กรุณาอย่าละเลยในสิ่งที่ควรกระทํานะครับ!
    ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมํ คลมุตฺตมํ
    (ปูชา จะ ปูชนียานัง เอตัมมัง คละมุตตะมัง)
    บูชาสิ่งที่ควรบูชา เป็นอุดมมงคลสูงสุด๑
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  17. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    "สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม"

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว พระองค์เป็นผู้ที่สามารถตอบปัญหา ไขปริศนา ทั้งสามโลกได้ แต่สําหรับปุถุชนนั้นเรื่องของกรรม-เวร เป็นเรื่องซับซ้อน เป็นสิ่งที่ลึกกว่าความนึกคิดคนธรรมดา หากไม่ศึกษาก็ยากแท้ที่จะหยั่งถึงได้ จึงเกิดคําถามชวนสงสัยอยู่เสมอ เป็นต้นว่าเพราะอะไรชีวิตจึงเป็นแบบนั้นแบบนี้ทํากรรมดี-กรรมชั่วแล้วจะได้รับผลเมื่อใดทํานองนี้เป็นต้น
    จะอย่างไรก็ตาม ในบรรดาความสงสัยอันมากมายก่ายกองเหล่านั้น ก็อย่าพึ่งคิด วกวนให้สับสนจนเกินไป ขอให้ตั้งเป็นพื้นฐานไว้ก่อนว่ากรรมนั้น มีจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงพิสูจน์แล้ว จากนั้นค่อยๆ แกะรอยปัญหาด้วยปัญญา หากถามถึงความหมายนั้น แปลกันตรงๆ "กรรม"ก็คือผลของการกระทํานั่นเอง มีเหตุและผลอยู่ในตัวเองอย่างน่าพิจารณา
    "เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฏแห่งกรรม ยังมีวิปัสสนากรรมฐาน"
    คำของหลวงพ่อชา สุภัทโธ กรรมนั้นเปรียบเสมือนกล้องที่จ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา ในทุกขณะจิต ย้อนไปตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ถ้าเป็นภาพยนต์หรือละคร ก็มีภาคต่อ และต่อๆไป ไม่รู้จบสิ้น จนกว่าเราจะบรรลุสู่มรรคผลนิพพานได้ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายปลายทางของเราชาวพุทธ เป็นภาคจบสุดท้ายที่ประเสริฐสุดนั่นเอง แต่ระหว่างทางเดินอันยาวไกล ก่อนที่เราจะถึงดวงแก้วอันผ่องแผ้วนั้น ในลู่ทางเรายังมีสิทธิเลือกที่จะเดินไปดีๆ ระมัดระวังกาย ใจไม่ให้หลงผิดหรือใฝ่ต่ำได้ หมั่นสร้างสมแต่ความดี ขยันเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์แห่งกรรมดีไปตามทางตลอดอายุขัย ได้เหมือนการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นภพภูมิที่เปิดกว้าง ให้เราสั่งสมบุญได้ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเราใช้ชีวิตในชาติหนึ่งผิดพลั้งไปกับการทำความชั่วก็ลังแต่จะสะสมกรรมชั่วให้เพิ่มพูน แล้วมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราเองได้อีก เป็นลักษณะของ
    "กงกรรม กงเกวียน เช่นนั้นเรื่อยไป"
    ขอเป็นกําลังใจและอนุโมทนาบุญกับ
    คุณพี่ผู้หญิง ธาตุไฟ(เตโชธาตุ)
    หมายเลขโทรศัพท์ +4709554-- เวลา16:05น 24/11/2554 จากประเทศนอร์เวย์
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  18. ปรกติ

    ปรกติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +46
    ขออนุโมทนา สาธุ กับสิ่งที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนค่ะ
     
  19. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    เพลงพระคุณที่สาม
    ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้
    อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
    ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที
    ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น
    ครูมีบุญคุณจึงขอเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า
    ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
    ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น
    สอนจนรู้จัดเจนเฝ้าเน้นเฝ้าแนะมิได้อำพราง
    พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส
    แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
    พลาดจากความจริงยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง
    มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู
    บุญเคยทำมาแต่ปางใดๆเรายกให้ท่าน
    ตั้งใจกราบกรานระลึกคุณท่านกตัญญู
    โรคและภัยอย่าได้แผ้วพานคุณครู
    ขอกุศลผลบุญค้ำชูให้ครูเป็นสุขชั่วนิรันดร
    (ให้ครูเป็นสุขชั่วนิรันดร)
    ขอเป็นกําลังใจและอนุโมทนาบุญกับ
    คุณน้องผู้หญิง หมายเลขโทรศัพท์ 083-57854-- เวลา 20:09น 26/11/2554
    จากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้กรุณาโทรมาปรึกษาเรื่องฯลฯ
    กรุณาท่องจํา ในสิ่งที่ผมย้ำเตือนสติน้องให้ขึ้นใจนะ
    และมีให้ค้นหาเพิ่มเติมในพระไตรปิฎก หรือ"บทสวดคําไหว้คุณหลวง"
    ภาษาและวรรณกรรมเมืองล้านนา โดยบุญคิด วัชรศาสตร์(ครูภูมิปํญญาไทย)
    คุณแม่๑๒ คุณพ่อ๒๑ คุณครูอาจารย์๑๐
    จาก สิริ ศรีสมบัติ
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูิหิ(เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2013
  20. sirisrisombat

    sirisrisombat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +32
    ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
    "พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญ ของปวงชนชาวไทย" และนาๆอริยะประเทศ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นายสิริ ศรีสมบัติ
    พร้อมครอบครัว ปวงชนชาวไทยจังหวัดลําพูน
    2/12/2554<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...