คนที่เคร่งศาสนามาก ๆ เป็นคนที่ทำลายศาสนาอย่างรุนแรง

คนที่เคร่งศาสนามาก ๆ เป็นคนที่ทำลายศาสนาอย่างรุนแรง เพราะเราเคร่งศาสนาจนเกินเหตุ เราจึงไปตำหนิดุด่า คนที่ไม่สนใจศาสนา นี่คือการไล่คนเหล่านั้น ให้เกลียดศาสนามากขึ้น ทุกวันทุกวัน เราเป็นสังคมของคน ประหลาด เรามีคนป่วยทางจิตใจมากมายเป็นโล่ป้องกันตัวเอง เรามีคนเจ็บป่วยทางจิตใจมากมาย ที่เอาศาสนาเป็นดาบฟันคนอื่น สุดท้ายศาสนาของเราก็ย่อยยับ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=wZq_-O67upc&feature=related]Wake Up: The Music of Community - Plum Village - YouTube[/ame]

 

ตั้งกระทู้ล่อเป้าอีกแล้ว สงสัยจะมีดราม่าเกิดขึ้นอีก ยังไงฝากเจ้าของเว็ปดูความเหมาะสมด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้ใครมาทะเลาะกัน เครียดน้ำท่วมก็พอแล้ว ไม่อยากเห็นคนในเวปต้องมาทะเลาะกันครับ

 

ผมไม่มีศาสนานะมันทำให้ยึดติดมากเกินไปก่อนจะเข้าใจศาสนาสู้เข้าใจตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ศาสนาเป็น 1 สาเหตุให้เกิดสงครามได้ง่ายมากอย่างนึงเช่นกัน ไม่มีศาสนาใช่ว่าจะเป็นคนดีำไม่ได้จริงไหม ไม่่ได้ไปทะเลาะกับใคร ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ไม่ได้ไปฆ่าใคร อยู่อย่างสันติและสงบ
(ความคิดส่วนตัวของคนไม่มีศาสนาอย่างผมนะครับและผมก็คิดว่ายังมีอีกเยอะพอสำควรที่ไม่ยึดศาสนาเหมือนกัน)

 

คนที่จะมาทะเลาะก็คือพวกคน อ่านหนังสือหน้าหนึ่งเพียงหน้าเดียวละครับ ยังไม่ได้ไตร่ตรองก็ออกมาด่ากันแล้วแต่เนื้อความภายในยังไม่ได้อ่าน ไม่ได้คิดไม่มีสติ ตามที่ผมได้พูดไว้

ผมก็ชอบคุยนะกับพวก มนุษย์ โกโลโกโส ครับ

 

ชอบ สิ่งที่คุณพูด เพราะศาสนาพุทธมันคือธรรมชาติ ล้วน ๆๆครับ จิตสงบอย่างคุณมันก็คือพุทะนั้นละ ผมว่าคุณเจอ สิ่งที่หลายๆๆ คนยังไม่ได้เห็น ความสงบเช่นนี้ ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง

 

ท่านกล่าวได้ถูกใจผมจริง แต่นั่นใช้ได้กับศาสนาอื่นครับ !(กลัวหน้าท่านเหลือเกิน)

พระศาสนานี้สอนให้สอนตน สอนให้ตนเตือนตน สอนให้ตนปฏิบัติตน และถ่ายทอดให้คนที่น้อมศรัทธาเท่านั้น
ผิดไปจากนี้เป็น คือพวกที่หาประโยชน์จากพระศาสนา โดยเอาพระศาสนาบังหน้า เราไม่เรียกพวกเคร่งศาสนาครับ

 

ยังไงก็ขอบใจมนุษย์โกโลโกโส นะครับที่สามารถทำให้คนแบ่งชั้นวรรณะกันได้
ไม่มีโกโลโกโส ก็ไม่มีสะอาด ที่สะอาดคือใจ ใจสะอาดไม่จำเป็นต้องกายสะอาด กลิ่นของศีลไม่ได้ติดเฉพาะคนรวย กลิ่นของศีลติดเฉพาะคนที่ใจสะอาด ความสะอาดภายนอกทุกคนทำได้เพื่อปิดความโกโลโกโสภายในของตัวเอง แต่ความโกโลโกโสภายในปิดยังไงกลิ่นก็โชยออกมา ให้รู้ว่าสกปรกอยุ่ดีครับ

 

ตำหนิตน ดีกว่าตำหนิผู้อื่น ม้างคร้าบ

 

ฮ่า ๆๆๆ สงสัยจะเข้าใจกันผิด แล้วละคุณ คุณยังไม่ได้ไตร่ตรองก่อนเลยนะครับเนี่ย ไม่ทันไรก็ ออกมา ว่าสะแล้วทันใจดีจัง ช่วยมีสติด้วยนะครับ

 

ท่านพูดถูกใจผม เหมือนกัน พระศาสนานี้สอนให้สอนตน สอนให้ตนเตือนตน สอนให้ตนปฏิบัติตน และถ่ายทอดให้คนที่น้อมศรัทธา

แต่นั่นใช้ได้กับศาสนาอื่นครับ !(กลัวหน้าท่านเหลือเกิน)แต่ผมขอคิดต่างครับมันคือ สังคมของเราจริง ๆ

 

ผมไม่ได้เข้าใจผิดหรืออะไรผิดหรอกครับ ผมเพียงแค่ยกตัวอย่างมาให้อ่านกันเฉยๆครับ เช่น ขาว=ดำ ต่ำ=สูง แบบนี้นะครับ สติอยุ่ที่ใจ ใจคือสติ หากขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะทำสำเร็จได้ครับ
อีกอย่างถ้าผมทำให้คนอ่านข้อความของผมผิดเพี้ยนหรือตีความผิดไปผมก็ขอโทษด้วยนะครับ

 

แต่ผมว่าดีนะ คนบางคน จะได้เห็นจิตใจ คนบางคน ในการสนทนาธรรม ของชาวพุทธเรา โดยแต่ละคนก็มีธรรมมะของแต่ละคนออกมา ผมไม่ได้ปิดกันความคิดใคร เราจะได้รู้ว่ามีบางคนเขาคิดเช่นนี้ คิดอย่างนี้ เหมือนกับเราหรือปร่าว หรือบางคนมีข้อคิดดีกว่าเราแล้วเราเอาไปใช้ได้ หากเป็นธรรมที่ดี แต่สังคมไทยตอนนี้มองศาสนาเปลี่ยนไปมากผมว่านะ

เพราะเราเคร่งศาสนาจนเกินเหตุ เราจึงไปตำหนิดุด่า คนที่ไม่สนใจศาสนา นี่คือการไล่คนเหล่านั้น ให้เกลียดศาสนามากขึ้น ทุกวันทุกวัน

ผมว่ามันก็จริงนะ การเปลี่ยนไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งผมว่า มันอยู่ที่ใจเราต่างหาก

 

เคร่งศาสนานี่มีสองอย่าง
1 เคร่งแบบมิจฉา
..........เคร่งอันนี้คือ ตั้งตนว่า เรานี้ปฏิบัติชอบแล้ว ปฏิบัติถูกแล้ว ปฏิบัติดีแล้ว ก็เที่ยวตั้งตนเป็นบรรทัดฐาน เอาตนเองไปเทียบกับคนอื่น ทีนี้ก็คิดว่าคนอื่นปฏิบัติไม่ถูกต้อง ก็เที่ยวไล่สอนชาวบ้านไป ไม่มีความสำรวม เรียกแบบนี้ว่า วิปลาส

2 เคร่งแบบสัมมา
..........คือเคร่งที่จิตตนเองนี้แหละ หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ว่า ".. หัวใจเป็นมหาเหตุ กิเลสเกิดขึ้นที่ใจ สร้างกองทุกข์ขึ้นที่ใจ ธรรมเกิดขึ้นที่ใจ สร้างความสุขขึ้นที่ใจ.." เมื่อเคร่งศาสนาไปที่จิตตรงนี้ เราก็เฝ้าระวังจิตให้สำรวมไว้จึงถูก

 

อนุโมทนากับข้อความดีๆด้วยนะครับ

 

สาธุ
ขอปุจฉา ท่านสักเรื่อง ผมเคยธรรมบุญกับวัดหนึ่งไป 5.000 บาทท่านเอาไปทำอะไรไม่รู้ไม่ทราบ (หรืออีกกรณี มีแบ่งจ่าย )
ผมก็มีสุขอยู่ระดับหนึ่งแต่สุขไม่มาก
แล้วอยู่มาวันนึง ผมเดินไปเจอแมลงสาปนอนเอ้งแม้งหงายอยู่ มันลุกขึ้นไม่ได้แล้วผมก็เอากระดาษทิชชู่ไปให้มันเกาะแล้วมันก็เดินได้ผมดีใจและเป็นสุขใจมากกว่า ผมเอาเงินทำบุญ ผม จะได้บุญเท่ากันไหม สาธุ

 

ถ้าเราเอาความเชื่อต่างๆ มาใส่ไว้ในความเป็นตัวเอง(ทั้งหมด)
ก็คงเกิดการประมวลผล กลายเป็นว่ามีไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่จะต้องกำจัด

 

PITBULL มาเอง

 

"บุญ แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญเป็นเครื่องจำกัดสิ่งเศร้าหมองที่เรียกว่า กิเลส"

ดังนั้น ที่เล่ามานี่ตัวผู้ถามต้องตอบตัวเองครับว่า ระหว่าง ทานสละทรัพย์ให้วัดนั้น กับ การอุทิศตนช่วยแมลงสาบ อันให้ใจท่านเบากว่ากัน สะอาดกว่ากัน อันนั้นแหละบุญมาก ผมตอบให้ท่านไม่ได้ครับ เพราะผมไม่สามารถอ่านใจใครได้ แต่ท่านเองสามารถอ่านใจตนได้อย่างกระจ่างแน่นอนครับ

ปล.ทั้งสองอย่างต่างก็เป็น "ความดี" เมื่อพูดถึงผล ผลแห่งทานสละทรัพย์ คือทำให้อนาคตเราก็จะมีทรัพย์มาก ส่วนช่วยแลงสาบ ผลคือเมื่อเราตกระกำลำบาก เราจะไม่ห่างความช่วยเหลือครับ แต่เมื่อพูดถึง"บุญ" อันนี้ดูว่าชำระกิเลสได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งใกล้นิพพาน นั้นแหละบุญมาก

 

ผมไม่รู้ว่าผมติดอยู่หรือ ปล่าวแต่เจตนาฆ่าสัตว์ สิ่งมีชีวิตไม่มีครับ อันนี้จิง ๆไม่เคยคิดฆ่า ผมว่าสัตว์ทุกตัว มันมีสิทย์ที่จะอยู่บนโลกครับ เออแต่ผมสุขมากกว่าที่ได้ช่วยมันมากกว่า