สุเมธดาบส

ในห้อง 'ฝากคำถามถึงหลวงพ่อเล็ก' ตั้งกระทู้โดย หลานศิษย์, 7 พฤศจิกายน 2011.

  1. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    กราบนมัสการหลวงพี่เล็กครับ

    เมื่อครั้งอดีต เมื่อสุเมธดาบสได้พบพระพุทธเจ้าทีปังกร และได้รับพุทธพยากรณ์

    สุเมธดาบสได้ฤทธิ์อภิญญาแล้ว

    ทำไมสุเมธดาบส ไม่มาบวชเป็นสงฆ์สาวกพระพุทธเจ้า และบำเพ็ญบารมีต่อ
    น่าจะได้ทำบารมีได้มากกว่า ได้แง่ของทาน และธรรม

    หรือว่าการที่สุเมธดาบสบำเพ็ญด้วยตนเอง ก็บำเพ็ญฌาน เนกขัมมะอันยิ่ง ก็นับว่าดีเหมือนกัน

    ขอความกรุณาหลวงพี่ตอบปัญหาด้วยครับ
    ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  2. Aเอกชัย

    Aเอกชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +98
    วาระยังมาไม่ถึง กับไม่ได้อธิฐานหรือเกี่ยวพันในอดีตให้ต้องเป็นสาวก(กรรมไม่เนื่องต่อกัน) การบำเพ็ญบารมีโดยเฉพาะของพระโพธิสัตว์ มีลำดับขั้นตอนไม่มีทางลัดครับ
     
  3. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    ผมเองก็มีความคิดเรื่องกรรมที่เกี่ยวเนื่องนี้เหมือนกัน
    การสะสมบารมีก็เป็นลำดับ ๆ เหมือนกับธรรม

    เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์ พบพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ได้รับพยากรณ์
    แต่ละชาติ ๆ เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ เป็นพราหมณ์ ผู้ฝักใฝ่ในธรรม เป็นเทวดา เป็นราชสีห์ ฯลฯ

    ตามลิ๊ง
    p204


    ในการสร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าแต่ละชาติ ๆ ทำตามกำลัง ศรัทธา
    ท่านมักจะบำเพ็ญเนกขัมมะออกบวชเป็นปกติ ได้ฌาน อภิญญา ขันติ อันยิ่ง

    การพิจารณาออกบวชเป็นสงฆ์สาวกในกาลสมัยพระพุทธเจ้านั้น พิจารณาในเรื่องของ

    1) ศีลพรตของฤาษี และสาวก ไม่เหมือนกัน
    การเป็นฤาษีสามารถภาวนา ได้ฌาน สมาบัติเหมือนกัน และจะทำได้ยิ่งกว่าในบางเรื่อง เพราะไม่มีศีล ประเพณี หลักปฏิบัติใด ๆ มากำหนด

    2) การเป็นสาวก อาจไม่สะดวกในการทำทาน ถ้าเป็นพระมหาจักรพรรดิ์อยู่แล้ว การทำมหาทานสะดวกกว่ามาก

    3) จุดประสงค์ คือ พระโพธิญาณ พระพุทธเจ้าท่านสอนทางแก่อริยภูมิ ที่สุดคือพระอรหันต์ จุดมุ่งหมายพระโพธิสัตว์ท่านรู้ดี จึงพิจารณาว่าการเป็นสาวกยังไม่ใช่ทาง
    เนกขัมมะท่านก็ทำได้แล้ว ยิ่งแล้ว บารมีต่าง ๆ ท่านต้องทำเอง ตามวาระ ภพชาติที่เกิด
     
  4. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    มาตอบเองซะยังงี้แล้ว เลยไม่รู้ว่าหลวงพี่เล็กยังจะตอบอีกหรือเปล่า
    ขอหลวงพี่เมตตา

    ตอนแรกมีคำถามนี้ในใจนะครับ แต่เห็นคนเข้ามาตอบ เลยพิจารณาแล้วตอบเพิ่มไป
    ไม่ได้ลองภูมิแต่อย่างใด
     
  5. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม พบว่า พระโพธิสัตว์ได้บวชเป็นสงฆ์สาวกกับพระพุทธเจ้ามาแล้ว 5 พระองค์ ในจำนวนนี้ 3 พระองค์ คือพระพุทธเจ้าในภัทรกัลป์นี้

    แสดงว่าพระโพธิสัตว์มักจะบวชเป็นสาวกในช่วงยุคปลายที่ติดกับพระองค์
    พระองค์ตรัสรู้องค์ที่ 4 แต่ได้บวชกับพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 - 3

    สมัยพระมหาปุสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า (9)
    ในกาลนั้นพระนิยตโพธิสัตว์กำเนิดในตระกุลกษัตริย์ ได้ครองราชทรงพระนามว่า พระเจ้าวิชิตราชา วันหนึ่งเมื่อพระองค์ได้ทรงทราบว่า พระมหาปุสสะพุทธเจ้าตรงอุบัติขึ้น พระองค์ทรงเสด็จเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้า เมื่อได้ทรงสดับพระธรรมจากพุทธองค์ พระวิชิตราชา ก็ทรงสละราชสมบัติทังหมด ออกบวชเป็นพระภิกษุ ทรงศึกษาพระไตรปีฏกจนแตกฉาน แสดงธรรมได้คล่องแคล้วยิ่งนัก
    ในครานั้น พรมหาปุสสะพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
    "พระวิชิตภิกษุพระองค์นี้ ต่อไปในอนาคต 92 มหากัป ต่อจากนี้ไป จะตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภัทรกัป มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม"
    พระวิชิตภิกษุ ก็สร้างบามีต่อไป แล้วเวียนเกิดตาย ไปอีกนาน

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>สมัยพระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า (12)
    ในกาลนั้น พระนิยตโพธิสัตว์ ได้เสวายราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าสุทัสสนะมหาราช เมื่อพระองค์ได้ข่าวว่า พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบังเกิดขึ้นในโลก พระองค์ทรงปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทรงดำเนิดไปเฝ้าพระพุทธเจ้าบังเกิดศรัทธา เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นพระองค์ทรงประกอบมหาทานเป็นอย่างมาก แล้วทรงสละราชสมบัติ ออกบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาพระไตรปิฏก จนแตกฉาน
    ในครานั้นพระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
    "พระสุทัสสนะภิกษุ นานไปในอนาคติอีก 31 มหากัป จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ในภัทรกัปนั้น"
    หลังจากนันพระสุทัสสนะภิกษุก็ เพียรสร้างบารมีในพุทธภูมิให้เต็มเปลียมบริบูรณ์ขึ้น แล้วเวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน
    </o:p>

    <o:p>สมัยพระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า (13)
    ครั้งนั้นพระนิยตโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระเจ้าเขมะราชาธิราช เป็นพระราชาปกครองประเทศ เมื่อพระองค์ได้ทรงพบ พระกกุสันธะพุทธเจ้า พระองค์ทรงศรัทธาอย่างยิ่ง ทรงหมั่นฟังธรรมถวายมหาทานเป็นประจำ ในที่สุดพระองค์ทรงออกบวช ในพระพุทธศาสนา ศึกษาจนแตกฉานในพระธรรม เป็นที่เลื่อมใสของชาวประชา
    กาลวันหนึ่งพระกกุสันธะพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
    "พระเขมราชภิกษุนี้ จะได้ตรัสเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ เป็นลำดับองค์ที่ 4 มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม"
    หลังจากนั้นพระโพธิสัตว์ก็สร้างสมบารมีให้สมบูรณ์ขึ้น จนอายุขัยประมาณ 40,000 ปี ก็ เวียนเกิดตาย อยู่ 1 พุทธันดร <o:p></o:p>
    พระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (14)
    ครั้งนั้นพระนิยตโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระเจ้าบรรพตบรมราชา เป็นพระราชาปกครองประเทศ เมื่อพระองค์ได้ทรงพบ พระโกนาคมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ทรงสละราชสมบัติออกบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ทรงศึกษาพระไตรปีฏกจนแตกฉาน เป็นที่เลื่อมใสของชาวประชา
    กาลวันหนึ่งพระโกนาคมพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
    "พระบรรพตบรมราชาภิกษุนี้ จะได้ตรัสเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ เป็นลำดับองค์ที่ 4 หลังจากคถาคตไปองค์ที่ 2 มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม"
    หลังจากนั้นพระโพธิสัตว์ก็สร้างสมบารมีให้สมบูรณ์ขึ้น จนอายุขัยประมาณ 30,000 ปี ก็ เวียนเกิดตาย อยู่ 1 พุทธันดร <o:p></o:p>
    สมัยพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า (15)
    ครั้งนั้นพระนิยตโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น บุตรของพราหมณ์มหาศาล มีนามว่า โชติปาลมานพ ได้ศึกษาจบไตรเพท มีสหายนามว่า ฆฏิการมานพ เป็นนายช่างทำหม้อ ฆฏิการมานพกล่าวชวน โชติปาลมานพ ไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ถึง 3 ครั้ง 2 ครั้งแรก โชติปาลมานพไม่ยอมไป แล้วกล่าวทำนองว่า "การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นของยาก และการที่มีผู้อวดอ้างว่าเป็นพระพุทธเจ้า เราหาเชือไม่" ในครั้งที่ 3 ฆฏิการมานพซึ่งบรรลุเป็นพระอานาคามี จำเป็นต้องจับศรีษะโชติปาลมานพแล้วกล่าวชวนอีกครั้ง โชติปาลมานพมีความแปลกใจ ในพฤติกรรมของเพื่อน จึงยอมไปดู เมื่อได้ฟังธรรมจากพระกัสสปะพุทธเจ้า จึงมีศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ออกบวชในพุทธศาสนาทันที่ ศึกษาพระไตรปฏิกจนแตกฉาน เป็นที่เลื่อมใสของชาวประชา
    ครานั้น พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
    "พระโชติปาลภิกขุนี้ จะได้ตรัสเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ เป็นลำดับองคที่ 4 หลังจากคถาคต ในเบื้องหน้า มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม"

    </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...