กลุ่มชนคนดูดวง

เขาไช่หรือไม่แล้วการงานเป็นอย่างไรการเรียนจะประสบผลสำเร็จไหม

ดิฉันอายุ22ปี เกิดวันที่12/02/2532
1.อยาดรู้ว่าคนที่คบอยู่ทุกวันนี้ใช่จะได้แต่งงานกันไหมคะเขาเกิดวันที่03/09/2532คะ
2.การงานมีโอกาสจะเดินหน้าไปมากกว่านี้ไหม
3.เรื่องการเรียนจะสอบเข้าศึกษาในปีหน้าจะติดที่อยากได้หรือเปล่า
ช่วยดูให้ด้วยนะคะเพราะไม่แน่นใจกับอนาคตเลยไม่รู้ว่าเป็นคนดวงดีหรือไม่ดีกันแน่
ขอบคุณคะ

 

คาถาพญายมจะสวดเป็นประจำ คือตอนออกจากบ้านและก่อนนอน เป็นคาถาที่ดีมาก เคยฝันและในฝันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณซึ่งทำให้กลัวมาก ปรากฎว่าคาถานี้ออกมาเองเลยค่ะในความฝันหลายรอบมากซึ่งเราไม่ได้ท่องเอง จนทำให้วิญญาณนั้นหลุดจากเราไป เลยมีความเชื่อว่าคาถานี้สามารถคุ้มครองเราได้จริงๆ ค่ะ

 

จำไว้นะ

 

เปิดให้คนทั่วไปเรียนหรือเปล่าคุณเสขบุคคล อยากไปเรียนด้วยจัง
คุณตาอายุ 80 ที่บ้านมีความสนใจอยากฝึกสมาธิ จะพาคงจะได้จะนะคุณเสขบุคล

 

http://www.facebook.com/rustanyou พระอาจารย์ท่านเก่งมาก ท่านสงเคราะห์ผู้คนที่มีทุกข์อยู่ที่นี่ ลองติดต่อดูเถิดขอรับ

 

ตามรอยพระศาสดา

ตามรอยพระศาสดา แสดงธรรมโดยพระอาจารย์ สมทบ ปรกฺกโม
ดาวน์โหลด CD-MP3 พระอาจารย์สมทบ ปรกฺกโม

 

นี่ละหนา อิทธิพลของกระแสธาตุแห่งดวงดาว ปัจจุบันมีข่าวเรื่องเสื่อมเสียแก่พระศาสนา ดังนั้นควรศึกษาธรรมวินัยไว้บ้าง เพื่อไม่ให้ทำผิด คือเราเองจะได้ไม่ไปทำให้ผิดต่อพระวินัยของพระ และช่วยให้พระอยู่ในศีลวินัยที่บริบูรณ์ด้วย

 

ปัจจัย๔ คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ​

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บเล็กๆน้อยๆ จนถึงกระทั่งเป็นโรคเรื้อรัง รักษายาก เป็นโรคร้ายแรงต่างๆ ตลอดจนถึงการประสบเคราะห์กรรมร้ายๆด้วย ที่จรเข้ามาสู่วิถีชีวิตของแต่ละท่าน ๆ เมื่อว่าโดยปัจจัยแล้วก็มีอยู่ ๔ อย่างตามที่ปรากฎในข้อมูลที่ผมได้เรียนรู้มา แต่ส่วนมากมักเกิดจากกรรมเป็นปัจจัย และก็เป็นที่นิยมจนเป็นวัฒนธรรมก็ว่าได้ มีอะไรๆก็โทษกรรมก่อนเป็นอันดับแรก จนเกิดประเพณีแก้กรรม ด้วยวิธี หรือพิธีกรรมต่างๆ ตามแต่ผู้รู้จะแนะนำกันด้วยวิธีของตนๆ ​

เป็นความจริงอย่างหนึ่งของคนที่ดวงตก(อกุศลวิบากกรรมกำลังให้ผล) ย่อมเบียดเบียนความความคิด จิตใจ การกระทำ ให้ผู้นั้นเกิดความเห็นผิด ดำเนินชีวิตไปในทางที่ผิด ให้พบกับทางออกที่ผิดๆ และไม่สามารถแก้ไขชีวิตของตนในทางที่ดีขึ้นได้ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ยิ่งพันไปกันใหญ่ หากกุศลกรรม(บุญ)ของผู้นั้นไม่ได้มีกำลังพอที่จะมาเบียดเบียนให้ขณะทุกข์นั้นบรรเทาลง ผู้นั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากสภาวะทุกข์นั้นๆให้เป็นสภาวะที่มีความสุขขึ้นมาได้ เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ในปางก่อน ดังนั้นคนที่มีบุญพอ ย่อมมีทางออกได้ในระยะเวลาไม่ช้า​

ผลแห่งทุกข์หรือเคราะห์กรรมต่างๆล้วนแล้วเกิดจากศีลวิบัติ คือผิดศีล (ศีล๕) เป็นเหตุพื้นฐาน บุคคลที่ประสบความทุกข์ ประสบเคราะห์กรรมก็เพราะผู้นั้นมักทำผิดศีล ผิดธรรมด้วยเหตุข้อใดข้อหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ส่งผลให้เกิดเคราะห์กรรม มีทุกข์ด้วยประการต่างๆ ก็คงต้องรับมันไป ไม่ต้องไปสนใจมัน หากยังคงทำบาป ทำอกุศลกรรม ผิดศีล กันต่ออีก ก็คงไม่พ้นจากบ่วงทุกข์นี้ไปได้ แต่ถ้าเราไม่ต้องการตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์อีกต่อไป ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ให้เป็นผู้ตั้งตนอยู่ในความไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ด้วยการรักษาศีลให้บริบูรณ์ แล้วเจริญกุศลกรรมอื่นๆให้มากขึ้นตามลำดับ​

ก่อนที่เราจะทำอะไรๆได้ถูกต้องนั้น มีความเชื่อกรรมและผลของกรรมตามความเป็นจริงเป็นต้น จะต้องเริ่มต้นจากการศึกษาก่อน คือให้รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะทำบุญให้เป็นบุญ ทำอย่างไรบุญที่เราทำจึงจะให้ผลมาก และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือมรรค-ผล ได้อย่างไร หากขาดการศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจเสียก่อนแล้ว แล้วหนทางที่จะดำเนินไปนั้น จะถูกต้องได้อย่างไร อย่างไรคือหนทางที่แท้จริงถูกต้อง อย่างไรคือหลุมพรางกับดักหรือเหวลึกที่จะทำให้เราตกต่ำ เสียหาย ความรู้ความเข้าใจจึงเป็นความสำคัญอันดับแรก ที่เราควรทำความเห็นแจ้งเสียก่อน​

เมื่อว่าโดยกรรมเป็นปัจจัยแล้ว ย่อมมีปัจจัยเป็นได้ทั้งสุขและทุกข์ หากทำกรรมดีย่อมให้เกิดสุข หากทำบาปอกุศลกรรม ย่อมส่งผลให้เป็นทุกข์ ดังนั้นก็ควรทำบุญสร้างกุศลกันไว้เสมอๆแม้ในยามที่เป็นปกติสุขดีอยู่ เนื่องจากในยามทุกข์ แล้วเราจึงมาหันหน้าเข้าหาวัด ทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล หรือจะทำบุญให้ได้เท่ากับพระเวสสันดรท่านบำเพ็ญบารมีก็ตาม บุญนั้นก็ไม่อาจส่งผลให้ทันกาลได้ ​

ส่วนผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็ด้วยผลที่ทำการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ทำร้ายสัตว์ต่างๆ ทั้งมีคุณมากหรือน้อยก็ตาม มีความเพียรในการกระทำมากหรือน้อยก็ตาม และไม่ว่าประการใดๆ สัตว์นั้นถึงแก่ความทุกข์หรือความตายแล้ว ไม่ว่าในภพนี้หรือภพก่อนก็ดี ไม่ต้องไปคิดถึงมันอีก เพราะการคิดถึงบาปกรรมเก่าๆมันยิ่งทำให้เกิดจิตเศร้าหมองยิ่งขึ้น ให้รู้ไว้ว่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรทำอีก ให้เปลี่ยนแปลง ความคิด จิตใจ การกระทำเสียใหม่ ให้ทานบ้าง รักษาศีล และเจริญในบุญกิริยาวัตถุต่างๆอยู่เนืองๆ ให้ชีวิตสัตว์เป็นทานด้วย​

เมื่อทำบุญก็ให้มีจิตใจเป็นไปในกาลทั้ง๓คือก่อนทำก็มีใจยินดีที่จะทำกุศล (ตั้งใจไว้ดีก่อนที่จะได้ทำกุศล) ขณะที่ทำก็มีใจปีติปราโมทย์และเมื่อได้ทำบุญกุศลแล้ว นึกได้เมื่อไรก็มีความอิ่มเอิบใจในบุญที่ตนทำไปแล้ว ทำอย่างนี้เสมอๆ อย่าไปคิดถึงบาปกรรมเก่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้จิตเกาะติดกับบุญกุศลใหม่ๆที่ทำเสมอๆ หากบาปอกุศลเบาบางลง ทุเลาลง ผลบุญมีโอกาสได้ช่องทางที่จะให้ผล เมื่อนั้นท่านย่อมประสบกับความสุข​

มีโอกาสจะมาเขียนใหม่นะครับ​

 

Anonymity ชื่อนั้นสำคัญไฉน? :: โดย Lawyerthai.com

Anonymity ชื่อนั้นสำคัญไฉน? :: โดย Lawyerthai.com

​

โลกไซเบอร์นี้แปลกนะครับ เหมือนอีกเป็นโลกหนึ่ง เวลาที่เราอยู่บนโลกไซเบอร์ เราสามารถกลายเป็นอีกคนหนึ่งได้ สามารถปกปิดตัวตนของตัวเราเองได้ รวมถึงสามารถใช้ชื่อใหม่ได้ ดังนั้นการสื่อสารโดยใช้ชื่อปลอม (Pseudonym) หรือนามแฝงจึงถือเป็นสิ่งปกติบนอินเทอร์เน็ตครับ
การใช้นามแฝงนี้โดยปกติก็ไม่น่าจะมีปัญหาทางกฎหมายอะไรนะครับ แต่ถ้าเราใช้ชื่อของคนอื่นไปทำความเสียหายล่ะก็อย่างนี้ต้องรับผิดครับ รวมไปถึงการใช้ชื่อของคนอื่นโดยเจ้าตัวเขาไม่อนุญาตด้วยนะครับ โดย "ชื่อ" ที่กฎหมายเขาคุ้มครอง คือ ชื่อสกุลหรือนามสกุลครับ ถ้าเอาไปใช้โดยไม่มีสิทธิ (คือเจ้าของเขาไม่อนุญาต) แล้วเกิดความเสียหายขึ้นก็อาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ครับ (เจ้าของนามสกุลก็คือใครก็ได้ที่มีสิทธิ์ใช้นามสกุลนั้นตามกฎหมายครับ)
เรื่องการใช้ชื่อปลอมนี้ก็มีปัญหาในต่างประเทศเหมือนกันครับ มีคดีหนึ่งเกิดขึ้นในอเมริกา ถึงจะไม่เกี่ยวกับการใช้ชื่อปลอมบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่เหตุผลของศาลก็น่าสนใจครับ ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือ มีรัฐหนึ่งเขาออกกฏหมายห้ามการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ระบุชื่อจริง คือห้ามการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบของบัตรสนเท่ห์ครับ ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา วินิจฉัยว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญครับ เพราะจากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก็แสดงให้เห็นว่า นักคิดนักเขียนที่สำคัญต่างก็แสดงความคิดเห็นโดยใช้นามแฝงครับ แหม อ่านมาถึงตรงนี้ก็อย่าเพิ่งย่ามใจนะครับว่าจะใช้ชื่อปลอมไปสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นได้ ในคดีดังกล่าวศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา วินิจฉัยถึงการแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์โดยใช้ชื่อปลอมเท่านั้นนะครับ ซึ่งผมก็เห็นว่าถ้ามีคดีประเภทเดียวกันฟ้องร้องในศาลไทย ศาลท่านก็คงจะวินิจฉัยอย่างเดียวกันล่ะครับ
กล่าวโดยสรุปนะครับว่า ใช้ชื่อปลอมท่องอินเทอร์เน็ตน่ะได้ แต่ขอให้จำไว้ว่า หนึ่ง เรามีสิทธิ์ใช้ชื่อปลอมนั้นหรือเปล่า และ สอง เราใช้ชื่อปลอมนั้นไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นหรือไม่ครับ

คัดลอกจาก
http://www.lawyerthai.com/articles/it/060.php

 

สาระสำคัญของร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล :: โดย Lawyerthai.com

สาระสำคัญของร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล :: โดย Lawyerthai.com

​

ผมเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตมาหลายครั้งแล้วครับ แล้วก็ทิ้งท้ายเสมอถึงความจำเป็นของประเทศเราที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายตัวนี้จริง ๆ ผู้รับผิดชอบเขาก็ยกร่างกันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้เลยถือโอกาสมาพูดถึงสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันพอสังเขปครับ
ร่างกฎหมายนี้เกิดขึ้นนอกจากจะเพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญของเรารับรองสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลครับ แต่ยังไม่มีการกำหนดกลไกในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งสามารถประมวลผลและเผยแพร่ถึงบุคคลจำนวนมากได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ครับ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายก็มีความหมายกว้างครับ ครอบคลุมข้อเท็จจริงทุกอย่างเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่างทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งก็รวมทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานภาพทางสังคม ประวัติการศึกษา พฤติกรรรมการบริโภค และข้อมูลอื่นๆ ครับ ส่วนบุคคลที่กฎหมายประสงค์จะคุ้มครองเขามุ่งที่บุคคลธรรมดาเป็นหลักครับ เพราะเขาถือว่านิติบุคคลนั้นมีกฎหมายเฉพาะคุ้มครองอยู่หลายฉบับแล้ว โดยกฎหมายให้ความคุ้มครองการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลทั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic means) และวิธีการที่ใช้ภาษามือ (manual) ครับ
กฎหมายนี้เขาเขียนเป็นหลักไว้เลยครับว่าการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำมิได้เว้นแต่กฎหมายจะให้อำนาจไว้ โดยในตัวร่างกฎหมายจะกำหนดหลักแต่ในการรวบรวม การใช้ การเปิดเผย การเก็บรักษาและการเข้าถึงข้อมูลเอาไว้ ส่วนข้อมูล sensitive บางอย่างเช่นที่เกี่ยวกับ ความเชื่อทางศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรือประวัติสุขภาพนั้นเขาก็ได้กำหนดกลไกการคุ้มครองไว้เป็นพิเศษด้วย
ท่านผู้อ่านอาจจะเห็นว่ากฎหมายนี้มีรายละเอียดมากครับ แต่ถึงจะละเอียดแค่ไหนก็คงจะกำหนดให้ครอบคลุมทุกเรื่องไม่ได้ ในร่างกฎหมายนี้ผู้ร่างเขาก็ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อให้ภาคเอกชนสร้างกลไกในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองครับ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น หลักเกณฑ์ของภาคเอกชนที่ว่านี้ เขาเรียกว่า “ประมวลจริยธรรมในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ครับ ซึ่งก็จะต้องไม่ให้ไปขัดกับกฎหมายด้วย โดยเขาจะมีคณะกรรมการมาคอยกำกับการออกประมวลจริยธรรมอีกทีหนึ่ง
ที่เป็น Highlight ของกฎหมายนี้ก็คือการกำหนดความรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นจากการดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายครับ และเนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่ก็คือประชาชนทั่วไป ส่วนผู้ทำผิดก็มักมีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยี กฎหมายเขาจึงวางหลักเกณฑ์ให้หน้าที่ในการพิสูจน์เป็นของผู้ครอบครองหรือควบคุมบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นครับ ว่าตัวเองได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายหรือประมวลจริยธรรมกำหนดครับ
ก็คงต้องจับตาดูกันนะครับว่ากฎหมายที่ผ่านสภาและประกาศใช้จริงๆ จะมีหน้าตาและหลักการอย่างที่ผมเล่ามาหรือเปล่า และบ้านเราเป็นอย่างนี้เสมอครับ กฎหมายร่างกันขึ้นมาตามหลักการอย่างสวยหรูแต่พอเข้าสภา กฎหมายที่ออกมาหน้าตาหลักการไม่เหมือนเดิมครับ เหมือนกับใส่หมูเข้าไปในเครื่องแทนที่จะได้ไส้กรอกออกมากลับกลายเป็นลูกชิ้นปลาครับ



�����Ӥѭ�ͧ��ҧ��������Ҵ��¡�ä�����ͧ��������ǹ�ؤ�� :: Online Lawyer & Community

• 

 

ข้าพเจ้าขอบารมีองค์สมเด็จพระสั<wbr>มมาสัมพุทธเจ้า โปรดช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำ<wbr>ท่วม ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ ได้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติในครั้ง<wbr>นี้ ทุก ๆ ชีวิตด้วยเทอญ

ขอให้ความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ อันตรายใด ๆ จงสลายไป จงสูญสิ้นไป ด้วยอำนาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ


ขอให้ทุกท่านร่วม อธิษฐานจิต ส่งกำลัง เพื่อช่วยเหลือทุก ๆ ชีวิตที่ได้รับความทุกข์ ให้ปลอดภัย ให้รอดพ้น จากภัยพิบัติ อันตรายทั้งหลายทั้งปวง

ข้าพเจ้า ขอตั้งจิตอธิษฐาน บุญใดที่ได้สร้างไว้ดีแล้วทุกภพทุกชาติ ขอให้บุญนั้นส่งผลให้ทุก ๆ ชีวิตที่ได้รับความทุกข์ ได้พ้นจากความทุกข์ ขอให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ อันตรายทั้งหลายทั้งปวง ความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ อย่าได้เกิด อย่าได้มี กับสรรพชีวิตทั้งหลายด้วยเทอญ

 

ตอนที่ 12 วันที่ 6 ตุลาคม 2554

 

ใครทราบบ้าง เวลาสวดปัตติทานะคาถาคนเดียวต้องขึ้นต้นด้วย หันทะ มะยัง หรือเปล่าคะ แล้วต้องเปลี่ยนมะยังเป็น อะหังด้วยไหมคะ (เพิ่งเริ่มสวดมนต์ค่ะ ยังไม่มีความรู้นัก)

 

การสวดคนเดียวไม่ต้องท่องบทขัดครับ ฉะนั้นคุณสวด "ยา เทวะตา สันติ......" ไปเลยครับ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ


ฝากมานิดนึง พระอาจารย์ใหญ่แนะนำให้สวดบท ระตะนะสุตตัง ในหนังสือมนต์พิธีหน้า ๕๙ เพื่อป้องกันเหตุเภทภัยที่ไม่ดีแก่ตนเองและครอบครัวนะครับ ถ้าไม่เหลือวิสัยกฏแห่งกรรม ก็จะได้พ้นจากความเดือดร้อน ลำบาก และความทุกข์ได้ ด้วยพระพุทธานุภาพเป็นต้น

 

ช่วยดูด้วยนะครับ ส่ง pm ไปแล้วครับ

 

รบกวนดูดวงให้ด้วยค่ะ ส่ง pm ไปแล้วค่ะ :z16

 

ส่งข้อความถึงคุณคนดูดวงครับ ผมเกิด 23 ธ.ค.2518 เวลาประมาณ 10-11.00 น. 1.ชื่อผม ชัยปภัทร์ มีความหมายว่าอย่างไรครับ 2. ชาตินี้ผมจะไปถึงจุดมุ่งหมายหรือไปได้ใกลแค่ไหนครับ 3. ผมจะหาอุบายทำอย่างไรต่อมสมาธิและต่อมปัญญาจึงจะเกิดขอตรงๆสักครั้งเถิดครับ

 

จริงๆแล้วอันนี้ยังเข้าไม่ไม่ถูกนะครับ แต่ไม่เป็นไรดูให้ก็แล้วกันนะครับ ​

ถ้าเข้าให้ถูกต้อง ต้องส่งไปที่ข้อความส่วนตัวนะครับ

จากดวงที่คุณให้มานั้น ชื่อของคุณไม่มีตำแหน่งที่ไปส่งผลเสียครับ ถือว่าดีครับ ส่วนกำลังเลขขออนุญาตผ่านไปก่อนนะครับ ความหมายจากชื่อก็ถือว่ามีความหมายดี
ส่วนคำถามที่คุณถามมานั้นมันเป็นเรื่องการปฏิบัติธรรม ซึ่งสิ่งทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตนนะครับ ไม่ใช้ว่าผมเลี่ยงที่จะตอบนะครับ บุคคลที่เกิดมาด้วยเหตุอันเกิดจากกรรม หากคุณปฏิสนธิด้วย ติเหตุกบุคคล แล้วละก็ การปฏิบัติธรรม สมถะก็ดี วิปัสสนาก็ดี มรรค ผล ฌาน อภิญญา ย่อมเกิดได้ ส่วนถ้าปฏิสนธิจิตของคุณเป็น ทวิเหตุกบุคคลแล้ว ก็ไม่อาจจะเกิดผลได้ครับ ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเกิดมาด้วยเหตุที่ทำมาประการเท่าใดก็ตาม หากมีปโยคะคือความเพียรแล้ว ย่อมส่งผลให้เป็นวิบากต่อไปในภพหน้าชาติหน้าได้ หรือแม้ชาตินี้ก็เป็นผลให้มีความอิ่มเอิบใจในกำลังของสมาธิตามที่คุณได้พิจารณา ภาวนา ผมเองก็ยังแสวงหาฝั่งอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจขอให้คุณสามารถปฏิบัติธรรมได้ถึงธรรมนะครับ
ว่าตามหลักโหราศาสตร์ดวงของคุณต้องควบคุมเรื่องอารมณ์นิดนึงนะครับ เนื่องจากดาวธาตุลมและธาตุไฟมันส่งผลทำให้เกิดความใจร้อนได้ ส่วนดาวศีลธรรมในดวงอยู่ในตำแหน่งดี แต่ปีนี้เป็นอุบาทว์ ถ้าปฏิบัติสิ่งใดควรตรวจสอบถามหาจากผู้รู้อีกทีหนึ่งจึงเป็นการดีครับ
ส่วนคำถามในข้อที่ ๒ นั้น ขึ้นอยู่กับกำลังใจและกำลังในการปฏิบัติของท่านนะครับ อินทรีย์และพละของคุณที่ทำมาอยู่ในเกณฑ์ไหน ถ้าไม่ละทิ้งเป้าหมาย จุดหมายย่อมเป็นที่หวังได้
ส่วนคำถามข้อ ๓ การทำอุบายให้เหมาะแก่จริตของการปฏิบัติก็ต้องดูที่อัทธยาศัยของตนหรือที่ว่าจริตในขณะนั้นๆของตนๆก่อนที่สำคัญที่สุดคือควรศึกษาการทำสมาธิด้วยวิธี สมถภาวนาก็ดี วิปัสสนาภาวนาก็ดี ขั้นตอน ลำดับการปฏิบัติและผล ให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วจะได้ไม่เป็นมิจฉาสมาธิไป ปัญญาเกิดจาก สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการฟัง การศึกษาเรียนรู้ จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิด ใคร่ครวญ ด้วยเหตุผลตามความเป็นจริง ปัญญาทั้ง ๒ อย่างนี้จัดเป็นขั้นของ ปริยัติสัทธรรม และภาวนามยปัญญา ที่เป็นปัญญาที่เกิดจากผลของการปฏิบัติก็จะเป็นปัญญาโดยแท้ เป็น ปฏิบัติสัทธรรม

ขอให้โพธิ์ญาณที่ท่านปรารถนาจงสำเร็จโดยไวนะครับ
ความรู้ผมยังไม่มากนัก ผิดพลาดอย่างไรต้องตรวจสอบ เทียบเคียงกับท่านผู้รู้ และผู้ปฏิบัติด้วยนะครับ

 

ขอบคณครับ ได้รับ pm แล้ว

 

ขอบคุณค่ะ ได้รับพีเอ็มแล้วค่ะ