ถาม:มีอะไร กับแฟนที่ไม่ได้แต่งงาน ผิด....

โอกาสดีจะเรียงความเล่า

 

ผมอยากมีแฟนแต่ก็ไม่มี ไม่ใช่เป็นคนไม่ดีนะครับ เรียกว่าดวงไม่มีคู่เสียล่ะมั้ง
อายุ 38 โสด มีกิจการมั่นคง รูปร่างดี หน้าตาไม่ขี้เหร่ แต่ขี้อาย ถ่ามีสาวโสดคนไหน
อยากลองทำความรู้จัดก็ยินดีครับ

 

มนุษ เรา

มนุษ เรา ระเมิด ล่วงในกรรมของ กันเเละกันไม่ได้นะลุงโดด ถ้าล่วงกันได้ ก็ เท่ากับไปร่วมในกรรม ของกัน เเละกัน ลูก เนี้ย เราเลี้ยงเขาได้เเต่ตัว กรรม ใครก็กรรมมัน

ส่วนการไม่พอใจ ของผู้ ที่เป็น บิดา มารดา นั้นก็ถือเป็นอีกส่วนของ กรรม ในการเข้าไปยึด เข้าไปติด คิดเอาว่าเขาเป็น ของ ของเรา

เช่นนั้นเเล้ว ถ้าเราไม่ได้ไป ขัดขืน ใจ ใดๆ เป็นการยินยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย เเล้วจะเอาใหนไปผิด เเต่ถ้า บาป ก็เป็นอีกเรื่อง องประกอบมันเยอะ บาปตรงใหน บาป ยังไง มันละเอียดนัก ย่อย หลายยยยยยยยย

 

ต้องขอแสดงความคิดเห็นสักนิดน่ะค่ะ
ถ้าจะกล่าวในฐานะที่เป็นลูกผู้ประพฤติ ยินยอมพร้อมใจ ตามกันไป ในเรื่องกินกับกาม ยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย มันก็คงไม่ผิด ในฐานะ ยินยอม
แต่ถ้าคิดถึงหัวใจพ่อแม่ จะยึดหรือไม่ยึดตามที่กล่าวมา มันก็ล่วง ในส่วนที่เป็นการเบียดเบียน พ่อแม่ถือเป็นผู้ให้ธาตุเป็นตัวก่อ อุ้มชูเลี้ยงดู จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะให้พ่อแม่อนุญาติ ไม่ใช่แค่ยินยอมทั้งสองคนหรือเปล่า ทำไมจึงมีศีลข้อ 3 มิใช่แค่ผิดความเป็น ผัวเมีย น่ะค่ะ แต่ผิดถึงประโยคที่ว่าผิดลูก ด้วย
จึงอยากเสนอแน่ะว่า ควรยิ่งที่ต้องปลูกฝังให้ตรง เดินให้ตรง ในส่วนทางโลก สงสารใจ คนที่เป็นพ่อแม่ค่ะ

 

ด้วยความเคยชิน บางครั้งความเคยชินอาจเห็นสิ่งที่ว่าผิด เป็นไม่ผิดไปได้....

ทุกวันนี้รับวัฒนธรรมตะวันตกมามากเกินไป....จึงดูเป็นเรื่องปกติ....ก็ด้วยความเคยชินว่าเป็นเรื่องปกติ...เลยคิดว่ามันไม่ผิดซะ....

อย่างไรก็ไม่สมควรครับ...เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องไปหาหลักฐานหลอกนะ ถึงจะหาหลักฐานท่านก็กล่าวไว้ชัดอยู่......จริงๆถามใจตนเองนั่นก็รู้...ถ้ามันไม่หยาบชนิดที่ว่าถามอย่างไรก็ไม่รู้ขนาดนั้นนะ...

 

ศีลเป็นเครื่องคุมให้เป็นปกติ จิตใจเป็นปกติ เป็นมนุษย์ การผิดเมียชาวบ้าน เป็นชู้ กิ๊ก นี่ผิด ทำแล้วไม่สบายใจ กังวลใจกลัวใครรู้ นี้คือรู้อยู่แก่ใจลึกๆว่าผิด

หากทำไปด้วยความรัก และความบริสุทธิ์ใจ ถูกต้องสมยอม ย่อมไม่มีความผิดจะตามมา จึงว่าความผิดปกติใจนั้นไม่มีจึงว่าไม่ผิด (ใส่ถุง กะอายุ18+ด้วยนะครับ)

รู้อะไรผิด(คือ:ทำแล้วไม่สบายใจ มีผลร้ายเดือดร้อนตามมา)
ต่อไปก็เลิกทำก็เท่านั้นครับ คิดมาก

 

พระท่านว่า ศีลลูบคลำ
ท่านว่า เหมือนเราเดินไปชนโต๊ะ มันโอ๊ย เจ็บ แล้วเอามือไปลูบหน้าแข้ง
มันเจ็บมันมีอยู่ เกิดอยู่ จึงไปลูบคลำมัน ท่านอุปมาไว้อย่างนี้
แต่ถ้าเราเดินไม่ชนโต๊ะ เราก็ไม่ต้องไปลูบคลำมัน มันไม่เจ็บ ไม่ไปโดนมันแล้ว

 

มันมีความเหมาะของแต่ละสถานะเนอะ เป็นพระแบบนี้เหมาะ เป็นฆราวาสอย่างนี้เหมาะ
เอาว่าไม่ทำก็ดี แต่ถ้าจะทำก็ทำให้ถูกว่างั้นเนอะ55

 

ถ้าทำอยู่ รู้อยู่ ก็รีบทำให้มันถูก
พระท่าน ให้รู้จัก รู้ถูก รู้ผิด รู้กุศล อกุศล
เมื่อรู้แล้วก็ให้ละสิ่งที่ผิด สิ่งที่เป็นอกุศลเสียให้ได้
ที่ทำไปแล้วท่านก็ให้วาง แล้วกระทำใหม่ ที่ดีงาม ที่เป็นกุศล
กรรมที่เก่าก่อน ก็ยอมรับมันเสียให้ได้
หมั่นล่ะบาป ละอกุศล พระท่านว่าเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา

ความหมายของกุศล เป็นลักษณะที่จะเอามาวินิจฉัย คือ สิ่งที่เป็นกุศลนั้นจะต้อง
๑. อโรค ไม่มีโรค เกื้อกูล จิตใจมีความแข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจคล่องแคล่ว ใช้งานได้ดี
๒. อนวัชชะ ไม่มีโทษ ไม่มีมลทิน ไม่มัวหมอง ไม่เสื่อมเสีย มีความสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ปลอดโปร่ง
๓. โกศลสัมภูต มีปัญญา รู้เหตุผล รู้ดีชั่ว รู้คุณโทษ สว่าง ไม่มืดมัว และ
๔. สุขวิบาก มีสุขเป็นผล ทำด้วยความโปร่งสบาย ทำแล้วก็แช่มชื่นเย็นใจ
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)

 

การกล่าว ธรรม เรื่องคู่ เป็นเรื่องที่ต้องระวัง นอกจากธรรมแล้ว ก็ควรจะ
พูดให้น้อมไปทาง จารีต ที่ดีงามไว้เสมอ ไม่ว่า ความเป็นจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ถึงอย่างไร กรรม จะต้องมีแก่ ผู้ให้คำปรึกษา ไม่อาจพ้น

ซึ่งแปลว่า คนที่มาปรึกษา เอาอะไรมาถาม เอาอะไรไปเป็นคำตอบ ย่อมหมาย
ถึงคนให้คำปรึกษา ย่อมเลี่ยงกรรมนี้ไปไม่ได้ เพราะว่า คนรับคำตอบย่อมมี
เจตนาปักในคำตอบใดๆ นั้น

* * * * *

การที่ว่า ผู้หญิงสมยอมก็ดี ผู้หญิงเป็นฝ่ายบังคับก็ดี ผู้หญิงเป็นฝ่ายอ้อนวอนก็ดี
ผู้หญิงเป็นผู้ให้ท่าก็ดี ผู้หญิงเป็นผู้เข้ามาหาก่อนก็ดี เหล่านี้ คือ ความสับปรับ
ของผู้ชายทั้งหมด

เพราะ เราจะยึดจารีตที่ว่า ผู้หญิงย่อมรักนวลสงวนตัว และ บุพการีที่ไหนหากเป็น
คนไทยแล้ว ย่อมสอนให้ รักนวลสงวนตัวทั้งสิ้น ไม่มี พ่อแม่ที่ไหนไม่สั่งไม่สอน
ลูกสาวของตน หรือหากไม่มีพ่อแม่ ก็ไม่มีครูบาอาจารย์คนไหนที่จะไม่เคยสั่งสอน
ผู้หญิงไม่ให้รักนวลสงวนตัว

เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องของ สุภาพบุรุษ ที่จะต้องยอมรับว่า จารีตนี้มีอยู่

หากเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เริ่มดำริไปว่า ผู้หญิงเป็น"ฝ่ายนำ" พึงทราบทันทีว่า
ตัวเองนั้นแหละ ที่เป็นฝ่ายหลอกล่อ ปั่นอารมณ์ตัวเอง เสียความเป็น บุรุษ
แล้ว หาทางทุกอย่าง ที่จะโยนความผิดให้พ้นตน หากตัดสินอย่างไรแล้ว
ก็จะมีใจปักไปว่า เพราะคำแนะนำของคนนั้นว่าอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้น
จึงตัดสินใจอย่างนี้ เป็นต้น


ควร รับผิดชอบสิ่งต่างๆเหล่านี้ ด้วยตนเอง ไม่เชื่อก็ลองทบทวนกรรมของ
ตนก่อนหน้าก็ได้ ว่าไปทำอะไรไว้บ้าง ก่อนที่จะเลยเถิด เพราะ นั่นแหละเหตุ
ที่ไม่ได้กล่าว ที่พรางตาเอาไว้ แล้วลงเอยด้วยการ เปิดเลห์คำถามอำพราง
เพื่อโยนความผิดให้กับ ผู้ให้คำปรึกษาเพื่อแบ่งกรรมอันไม่ควร

* * * *

หาก ริ จะเสียความเป็น สุภาพบุรุษ พึง รู้ สุภาษิตสอนหญิงไว้ด้วย ในข้อที่ว่า

"ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า"

"กินในที่ลับ อย่าเผยในที่แจ้ง" จะเป็น อัปมงคลแก่ตน และ ผู้รับฟัง

* * * *

ขอให้อนุศาสนีปาฏิหารย์เกิดจากการรู้กายรู้ใจ ด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลาง ด้วยตัวคุณเอง

 

ผิดจ้า.. ยังไงก็ค่อยๆหาทางแก้ปัญหาไปทีละเปลาะๆ ผมเองตอนหนุ่มๆก็พลาดแบบนี้บ่อยๆ(อะ..จ๊าก..) เชื่อผมเหอะว่ามันสนุกแค่ตอนแรก แต่หลังจากนั้นแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากเลยล่ะครับ

 

มา เรา มาว่ากันให้ตาสว่าง

ตรงนี้จะขอกล่าวถึงผู้ให้ ธาตุ

หากผู้ให้ กําหนดในการให้ว่า เราเป็นผู้ให้ ก็ มิต่างจาก กระทําเพื่อหวังผล ไม่ว่าจะเป็นผล ใดๆก็ตาม เหมือนใส่บาต เพราะอยากไปสวรรค์ เหมือน ทําบุญช่วยคนเอาหน้า เพื่อจะมีหน้า กําหนดเอาว่าสิ่งที่เราให้มันเป็นของ ของเรา

ถ้า คิด ว่าการให้ เเล้วต้องได้รับผล ของการให้นั้น มันก็เป็นเเค่การให้ ด้วย เเรงกรรม เเรงสัญญา ที่จําต้องให้ มิใช้ต้องให้ เพื่อให้

เช่นนั้นเเล้วการให้จําต้อง ไร้ซึ่ง ความต้องการ ในการตอบรับ จึงจะเป็นการให้ที่ถูก

สอง เรื่องการลําลึกถึงบุญคุณผู้ให้นั้น เป็นอีกส่วนที่ต้องทําความเข้าใจเเยก ออก เป็น ส่วนๆไป นํามาร่วมกันจึง มิควร

สาม การเบียดเบียนกําลังใจของ บิดา มารดา ก็เป็นอีกส่วนที่ต้องรับในส่วนของกรรม ตรงนั้นไป

เช่นนั้นเเล้ว จึงต้องเเยก ออกเป็นส่วนๆ เเยกออกเป็น ลําดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูก

มิใช้นํามารวมกันไปเสียทุกเรื่อง เพราะ การนํามาร่วมกัน ทุกเรื่อง บ่อยๆ มันจะเป็นสาเหตุ เเละบ่อ เกิดของความเข้าใจ ที่จะต่อเนื่องออกไปเรื่อยๆ จน บางที เเยกกันไม่ออก เช่น ความรัก กับ ความหลงไหล สเน่หา พาเพลิน

ยิ่งเด็ก ยิ่งอ่อนประสพการณ์ ก็ ยิ่งต้องสร้างกระเเสความเข้าใจดังว่าให้มากขึ้น หาใช้ หลอกๆโยกย้ายประเด็นไปในทาง ที่ ว่าดีเสมอไป
ดีนะถูกเเล้ว เเต่ต้องเข้าใจให้ได้ด้วยว่ามันดียังไง ดีเช่นไร ทําไมถึงเรียกว่าดี น่ะจ๊ะ
ส่วนเจตนาของพี่เเดงเนี้ย น้องเข้าใจดี เเต่ เราก็ต้อง ทําให้ความดีดังว่ามันกระจ่าง ให้มันใสสมกับคําว่าดี เพราะความดีสมัยนี้ มันช่างใกล้เคียงกับ เลว เสียเหลือเกิน

จริงไหมจ๊ะ พี่เเดงจ๋าาาาาา (k)(k)(k)

 

ผมเพิ่งรู้ความหมายของศีลลูบคลำเป็นครั้งแรก...ท่านอุปมาได้ดีนะครับ...

 

คุณ นิวรณ์ กล่าวไว้ได้ดีมากเลยครับ...

 

ขอบคุณที่เข้าใจค๊า และตบแต่งประเด็นให้มันสมใส กับคำว่าดี เลยอ่านทวนซ่ะหลายรอบ พิจารณาให้ซึ้งๆๆ สมกับที่น้องนราสภา อุตส่าห์ ให้มาเต็มๆ :'(

 

ผิดอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นตัวผม รักชะขนาดนั้นผมคงห้ามใจตัวเองไม่อยู่แน่ๆ รู้ๆกันอยู่กามราคะอำนาจมันล้นฟ้า แต่เราต้ัองมั่นใจและแน่ใจจริงๆนะว่าคนนี้แหละแ่ม่ ของลูก พร้อมรับผิดชอบเต็มที่ (นี่แหละมนุษย์ ชั่ว ดี รู้หมดแต่อดไม่ได้ )

 

ศีลข้อสาม มีประมาณนี้ครับ ถ้าเขายังมีพ่อเเม่อยู่ก็ผิดแน่นอนเลยครับ
ถึงยังไงก็ควรไปขอขมาท่านนะครับ บาปจะได้ไม่ลุกลามไปมากกว่านี้

๓.กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
บุคคลต้องห้ามสำหรับฝ่ายชาย คือ
(๑) ภรรยาคนอื่น
(๒) ผู้หญิงที่ยังอยู่ในความอุปการะของผู้อื่น (ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอยู่)
(๓) ผู้หญิงที่จารีตต้องห้าม (แม่ ย่า ยาย พี่สาว น้องสาว ลูกสาว ชี หญิงผู้เยาว์

บุคคลที่ต้องห้ามสำหรับฝ่ายหญิง คือ
(๑) สามีคนอื่น
(๒) ชายจารีตต้องห้าม (พ่อ ปู่ ตา พี่ชาย น้องชาย ลูกชาย พระภิกษุ สามเณร ชายผู้เยาว์)

 

คุณต้องรับผิดชอบเขาแล้วล่ะ ศีลนั้นคุณไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอก คุณต้องทำปัจจุบันให้ดีในเมื่อคุณได้เขามาเป็นแฟนแล้วได้เสียกันแล้วคุณต้องรับผิดชอบ และศีลก็บริสุทธิ์แต่ถ้าคุณไม่ซื่อต่อคนรักของคุณก็บาปกรรม การสาปแช่ง การนินทา และวิบากกรรมย่อมถึงคุณแน่ไม่เร็วก็ช้า
บาปกรรมคือการผิดีล
การสาปแช่งคือผู้หญิงที่ถูกคุณทิ้ง
การนินทา คนรอบข้างและญาติฝ่ายหญิง ฯลฯ
ต้องรับผิดชอบเขานะครับ ไม่นั้นตกนรกนะ

 

.....แล้วฝรั่งต่างชาติอยู่ก่อนแต่ง ผิดมั๊ยครับ เพราะเค้านับถือศาสนาอื่น แล้วถ้าคนไทยนับถือศาสนาอื่นแล้วอยู่ก่อนแต่งหล่ะผิดมั๊ย หรือว่าที่ผิดเพราะนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธสอนไว้แบบนั้น อันนี้ถามนะครับไม่ได้มีเจตนาอื่น ...ด้วยความนับถือครับ

 

อันนี้ผมไม่รู้ ผมคิดว่าคงห้ามกันไม่ได้ สมัยนี้ ถ้าพ่อแม่รู้เป็นแฟน พ่อแม่ เค้าก็น่าจะ เข้าใจว่า มันเป็นธรรมดานะ ฝรั่งเค้าคิดกันแบบนี้ คนไทยไม่รู้คิดแบบนี้รึเปล่า