การทำอภิญญาเบื้องต้น เคยเขียนไว้แล้วครั้งหนึ่ง เอามาทบทวนนักปฏิบัติ

ต้องสำเร็จกสินครบทั้ง10อย่<wbr>างซะก่อน
เมื่อทำกสินครบทั้งหมด10อย่<wbr>างเป็นฌาน4หมดแล้ว

ให้เข้าฌานตามลำดับฌานตามลำ <wbr>ดับกสิน

เข้าในกสินดิน เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินน้ำ เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินลม เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินไฟ เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินสีเขียว เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินแดง เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินเหลือง เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินขาว เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินอากาศ เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321
เข้าในกสินแสงสว่าง เข้าฌาน1234 ถอยมา 4321

ให้เข้าฌานสลับฌานตามลำดับกสิน

เข้าในกสินดิน เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินน้ำ เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินลม เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินไฟ เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินสีเขียว เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินแดง เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินเหลือง เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินขาว เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินอากาศ เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา
เข้าในกสินแสงสว่าง เข้าฌาน1324 3421 4123 สลับไปสลับมา

ให้เข้าฌานสลับกสิน สลับฌาน

เข้าฌาน 1 ด้วยกสินดิน ไปฌาน 3 ของกสินน้ำ ไป ฌาน 2 ของกสินลม ขึ้นไปฌาน 4 ของกสินไฟ จากฌาน4 ของกสินไฟ ถอยลงมาฌาน 2 ของกสินดิน ถอยขึ้นมาฌาน 3 ของกสิน ลม ถอยลงไปฌาน 1 ของกสินน้ำ เข้าฌาน 1 ของกสินน้ำ ขึ้นฌาน 2 ของกสินไฟ ขึ้นฌาน 4 ของกสินลม ไปฌาน3 ของกสินไฟ เข้าฌาน 4 ของกสินดิน ถอยมาฌาน 1 ของกสินไฟ ขึ้นฌาน 3 ของกสินดิน ไปฌาน 2 ของกสินน้ำ เป็นต้น ขี้เกียจพิมพ์ยาว

สลับฌานสลับกสิน สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้ ให้ได้แบบนี้ ท่านโบราณจารย์ถือว่า ท่านสำเร็จอภิญญา

 

ขอบพระคุณมากค่ะ........

 

สายพระวัดป่าสอนไปอีกแบบครับ

เมื่อภาวนาสามารถกำหนดจิตตกลงสู่ภวังค์เองได้ และสามารถรวมจิตได้ จะได้ของแถมหนึ่งอย่าง สิ่งนั้นเรียกว่า "อภิญญา" ยังไม่มีใครที่ภาวนา "พุทโธ"
ได้ฌานสี่ หรือภาวนาแบบละเอียดแล้วไม่ได้อภิญญา ยังไม่เคยปรากฏครับ
ขออนุญาติยกคำสอนของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ครับ
"เรื่องอภิญญา ซึ่งเกิดจากฌานนี้ เมื่อเชี่ยวชาญในการเข้าฌาน เมื่อท่านต้องการอยากรู้และทำ ท่านจะต้องเข้าฌานถึงจตุตตถฌานเสียก่อน
เพราะจตุตตถฌานเป็นบาทของอภิญญาทั้งหลาย แล้วถอนจากจตุตตฌานมาตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ จึงวิตกเรื่องที่ต้องการอยากรู้นั้นขึ้นมา แล้ววางจิตให้เฉยอยู่ ท่านที่เชี่ยวชาญทางนี้ก็จะรู้ด้วยใจ และโต้ตอบด้วยไหวพริบอันฉลาดของท่าน"
ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

ท่านที่ฝึกกรรมฐานอันใดอันหนึ่ง จนจบรูปฌาน ๔ แล้วได้อภิญญามาเลยนั้น....จริงๆแล้วท่านเหล่านั้นมีพื้นฐานเรื่องอภิญญามาในอดีตชาติกันแล้ว...พอจิตสงบถึงขั้นที่เคยได้...ของเก่ามันก็รวมตัว....

ในศาสนาพุทธนั้นไม่มีเรื่องของความบังเอิญนะครับ....ที่ว่าของแถมอะไรนั้นเป็นไปไม่ได้หลอกนะ.....ถ้างั้นคนที่สำเร็จรูปฌาน ๔ ก็ได้อภิญญากันหมดทุกคนนะครับ....ไม่ใช่นะ...ต้องมีเหตุปัจจัย...ถ้าคนที่ไม่มีอุปนิสัยด้านอภิญญา และไม่ได้ฝึกมาก่อน ต่อให้ฝึกชาตินี้ได้รูปฌาน ๔ ก็ไม่มีผลทางอภิญญา....

 

อภิญญาสายวัดป่า

การปล่อยจิต ตกลงสู่ภวังค์เองได้นั้น แล้วสามารถภาวนาแบบละเอียดได้นั้น พระสายวัดป่าทุกรูปสอนมาเหมือนกันครับว่า ปัญญาที่เกิดขึ้นในตัวเอง เกิดจากความสงบนิ่งของดวงจิตที่ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรมเป็นตัวความรู้ที่ลึกซึ้งมาก แต่ตัวรู้นี้ยังเป็นโลกีย์ปัญญา ไม่ใช่โลกุตตปัญญา เพราเป็นความรู้ที่เกิดจากสัญญา ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชาติภพอยู่ บางทีก็ไปรู้ในเรื่องอดีต รู้เห็นชาติภพของตนเองที่เป็นมาแล้ว เรียกว่า บุพเพนิวาสญาณ
บางทีก็ไปรู้ในอนาคต รู้เรื่องของคนอื่น รู้ถึงการเกิด การตาย ของเขา เรียกว่า
จุตูปปาตญาณ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

เข้าใจเสียก่อน ว่าอภิญญา คือปาฏิหาริย์ต่างๆ
ได้จตุถฌานแล้ว ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแน่
แต่เกิดไม่หลากหลาย หลายแง้หลายด้าน
จะให้เกิดหลากหลาย หลายแง้หลายด้าน
ต้องประสมจิต ประสมธาตุ ต่างๆนาๆ
มันถึงจะเกิดหลายๆอย่าง
ถ้าไม่รู้เรื่องการสลับการประสมฌาน
ก็เกิดเหมือนกัน แต่ไม่หลากหายในฤทธิ์

 

อุปจารสมาธิ นักปฏิบัติมากำหนดอารมณ์ของขณิกสมาธิเช่นนั้นเหมือนกัน หรือ อารมณ์อันใดที่ตนชำนิชำนาญแล้วติดอยู่ในใจของตนก็ได้ พิจารณาอยู่เฉพาะอารมณ์อันเดียว ไม่ส่ง ไปจากอารมณ์อันนั้นตลอดเวลา ยืน เดิน นั่ง นอน แต่ไม่รวมลงเป็น อัปปนา เรียกว่า อุปจารสมาธิ

ก่อนจะเข้าถึง อัปนาสมาธิ หรือเมื่อถึงอัปนาแล้ว จิตถอนออกมาอยู่ใน อุปจาระ ก็มีอาการ เช่น เดียวกัน แต่นุ่มนวลและละเอียดกว่า ตอนนี้จะทำให้เกิดปัญญาและความรู้ต่างๆ ที่เรียกว่า อภิญญา มีหูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นต้น
แต่ถ้าควบคุมจิตไว้ไม่ได้จะเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่
เมื่อจิตรวมเข้ามาเป็น อัปปนาสมาธิ อยู่พักหนึ่ง แล้วก็จะถอนออกไปเป็น
อุปจาระ ออกๆ เข้าๆ อยู่อย่างนี้ จิตของท่านผู้นั้นจะมีพลังแก่กล้า เดินก้าวหน้าได้อย่างที่สุด

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

โมทนาสาธุธรรมกับทุกท่านนะครับ....แสดงธรรมได้ตามภูมิการปฏิบัติจริงๆ...

 

อืมๆ...ผมเห็นตามนั้นครับ..ติดที่ประโยคนี้เท่านั้น..ถ้าเป็นดังสีที่ผมไฮท์ไลหรือถ้าพิมพ์ตกหล่นขออภัยด้วยครับ. แต่ถ้าไม่ตกไม่แน่เสมอไปนะครับ..
อนุโมทนาสาธุครับ...

 

เห็นด้วยครับ ที่เค้าเรียกกันว่าของแถม

 

คุณผมไม่แน่ใจนะหรือผมพิจารณามากไปหรือเปล่า....

เขาพูดนี่หมายถึงว่าภาวนาพุทโธ ไม่ถึงฌาน ๔ นี่มันเป็นเพราะ ถ้าฌาน ๔ นี่มัน ไม่สนใจพุทโธ หรือเปล่า คือพุทโธ(ในฐานะคำบริกรรม) นี่มันทิ้งไปตั้งแต่ไม่ถึงฌาน ๔ แล้วนะ..

ถ้าพูดถึงอย่างนี้ ถูกต้องนะครับ...

การภาวนาพุทโธ เป็นอุบายที่วิเศษ ที่เป็นเหตุทำให้เข้าถึงฌาน ๔ ...

 

เอาไปเอามา จากเรื่อง กรรมฐานหมวด กสิณ ๑๐ ไป อานาปานุสสติกรรมฐานซะแล้ว...

 

อืมๆ.ลืมนึกไป..จริงอย่างที่กล่าวครับ.ผมตีความคำพูดของ คุณ คุรุวาโร.คลาดเคลื่อนไปเองครับ..
ขอบคุณที่ช่วยขยายความนะครับ..
อนุโมทนาสาูธุครับ

 

มาดันกระทู้ ให้อ่านทบทวน เดียวกระทู้จะตกไปหน้าหลังๆซะ

 

............หลวงพี่ ไป บวช มาแล้ว เหรอ ครับ

 

อภิญญาอยู่ที่ใจ ไม่ใช่วิธีการ

กระทู้น่าสนใจดีครับ จากประสบการณ์แล้วเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีพื้นจากกสิณ 10 ก็ได้ เพียงแต่การฝึกกสิณ 10 นั้นเป็นทางตรงที่สุด

พื้นฐานของอภิญญา ต้องการความประณีตในฌาน 4 คือมีเอกัคคตาและอุเบกขา เป็นที่ตั้ง จากนั้นจึงแปรเป็นฌานสำหรับใช้งาน ดังนั้นกรรมฐานใด ที่คุมกำลังได้ถึงฌาน 4 โดยเฉพาะอานาปนสติกรรมฐาน ย่อมก่อให้เกิดบาทฐานของอภิญญาได้ทั้งสิ้น

อันที่จริงโดยส่วนตัว ยังเห็นว่าเรื่องอภิญญาเป็นเรื่องที่ต้องฝึก ไม่ใช่ว่าสามารถทรงฌาน 4 แล้ว จะสามารถทรงอภิญญาได้โดยอัตโนมัติ เหมือนกับมีของแล้ว ต้องฝึกหัด เรียนรู้วิธีการใช้ของนั้นๆ ให้คล่องเสียก่อน โดยเฉพาะการประยุกต์ พลิกแพลง การใช้งานจากอำนาจของสมาบัติที่พิสดารพันลึก ต้องอาศัยการลองผิด ลองถูก ทดลอง มาก่อนทั้งสิ้น ถึงจะใช้งานเรื่องของอภิญญาได้อย่างคล่องแคล่วต่อไป

ส่วนที่ทรงฌาน 4 ได้ปุ๊บ แล้วสามารถทรงอภิญญาได้ปั๊บ ใช้งานได้คล่องแคล่ว อยู่ตัว ทำได้ทุกอย่างที่พิสดารพันลึก โดยที่ไม่ต้องฝึกเลยนั้น ในโลกนี้ก็อาจจะมีอยู่ แต่ผมยังไม่เคยเจอก็อาจเป็นได้

 

ดันให้อ่านกัน เขียนไว้นานละ ไม่ได้เล่นนาน
มีคำถามมาก ลองอ่านดูเผื่อคนที่ไม่ได้อ่านจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น

 

ผมอาจจะเคยฟังมาผิดนะครับ
ท่านว่าไว้ว่า บุคคลผู้ได้ฌาน ๔ หนึ่งพันคน จะมี ๑ คนที่ได้ทิพจักขุญาณ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ข้อความนี้แบบไหน
แต่ก็ดึงเราไว้ให้ยั้งใจ

ผมได้แต่เพียงพิสูจน์ตามแบบแผน คือ ฝึกกสิณ เพื่ออภิญญา
เรื่องอภิญญาเป็นเรื่องของฌาน เราตามนึกไม่ได้
ครูบาอาจารย์สอนสั่งต้องระวัง... เพราะท่านไม่สอนเรา
ท่านสอนคนอื่น
เราได้เท่าคนอื่นคนนั้นหรือยัง
ถ้ายัง ผมคิดว่าน่าจะพิจารณาเรื่องของฌาน... เป็นเรื่องที่เราตามนึกไม่ได้

 

นึกว่าฝึกกองเดียว ก็คือได้อภิญญาซะอีก ใครจะทำได้ตั้ง 10 อย่าง

 

ที่เมธาวี 1เข้าใจจะเป็นการสร้างทิพยจักขุให้บังเกิดซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น
แต่ว่าจะเป็นแบบบังคับได้บ้าง..ไม่ได้บ้าง..ที่คุณ Darkever, คุณNICKAZ คุณ Phanudet และ คุณ คุรุวาโร กล่าวมานั้นล้วนเป็นวิธีที่แตกต่างกันออกไปตาม
ประสบการณ์ที่บังเกิดผล.ไม่มีใครผิดเป็นไปได้ทุกกรณี.
ซึ่งเป็นกรณีที่เน้น.คล่องตัวคือ บังคับได้หรือใช้ได้.ทุกครั้งที่ต้องการ..ซึ่งเราถูกจริตกับวิธีไหนเราก็เลือกวิธีนั้น
จะทำให้ไปถึงจุดนี้ได้เร็วกว่า..