ช่วยด้วย TT ผมเป็นอะไรไม่รู้ควบคุมจิตไม่ได้

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย demonhell, 15 พฤศจิกายน 2011.

  1. demonhell

    demonhell สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมเป็นคนที่โดยปกติ เวลาผมนั่งสมาธิผมจะมีเสียงธรรมมะ คอยฟัง แต่เมื่อวานผมรองนั่งสมาธิโดยไม่มีเสียงฟัง อยู่ดีๆในใจของผมก็คิดลบหลู่ และในความคิดมันเหมือนจะพูดจาไม่ดีต่อพระพุทธเจ้า TT ผมห้ามมันไม่ได้ ทุกครั้งที่ผมคิดหรือผมเหม่อลอย มันก็จะลอยขึ้นมาเป็นคำพูดเดิม ที่ผมพูดไม่ดีเป็นแบบนี้มาทั้งวัน ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ผมพยายามห้ามทุกครั้งแต่ก็ยากเหลือเกิน ผมเคยอ่านในเว็บแห่งหนึ่ง เห็นเขาบอกว่ามันคือมาร จริงหรือไม่ครับ ผมไม่อยากให้มันเกิดกับผมอีก ผมกลัวความคิดแบบนี้มาก ท่านผู้ไหนช่วยผมได้ :'(

    ช่วยให้คำแนะนำผมด้วยน๊ะครับ
    เมื่อคืนผมไม่สบายใจนอนไม่หลับ จึงต้องสวดบทขอขมาถึงทำให้ผมสงบขึ้น แต่มันก็ช่วยแค่เพียงครู่เดียวครับ
     
  2. choti5

    choti5 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +0
    แม่บอกว่าเคยเป็นตอนสวดมนต์ ต้องพยายามดึงจิตกลับมาในสิ่งที่เรามุ่งไว้ ให้เรารู้ตัวว่าคิดอะไรอยู่ ไม่นานมันจะหายไปโดยที่เราไม่รู้ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไร ลองดูครับ:cool:
     
  3. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    ปล่อยมันครับ ถ้ามันจะพูดลบหลู่อะไรก็ปล่อยมันครับ ดูไปเรื่อยๆว่ามันจะพูดไปได้ถึงเมื่อไหร่ แล้วอย่างวันนึงก็ขอขมาพระท่านซักครั้งนึง ท่านก็เข้าใจแล้วครับ เค้าเรียกว่า "มาร" ถูกต้องแล้วครับ ผมก็เคยเป็นเลยใช้วิธีการตามดู บางทีก็ขอบารมีพระ และบางทีก็ห้ำหั่นกับมัน ถ้ามันด่าว่ามา ผมก็จะย้อนกลับไปว่าที่พระพุทธเจ้าสอน แกทำได้หรือเปล่า ชั้นไม่อยากเกิด แก่ เจ็บ ตายอีก แกสอนชั้นได้มั้ย ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไปซะ แล้วก็กลับมาทำสมาธิต่อ มันก็หายไปนะครับ

    ซึ่งเราต้องพิจารณาตามคำสอนของพระพุทธองค์ให้เข้าถึงความเป็นจริงว่า ใจเราก็เห็นตามที่พระพุทธองค์สอนว่าเป็นแบบนั้นจริงๆนะ อย่างของผม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ เมื่อเราพิจารณาตามคำสอนแล้วเห็นว่า เออ...มันทุกข์จริงๆนะ เกิด-ดับ เกิด-ดับ แบบนี้มานับไม่ถ้วนยังจะอยากมา เกิด-ดับ แบบนี้อีกหรอ ฯลฯ เมื่อเรามีความหนักแน่นว่านี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อไหร่ก็ทุกข์เมื่อนั้น เราก็เอาจุดนี้แหล่ะ เพราะเราไม่อยากทุกข์ ถ้ามารทำให้เราไม่ทุกข์อีกได้ มันถึงจะน่าฟังมันหน่อย
     
  4. บัวทิพย์

    บัวทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +38
    ดิฉันก็เป็นค่ะ ตอนแรกเคลียดมากแทบเป็นบ้า พยามยามดึงจิตกลับมาก็ได้แค่ชั่วครู่ พยามนั่งสมาธิทำจิตให้สงบก็ทำไม่ได้ เจริญสติก็ไม่ได้ปากจะพูดออกมาแทนการกำหนดในใจ ตอนนี้เลยปล่อยไปจะคิดอะไรก็ช่างมันจะคิดเลวแค่ไหนก็ปล่อยไป เราแค่ดูไปค่ะ พอดูไปเรื่อยๆปล่อยให้จิตมันคิดเลวไปเรื่อยๆ(ทั้งๆที่สงสัยว่าทำไมเราคิดเลวได้ขนาดนี้เลยหรือ แต่ก็ช่างมันค่ะ) พอปล่อยไป คราวนี้จิตสงบเอง มันกลับมาเอง แล้วรู้สึกว่าจิตมันแยกกัน รับรู้ถึงความสงบ1 จิต และรับรู้ถึงความคิดเลว 1 จิต...งงไหม คือมันละเอียดมากมากค่ะ
     
  5. some_day

    some_day สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่มีจิตคิดเป็นอกุศล ไม่เฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้แต่ผู้คนที่ผมรู้จักหรือเวลาปกติอยู่ดี ๆ ตัวจิตผมเองก็คิดไม่ดี ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่นี้บนโลกใบนี้คงจะไม่มีใครเป็นเหมือนผมอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่ทรมานมาก หาหมอหรือปรึกษาใครก็ไม่ได้ ไม่รู้จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ยังไง จนกระทั่งมาเจอกระทู้นี้ทำให้ผมเริ่มมีความหวังที่จะต่อสู้กับมันต่อไป เมื่อก่อนผมเป็นคนที่มีอิสละทางความคิดมากไม่เคยมีความคิดซ้อนหรือจิตอกุศลมาก่อนเลย เรื่องมีอยู่ว่าผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ กินเหล้า กินเบียร์ เสพยา เมื่อก่อนก็ไม่มีอะไรจิตก็ปกติดี อาจจะระแวงบ้างเวลาเสพยาบ้า (เมื่อก่อนยังคิดไม่ได้ครับ) ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่ง ปี 2551 ผมกับเพื่อนจัดปาร์ตี้ยาบ้าเล็ก ๆ ที่บ้านเพื่อฉลองปีใหม่ ก็เหมือนทุก ๆ ครั้งที่เสพยากัน แล้วก็มีข่าวว่าซานตีก้าพับไฟไหม้ ผมกับเพื่อนก็เปิดดูข่าว ตอนนั้นก็ตกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไรมาก แล้วก็นอนหลับไปจนกระทั่งเช้า วันที่ 1 มกราคม ปี 2552 ผมเริ่มรู้สึกผิดปกติกับจิตใจของผมเล็กน้อย แต่ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้เป็นอย่างนี้แล้วชีวิตผมก็ผ่านไป ผมก็ไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งเดือนกุมพาพันธ์ ผมถูกจ้างให้ออกจากงาน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นผลพวงจากเศษฐกินแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง ตอนนั้นว่างมากไม่รู้ทำอะไรผมก็เลยไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ยังคงใช้ชีวิตแบบไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมครับ คือมัวเมา เสพยา ไปเรื่อย จนกระทั่งวันนึงผมเกือบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปด้วยความหลอนของฤิทธิ์ยามาถึงตรงนี้ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีแต่สำหรับตัวผมและจากประสบกราณ์ของผมเองผมคิดว่ายาบ้านั้นเป็นยาที่หมอบความสุขให้เราได้จิงอยู่ 3-4 ชั่วโมง แต่ต้องแลกกับอะไรบางอย่างในชีวิตให้กับมันด้วย ซึ่งนั้นก็คือความกลัวนั้นเองและแต่ละคนมีความกลัวไม่เหมือนกัน มันคือการแลกเปลี่ยนครับผมไม่รู้หรอกนะว่าใครหรืออะไรที่เป็นตัวควบคุมกลไกการแลกเปลี่ยนนี้ บางคนอาจจะกลัวว่าใครจะมาปองร้ายตามที่เห็นกันในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นและครับ ซึ่งผมเรียกกระบวนการนี้ว่า "การเอาคืน" ผมเชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นกับทุกคนที่เสพอย่างแน่นอนไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่งหากยังไม่หยุดแต่สำหรับตัวผมแล้วคือการลบหลู่เบื้องสูง เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มกลับมานั่งคิดย้อนดูตัวเอง ว่าผมมีความคิดอกุศลแบบนี้ได้อย่างไร ผมจึงเลิกอย่างเด็ดขาดที่จะเสพยาบ้าต่อไป ครับชีวิตผมดูเหมือนจะดีขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแล้ว ใช่อาการจิตซ้อนของผมมันหายไปหลังเลิกเสพ แต่ผมก็ยังกินเหล้ากินเบียร์ต่อไป จนกระทั่งงานฉลองปีใหม่ 2553 ที่ทางออฟฟิตของผมเป็นคนจัด ผมกินหนักมาก แล้วก็กินต่อมาอีกหลายวัน อาการจิตซ้อนของผมเริ่มกลับมาเป็นอีกผมเริ่มทรมาน ไม่ว่าจะไปไหว้พระ หรือ สวดมนต์ หรือแม้แต่มองรูปภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จิตผมคิดไม่ดีตลอดเลย ผมพยายามทำทุกวิธีแล้วก็ไม่หายสักที จนกระทั่งวันนึงผมสาบานกับพระพุทธองค์ว่า ผมจะเลิกกินเหล้ากินเบียร์ไปตลอดชีวิตนี้เลย ครับจิตของผมเริ่มดีขึ้น ความคิดชั่ว ๆ เริ่มจางลงไป แต่ก็ยังไม่หายขาด จนกระทั่งถึงวันที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี้ผมเองก็ยังคงมีจิตอกุศลอยู่ แต่ไม่บ่อยมาก เมื่อไหร่ที่มาผมจะทรมานแต่ผมก็ต้องพยายามควบคุมมันให้ได้ ผมรู้ว่าลึก ๆ ของผมแล้วมันยังคงติดภาพความกัวเมื่อครั้งที่โดน "การเอาคืน" อยู่ ตอนนี้ก็ 3 ปีผ่านไปแล้ว ผมก็ยังคงทนทุกข์กับอาการจิตอกุศลอยู่ นี่เป็นครั้งแรกครับที่ผมได้เขียนหรือเล่าความในใจให้คนอื่นได้รับรู้ และหวังว่าสักวันหนึ่งผมคงจะค้นพบวิธีที่จะทำให้หายขาดจากโรคนี้หากใครรู้วิธีช่วยบอกผมทีครับ
     
  6. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    คุณ some_day คุณลองทำจิตให้ว่างๆ ไม่คิดอะไรทั้งสิ้นปล่อยเฉยๆ เวลาที่มีความคิดอกุศลก็ปล่อย ยังไม่ต้องโต้แย้ง ปล่อยไปเฉยๆ อาจจะอยู่บนที่สูงๆมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่เห็นวิวไกลๆ แล้วใจมันจะโล่ง แล้วจำอารมณ์นั้นไว้ เวลากลับมามองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยอารมณ์แบบนั้น ความคิดอกุศลยังผุดขึ้นมาอีกมั้ย

    ถ้ายังผุดอยู่อีกผมแนะนำให้คุณหาคนที่ใช้วิธีการจิตบำบัดในการรักษา แต่เบื้องต้นอาจจะลองดูด้วยตัวเองก่อนก็ได้นะครับ ให้คุณนึกถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่คุณบอกว่าแลกนะครับ คุณหยุดภาพเหตุการณ์นั้นเหมือน Pause Video แล้วคุณก็เอาภาพนิ่งนั้นใส่กรอบเข้าไป กรอบของคุณจะเป็น 4 เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือหยึกหยักอะไรก็ได้ ให้คุณเลือกกรอบที่คุณใช้แล้วรู้สึกสบายใจ ว่าอันนี้แหล่ะเราชอบ พอเลือกเสร็จลองสังเกตุอารมณ์ของคุณดู คุณจะพบกับความเปลี่ยนแปลงว่าคุณไม่ได้กลัวมันแล้ว ถ้ายังกลัวอีกก็นึกขึ้นมาอีก ทำบ่อยๆเวลาที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น แล้วคุณจะค่อยๆดีขึ้นเอง
     
  7. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,282
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    เข้ามาอ่านกระทุ้นี้ได้เลยครับคุณ demonhell ผมอยากให้คุณ demonhell อ่านให้จบทุกหน้า ในกระทู้มี clip ให้ฟังด้วย ยังไงก็ลองอ่านให้จบทุกหน้าดู จะได้เข้าใจ เเละรู้วิธีปฎิบัติเมื่ออาการนี้เกิดขึ้นมาครับ ไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่คิด เพราะเราไม่ได้เป็นคนคิด ปล่อยวางลงไป เเล้วก็นึกภาพของเรากราบพระพุทธรูป เเล้วนึกขอขมาท่าน ตามนี้ครับ อ้อ คุณ demonhell สวดบทขอขมาพระร้ตยตรัยทุกวันด้วยก็ดีครับ ยังไงก็เข้าไปอ่านเเล้วกันครับ ขอเป็นกําลังใจให้ครับ อนุโมทนาึครับ

    กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

    http://palungjit.org/threads/กระทู้...ามาส-ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้.225534/
     
  8. some_day

    some_day สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณ phank มากมากเลยครับ ที่ช่วยแนะนำวิธีแก้ให้ ผมลองใช้วิธีสร้างตู้เซฟขึ้นมาตู้นึงแล้วจับเอาเหตุกราณ์ที่ผมเคยกลัวใส่ไว้ในเซฟแล้วล๊อคด้วยพวงมาลัย (เซฟแบบหมุนในธนาคาร) ผมรู้สึกว่าความคิดอกุศลมันจางลงไปมากเลยครับเวลาที่มันผุดขึ้นมาอีกผมจะใช้วิธีหมุนพวงมาลัยเซฟให้แน่นมากขึ้นมันก็ช่วยทำให้จางมากขึ้นครับ จนถึงวันนี้นับว่าจางมากครับแต่ก็ยังมีอยู่ ต้องขอบคุณจริงจริงครับ ผมก็จะพยายามต่อไปครับเพื่อให้อาการนี้หายขาดไปจากชีวิตผมขอบคุณครับ
     
  9. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    ด้วยความยินดีครับ (y)
     
  10. light working

    light working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +1

    เป็นกันเยอะ นั่งสมาธิก็ไม่ได้ ใช้วิธีอนุตสติ สวดออกเสียงหาพระโพธิ์สัตว์แก้ได้
    เราเคยเป็นนะวัยรุ่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...