รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 7)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 9 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 7)

    เกริ่นนำ

    ท่ามกลางข่าวความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยจากภัยพิบัติน้ำท่วม
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน" บัดนี้เดินทางมาถึงบทที่ 7 แล้ว
    ไม่ทราบว่าท่านตัดสินใจที่จะเป็น 'พระโสดาบัน' หรือยัง หรือท่านจะรอจนถึงบทที่เท่าไหร่
    แม้ผู้เขียนตั้งใจไว้ว่าจะเขียนต่อไปถึง 30 บท แต่ไม่มั่นใจว่าจะเขียนได้จนครบ
    เพราะไม่มั่นใจว่าสังขารร่างกายของผู้เขียนนี้จะพังไปเมื่อไหร่
    หรือแม้แต่สังขารของผู้อ่านนั้นก็ไม่ควรประมาท

    ดุจดังคำสั่งเสียหรือปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าที่ว่า
    "สังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน
    และประโยชน์ของผู้อื่น ให้บริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    ที่ว่าไม่ประมาทนี้คือไม่ประมาทในสังขารของเราเองและในสังขารของผู้อื่น

    อย่างไรก็ตาม ขออวยพรให้ทุกท่านปลอดภัย มีความสุขและได้บรรลุมรรคผลโดยเร็วพลัน



    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 6


    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนว่า
    " มนุษย์หัวแถวยังดีไม่เท่าเทวดานางฟ้าท้ายแถว
    ท่านเป็นผู้ไม่มีขันธ์ ๕ ไม่สกปรก ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่หิวกระหาย
    และขี้ก็ไม่เหม็นอย่างเรา ๆ " อ้างอิง

    หลวงพ่อสอนว่าให้ตั้งใจไปพระนิพพาน
    อย่าพอใจในการการเกิด ท่านหมายถึงอย่าพอใจการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดาหรือพรหม
    คือให้มุ่งพระนิพพานไว้ก่อน แต่หากพลาดเราก็ไปพักที่สวรรค์หรือพรหม
    รอพระศรีอาริยเมตไตรยมาเทศน์โปรด
    แต่ให้ตั้งใจสูงไว้ก่อนเหมือนขึ้นต้นไม้หากไปไม่ถึงยอดเรายังค้างที่กิ่ง

    หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านว่า
    " เมื่อเรานึกถึงความตายแล้ว เราก็คิดว่าถ้าเราตายแล้วคราวนี้เราจะไปไหน
    ถ้าเราคิดว่าเราจะเกิดเป็นคนใหม่มันก็เลวเต็มที ถ้าเป็นพ่อค้าก็ถือว่าขาดทุน
    ทั้งนี้เพราะอะไร เราลงทุน 100 บาท ค้าขายอยู่ 9 ปี 10 ปี ก็มีทุนอยู่แค่ 100 บาท
    ถ้าอย่างนั้นเราไม่ทำเลยดีกว่า เป็นอันว่าเราก็ตั้งใจว่าอย่างเลวที่สุด
    เราจะเป็นผู้เข้าถึงกระแสของพระนิพพาน คือ เป็นพระโสดาบันเป็นอันดับน้อยที่สุด เลวที่สุด

    ไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านของบทที่ 6 นั้น คือเสียงเทศน์ของท่านจิตโต
    ท่านเป็นพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ดังนั้นเวลาที่หลวงพี่จิตโตกล่าวถึงคำว่า " หลวงพ่อ "
    ขอให้ทราบว่าหมายถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงนั่นเอง



    (ชั่วโมงที่ 7)

    ถึงแม้ว่า รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน" อาจจะไม่สามารถดำเนินไปจนครบ 30 บท
    ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดขอได้โปรดทราบว่าบทความนี้ได้จบสมบูรณ์โดยตัวของมันเอง
    จบโดยความพอใจของผู้เขียน เพราะการพอใจที่จะหยุดคือความสำเร็จในส่วนของผู้เขียน
    แต่ความสำเร็จส่วนที่เหลือนั้น เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านหรือท่านผู้อื่นจะนำไปต่อยอด


    การที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นเพราะยังไม่พอใจในการหยุด

    เราควรพอใจในการหยุดอะไร ?
    1. พอใจในการหยุดที่จะเกิด คือละสักกายทฏฐิ ไม่เห็นว่าร่างกายเป็นของดี
    ไม่เห็นว่าเป็นตัวเราของเรา และปราถนาถึงพระนิพพาน
    2. พอใจในการหยุดที่จะเบียดเบียน คือละสีลัพพตปรามาส ด้วยการรักษาศีลตามเพศของตน
    เช่น ศีล 5 กรรมบถ 10 สำหรับเพศฆราวาสผู้ครองเรือนเป็นต้น


    องคุลิมาลถือดาบวิ่งไล่ตาม
    แต่ไม่อาจติดตามทันพระพุทธองค์ที่เดินด้วยอากัปกิริยาปกติมิได้เร่งร้อน
    ครั้นองคุลิมาลหมดกำลังลงจึงตะโกน
    “สมณะหยุดก่อนหยุดก่อนสมณะ”

    พระพุทธองค์ยังคงเสด็จพระดำเนินต่อไปและได้ตรัสตอบว่า
    “เราหยุดแล้ว แต่ท่านนั่นแหละที่ยังไม่หยุด”

    และเฉลยปริศนาธรรมว่า “ดูก่อนอหิงสกะ ที่เรากล่าวว่า เราหยุดแล้ว คือ หยุดฆ่า
    หยุดเบียดเบียน หยุดแสวงหาในทางผิด หยุดดำเนินไปในทางทุจริตทุกประการ
    ดูก่อนอหิงสกะ ที่เรากล่าวว่า ตัวท่านนั่นแหละที่ยังไม่หยุด เพราะยังไม่หยุดฆ่า
    ไม่หยุดเบียดเบียน ไม่หยุดแสวงหาในทางที่ผิด ไม่หยุดดำเนินไปในทางทุจริต
    ในมือของท่านยังถือดาบอยู่ ”
    อ้างอิง

    ผู้ที่พอใจในการหยุดเบียดเบียน ย่อมพอใจในศีล
    ผู้ที่ไม่มีศีล ได้ชื่อว่าผู้ยังไม่หยุดเบียดเบียน

    ผู้ไม่หยุดเบียดเบียน ได้ชื่อว่าผู้ยังไม่หยุดการเกิด



    ----------


    บางท่านสอบถามมาว่าเพียงแค่คิดก็บรรลุโสดาบันแล้วหรือ
    ผู้เขียนขอยืนยันว่าใช่ แต่ก็อย่าเพิ่งมั่นใจ ขอลองติดตามดูซิว่าสมเหตุสมผลเพียงใด

    ท่านที่ยังไม่ได้ฟังเสียงไฟล์ MP3 ซึ่งฝากไว้เป็นการบ้าน หรือฟังผ่าน ๆ ขอให้ฟังหลาย ๆ ครั้ง
    โดยปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่นการปิดไฟนั่งฟังในที่มืดนั้น ช่วยให้มีสมาธิในการฟัง
    เพื่อที่จะได้ส่งกระแสน้อมจิตใจไปคิดพิจารณาตามธรรม
    บางท่านอาจจะนั่งหลับตาฟังก็ได้ แต่ผู้เขียนรู้สึกว่าเผลอหลับได้ง่าย การปิดไฟแทนอาจจะดีกว่าการหลับตา

    เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่านบทความและได้ฟังไฟล์ MP3 แล้ว
    ท่านคงจะพบว่าการเป็นพระโสดาบันนั้นอยู่ที่การคิด
    คือมีสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะ แปลว่าอย่างไรไม่ขออธิบายซ้ำ ขอให้ย้อนกลับไปอ่านบทที่ผ่าน ๆ มา

    ท่านอย่าเพิ่งดูแคลนว่าเป็นไปได้อย่างไรที่เพียงแค่คิดก็เป็นพระโสดาบัน
    ขอไขปัญหาว่า การคิดนั้นต้องคิดให้เป็น คิดให้ถูกต้อง
    การคิดนั้นต้องคิดถี่ถ้วน คิดบ่อย ๆ คิดจนชิน คิดให้จับจิตจับใจ


    การคิดอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อก่อนนอนและตื่นนอนนั้น
    พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่ามีผล ไม่ใช่ไม่มีผล มีผลให้เข้าถึงพระนิพพานได้
    (ฟังเพิ่มเติมในไฟล์ MP3 การบ้านของบทที่ 7 นี้)

    การคิดว่า "ทุกข์เกิดจากร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย" นี่ไม่เรื่องเล็ก ๆ
    การคิดว่า "เราไม่ปราถนา เราไม่พอใจในการเกิดในอบายภูมิ มนุษย์ เทวดา และพรหม" นี่ไม่เรื่องเล็ก ๆ
    การคิดว่า "เราไม่ปราถนาจะเบียดเบียนประทุษร้ายใคร ๆ ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ" นี่ไม่เรื่องเล็ก ๆ
    การคิดว่า "พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นสิ่งประเสริฐ เราไม่ลังเลสังสัย " นี่ไม่เรื่องเล็ก ๆ

    การคิดเหล่า ๆ นี้ คือที่สุดของวิปัสสนากรรมฐาน
    หากหมั่นคิดพิจารณา อวิชชาจะค่อย ๆ คลายตัวไปตามลำดับ

    การคิด ก็คือการวิปัสสนากรรมฐาน นั่นเอง
    มีการคิดพิจารณาถึงขันธ์ 5 (ร่างกาย) อริยสัจและไตรลักษณ์ เป็นต้น อ้างอิง

    เราก็จับรวบยอดเลย อริยสัจ 4 จับที่ตัวแรก คือ ทุกข์
    ไตรลักษณ์จับที่ตัวแรก คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยงแปรปรวน อ้างอิง
    แล้วละสังโยชน์ที่ตัวแรก คือ ละสักกายทิฏฐิ ละรูปหรือสังขารร่างกาย

    คิดรวบง่าย ๆ เลยว่า ทุกข์เกิดจากการมีสังขารร่างกาย
    มันไม่เที่ยง แปรปรวน ต้องตายหรือพังเสื่อมสลายไปในที่สุด

    เปรียบเหมือนจะจับงู เราก็เอาบ่วงคล้องรวบมันที่หัว ตัวกับหางงูมันก็ตามมาเอง
    อริยสัจ 4 ท่านจับที่แค่ตัวแรกคือทุกข์
    พอจับทุกข์จนเห็นชัดก็เบื่อหน่ายในการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม เพราะมันไม่เที่ยงแปรปรวน เราก็ละสังโยชน์
    สังโยชน์ 10 ท่านก็ละแค่ที่ตัวแรกคือละสักกายทิฏฐิ ละมาก ๆ เข้า อารมณ์ความคิดยิ่งเข้มข้นโดยที่ไม่เครียด
    สังโยชน์ตัวสุดท้ายคืออวิชชาก็เจือจางไปเรื่อย ๆ หมดเมื่อไหร่ก็เป็นพระอรหันต์
    แต่ที่ท่ีานแจกแจงไว้ละเอียดเพื่อจะเป็นเครื่องวัดอารมณ์ว่าเราปฏิบัติได้ถึงไหน ก้าวหน้าเพียงใด
    แต่เวลาปฏิบัติ ท่านให้วางตำราแล้วจับที่หัวของอริยสัจ ไตรลักษณ์และละสังโยชน์


    เราคุยกันแบบเพื่อน ๆ เราก็บอกว่าให้คิดพิจารณาอย่างนี้ อย่างนี้นะ
    เพื่อนก็สงสัยว่ามันง่ายขนาดนั้นเหรอ
    แต่ถ้าพูดตามตำรามันก็คือการวิปัสสนานั่นล่ะ มันอันเดียวกัน
    แต่ถ้าบอกว่าให้เพื่อน ๆ วิปัสสนานะ
    เพื่อนก็ว่า อ้อ....ถ้าอย่างนั้นเชื่อแล้วว่าเป็นไปได้ แต่ฉันทำไม่ได้หรอก มันยากกกกก


    ถ้าบอกว่าวิปัสสนามันยาก ฉันทำไม่ได้ งั้นไม่ต้องวิปัสสนาหรอกนะ
    เพื่อน ๆ แค่คิดก็พอ ^______^
    อย่าลืมว่าพระโสดาบันนี่ใช้กำลั<wbr>งสมาธิเล็กน้อย ใช้กำลังปัญญาเล็กน้อย แต่หนักแน่นในศีล

    แล้วการวิปัสสนากรรมฐานนี่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่าไม่จำเป็นว่าจะต้องนั่งหลับตา อ้างอิง

    ถ้าคุยกันแบบนักปฏิบัติแทนที่จะคุยกันแบบนักศึกษาผู้ติดตำรา อะไรก็ดูมันจะง่ายเข้า
    ลองพิจารณาดูที่พระพุทธเจ้าท่านเทศนาสอนท่านพาหิยะ
    เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยสำนวน แต่ขอให้ลองพิจารณาดูดี ๆ จะพบว่า
    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนอะไรยาก ถ้าเราเชื่อมั่นไม่ลังเลสงสัย
    แม้นไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่พระโสดาบันก็ไม่ไกลเกินเอื้อม


    บุคคลตัวอย่าง

    พระพาหิยะเถระ อ้างอิง
    เมื่อยังไม่ได้บวชในพระพุทธศาสนา ท่านพาหิยะ ได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก
    ท่านเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างรีบร้อน เพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาให้เร็วที่สุด
    เพราะไม่รู้แน่ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด
    ท่านเดินทางมาถึงเมืองสาวัตถี ในเวลารุ่งเช้าแล้วรีบตรงไปยังพระเชตวันมหาวิหาร
    เมื่อได้ทราบว่า ขณะนี้พระบรมศาสดา เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมือง
    จึงรีบติดตามไปในเมืองและได้พบพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จบิณฑบาตอยู่
    ด้วยความปีติยินดีอย่างที่สุดได้เข้าไปกราบแทบพระบาทแล้ว กราบทูลขอให้ทรงแสดงธรรมให้ฟัง
    พระพุทธองค์ตรัสห้ามว่า “พาหิยะ เวลานี้ มิใช่เวลาแสดงธรรม”

    ท่านพาหิยะได้พยายามกราบทูลอ้อนวอนถึง 3 ครั้ง
    ท่านอ้อนวอนว่า "ก็ความเป็นไปแห่งอันตรายแก่ชีวิตของพระผู้มีพระภาคก็ดี
    ความเป็นไปแห่งอันตรายแก่ชีวิตของข้าพระองค์ก็ดี รู้ได้ยากแล
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์
    ขอพระสุคตโปรดทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
    เพื่อความสุข แก่ข้าพระองค์สิ้นกาลนานเถิด ฯ"

    แปลง่าย ๆ คือท่านพาหิยะหมายความว่า
    ก็ไม่รู้ว่าระหว่างพาหิยะกับพระพุทธเจ้านี้ใครจะตายก่อนกัน

    นี่ท่านคิดถึงความตายและไม่ประมาทถึงขนาดนั้น

    นี่แสดงว่าท่านเริ่มละสังโยชน์ตัวแรกนะ คือ ละสักกายทิฏฐิแล้ว คิดถึงความตายแล้ว
    ท่านเชื่อว่าท่านอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่งั้นคงไม่กล้าอ้อนวอนถึง 3 ครั้ง ทั้งที่พระพทุธเจ้าห้ามแล้ว
    ส่วนความลังเลสังสัยในพระพุทธเจ้าและพระธรรมนั้นไม่มีแน่ ละสังโยชน์ตัวที่สอง คือละวิจิกิจฉา
    เ้พราะหากลังเลสังสัยคงไม่เดินมามาไกลถึง 120 โยชน์ (192 กม.)
    ท่านเดินทางทั้งวันทั้งคืน สมัยก่อนเดินทางลำบากจึงจะได้ฟังธรรม
    ส่วนสมัยนี้แค่เสริชหาก็เจอธรรมะ ถ้าขี้เกียจอ่านก็ดาวน์โหลดไปฟังได้ ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก

    ในที่สุดพระบรมศาสดาจึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้ฟัง
    อันที่จริงครูบาอาจารญ์ท่านอธิบายว่า เพราะในตอนแรกนั้นท่านพาหิยะตื่นเต้นยินดีมาก
    หากเทศนาไปก็ยังไม่มีจิีตใจน้อมไปคิดพิจารณาตาม
    เมื่อท่านพาหิยะหายตื่นเต้นมีสมาธิดีขึ้นพระพุทธเจ้าท่านจึงโปรดเทศนา
    โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น
    ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส
    และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่ายินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น
    และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็นนิตย์

    ตรงนี้แปลง่าย ๆ ว่าอะไร
    สรุปง่าย ๆ เลย คือ พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าสนใจในรูป คือการละสักกายทิฏฐิแบบเข้มข้น
    เข้มข้นแบบนี้คืออารมณ์ของพระอรหันต์

    ท่านพาหิยะได้น้อมจิต คือคิดพิจารณาไปตามกระแสพระธรรมเทศนาก็บรรลุอรหันต์ทันที
    เป็นพระอรหันต์เพราะละสักกายทิฏฐิ

    ส่วนพวกเราอาจเริ่มจากการละสักกายทิฏฐิแบบอ่อน ๆ ก่อน
    คือหมั่นคิดพิจารณาว่าร่างกายของเรามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ และต้องตายในที่สุด


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 7 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 7.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ



    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 6)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2011
  2. namiria

    namiria สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +5
    ดีจจังนึกว่าจะไม่มีต่อแล้วคอยติดตามอยู่ค่ะแต่สารภาพว่าไม่เคยทำการบ้านเลยเป็นนักเรียนที่แย่จัง
     
  3. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  4. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ การจับเอาตัวแรกทำให้เข้าใจ รู้สึกว่าการปฏิบัติง่ายขึ้นมากๆ
    2-3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ "ทำมันไปทุกวันๆ จิตก็จะชิน จะนึกถึงแต่สิ่งที่ดีๆ สิ่งไม่ดี เราก็จะไม่ไปหันเหหามัน"
     
  5. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    กรรมจริง ๆคิดได้ไงเนี่ย
     
  6. mungkonn

    mungkonn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +3
    ....ติดตาม
    ........ตามติด
    ............&ติดตาม






    .
     
  7. mungkonn

    mungkonn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +3
    ขออวยพร
    ให้ท่านได้บรรลุมรรคผลโดยเร็วพลัน@*****
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +13,541
    COOL....Thank you very much>>> for your kindness to everyone.

    Sorry...My PC not have Thai keyboard.
     
  9. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกว่า ธรรม ที่พระพุทธเจ้าบรรลุนั้นลึกซึ้ง อ้างอิงจากหลวงพ่อตอบปัญหา มีประโยชน์มากๆๆๆค่ะ และรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในบุญคุณของพระพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์ สาวกทั้งหลายที่ดำรงศาสนามาถึงปัจจุบันค่ะ
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 7.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ^^
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ชื่นชอบประโยคนี้ค่ะ
    1.การลืมตาของเราในวันใหม่ก็ไม่มีความหมายสำหรับเรา ณ วินาทีนี้เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย
    2.งั้นเวลาที่มีความสำคัญสองเวลานี้ จง ถือว่าเป็น เกณฑ์ปฏิบัติของเธอทุกคน... ตื่นนอนใหม่ๆกับก่อนหลับ
     
  10. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 7 ค่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้<O:p</O:p
    ตอบรู้สึกว่าความตายเป็นของไม่เที่ยงเราจะได้มีชีวิตอยู่เพื่ออ่านบทความทั้งหมดจนจบหรือไม่ก็ไม่รู้เลยอาจาร์ยkaranจะเขียนบทความได้จบทั้ง 30 บทหรือไม่ก็ไม่รู้เลยเพราะถ้าจะต้องตายก็ตายแน่ๆ แต่เมื่อไหร่นี้ไม่รู้ เช้า สาย บ่าย ค่ำเราตายกันได้ทุกเวลา บุญนักหนาที่เราได้มาเจอพระธรรมคำสอนของพระตถาคต บุญนักหนาที่ได้มาอ่านเจอบทเรียนเร่งรัดบรรลุโสดาบันของอาจาร์ย เพราะฉะนั้นพึงต่อยอดให้สำเร็จเถิด<O:p</O:p

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟังการบ้านบทที่ 7.mp3
    วิธีการฟัง : ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลายควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆพิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ...ฟังแล้วค่ะ...<O:p</O:p

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟังท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ...นิพพา นังปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุขัง
    ...พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า คิดเท่านี้ปฏิบัติอย่างนี้เป็นปกติ เธอไม่พลาดนิพพาน<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2011
  11. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 7 ค่ะ

    1. จากการเรียนในชั่วโมงนี้ทำให้รู้สึกว่า การเป็นพระโสดาบันนั้น มีปัจจัยสำคัญที่ความคิด ซึ่งเป็นที่มาจากการใช้สุตตมยปัญยา ทำให้รู้สึกว่า เรายังต้องปฏิบัติเพิ่มเติมในด้านความคิด และการไตร่ตรองในธรรม ทำให้ดิฉันตั้งสัจจะปวารณาว่าจะพัฒนาในเรื่องความคิดต่อไป โดยจะต่อยอดความคิดในธรรมต่างๆ โดยอาศัยเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันมาเป็นประเด็นในการทำให้ตัวเองสามารถละสักกายทิฏฐิได้ต่อไป (ช่วงหลังๆก็เริ่มคิดได้มากขึ้นหลังจากอ่านธรรมะ ที่แต่เดิมพัฒนาจากการอ่านอย่างเดียว แล้วคิดตาม แต่ในตำรา แล้วก็ไม่เคยเอาไปพิจารณาต่อในชีวิตจริง เพราะตอนนี้บางทีเรื่องราวง่ายๆ ในชีวิตประจำวันก็ทำให้คิดได้ เช่น เสื้อผ้า แฟชั่น การแต่งตัวตามสมัย ที่ในความเป็นจริงแล้ว เราเพียงต้องการเครื่องนุ่งห่มปิดกายเพื่อป้องกันร้อนหนาว หรือการกินข้าว ที่กินเพื่อทำให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ มิใช่เป็นไปเพื่อความมัวเมาหรือความอยาก พอคิดแล้วก็นำไปปฏิบัติตาม ทำให้เลิกความยุ่งยากในชีวิตไปได้เยอะทีเดียวค่ะ)

    2. ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากฟังธรรมในบทนี้ เป็นความรู้สึกที่ทำให้ดิฉันคิดว่า การไปนิพพาน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และทำได้ในชาตินี้ และเป็นสิ่งที่เราควรทำในเมื่อเรายังมีโอกาสที่จะทำได้ ด้วยการพิจารณาทั้งในช่วงก่อนนอนและช่วงตื่นนอน ที่จะทำให้เราได้มีศีล สมาธิ ปัญญาอย่างสมบูรณ์ และเราสามารถคิดถึงมรณานุสติได้อย่างชัดเจน และทำให้ดิฉันลดความกังวลใจในการปฏิบัติมาธิภาวนาลง เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันเคยคิดว่าถ้าเราไม่ประมาท เราจำต้องพิจารณา และภาวนาถึงมรณานุสติ พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ให้ตลอดเวลา เพราะชีวิตนั้นไม่เที่ยง แต่การคิดในแง่นี้กลับทำให้ทุกข์เพราะในเวลางานบางครั้งเราไม่สามารถเจริญสติให้คงที่อยู่ตลอดเวลาได้ ทำให้มีความทุกข์ใจที่ไม่ได้ปฏิบัติ แต่เมื่อฟังพระอาจารย์จิตโตแล้ว ทำให้เริ่มเดินทางสายกลาง ให้รู้สึกว่าทำเท่าที่ทำได้ แต่ช่วงที่ทำได้ ต้องตั้งใจทำ และทำให้ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อฟังบทที่ 7 นี้จบ ก็เริ่มทดลองพิจารณามรณานุสติก่อนนอน นึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คิดถึงศีล สมาธิ และปัญญา และเริ่มภาวนา นิพพานัง ปรมัง สุขัง ทั้งก่อนนอน และตื่นนอน (ก่อนหน้านี้จิตภาวนานึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ เฉพาะช่วงตื่นนอนเท่านั้น การฟังบทนี้ทำให้มีความคิดและการภาวนาที่กว้างขึ้นค่ะ)

    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้และขออนุโมทนาสาธุการกับทุกท่านนะคะ

    ฐิตารัตน์

    ปล. ในการฟังธรรมและเรียนในหลักสูตรนี้ ดิฉันไม่ได้ปิดไฟและนั่งฟังในที่มืด แต่ดิฉันเปิดไฟ นั่งฟัง และจดบันทึกบทเรียนตามในสมุด โดยเว้นพื้นที่ไว้จดพระธรรมคำสอน และพื้นที่สำหรับการวิเคราะห์วิจารณ์ดูตามจิตของตัวเอง (และเพื่อส่งการบ้านค่ะ) เพื่อเป็นหลักฐานว่าตัวเองคิดอะไร และดูพัฒนาการทางความคิดของตัวเองค่ะ ดิฉันคิดว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีทางเลือกในการฟังที่อาจทำให้เข้าใจในระดับหนึ่งนะคะ เพราะดิฉันความจำไม่ค่อยดี จึงต้องจด เพื่อจำ และเข้าใจค่ะ
     
  12. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    = เวลาที่เหลืออยู่.. อาจจะไ่่่ม่มาก เพราะเราไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง
    ยิ่งคิด ก็ยิ่งตระหนัก หากประมาทพลาดพลั้ง จักเป็นโอกาสที่น่าเสียดาย
    ฉะนั้นต้องเร่ง จะมัวเดินเอ้อระเหย ลอยชายก็เกรงว่าจักไม่ทันการ
    ความยาก ความง่าย ก็อยู่ที่มุมมอง หากมองว่าคิด ก็ง่าย
    หากมองว่าเป็นที่สุดของวิปัสสนากรรมฐาน หลายท่านอาจจะว่ายาก
    แต่เมื่อผมตั้งใจแล้ว ก็จะมุ่งต่อไปครับ

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง
    = ครับ

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    = ชอบที่ท่านสอนให้มองคนที่เกิดก่อนเรา ใช้ชีวิตก่อนเรา เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่ เพื่อน สุดท้าย มีอะไรเป็นของๆเขาไหม สุดท้ายมีอะไรเป็นของๆเขามั้ย ทั้ง บ้าน รถ ที่ดิน สมบัติ ต่างๆ มากมาย สุดท้ายแล้ว ใช่ของเขาจริงไหม แล้วใช่ของเราจริงไหม แม้แต่ร่างกาย...
     
  13. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    -จะพยายามคิดถี่ถ้วน คิดบ่อย ๆ คิดจนชิน คิดให้จับจิตจับใจ อย่างที่พระท่านสอนค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    -นิพพานัง ปรมัง สุขัง ก่อนนอน และตอนตื่นใหม่ๆ จะจำไว้ปฏิบัติค่ะ
     
  14. เดชเดชะ

    เดชเดชะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +14
    1. จากบทเรียนคิดเห็นว่า
    ควรพิจารณา อายตนะทั้ง 6 หรือผัสสะเหล่านั้น อยู่เนืองๆ ให้รู้ว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ทนได้อยาก เหนืออำนาจแห่งการกำหนด ไม่ใช่ของเรา กำหนดเพียงรู้ ปล่อยว่าง ไม่ใช่ตัวตนของเรา จึงจะละสักยาทิฎฐิได้ เข้าใจทุกข์อย่างท่องแท้ ตามอริยสัจสี่ ต้องกำหนดรู้ ปล่อยวาง อย่างผู้มีศีล ผู้ไม่ประมาท สมาธิคือการกำหนดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นความเป็นจริง ตามอริยสัจสี่ ทำให้เกิดปัญญาจากการรู้ ไม่ใช่ท่องอย่างแท้จริง
    3. การฟังเทปแล้ว ประทับใจประโยคที่ว่า
    ให้นึกถึงการนอนก็เหมือนการหมดหน้าที่ และวางทุกสิ่งเหมือนเตรียมตัวตายและมุ่งไปว่า นิพานัง ปรมังสุขัง ตื่นขึ้นมาก็ให้คิดว่าเป็นการเริ่มของวันใหม่เราจะระวังตัวให้ทำทุกขณะจิต อยู่ใน ศีล และภาวนา เพื่อให้ทุกก้าวมุ่งไปสู่พระนิพพาน จึงเตือนจิต ทุกครั้งที่ตื่นนอนว่า นิพานัง ปรมัง สุขัง
     
  15. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่เที่ยง เราไม่สามารถรู้ตนเองได้ว่าเราจะตายเมื่อไร ตอนไหน และแบบไหน จงเร่งและหมั่นรักษาศีล ทำความดี ให้ได้มากที่สุด และเร่งบรรลุโสดาบันให้ได้โดยเร็ววัน
    3. การฟังเทปแล้ว ประทับใจประโยคที่ว่า
    ตอบ ร่างกายของเราเป็นของสกปรก อย่าไปอาลัยอาวรณ์หรือยึดติดกับร่างกายนี้ เราทุกคนมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ แม้ยามหลับหากไม่ตื่นนั่นก็เหมือนแค่ท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้นที่ไร้ประโยชน์ รอวันฝังหรือเผา ฉะนั้นก่อนนอนให้นึกถึงความตายตลอดเวลา ควรท่องไว้เสมอๆว่า "นิพพานัง ปรมัง สุขขัง"หากวันถัดไปยังมีโอกาสได้ตื่นให้ถือเสียว่ายังมีโอกาสได้ทำความดีได้ฝึกสติและระลึกถึงความตายต่อไป หมั่นระลึกถึงความตายอยู่ตลอดเวลา มีสติอยู่เสมอ ท่อง "พุทโธ" ไว้เสมอเมื่อยามที่นึกขึ้นได้ ทำประจำบ่อยๆจะช่วยให้เรามีสติ ลดความฟุ้งซ่าน
     
  16. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    สาธุ สาธุ สาธุ .........
     
  17. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 7 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ 1.1.รู้สึกว่า ผู้สอน ท่านคิดถึงความตายและไม่ประมาทในชีวิต (แต่ก็จะขอร้อง/ขออาราธนาท่านไว้ก่อนว่า ขอให้สอนต่อจนจบและสอนขั้นต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนตลอดไปนะคะ ):cool:

    1.2.รู้สึกว่าทุกคำทุกประโยคนี้มีคุณค่าควรจดจำและน้อมนำไปปฏิบัติอย่างยิ่ง เช่น
    ขอเริ่มจากการละสักกายทิฏฐิแบบอ่อน ๆ ก่อน คือหมั่นคิดพิจารณาว่าร่างกายของเรามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ และต้องตายในที่สุด
    การคิดเหล่านี้ คือที่สุดของวิปัสสนากรรมฐาน หากหมั่นคิดพิจารณา อวิชชาจะค่อย ๆ คลายตัวไปตามลำดับ สาธุ
    คิดรวบง่าย ๆ เลยว่า ทุกข์เกิดจากการมีสังขารร่างกาย มันไม่เที่ยง แปรปรวน ต้องตายหรือพังเสื่อมสลายไปในที่สุด

    :cool:[/COLOR]

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 7.mp3
    ตอบ ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตาม เมื่อเข้าใจแล้วได้จดบันทึกไปปฏิบัติเองด้วยค่ะ

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ประทับใจวิธีการสอนให้วางจิตเป็นลำดับ และคิดว่าจะนำไปลองปฏิบัติดูตามที่สรุปมาค่ะ
    3.1.ก่อนนอนให้คิดว่าเราอยู่ในที่สงบ ไม่มีความวุ่นวาย ความตายอาจมาเยือนเราเมื่อไรก็ได้
    3.2.ก่อนหลับให้คิดว่าอะไรจบไปแล้วปล่อยมัน ร่างที่นอนอยู่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย
    3.3.นึกถึงคุณพระพุทธเจ้าที่ช่วยชี้ทางพ้นทุกข์ให้ คือ ศีลบริสุทธิ์ เป็นบันไดให้เราปลอดภัย พ้นจากความทุกข์วุ่นวายทั้งโลกนี้และโลกหน้า
    3.4.คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเลย สามี/ภรรยา/วัตถุธาตุ/แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา สังขารนี้วุ่นวายตั้งแต่ตื่นยันหลับ ทำก็สักแต่ว่าทำ ภาระต่างๆ จะได้มาหรือจะเสียไป ก็ไม่ใช่ของเราวันยังค่ำ

    3.5.หลับตาให้สบาย ภาวนา “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” จนหลับ ถือเป็นการหลับที่สมบูรณ์ ด้วยศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ จิตใจที่แน่วแน่ ไม่ปรารถนาอะไรอีกแล้ว จัดเป็นปรมัตถบารมีสมบูรณ์
    3.6.ตื่นขึ้นมาอย่างคนบารมีเต็ม จิตใจผ่องใส นึกถึง “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” ตั้งใจว่าวันนี้เราจะไม่คิดไปเพ่งโทษใคร ใครจะดี ใครจะชั่ว ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา เดือดร้อนวุ่นวายเราก็หลบไปซะ
    3.7.พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า การคิดคำภาวนานี้ให้ชิน ไปนิพพานได้ (ยิ่งมีมโนมยิทธิจะไปได้ง่าย เพราะจิตจะเกาะสิ่งดีๆ จนชิน) หมั่นสั่งจิตเอาก่อนนอนหลับ และ ก่อนลืมตาทุกๆวัน ให้คิดว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง”

    ………………………..
     
  18. My Buddha

    My Buddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,473
    การบ้านของชั่วโมงที่ 7 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ประทับใจธรรมะจากท่านจิตโตในครั้งนี้มากๆค่ะ และรู้สึกว่านิพพานอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หากมีความพยายามอย่างแน่วแน่ค่ะ

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    การบำเพ็ญปรมัตถบารมี ด้วยการพร้อมตายในทุกวัน โดยเฉพาะก่อนนอนและตื่นนอน โดยสั่งจิตให้ภาวนา "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" ให้เป็นนิสัยส่งผลให้เข้าถึงพระนิพพานได้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...