จำใจต้องดื่มเหล้านิดหน่อยในงานเลี้ยงกับผู้บริหาร ผิดศีลข้อ 5 หรือไม่ครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย someone_556, 15 พฤศจิกายน 2011.

  1. someone_556

    someone_556 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +134
    [​IMG]

    ไม่สบายใจเท่าไหร่ครับ ปกติทำงานเป็นวิศวะกรบริษัทเอกชนต่างชาติ ซักประมาณ2-3เดือนฝ่ายผู้บริหารจะมาเยี่ยมก็จะมีการเลี้ยงกันบ้างและที่ขาดไม่ได้คือเหล้าครับ ผมปกติไม่ดื่มอยู่แล้วแต่บางครั้งหลีกไม่ได้จริง แต่ทุกครั้งที่หลีกไม่ได้นี่ก็ดื่มประเภทจิบนิดหน่อยแล้วปล่อยให้ยุงวางไข่ไปเลย คือใจเราไม่เอาครับโดยก่อนดื่มทุกคร้งก็นั่งมองเหล้าในแก้วแป๊บนึงแล้วพิจารณาว่ามันคือธาตุๆนึงเท่านั้น เราดื่มเพราะแก้กระหาย ไม่มีเจตนาเพื่อความสนุกรื่นเริง เพื่อความมึนเมา เลยอยากถามว่านี่มันศีล 5ขาดหรือแค่ศีลไม่บริสุทธิ์ครับ เพราะปกติจะพยายามรักษาศีล5ทุกวันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤศจิกายน 2011
  2. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

    ต้องถามใจคุณ someone_556 ในส่วนลึกว่าตนเองกลุ้มใจ ไม่สบายใจหรือเปล่าที่ต้องกินเหล้าในงานเลี้ยง ถ้ามันไม่สบายใจก็แสดงว่าในใจลึกๆของเราขณะนั้นคิดว่านั่นคือการกระทำที่ผิดปกติของเรา...ก็แสดงว่าเราละเมิดศีลในใจของเราไปแล้วค่ะ ส่วนจะละเมิดเพียงศีลไม่บริสุทธิ์หรือศีลขาดนั้น คุณ someone_556 คงตอบเองได้อยู่แล้ว

    มันก็มีทางเลือกหลายทางนะคะ เป็นต้นว่า งดกินแอลกอฮออล์แล้วก็เล่นตลกสนุกสนานไปกับเขาเลยก็ได้ ดิฉันเห็นมีคนบางคนก็สนุกและเข้ากับเพื่อนในวงเหล้าได้โดยไม่ต้องดื่มเหล้า หรือประพฤติตัวอย่างเดิมโดยระบุให้ชัดเจนในใจตนเองว่ายินดีจะรักษาศีลในแบบของตนแค่ไหนเพียงไร แล้วสังเกตใจตนเองต่อไปว่าเมื่อทำอย่างนั้นแล้วตนเองรู้สึกอย่างไร

    บางครั้งเมื่อเราตรงต่อตนเองทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น เราอาจพบว่าความจริงแล้วตนเองไม่ยินดีรักษาศีลเลย ที่ทำก็เพราะหวังผลดีๆจากการรักษามันเท่านั้น หรือเราอาจพบว่าความจริงแล้วเรายินดีจะรักษาศีลจริงๆจากก้นบึ้งของหัวใจทั้งกายวาจาใจไม่ว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร เมื่อเราละเมิดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจึงไม่สบายใจ...ล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้นค่ะ
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถามว่าผิดก็ต้องผิดหละครับ...ผิดแล้วก็ต้องสมาทานใหม่....

    คือบางครั้งมันเลื่ยงไม่ได้นะครับ....เหมือนพระเจ้าอยู่หัวท่านก็มีนะครับดูภาพสมัยก่อน...ท่านจิบพอเป็นมารยาทไม่ให้เขาเสียกำลังใจ...(พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงศีล ๘ อยู่เป็นปกตินะ)....แขกต่างบ้านต่างเมืองมาเป็นมารยาทของเขา...ท่านจิบแล้วท่านก็วางไว้เท่านั้นเองครับ....ผิดเพื่อถนอมกำลังใจ แต่ไม่ได้หมายถึงตามใจนะ แก้วก็แล้ว สองแก้วก็แล้วไม่พออันนี้ไม่ไช่นะครับ....จริงๆไม่ว่าคุณจะคิดว่าเป็นอะไรเป็นธาตุอะไรแต่ที่รู้แน่ใจมันคือเหล้าก็อย่างว่าหละครับผิดนะ....

    แต่ถ้าถืออย่างปริสุทธิต้องงดเลยนะครับ...ผมนี่ใช้แบบว่า หมอห้ามครับกินไม่ได้ บอกเขาไปอย่างนี้เลย เขาก็ไม่ผืนเรานะ....
     
  4. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    แค่ล่วงลำคอเข้าไปก็ผิดแล้ว
    สิกขาบทข้อนี้แม้ไม่เจตนา ก็ผิดครับ
    อยู่ในอจิตตกะวรรค...ท่านเปรียบเสมือนการกินอาหารที่ผสมยาพิษ
    แม้ไม่เจตนาจะกินก็ตายเช่นกัน...

    คนเราไม่ได้จะผิดศีลข้อนี้ตลอดเวลา..เราไม่ได้กินเลี้ยงตลอดเวลาจริงไหม
    ดังนั้นอย่าไปคิดถึงมันครับ ลืมมันไปเสีย แค่คุณคิดใคร่ครวญเหมือนการปลอบจิต
    ว่ามันเป็นธาตุบ้าง เราไม่มีเจตนาล่วงบ้าง..มันก็เป็นแค่ความคิด
    อาจจะคลายความหม่นหมองของจิตได้ชั่วขณะ
    แต่อย่างไรเสียคลื่นรบกวนแห่งจิตที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบท
    ก็ยังไม่หายไป..แนะนำว่าอย่าไปคิด ไปพูดถึงมันอีก ทำแล้วก็แล้วไป
    ขอให้มีสติรู้สึกตัวอยู่กับปัจจุบันไว้..อานิสงส์นี้ยิ่งใหญ่กว่าครับ
    จิตจะได้ไม่ไปจับอยู่กับอดีตที่หม่นหมองปรองจิตอันนั้นอีก..

    ขอให้เจริญในธรรม..
     
  5. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อันนี้โดยส่วนตัวนะครับ แต่ก่อนผมก็ดื่มนะ ครับ ต่อมมาผมเริ่มสวดมนต์ไห้วพระ ก่อนสวดมนต์ก็จะ สมาทานศีลห้า ทุกครั้งเพราะฉะนั้นก่อนที่จะละเมิดศีล เราก็ต้องพิจารณาว่ามันกระทบกับศีลข้อใด ก็จะทำให้เราเกิด หิริโอตัปปะ ยับยั้งชั่งใจ ถ้าเป็นศีลข้อห้าหากเราคิดจะรักษาให้มั่นแล้วก็ปฏิเสธเลย กับใครก็ตามที่ชวนและตัวเรา โดยเฉพาะตัวเราชนะใจได้หรือไม่ แค่จิบนิดเดียวมันก็เริ่มต้นละเมิดศีลแล้ว ดังนั้นความไม่ดีไม่ทำเสียเลยจะดีกว่า
     
  6. dragoona

    dragoona เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +129
    แล้วเล่นเกมส์จนติดเกมส์ งอมแงม นี่มันเหมือนกับ ทำให้เราหลงมัวเมาอยู่เหมือนกัน เช่นเด็กเล่นเกมส์ แท็กซี่โหด จนโลกในเกมส์โหดๆ ที่ีเล่นไปเข้าไปอยู่ในสมอง เจอแท๊กซี่ในชีวิต จริงๆ ก็ไปฆ่าแท๊กซี่ตาย เหมือนกับที่เขาทำในเกมส์ ได้ อย่างนี้ เกมส์จะเป็นสิ่งต้องห้าม ใน ศีลข้อ5 ได้ไหมน่ะครับ

    ขอบคุณมากครับผม
     
  7. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    จิบแต่ไม่ล่วงลำคอครับ แล้วก็เช็ดปาก
    นอกนั้นส่งเสียงคุยกัน เบนความสนใจไปเรื่องอื่น
    ดื่มแชมเปญแสดงความยินดี ผมก็ยกแตะปาก ทำท่าเหมือนกระดก เหล้าไม่เข้าปาก สมัยนี้กินดินเนอร์บางแห่งเขาถาม ถ้าเราไม่ดื่ม เขาก็ไม่ริน
    และที่สำคัญ หากมีใครถามต้องอ้างเรื่องสุขภาพ อย่าอ้างเรื่องศีล เพราะเดี๋ยวจะโดนลองดี
     
  8. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ศีลห้า....มีข้อ 4 มุสาวาทฯ ด้วยนะจ๊ะ
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เรื่องศีลข้อมุสาวาท

    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณที่เคารพอย่างสูง...
    หลวงพ่อ เอ๊ะ! วันนี้เป็นเจ้าคุณ ฉันขาดหลวงปู่ไปตำแหน่งนะนี่ หลวงตามาแล้ว ขาดหลวงปู่...หลวงทวด
    ผู้ถาม ลูกมีปัญหากลุ้มใจนิดเดียว เกี่ยวกับเรื่องศีลของหลวงพ่อ คือ ลูกเป็นแม่ค้าก็จำเป็นที่จะต้องโกหกอยู่เสมอ ไม่งั้นจะไม่ค่อยมีกำไร ลูกพยายามทุกอย่างแล้ว ธรรมะของหลวงพ่อทำครบหมด แต่ข้อนี้ทำไม่ได้ จึงขอบารมีหลวงพ่ออโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ...ฟังให้ดีนะ จุดธูปตอนเช้า วันนี้ขอลาศีลมุสาวาทชั่วคราว...(หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ...วิธีพูดน่ะ เราซื้อของมาถูก ต้องขายแพงตามท้องตลาดใช่ไหมล่ะ ก็บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้หรอกจ๊ะ เท่านี้หมดเรื่องกันไป ไม่โกหก อย่าไปบอกซื้อมาบาทนี่ขาย ๑๐ บาท นี่ซื้อมา ๙๙.๙๐ บาท โธ่...ได้กำไร ๑๐ สตางค์ กลัวศีลขาด บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้น่ะ นี่มันมีความจำเป็น ถ้าต้นทุนถูกลดจากนี้ได้มาเยอะแยะ แค่นี้ไม่ผิด
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ บางครั้งเราก็ไม่เจตนาไอ้เรื่องโกหกนี่มันอยู่ในสังคม บางครั้งอย่างนี้นะ เขาจะมาเบียดเบียนเราน่ะ เราโกหกเขาว่าเราไม่มี

    หลวงพ่อ อันนี้ต้องรู้คำว่า มุสา นี่ ต้องทำลายผลประโยชน์เขาไอ้ตัวนี้ไม่ใช่โกหก ไม่ใช่มุสา

    ผู้ถาม บางครั้งก็ไม่เข้าใจนะคะ
    หลวงพ่อ ดี...ถามอย่างนี้นะดี ทีนี้คำว่า “มุสา” นี่ต้องทำลายผลประโยชน์เขา แต่นี่เราทำเพื่อรักษาผลประโยชน์เรา ใช่ไหม...ยังไม่อยู่ในเกณฑ์มุสา อย่างนี้เขาไม่ถือว่าขาดศีล ๕
    ผู้ถาม บางครั้งพูดแล้วมันเสียดใจ มันตรงเกินไป
    หลวงพ่อ ก็ใช่ แต่เปล่า...ก็ต้องบอกเรารู้นี่ว่า ไอ้หมดนี่ถ้าหากมาขอยืมทีไร มันไม่ใช้ให้ทันที ใช่ไหม...นี่เราขืนให้ไปเราก็ไม่ได้ มีอยู่เหลือเฟือนี่ ไอ้เงินน่ะเรามี แต่เงินที่เราจะให้ยืมมันไม่มี เราก็บอกไม่มี เราก็บอกไม่มีเฉย ๆ ว่ายืมไม่ได้ ความจริงเรามีแต่เราจะต้องใช้นี่ ใช่ไหม...ถ้าเขาเอาไปเขาไม่เอามาส่งคืนเราก็ลำบาก ถ้าเรามีเหลือเฟือนี่มันไม่เป็นไร อันนี้เราถือว่าเรารักษาผลประโยชน์เรา เขาไม่ถือว่าเป็นมุสานะ
    อย่างพวกค้าขายนี่ก็เหมือนกันละ ลงทุนมาบาทเดียวแต่ขาย ๑๐ บาท เราขายตามราคาท้องตลาดเขาขอลดเราบอกลดไม่ได้หรอก ต้นทุนมันแพง มันแพงเท่าไรนี่เราไม่ได้บอก เราอย่าไปบอก ๙ บาท ๕๐ สตางค์ซิ เราบอกแพงเฉย ๆ ตามความนิยมของท้องตลาด อันนี้มันไม่เป็นไรนะ ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท อันนี้เข้าใจนะโยม ข้อนี้มีคนข้องใจกันมาก
    แต่ว่าถ้าเราพูดไปเพื่อรักษาประโยชน์ของเรา เพราะอะไร...เพราะว่าถ้าเราไม่รักษาประโยชน์เราให้ไป มันก็ไม่คืนซักที ทีนี้เราก็พังละซิใช่ไหม...อย่างนี้ยังไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท มุสาวาทมันต้องเป็นอย่างนี้ คือประโยชน์ของเขาที่จะพึงมีอยู่ด้วยเหตุนั้น เราไปบอกนี่แกอย่าไปทำเลยแบบนั้น ขาดทุนตาย แต่ว่าเราจะเอาซะเอง
    ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เลี้ยงเด็ก ไอ้เด็กเกินไปชานบ้าน ถ้าขืนปล่อยไป เดี๋ยวมันหล่นใต้ถุนตายใช่ไหม...บอกไอ้หนูอย่าไป เดี๋ยวหล่นใต้ถุน เด็กมันไม่เชื่อ แต่เด็กมันกลัวงู ก็บอกแก บอกอย่าไปนะไอ้งูมันมี ตุ๊กแกมันมี เด็กก็กลัว อันนี้เรารักษาประโยชน์ของเด็ก ไม่เป็นมุสาวาท มันเป็นเมตตา แต่ว่าถ้าเราพูดตรงไปตรงมาเด็กเขาไม่เชื่ออาจจะหล่นใต้ถุนบาดเจ็บหรือตาย ถ้าเราบอกแบบนั้นก็เป็นการรักษาอวัยวะ หรือรักษาชีวิตของเขาใช่ไหม...อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาทนะ เป็นเมตตาจิต มันเป็นคุณ ไม่ใช่โทษ แล้วยังไงล่ะ?
    ผู้ถาม พอพูดแล้ว มันไม่สบายใจค่ะ
    หลวงพ่อ นี่ทีหลังเอาใหม่ซิ บอกว่าข้าไม่พูด ๆ ๆ มันไม่ได้ล่ะค่ะ
    หลวงพ่อ ทำไมล่ะ?
    ผู้ถาม มันต้องพูดกันอยู่นะคะ
    หลวงพ่อ ถ้าพูดกันอยู่ก็บอกว่า ไม่ได้หรอก สตางค์ที่ให้แกยืมน่ะ ไม่มีล่ะเว้ย ข้ามีเหมือนกันละ มีแค่จะซื้อข้าวสารกินหรือซื้อกับข้าวกิน ใช่ไหม ข้ามีอยู่เล็กน้อยแบ่งไม่ได้ เราต้องบอกมีเล็กน้อย เราก็ไม่มีมากใช่ไหม มันมีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ความจำเป็นมันมีอยู่สำหรับเราก็ถือว่า มีเล็กน้อย ใช่ไหม ไม่ใช่มีมาก ถ้ามีมากเราต้องมีจนเหลือเฟือ ถ้าเขาถามมีไหม...บอกว่าจะว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่ มันมีเหมือนกัน แต่จะซื้อกับข้าวตอนเย็นนี่นะ แล้วไอ้ภาพกิจอื่นมันมีมันไม่ไหว ถ้าคุณเอาไปเสีย ฉันก็ให้ไม่ได้
    หรือบางทีเราก็ต้องบอกไปเลย บอกเงินให้ยืมไม่มีละ ฉันไม่มีแล้ว ใช่ไหม เราตัดไปจุดนั้นเลย ตัดไปจุดตะรางที่ว่า “ให้ยืมไม่มีไอ้คนตื๊อนี่ บอกมีเล็กน้อยเดี๋ยวมันเอานะ เราก็ต้องตัดไปว่า เงินให้ยืม นั้นไม่มีจริง ๆ ฉันไม่มีหรอกใช่ไหม อันนี้เราพูดถึงเงินให้ยืมใช่ไหม ไอ้เงินที่เรามีอยู่มันจำจะต้องใช้ อันนี้ก็ไม่ถือเป็นมุสาวาทนะ

    http://www.larnbuddhism.com/grammathan/toppanha.html
     
  10. boou

    boou สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    ในความคิดผม ศีลเป็นข้อที่ควรละเว้น แต่ไม่ต้องยึดเอาจริงจังหรอกคับ เราไม่ใช่คนปฏิบัติ จะบรรลุแล้วซะหน่อย มันจะเลี่ยงมันก็เลี่ยงไม่ได้ บางที่ก็ต้องดื่มแหล่ะ จะให้บอกว่าไม่เอาไม่ดื่ม มันก็ไม่ได้อีกละ เพราะยังอยู่ในสังคม
     
  11. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    ^คิดอย่างนี้อันตรายนะครับ :>
     
  12. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ..เจตนา เป็นเครื่องเว้น....
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หลวงตามหาบัวท่านว่า "คนขึ้นสวรรค์ เหมือนเขาโค คนตกนรกเหมือนขนโค"....อันนี้หละครับ..สังคม ร่วงระนาวก็สังคมนี่หละ....
     
  14. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,164
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ผมว่าไม่นะ เพราะมีทั้งคนเล่นแล้ว มึนเมา และทั้งคนที่แล้วแล้วไม่มึนเมา เพราะแต่ละคนสามารถแยกแยะได้ไม่เหมือนกัน
    อยู่ที่ตัวของเราเองแหละ ตอนเล่นอาจจะไม่ผิดศีล แต่ตอนไปลงมือฆ่า นี่ผิดแน่นอน

    ไม่เหมือนเหล้า ใครกิน ก็เมาหมด แค่เมาช้าเมาเร็ว ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2011
  15. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,164
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    แต่ผมสงสัยว่า การพนัน ถือว่าเป็นสิ่งห้ามใน ศีล5 ข้อ นี้ไหมครับ
     
  16. Homealond

    Homealond เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +476
    เราก็อยู่ในสังคมไทยปนฝรั่งเหมือนคุณ กับคนต่างชาติที่ไม่เข้าใจเลยว่าเราไม่กินเหล้าเพราะอะไร เราก็ต้องต้องปดออกไปด้วยว่าเพราะกินแล้วแพ้น่ะค่ะ

    แต่หลังๆกำลังใจมากขึ้นเลย ยกมือห้ามแล้วขอเลย ไอไม่กิน ไอถือศีลเคร่ง บางทีก็บอกว่าถ้าให้ไอกินไอขอตายง่ายกว่า จากนั้นเขาก้ไม่มาขอให้เราลองอีกเลย
     
  17. kangoa

    kangoa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +40
    การพนันเป็นทางแห่งอบายมุขครับ

    อบายมุขมี ๒ หมวดคือ อบายมุข ๔ กับ อบายมุข ๖

    ถ้าสนใจก็ลองศึกษาเพิ่มเติมดูได้นะครับ
     
  18. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ไม่หลบไม่ต่อต้าน วางเฉย กินแต่พอดีให้อยู่ในขอบเขตความดีไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ทำใจให้สบาย เลี่ยงได้เท่าที่ทำได้ ศีลถือที่ใจ แค่นี้ก็ไม่ผิดศีลแล้วครับ ขอให้ใจมงคลเบิกบานตื่น เข้าไว้แล้วกันครับ

    ถามทำไม พระอหรัน จี้กง ถึงได้เป็นพระอหรันได้ เหล้าก็กิน
     
  19. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ไม่อยู่ครับ แต่การพนันเป็นเหตุแห่งความฉิบหายทั้งปวงครับ (โหดกว่า 555)
     
  20. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    เจตนาเป็นเครื่องชี้วัด ผิดแล้วก็ผิดไป เริ่มใหม่ (แต่ผิดซ้ำซากเหมือนเดิมไม่รู้จักจำนี่ ก็ไม่ดี)หากจิตยังวนเวียนแต่เรื่องผิดเดิม ๆ กังวล ย่อมไม่เป็นผลดี ศีลพรตแม้จะเคร่งครัดเกินไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี จนกว่าจะพ้นวิสัยของปุถุชน เรื่องศีลจึงจะเป็นปกติจริง ๆ ไม่มีคำถามอีกว่านี่ผิดไหม นั่นถูกไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...