Almine ผู้เป็นอมตะ และเป็น "Ascended Master" และ "คู่มือการเลื่อนระดับขึ้น" จากเธอ

(Almine ผู้เป็นอมตะ และ Ascended Master - ปี 2011 นี้ เธออายุได้ 61 ปีแล้วนะครับ)

ก่อนอื่น ผมขอให้ท่านถามตัวท่านเองก่อนนะครับว่า
ท่านเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม?
แล้วท่านเชื่อไหม ว่าปาฏิหาริย์เหล่านั้น ท่านก็สามารถทำได้ด้วย หากทุกอย่างพร้อม?

คำว่า "ผู้เป็นอมตะ" ตามชื่อกระทู้นั้น ผมแปลมาจากคำว่า Immortality หนะนะครับ
ซึ่งเขาก็คงจะหมายความว่า ร่างกายจะไม่แก่ และตายไป ตามอัตราเร็วปกติเหมือนคนทั่วไปกระมัง
เอ..หรือว่าจะไม่แก่เลย อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ

Almine คนนี้ นับได้ว่าเป็นตัวอย่างของ "มนุษย์โลก" ที่สามารถผ่าน
กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ไปได้ก่อนคนอื่นๆแล้ว
เพื่อทำเป็นตัวอย่างให้มนุษย์โลกคนอื่นๆได้เห็น ว่า "ปาฏิหาริย์"
ที่เหล่ารูปธรรมชีวิตต่างมิติได้เฝ้าพร่ำบอกมาหลายปีแล้วนั้น
กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ และมนุษย์โลกแล้วจริงๆ

มันอาจจะภาระกิจที่เธออาสามาทำ ตั้งแต่ก่อนกำเนิดแล้วก็ได้
คือเธอกำลังทำเป็นตัวอย่างให้พวกเราเห็นว่า เมื่อความตระหนักรู้เลื่อนระดับขึ้นไปได้แล้ว
ร่างกายเนื้อ จะไม่แก่ชราลง มิหนำซ้ำ ยังจะย้อนวัยอ่อนเยาว์ลงมาอีกหลายสิบปีซะด้วย
หนะเป็นอย่างไร ความความตระหนักรู้ที่ว่า เมื่อเลื่อนระดับขึ้นไปแล้ว มันเป็นอย่างไร
มันจะรู้สึก จะได้ยิน จะเห็น จะสัมผัสรู้ โลกในแบบไหน อย่างไรบ้าง ฯลฯ เป็นต้น

Almine คนนี้ ขึ้นชื่อฤาชาเรื่องความมีปาฏิหาริย์มากคนหนึ่งของโลก และเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
ท่ามกลางผู้นำทางจิตวิญญาณทั้งหลายด้วย เพราะว่างานของเธอ ก็คือการสอน
พวก "ครูบาอาจารย์ทางด้านจิตวิญญาณ" ทั้งหลาย ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก

และแน่นอนหละว่า ครูบาอาจารย์ด้านจิตวิญญาณเหล่านี้ ท่านก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ที่ท่านยอมรับ Almine ได้ก็เพราะว่า คงเห็นว่าเธอคนนี้ของจริงกระมังครับ

เวปไซต์ของเธอมีหลายเวปไซต์ และมีพยานผู้พบเห็นปาฏิหาริย์จากเธอมากมาย
บ้างก็กล่าวว่า เธอหายตัวได้ คืออยู่ๆก็เดินทะลุกำแพงเข้ามาในห้องนอนของลูกศิษย์
แล้วมารักษาอาการกระดูกแขนแตกให้ แล้วก็เดินทะลุกำแพงหายไป ทิ้งไว้แต่รอยเท้าบนหิมะ
หรือไม่ก็ เวลาที่เธออยู่ในภาวะเข้าฌาณลึกๆ ตัวเธอจะลอยอยู่เหนือเตียงนอนนั้นหลายนิ้ว
อะไรแบบนั้นหนะครับ จนบรรดาลูกศิษย์ของเธอ ที่จะไปเรียนกับเธอ
ต้องพากันพกกล้องถ่ายรูปไปด้วย เพราะว่าปาฏิหาริย์จะเกิดรอบๆตัวเธอทั้งวัน
ไม่รู้เวลาไหน เลยต้องเตรียมกล้องเอาไว้ตลอดเวลา อะไรแบบนั้นหนะครับ


กระทู้นี้ ผมจะค่อยๆโพสต์ไปเรื่อยๆนะครับ เพราะว่าไม่สามารถโพสต์ให้จบในคราวเดียวกันได้
เพราะเนื้อหามันยาวมากๆ เนื้อหาหลักๆที่ผมจะโพสต์ก็คือ "คู่มือการเลื่อนระดับขึ้น"
ซึ่งเป็นคำแนะนำ จากเธอ ผู้มีประสบการตรง และมีประสบการณ์จริงๆ คนนี้ครับ

ดังนั้น บรรดาเราท่านทั้งหลาย ผู้ที่สนใจ และกำลังอยู่บนเส้นทางการเลื่อนระดับขึ้นนี้อยู่
ก็จะได้อ่านเอาเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับตัวเองหนะนะครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้หมายความว่า ครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ และเป็นของจริง ของแท้
ในประเทศไทยเราจะไม่มีหรอกนะครับ แน่นอน ว่ามีอยู่ และอาจจะเยอะซะด้วย
ดังนั้น ท่านใดจริตเหมาะกับอะไร ชอบไปทางไหน ก็ตามสบายเลยนะครับ

ส่วนท่านที่ชอบแนวนี้ คือแนว New Age แนวที่อธิบายอะไรต่ออะไรออกมาเป็นวิทยาศาสตร์ได้หมดนี้
ก็ลองอ่านกันดูนะครับ แต่วิจารณญาณในการอ่าน ก็มิอาจทิ้งไปได้เช่นเคยนะครับ

ด้วยความปราถนาดีครับ
............................................

 

บางส่วนของข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่าน SaLuSa แห่งดาวซีรีอุส

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2011
ผู้รับสาส์น: นาย Mike Quinsey

ที่มา:
Mike Quinsey - SaLuSa, November 14, 2011



คลื่นพลังงานแห่งความรักขนาดใหญ่ได้มาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว แต่นั่นไม่ใช่จุดสิ้นสุดหรอกนะ
เพราะว่ามันยังจะยกระดับความสั่นสะเทือนของโลกให้เพิ่มสูงขึ้นอีกเรื่อยๆอยู่

และจากนี้เป็นต้นไป ระดับจิตสำนึกของมนุษย์โลก ก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งแต่ละคนก็กำลังรับรู้มันได้อยู่ในแบบของใครของมัน

ผลกระทบโดยรวมของมัน จะนำมาซึ่งความกลมกลืน และความสมดุลที่มากขึ้นมาสู่มนุษย์โลก
ดังนั้น ความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติแบบทำลายล้างก็จะลดลงด้วย...


...เมื่อใดที่พวกคุณวิวัฒน์มาถึงระดับเดียวกับพวกเราแล้ว
ซึ่งในท้ายที่สุดพวกคุณก็จะต้องมาถึงแน่ๆ ร่างกายของพวกคุณ
ก็จะมีความเป็นกายภาพน้อยลง และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอีก
และรวมถึงไม่มีปัญหาอื่นๆที่พวกคุณกำลังมีกันอยู่นี้ด้วย

ร่างกายของพวกคุณจะไม่มีการแก่ หรือจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มาก
เท่ากับร่างกายในปัจจุบันนี้ของพวกคุณเลย
หรือแม้แต่ถึงขั้นที่มันสามารถดูดซับเอาพลังงานไปใช้เองได้
โดยไม่ต้องให้อาหารมันด้วยซ้ำไป

แต่อย่างไรก็ตามพวกเราก็ยังชื่นชอบสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่าอาหารเลิศรส และน้ำผลไม้เหมือนกัน
เพราะว่ามันอร่อยและถูกใจพวกเราที่สุดเลย

อีกไม่นานนี้วิถีทางของพวกคุณก็จะนำพาพวกคุณให้หันมารับประทานอาหารจากธรรมชาติแล้ว
และสารเคมีที่ใช้ปรุงแต่งอาหารทั้งหลายก็จะกลายเป็นอดีตไป เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว
พวกมันก็ไม่มีความจำเป็นอยู่แล้ว เพราะว่าถ้าอาหารเจริญเติบโตในสภาวะแวดล้อมที่ถูกต้องแล้วหละก็
พวกคุณก็จะพบว่าพวกมันอร่อยมาก และก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากด้วย

ใช่แล้วพวกคุณเคยได้ยินเรื่อง “เครื่องทำสำเนาอาหาร” (Food replicators) มาแล้วนี่
และพวกคุณก็สามารถมองมันว่าเป็นวิธีการระหว่างกลางก็ได้
จนกว่าความจำเป็นของพวกคุณจะได้รับการสนองตอบอย่างเหมาะสม…

..................................

 

ผู้หญิงคนนี้อมตะงั้นรึ !! แถมไม่แก่ แต่กลับย้อนสู่วัยเยาว์.........หรือนี่จะเป็นภาคต่อของ เบนจามิน บัตตัน . . ..

 

เกี่ยวกับ Almine



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

Almine ได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้นำของโลก และบรรดานักวิทยาศาสตร์ว่า
เป็นผู้ที่มีความมหัศจรรย์มากที่สุดในโลกอีกคนหนึ่งในยุคนี้

งานของเธอจะเกี่ยวข้องกับการอธิบายกลไกการทำงานของเรื่องราวที่ลึกลับมหัศจรรย์ทั้งหลาย
ซึ่งเป็นจุดที่ด้านกายภาพและด้านที่ไม่ใช่กายภาพมาบรรจบกัน และเป็นจุดที่โลกแห่งความเป็นจริงใหม่ๆทั้งหลายบังเกิดขึ้น
งานของเธอได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้ความเข้าใจแบบลึกซึ้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
จนสามารถชะล้างความซบเซาให้หมดสิ้นไปมาหลายปีแล้ว

และเพราะว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในฐานะของ Toltec Nagual (ผู้ที่มีอำนาจจิตลึกลับจำพวกหนึ่ง
ที่อุทิศชีวิตให้กับการบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ (impeccability) และช่วยให้ผู้อื่นหลุดพ้นออกมาจากมายาการด้วย)
มานานเกือบตลอดชีวิตของเธอแล้ว เธอจึงมีความเข้าใจในเรื่องของจักรวาลวิทยา
และ เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของมนุษย์ที่มีต่อมหภาคอย่างลึกซึ้ง

เธอคือผู้ที่ช่วยผลักดันให้เกิดความความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและกระจ่างแจ้งมากกว่าที่ Toltec คนก่อนๆได้ทำไว้แล้ว
เธอคือผู้ที่ถูกมอบหมายให้ไขความลับของเรื่องราวลึกลับทั้งหลายที่รบกวนใจเหล่านักพยากรณ์ชาว Toltec มานานแสนนานแล้ว


ในเดือนกุมภาพันธุ์ 2005 ร่างกายเนื้อของ Almine
ได้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบครั้งสำคัญ
คือเปลี่ยนจากร่างกายของคนปกติไปเป็นร่างกายที่เป็นอมตะในชั่วพริบตา


งานเขียนของเธอได้กลายเป็นแผนที่นำทางให้กับคนอื่นๆเพื่อให้เข้าถึงความเป็นคุรุในระดับเดียวกัน
หรือระดับที่สูงกว่านี้ได้ มีเหล่าคุรุมากมายที่สนใจเข้ามาเรียนกับเธอ และทำให้ภาระกิจของเธอ
ที่เธอได้รับมาเมื่อเดือนมกราคม 2005 ประสบความสำเร็จ

ซึ่งภาระกิจที่ว่านั้นก็คือ การตระเตรียมความพร้อมให้กับบรรดาผู้นำเหล่านั้น สำหรับยุคทองของโลกที่กำลังจะมาถึงนี้

ในช่วงประวัติศาสตรที่ผ่านๆมา บรรดาผู้นำทางด้านจิตวิญญาณและกูรูคนสำคัญๆทั้งหลาย ที่ได้บรรลุธรรมแล้ว
ก็มักจะปลีกตัวเองออกไปจากสังคมเสียหมด ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจได้ เพราะว่า “คำพูด”
ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะใช้อธิบายประสบการณ์บางอย่างได้

เช่น ประสบการณ์การได้เผชิญหน้ากับความหาที่สุดไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้น การกระทำทางกายภาพ โดยการพูดให้ฟัง
จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

แต่พรสวรรค์ของ Amine ก็คือ เธอสามารถที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดเหล่านี้
ออกมาเป็นคำพูดให้เราสามารถเข้าใจได้

เธอรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วสำหรับชาวโลกที่จะต้องเข้าใจว่า พวกเขาสามารถที่จะเรียกร้อง
เอาความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นของพวกเขาเองกลับคืนมาได้อย่างถาวร ในขณะที่ยังคงทำภาระหน้าที่ในสังคมอยู่แบบเดิมนี้แหละ

คำพูดทั้งหลายที่จะใช้อธิบายเรื่องราวที่ไม่สามารถรู้ได้นี้ หลั่งไหลมาสู่เธอเอง และเมื่อพวกมันถูกแชร์ออกมาให้ผู้อื่นฟัง
มักจะทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ต่อหน้าพระเจ้าอย่างนั้นแหละ

การอธิบายเพื่อเปิดเผยเรื่องราวต่างๆของเธอ ได้นำคำตอบมาให้แก่คำถามที่รบกวนจิตใจมนุษย์โลกมานานแสนนานแล้ว
นับตั้งแต่เริ่มยุคเริ่มต้นโน่นเลยทีเดียว เธอช่วยเปิดเผยเรื่องราวของต้นกำเนิด
และความหมายของการมีตัวตนอยู่ของมนุษย์โลกด้วย

บนเส้นทางของเธอ ได้กลายเป็นเส้นทางแห่งการเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ในร่างกายเนื้อนี้
ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในห้วงกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้ไปด้วย
และยังต้องคอยรักษาความสมดุลขั้นละเอียดของการตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเอง
กับความตระหนักรู้ที่ขยายตัวอย่างเต็มที่แล้วอีกด้วย

คุณสามารถพบกับ Almine ได้ในเวปไซต์ของเธอ

Spiritual Journeys | Teacher & Retreats

………………………..

 

เข้ามาติดตามกระทู้ดีๆจากคุณ Chayutt อีกแล้วครับ ติดตามอ่านอยู่นะครับ

 

แล้ว ปัจจุบัน เธออายุเท่าไรแล้ว พอจะทราบมั้ยครับ

 

อยากให้ปาฏิหาริย์เกิดกับพี่ชยุตค่ะ
พี่จะได้มาเล่าให้พวกเราฟัง
เพราะคงจะเข้าใจง่ายกว่าแน่ๆเลย

 

ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้เธออายุ 60 ปี แล้วครับ เปนบ้านเราก็เรียก"ผู้สูงอายุแ้ล้ว" นะเนี่ย

 

อ่า...เป็นอมตะได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากศิลา




น่าสนใจครับเกี่ยวกับ คุณ Almine ติดตาม ๆ

 

ชีวิตมหัศจรรย์ของ Almine

http://www.ascendedmastery.com/alminesascension.html


...การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ได้ถูกเร่งให้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
และบ่อยครั้งที่ฉันรู้สึกว่าเจ็บแปล็บๆที่หัวใจ, คอหอย, และที่บริเวณตาที่สามของฉัน
ช่วงนั้น ฉันพยายามหาทางที่จะประสบผลสำเร็จในธุรกิจระหว่างประเทศของฉัน
แต่มันก็ไม่เป็นผล มันเป็นอาชีพที่ทำให้ฉันจำเป็นต้องเดินทางไปทั่ว

ในทุกเมืองที่ฉันไป หัวใจของฉันจะร้องเพลงบทสรรเสริญพระเจ้าด้วยความสุข
เพราะว่าฉันจะแอบอวยพรและแอบบำบัดรักษาผู้คนมากมายที่เดินผ่านฉันไปตามท้องถนนอยู่อย่างเงียบๆ

ในปี 1992 ตอนที่ฉันอายุได้ 42 ปี ฉันพบว่าอาการแห่งความแก่ส่วนใหญ่ของฉัน
ได้หายไปแล้ว อันที่จริงแล้ว มีอยู่หลายครั้ง ที่ฉันถูกคนอื่นหลงเข้าใจผิดไปว่า
ฉันคือลูกสาวคนโตของฉัน

ปีนั้นเองที่ฉันได้ร้องขอแต่พระเจ้าว่า ขอให้พระองค์ช่วยนำเอาบททดสอบทั้งหมด
และความทุกข์ยากลำบากทั้งหมดที่เหลืออยู่ของฉันออกมาให้ฉันได้เผชิญพร้อมกันหมดในคราวเดียวไปเลย
ซึ่งสิ่งเดียวที่ฉันขอจากพระองค์ก็คือ “ความเข้มแข็ง” ที่จะทำให้ฉันสามารถอดทนกับพวกมันได้
และสามารถเอาชนะพวกมันไปได้ เท่านั้นเอง

ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าฉันถูกดลใจให้ร้องขอไปแบบนั้น
เพราะว่าฉันต้องการที่จะเลื่อนระดับขึ้นอย่างเต็มรูปแบบเต็มทีแล้ว
(เพื่อทำให้เซลในร่างกายของฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ)
จนฉันไม่รู้สึกอีกต่อไปแล้วว่ามีกฎเรื่องความตายอยู่ในโลกนี้ด้วย

แม้แต่ตอนที่เดิน ฉันก็ยังรู้สึกงุ่มง่ามไปหมด เพราะฉันรู้สึกว่า
ฉันน่าจะหายตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ โดยใช้เพียงความคิดเท่านั้นเอง

มีอยู่หลายครั้ง ในขณะที่ฉันอยู่ในสภาวะแห่งความรู้สึกชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นฉันจะรู้สึกว่าตัวฉันเองสว่างเจิดจ้าเต็มที่
และไม่รู้สึกเลยว่าเท้าของฉันกำลังอยู่ติดพื้นอยู่หรือเปล่าด้วยซ้ำ

จากนั้นอาการแบบนี้ก็เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ และค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆด้วย…

………………….


(ภาพประกอบจาก Pathway to Ascension with Almine)

 

ขอบคุณคุณ Chayutt ค่ะ ที่แปลให้พวกเราได้ย่อยกันง่ายขึ้น ^_^

คือ จริงๆแล้วคิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะประชาสัมพันธ์ในกระทู้ดีไหม
พอดีว่าได้ประสบพบเจอมากับตัวเองและคิดว่ามันค่อนข้างมหัศจรรย์มากๆ
คือ ดิฉันได้ไปเจอกลุ่มในเวปไซค์แห่งหนึ่งที่ส่วนใหญ่แล้วก็มีมุมมองแนวคิด
และวิธีการที่คล้ายๆกับเหล่าคุรุที่คุณชยุตได้แปลมา ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับ
การเยียวยาและรักษาโรคในกายของมนุษย์ผ่านวิธีการหายใจที่มีรูปแบบ
ค้นพบโดย คุณหมอแกนซึ่งเป็นเจ้าของทฤษฎี
คือต้องออกตัวก่อนนะคะว่าอาจดู
เหมือนเป็นเรื่องไร้สาระหรือเพ้อเจ้อสำหรับคนที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
แต่ ไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์ใช่ไหมคะ ดิฉันนี่ล่ะค่ะที่พิสูจน์มากับตัวเองโดย
วิธีการของคุณหมอมี 2อย่าง คือ นั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ และทำน้ำดีท๊อกซ์ดื่มเอง
ณ ปัจจุบันนี้มีอะไรต่างๆมากมายที่พวกเรายังไม่รู้ว่าเราไม่รู้ ประวัติคุณหมอน่าสนใจมากค่ะ
(โดยเฉพาะท่านบอกว่าท่านไม่ใช่มนุษย์) และที่น่าสนใจคือท่านดูอ่อนกว่าวัยมากค่ะ
อายุเท่าคุณชยุต แต่ดูเหมือนเด็ก 28-29

คือ พอดีเห็นคุณชยุตเกริ่นๆเรื่อง Almine มาไม่นานมานี้ก็ทำให้ดิฉัน
คิดประหวัดไปถึงหมอแกนทันทีโดยอัตโนมัติเลยค่ะ 2 ท่านนี้คล้ายกันหลายๆอย่าง ท่านรู้เรื่องราวของจักรวาลเป็นอย่างดี และที่สำคัญท่านรักษาโรคให้คนป่วยหลายรายให้หายมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนคนไข้เหรอคะ ก็แบบหนักๆมาทั้งนั้นแล่ะค่ะ แบบที่ว่า โรงพยาบาลไม่รับประกันว่าจะรอดหรือเปล่าทั้งนั้นค่ะ แต่แล้วก็
มาหายกับคุณหมอแกน มีพยานบุคคลและเบอร์โทรให้ติดต่อสอบถามได้ค่ะ
มีศูนย์แห่งแรกอยู่ที่เชียงใหม่ สร้างโดยอดีตผู้ป่วยของคุณหมอสร้างเองด้วยเงินตัวเองและความศรัทธาที่มีต่อคุณหมอ เพื่อให้เป็นที่พบปะของคนป่วยและผู้
ที่สนใจ และคุณหมอแกนก็มาบรรยายที่เชียงใหม่บ่อยๆ(ส่วนใหญ่ทุกเสาร์-อาทิตย์) และตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านอีกคนหนึ่ง คุณปูมก็กำลังทำศูนย์แห่งที่2
อยู่ที่เชียงราย ก็ใช้ทุนส่วนตัวอีกเหมือนกัน รายละเีอียดต่างๆมีเยอะค่ะ
สำหรับผู้ที่สนใจอยากศึกษาทฤษฎีโพเพทัสนี้ก็ตามเวปนี้เลยนะคะ
Morgan Gaiyasit ทุกอย่างฟรีค่ะ เพราะเราใช้แค่อากาศในการหายใจเท่านั้นในการรักษาโรค ไม่มีใครซื้ออากาศหรอกใช่ไหมคะ

 

บ้านเราก็มีดาราสาวอมตะคนหนึงนิ เธอดูไม่แก่ด้วย อิอิ ใครเอ๋ย......

ดูๆแล้วเธอคงจะเป็นแบบ Resident Evil ผู้มีเชื่อพิเศษ อิอิ

 

ขอแก้ข้อความที่ผิดหน่อยค่ะ ที่บอกว่าคุณหมออายุเท่าคุณชยุต จริงๆแล้วท่านแก่กว่าค่ะ 42แล้ว

 

ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เพราะว่าเธอไม่ได้มีเชื้ออัมตะมาตั้งแต่เกิด
เธอสร้างมันขึ้นมาเอง โดยผ่านกระบวนการเลื่อนระดับจิตขึ้น
จนเอาชนะความแก่ได้ ระดับจิตของเธอ ผมเดาเอาเองนะครับว่า
ก็คงอยู่ในขั้นใดขั้นหนึ่งของ "อริยะบุคคล" โน่นแหละครับ

มีใครเคยได้ยินเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรไหมครับ
หรือเรื่องราวของ "พระองค์ที่ 12" เอหรือ 11 นะ ไม่แน่ใจ นั่นก็ด้วย
ท่านก็คงเป็นแนวๆอัมตะแบบนี้กระมังครับ
(แต่ว่าเรื่องราวที่กล่าวมาข้างบนนั้น ก็มีหลายเวอร์ชั่นหนะนะครับ
มนุษย์โลกเราก็ต่างคนต่างคิดว่าเวอร์ชั่นของตัวเองหนะถูกที่สุดอีกหละ)

เดี๋ยวถ้าสนใจก็อ่านกันต่อไปนะครับ เพราะว่าเส้นทางนี้
มันไม่ง่ายอย่างที่ท่านคิดนักหรอกครับ อย่าเพิ่งไปดูหมิ่นเธอ
อย่าเพิ่งคิดว่า นอกจากชาวพุทธแล้ว จะไม่มีใครบรรลุธรรมได้

ในจักรวาลนี้มันยังมีเรื่องราวอีกเยอะที่เรายังไม่รู้
ประสาอะไรกับใบไม้แค่กำมือเดียวเรายังรู้ไม่ทันหมดเลย
ใยจะรีบด่วนคิดจะปฏิเสธ "ใบไม้นอกกำมือ" ไปซะหละ

..................................................................

 

แหะๆๆ ไม่ได้ดูหมิ่นน่ะครับ ก็แค่พูดติดตลกไป (สงสัยพวกเราๆยังเวลต่ำๆอยู่ เธอผู้นี่อัพเวลล่ะ อิอิ)

แต่ผมว่าเรื่องพระหรือผู้แสวงธรรมใดๆ ท่านคงไม่สนใจเท่าไรกับเรื่องอัมตะหรอกน่ะครับ เว้นเสียแต่ว่า ท่านจะยังยึดติดอะไรอยู่บนโลกนี่อีก

จิงๆแล้วเรื่องนี่ถ้าอย่างอยู่นานๆก็ทำตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่สุดอ่ะ กินแต่ผัก พืชไรพวกนี่ ยาก็สมุนไพร ทำจิตใจให้ปรอดโปร่ง หรือจะเอาถึงขั้นการฝึกการควบคุมลมปราณหรือพลังจิต ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กชนิดหนึ่ง เพื่อใช้ควบคุมระบบต่างๆในของร่างกาย ซึ่งเมื่อพลังเกิดขึ้น ยิ่งระดับสูงก็จะยิ่งใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่นการใช้พลังยับยั้งการก่อตัวของมะเร็งและสลายไปในที่สุด
ซึ่งเราได้รู้ที่ซ่อนของเคล็ดวิชาแล้ว เอาป่ะ 555+ ว่าไป

 

ปูเสื่อรอเลยครับงานนี้อิอิ

 

แต่ยังไงเสีย ความคิด และความเข้าใจนี้
ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีแหละครับ

ผมถึงบอกไงครับว่า ให้ลองติดตามอ่านต่อไปอีกหน่อย
แล้วคุณก็จะรู้อะไรๆมากขึ้นไปอีก

เพราะว่า ถ้าบอกว่าพระหรือผู้แสวงหาสัจธรรม
ท่านจะไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ก็แสดงว่า ยังไม่เข้าใจเลย

ว่าการเป็นอัมตะหนะ คือ "ทางเลือก" ของผู้ที่หลุดพ้นแล้ว
ว่าท่านจะเลือกอยู่ต่อไปอีกนานๆ
เพราะว่าท่านยังมีภาระกิจที่ต้องทำอยู่ก็ได้
หรือว่าท่านจะเลือกแก่ และตายไปตามปกติก็ได้

ผมเชื่อว่าท่านคงเคยผ่านหูผ่านตาข้อความแบบนี้
จากตำราทางศาสนามาบ้างแหละ ใช่ไหมครับ

ไม่งั้น..จะมีเหรอ ที่ตำนานของพระอสีติมหาสาวกบางรูป
ที่จนป่านนี้ ยังไม่มีหลักฐานและร่องรอยของการมรณภาพของท่านเลย
จนหลายคนคิดว่า บางที..ท่านอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้

ซึ่งถ้านับถึงวันนี้..พวกท่านก็คงมีอายุได้มากกว่า 2500 ปีแล้ว ใช่ไหมครับ

ลองคิดดูนะครับ
...................................

 

แหะๆๆ - -* ผมไม่เข้าใจ
ถ้าท่านบอกว่า อัมตะ คือทางเลือกของผู้ที่หลุดพ้นแล้ว
แต่กลับบอกว่า ยังมีภาระกิจที่ต้องทำ ในเมื่อยังมีกิจ ก็แปลว่ายังติดภาระ มันก็ยังไม่หลุดพ้นซิครับ ถ้ายังติด ยังมี มันก็ไม่หลุดซิครับ

 

...........................................

 

คุณยังไม่เข้าใจจริงๆหนะแหละครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ
เมื่อใดที่มีข้อมูลเพิ่มเข้ามาใน data base มากขึ้นแล้ว
เราก็จะมีจำนวนข้อมูลให้ประมวล และพิจารณามากขึ้นเองหละครับ

บนเส้นทางแห่งการเรียนรู้และศึกษาในมหาวิทยาลัย
ที่ชื่อว่า "โลกมนุษย์" นี้ ก็เป็นอย่างนี้แหละครับ

;aa13;aa13;aa13

....................................................