ภัยพิบัติในอนาคตที่กำลังจะมา... ท่านลืมเรื่องสำคัญอะไรไปหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย coolz, 23 ตุลาคม 2011.

  1. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337



    ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแลจะหนักหนาสักเพียงใด มันคือเรื่องของอนาคต หลายคนลืมสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติรู้อยู่ปัจจุบัน นั่นคือสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน



    รู้กันหรือไม่เกิดภัยพิบัตินั้นไม่ได้น่ากลัวหรอก สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือหลังจากเกิดผัสสะ ท่านก็สร้างเวทนาขึ้นมา อันไปสู่ตัณหาและอุปปาทาน นี่เองมิใช่หรือที่ยังทำให้เราทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น ที่ทำให้เราทั้งหลายต้องประสบพบเจอกับ ความเกิดแก่เจ็บตาย.... เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเหตุใดอีกเล่าที่ท่านจะต้องหวาดกลัวหรือเฝ้าระวังกันจนลืมภาวนา!



    ดิฉันเองไม่ได้เก่ง แต่เห็นหลายท่าน(ไม่ใช่ครูบาอาจารย์)ออกมาบอกว่าจะเิกิดอย่างนั้นอย่างนี้ เห็นในนิมิตรบ้าง อนาคตังคญาณบ้าง มีเทพเทวามาบอกบ้าง ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า "เห็นก็สักแต่เห็น รู้ก็สักแต่รู้" เราได้แต่เตือนแล้วปฏิบัติภาวนาอยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีสิ่งใดหรอกที่จะจีรังยั่งยืน เราบอกผู้อื่นหากเขาเชื่อก็ควรบอกให้เขาอยู่ในศีล และภาวนา หากเขาไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่บุญกรรม




    เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตจะต้องเกิดสิ่งใดแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราควรทำตามแบบอย่างครูบาอาจารย์คือปฏิบัติภาวนา มีสติรู้ลมหายใจและทุกอิริยบถ เราก็เช่นกันควรเร่งถือศีลสร้างบุญกุศล หาใช่การเร่งหาสถานที่ใดๆเพื่อหลบลี้หนีภัยไม่ "เพราะถึงเวลา ธรรมชาติจะจัดสรรเอง เพื่อให้คนมีศีลมีธรรมได้อยู่เพื่อร่วมกันสืบพระศาสนาต่อไป"


    ดิฉันเชื่อว่าหากท่านสัมผัสกระแสได้ ท่านจะรู้ว่ากระแสของผู้มีสติรู้สึกตัวตลอดเวลา มีจิตนิ่งเมื่อเข้าใกล้จะอยู่ด้วยแล้วสงบสุข มีสมาธิมากเป็นพิเศษ
    แต่หากท่านอยู่กับผู้ที่จิตใจร้อนรน กระแสที่ท่านจะสัมผัสได้นั่นจะดูร้อน วุ่นวาย ทว่าท่านอยู่ใกล้คนผู้มีเมตตาสูง ท่านจะรู้ได้ถึงกระแสที่เย็นสบาย สงบสุข ฯลฯ แล้วในช่วงที่ท่านพะวงเรื่องภัยอนาคตท่านคิดว่ากระแสในตัวท่านเป็นอย่างไร?




    ในโลกไซเบอร์ สิ่งใดที่จะโพสไปนั้นจะกระจายสู่ชนหมู่มาก อยากให้หลายท่านไตร่ตรองก่อนโพสสักนิด เพราะหากสิ่งท่านเห็นเป็นนิมิตรหลอกที่เกิดจากอุปทานแต่งเติมไป อาจทำให้ชนหมู่มากหวั่นวิตกคิดมาก วิบากที่ท่านจะได้รับนั้นอาจทำให้ท่านวิตกจริตในชาติหน้าก็เป็นได้




    "อิทธิฤทธิ์หรือจะสู้บุญฤทธิ์"
     
  2. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    เห็นด้วย เป็นอย่างยิ่ง

    แต่ว่า ถ้ามีทั้งบุญญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ก็จะยิ่งดีมาก ๆ กับสภาวะแบบนี้
     
  3. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    โมทนาค่ะ บุญฤทธิ์แก่กล้าอิทธิฤทธิ์นั้นจะใช้เมื่อควรแก่เวลา

    ทว่าคนส่วนใหญ่ยึดติดอิทธิฤทธิ์ พยายามไขว่คว้ากันร่ำไปจนลืมว่าแท้จริงแล้วก็เหมือนกำไรที่จะได้จากบุญฤทธิ์เท่านั้น แต่เป็นกำไรที่ไม่เที่ยง มีเสื่อมไปเป็นธรรมดา
     
  4. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    อนุโมทนานะครับส่วนตัวผมไม่เชื่อในพลังอิทธิฤทธิ์ คือเชื่อว่ามีจริงแต่ไม่เชื่อว่าจะนำไปใช้ช่วยคนจำนวนมากๆได้เพราะแต่ละบุคคลย่อมมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ อิทธิฤทธิ์โดยเฉพาะโลกียญาณย่อมไม่อาจฝืนกรรมของคนหมู่มากได้ การภาวนาเป็นเรื่องที่ควรทำ และการภาวนาไปด้วยทำงานไปด้วยก็สามารถทำได้ ดังนั้นหากเราทำอะไรที่ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้เราก็ควรจะทำเพื่อสละความตระหนี่และยึดติดในตัวตนของเราทิ้งเสีย ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือผู้คน ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงอะไรทั้งนั้น แค่ท่านไปช่วยเขายกกระสอบทรายก็เป็นการสละออกแล้วถ้ามีสติกำกับตลอดเวลายังถือเป็นการภาวนาไปในตัว ผมเชื่อเช่นนั้นครับ
     
  5. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    โมทนาสาธุในทุกๆ ประการค่ะ เราไม่ควรประมาทดังนั้นเราจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อพึ่งตัวเองให้ได้ก่อนที่จะรอให้ผู้อื่นมาช่วย และสิ่งสำคัญคือการมีสติรู้ตัว รู้ตัวทั่วพร้อม เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดำรงสติให้คงมั่นได้ จิตไม่ตกแส่ส่ายไปตามสิ่งที่มากระทบ (diya ตกมาเป็นระยะๆ หุหุหุ) ขอบพระคุณที่มาเตือนกันในเรื่องนี้ค่ะ
     
  6. Naka99

    Naka99 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    อนฺุโมทนา

    ขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ที่เตือนสติ ดูข่าวมากทำให้ไม่ได้ภาวนา
     
  7. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา
    เอตทัคคะ ด้านปัญญา


    พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย
    เอตทัคคะ ด้านผู้มีฤทธิ์มาก

    <TABLE style="WIDTH: 280px; MARGIN-BOTTOM: 1em; FLOAT: right; MARGIN-LEFT: 1em" class="toccolours vcard"><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337

    ประโยชน์จากการฝึกภาวนา



    [​IMG]



    ตอนนี้ขอให้ท่านทั้งหลาย มีศีลบริสุทธิ์ มีปาริสุทธิศีล มีสติรู้ทั่วสรรพางค์กาย รู้ลมหายใจเข้าออกและหายใจให้ถึงเท้า เพราะจะทำให้ลมหายใจท่านยาวขึ้น เมื่อจิตได้รับการฝึกบ่อยๆจะสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดความเคยชิน เมื่อเกิดความเคยชินจะติดเป็นนิสัย จิตจะจดจำการกระทำซ้ำๆที่เกิดขึ้นด้วยความเคยชินในชาตินี้



    เมื่อเกิดชาติต่อไป "จะเรียกว่าคนเดิมก็ไม่ใช่ คนใหม่ก็ไม่เชิง" ที่คนเดิมก็ไม่ใช่นั่นเพราะเกิดการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เปลี่ยนสังขาร แต่ที่จะเป็นคนใหม่ก็ไม่เชิงนั้นเพราะ "ยังเป็นดวงจิตดวงเดิม" ฉะนั้นหากท่านสร้างเหตุปัจจัยให้ชาตินี้เคยชินกับการมีสติรับรู้ลมหายใจ ฝึกการหายใจยาว-หายใจออกให้ถึงเท้า เท่ากับท่านได้สร้างเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานในอนาคตเบื้องหน้าด้วย







    [​IMG]








    หากมีเวลามากพอ จะบอกวิธีการเคลื่อนธาตุ, การถ่ายของเสียออกจากร่างกาย, การรักษาโรคเบื้องต้นฯลฯ (เป็นสิ่งที่พระอาจารย์ของดิฉันท่านหลวงตาเชาว์ เมตตาสอน )



    สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือจิตที่มีกำลัง แต่อย่างไรก็ตามหากยังไม่สามารถรู้ลมหายใจเข้าออกในยามนอน ว่าก่อนหลับท่านหายใจเข้าหรือออกได้ ขอให้เจริญสติภาวนาไปให้เคยชินก่อน




    "การนำกำลังจิตมารักษา" ไม่สามารถอธิบายได้ "ให้เข้าใจ"
    แต่"การนำกำลังจิตมารักษา" สามารถปฏิบัติได้ "ให้เข้าถึง"






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2011
  9. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    ต้องมีสติรู้ตัวขณะเกิดภัยพิบัติ







    ณ เวลานี้
    ทุกที่ทุกแห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ ขอให้ทุกท่านมีศีลที่บริสุทธิ์ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกและมีสติรู้ทั่วสรรพางค์กาย ถือศีลให้บริสุทธิ์ถึงใจ

    จะไม่คิดแม้แต่จะเบียดเบียนสัตว์

    จะไม่คิดแม้แต่อยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง

    จะไม่คิดแม้แต่จะผิดในลูกเมียผู้อื่น

    จะไม่คิดแม้แต่จะพูดปด (พยายามรวมกรรมบถ เรื่องวาจาไปด้วย)

    จะไม่คิดแม้แต่จะเข้าแวะกับของมึนเมา รวมถึงสถานที่อโคจร






    อำนาจแห่งศีลจะทำให้ เสมือนมีเกราะป้องกันท่านในภัยต่างๆได้ในระดับหนึ่ง

    อำนาจแห่งการภาวนา จะทำให้ภัยที่จะเกิดขึ้นบรรเทาเจือจางลงตามกำลังจิต ของผู้ปฏิบัติภาวนา





    ขอให้ท่านมีสตินึกครอบวิมารแก้ว, องค์พระ, เจดีย์,ปิระมิด ฯลฯ ตลอดเวลา พยายาม รู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งที่มีสติระลึกรู้ สร้างความเคยชินให้แก่จิตจนติดเป็นนิสัย และรู้ทุกอิริยาบถทั่วทั้งสรรพางค์กายตลอดเวลา



    อย่าได้ตระหนกตกใจ หากมีแผ่นดินไหวขณะน้ำท่วม, ไฟไหม้พร้อมน้ำท่วม, มีซึนามิมาขณะน้ำท่วม ฯลฯ ขอให้มีสติรู้ตัวอยู่กับปัจจุบันเป็นพอ อยู่รู้ลมหายใจเข้าออก อะไรจะเกิดก็เกิดไป อย่าได้สนใจ





    ขอให้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาศ เรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น



    สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา หาความเที่ยงแท้นั้นไม่มีเลยในโลกใบนี้


    สรรพสิ่งนั้นล้วนแล้วแต่ไม่จีรังยั่งยืน แม้แต่สังขารกายธาตุที่เราใช้อยู่ในขณะนี้ ก็หาใช่จะอยู่กับเราตลอดไปไม่


    พิจรณาด้วยการมีสติรู้ลมหายใจ มีสติรู้สึกตัว
    ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร4 หากเห็นซากศพหรือคนตาย ก็คิดเป็นมรณานุสติ หากเห็นศพนั้นลอยอืดก็พิจรณาเป็นอสุภะกรรมฐาน





    ในพรหมวิหาร4 นั้น มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา พวกเรามักคุ้นเคยกับการแผ่เมตตา ทว่าการแผ่เมตตานั้นยังต้องใช้จิตแผ่ หากเราสามารถวางอารมณ์ให้เห็จสัจจะธรรม ในความไม่เที่ยง หรือเข้าสู่อุเบกขาอารมณ์จะไม่ต้องใช้จิตแผ่ เพราะแผ่อุเบกขาอัปปมัญญาจะเป็นกระแสที่ออกมาเองจากผู้ที่เข้าถึงอารมณ์อุเบกขาเอง จิตที่เข้าถึงสภาวะเช่นนั้นได้จะนิ่งกว่า สูงกว่า บางเบาและสว่างมากกว่า มีปัญญามากกว่า ซึ่งเป็นอารมณ์ที่สูงกว่า เมตตา กรุณา หรือมุทิตา






    "อยู่ที่สูงแต่ใจต่ำยังไงก็ตาย อยู่ที่อันตรายแต่มีศีลและภาวนาอย่างไรก็รอด"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2011
  10. wichit_compong

    wichit_compong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +13
    คิด เขียน ได้ดีแล้ว นะท่าน
    ,,,,,
    สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
    มีกรรมเป็นของตน
    มีกรรมเป็นกำเนิด
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
    มีกรรมเป็นผู้นำไป
    มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
    เป็นผู้รับผลกรรมของตน
    ใครทำกรรมอันใดไว้
    จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม
    จักเป็นผู้รับผล
    แห่งกรรมนั้นอย่างแน่นอน
     
  11. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    เราต้องเตรีมตัวให้พร้อมทั้งทางโลก และทางธรรม
    ปัจจุบันเราละเลยทางธรรม เราไปเน้นด้านวัตถุสิ่งของ(ปัจจัยสี่)
    เราไม่พัฒนาและยกระดับจิตใจของเรา ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
    จิตใจเราขาดที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยว เคว้งคว้าง ขาดที่พึ่งของใจ

    ยังไม่สาย......
     
  12. เกาะแก้ว

    เกาะแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +58
    อนุโมทนา สาธุ กับท่านเจ้าของกระทู้
    ที่ท่านกำลังบอกเรานั้น คือการให้สติ นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
    หลายท่านพยายามออกมาเตือนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
    ก็เพื่อยังไว้ซึ่งความไม่ประมาทนั่นเอง แต่ในความไม่ประมาทนั้น
    มิไช่เพียงความไม่ประมาทว่าทำอย่างไรเราถึงจะไม่เดือดร้อนจากการเปลี่ยนแปลงของโลก
    และภัยธรรมธาติเท่านั้น แต่การยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมนั้น
    คงต้องรวมถึงว่าเราอาจจะต้องตายนับตั้งวินาทีนี้เป็นไป ในเมื่อความตายเป็นสิ่งไม่แน่นอน
    เราจึงไม่ควรประมาทชีวีตหลังความตาย จึงเป็นเหตุให้เราจำเป็นต้องเร่งสร้างคุณงามความดี
    และบุญกุศลให้มากที่สุด
     
  13. นฤมิต๑

    นฤมิต๑ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +40
    เราเห็นด้วยกับเรื่องนี้ สติ ปัญญาพระพุทธองค์ทรงเน้นย้ำข้อนี้ อิทธิฤทธิปฏิหารใดหาเทียบเท่าได้กับการแนะนำธรรมแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า อิทธิฤทธินั้นเมื่อเหตุอันควรแต่พระพุทธองค์ไม่ยินดี แต่สติ ธรรม แสงแห่งปํญญานั้นมีวิธีสอนแก่ไนยสัตว์ หากสะกิดบ้าง บางทีก็ได้ผล แต่พึ่งระวังความหลงผิด หลักต้องอยู่ที่พระธรรมแห่งพระชินสีห์ อุโมทนาด้วยสติ
     
  14. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    ขออนุโมทนากับเจ้าcoolzด้วย มีความรู้ธรรมะดีนะ

    สมกับรูปที่ใช้แทนตัว
    จากการที่เรารู้จักกับท่านตอนมาเวปพลังจิตแรกที่เจ้ามาทักเรานั้น
     
  15. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471


    [​IMG]



    โมทนาสาธุการ ด้วยความคารวะดวงจิต ท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ
    น้อมบทเพลง
    กำหนดจิต เจริญสติระลึกรู้ เจริญธรรม สู่อณูวิญญ์ ทุกขณะจิต
    พร้อมแผ่เมตตาจิต กว้างไกล ไม่มีประมาณ
    กันนะคะ สาธุ


    [​IMG]




    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1752711/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. phongporn

    phongporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +125
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ค่ะ มีประโยชน์กับทุกท่านในเวปนี้
     
  17. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337


    ขอบคุณค่ะพี่ หนูเหมือนคนละคนกันเลยกับครั้งแรกๆที่เข้ามาเล่น และพอร์ชเองก็รู้สึกเช่นกัน



    ตอนแรกที่เข้ามาเล่นในเว็บนี้นั้นเพราะอยากรู้อยากเห็นในเรื่องลี้ลับ ชอบเสาะแสวงหา ฯลฯ แต่ตอนนี้แม้จะยังอ่อนหัดเหลือเกิน แต่พอร์ชเลิกไขว่ขว้าและอยากรู้เรื่องเหล่านั้นแล้ว


    แต่ก็อดที่จะคิด
    ไม่ได้ เพราะคนเราส่วนใหญ่มีความคิดอยู่<wbr> 2 เรื่อง
    คือ 1. คิดเรื่องอดีต และ 2.คิดเรื่องอนาคตอนาคต


    หากเราอยู่กับปัจจุบัน มีสติรู้ตัว รู้ทั่วสรรพางค์กาย ใช้โยนิโสมนสิการไตร่ตรองใน
    <wbr>ทุกเรื่อง...... เราจะมีจิตสงบ นิ่ง และเย็นมากขึ้น


    ........อนาคตจะเป็นอย่างไร<wbr>นั้น ฤาจะเท่าทำปัจจุบันให้ดีที่<wbr>สุด.........
     
  18. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    ท่านอ. พุทธทาส ภิกขุ
    กล่าวไว้ว่า ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
     
  19. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    "คุณของศีล"


    1) มารค้นหาอยู่ ย่อมไม่พบทางของท่านผู้มีศีลสมบ
    <wbr>ูรณ์ อยู่ด้วยความไม่ประมาท
    หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ.

    2) ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเส<wbr>ริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์.

    3) ศีลเท่านั้นเป็นเลิศในโลกนี้ ส่วนผู้มีปัญญาเป็นผู้สูงสุด ความชนะในหมู่มนุษย์และเทวดาย่อมมีเพราะศีลและปัญญา.

    4) ศีลเป็นคุณรวมกำลังอย่างเลิศ ศีลเป็นเสบียงทางอย่างสูงสุด ศีลเป็นผู้นะทางอย่างประเสริฐสุด เพราะศีลมีกลิ่นขจรไปทั่วทุกทิศ<wbr>.



    5) ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นย<wbr>ิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริ<wbr>ฐสุด เพราะศีลมีกลิ่นขจรไปทั่งทุกทิศ<wbr>.






    เมื่อรู้ว่าศีลมีคุณมากเกินกว่าจะหาประมาณได้แล้ว ลองสำรวจตรวจดูตัวท่านว่าถือศีลครบถ้วนหรือไม่ รักษาศีลประหนึ่งรักษาชีวิต



    ผู้มีศีลบริสุทธิ์แล้วจะต้องไปกลัวสิ่งใดเล่า
     
  20. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    เพราะแก่แล้วนั้นขอเล่าอดีตซักหน่อย
    ตอนแรกที่เราเข้าเวปพลังจิตใหม่ชื่อwicha30 เจ้าก็เข้ามาทักก่อนเอารูปขนมมาให้ทาน ก็เลยไม่วังเวงยังมีเพื่อนที่ดีมาทัก ก็ได้ดูเจ้านั้นเป็นจิตใจซุกซน ซึ่งก็ส่งจิตยินดีด้วยความเมตตาให้กับเพื่อนทุกคน จึงมีเพื่อนมากนักแต่ธรรมะก็ต้องศึกษาเพิ่มให้ได้ แต่มาวันนี้เจ้าโตขึ้น จิตใจข้มแข็งขึ้นหรือเบื้องบนส่งเจ้ามาหรือ
    ดูจากธรรมมะของเจ้าแล้วน่ายินดีมากหรือจะเรียกว่าคมมาก(ไม่รู้ว่าพูดถูกหรือเปล่านะ)ดูนะที่เจ้าเขียนไว้
    หากเราอยู่กับปัจจุบัน มีสติรู้ตัว รู้ทั่วสรรพางค์กาย ใช้โยนิโสมนสิการไตร่ตรองใน<WBR>ทุกเรื่อง...... เราจะมีจิตสงบ นิ่ง และเย็นมากขึ้น

    ........อนาคตจะเป็นอย่างไร<WBR>นั้น ฤาจะเท่าทำปัจจุบันให้ดีที่<WBR>สุด.........
    นั้นขออนุโมทนากับน้องพี่ด้วยสาธุ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...