สัญญา กับ วิญญาณ ต่างกันเช่นไรหรอครับ ?

สัญญา กับ วิญญาณ ในทางธรรมะต่างกันเช่นไรหรอครับ ?
รบกวนผู้รู้ชอบอธิบายหน่อยนะครับ
และ ถ้ายกตัวอย่างประกอบด้วยจะดีมากเลยครับผม

ขอบคุณครับ....

;k07

เชิญชม BLOG ทำบุญบริจาคโลงศพเพื่อการกุศลครับ
>>>>>>>>>>> คลิก <<<<<<<<<<<​

 

ไปดู มิลินทปัญหาตอนที่8...วิญญาน มีลักษณะรู้..เช่นอายตนะภายนอก(รูป)+อายตนะภายใน(ตา)เรียกว่าเกิด จักขุวิญญานสามสิ่งประจวบเรียกว่าเกิดผัสสะ..อายตนะภายนอก(รส)+อายตนะภายใน(ลิ้น)เรียกว่าเกิด ชิวหาวิญญาน. สามสิ่งประจวบเรียกว่าเกิด.ผัสสะ..หลังจากนั้นเกิดคำว่า"ธรรม"ขึ้นมาหรือ เกิด เวทนา สัญญา เจตนา มนสิการ วิตก วิจาร(ตรึก).....จะเห็นว่าสิ่งที่เกิดหลังจากวิญญานรู้ สิ่งนั้นจะมีลักษณะต่างต่างกัน(ผัสสะ เจตนา สัญญา เวทนา มนสิการ(คิด))..แล้วแต่คน................หรือ รูป คือ มหาภูติรูปทั้งสี่และที่ตั้งแห่งมหาภูติรูปทั้งสี่เป็นรูป(อายตนะภายนอก+อายตนะภายใน)... นาม คือ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา มนสิการ.......คือการทำกิจ ของ รูป-นาม ปัจจัยรูป-นาม

 

สัญญา ก็คือ ความจำ

วิญญาณ ก็คือ ต้องแบ่งเป็น รู้ทางกาย กับ รู้ทางใจ รับรู้เข้ามาก่อน จึงเกิดอื่นๆต่อ

 

อนุโมทนา สาธุ
ในการเผยแพร่พระธรรมด้วยครับ
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ

 

อ่านจากหนังสือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
"หลายคนตั้งคำถามว่า ตายแล้วไปไหน ? ตายแล้วจะเป็นวิญญาณเร่รอน ไปลงนรก ไปขึ้นสวรรค์ หรือจะไปที่ใดไปเกิดใหม่โดยทันทีหรือไม่ หลายทฤษฎีคงจำแนกแจกแจงไม่หมด
แต่ที่แน่ๆ เมื่อตายแล้วดวงจิตหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวิญญาณจะไม่ดับสูญ
วิญญาณ ทั้งในทางทฤษฎีและตามหลังพุทธศาสนามีความหมายที่เหมือนกันคือความรู้สึกนึก คิด ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็น 6 อย่างคือ การเห็น เรียกว่า จักษุวิญญาณ การได้ยินเรียกว่า โสตวิญญาณ การได้กลิ่นเรียกว่า ฆานวิญญาณ การรับรสเรียกว่า ชิวหาวิญญาณ การสัมผัสสิ่งต่างๆ เรียกว่า กายวิญญาณ ความรู้สึกนึกคิดเรียกว่ามโนวิญญาณ
หากพูดง่ายๆ คือวิญญาณเป็นหนึ่งในขันธ์ 5 ซึ่งประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั่นเองซึ่งเป็นตัวรับรู้อารมณ์ที่เข้ามากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ(เป็น 6 ตัวรู้ทางวิญญาณ) ดังนั้นเมื่อคนเราตายแล้ว วิญญาณยังเหลืออยู่ นั่นคือความรู้สึกนึกคิดยังมีอยู่ ไม่ได้สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย
ในทางพระพุทธศาสนา วิญญาณจึงไม่ใช่ผีอย่างที่เราเข้าใจกัน เพราะร่างของคนที่ตายมาปรากฏให้เห็นได้นั้นก็ไม่ได้เรียกว่าวิญญาณ แต่ความเชื่อหนึ่งเรียกว่า "โอปปาติกะ" ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่ง"

“สัญญา ก็คือ ความจำได้ หมายรู้ ความรู้สึกจำ จำถึงอดีตความรู้สึกจำในปัจจุบัน และความรู้สึกปรุงแต่งถึงอนาคตอันนี้ก็คือ สัญญาการพิจารณาการกรรมฐานเราก็มายกเอาสัญญามาพิจารณาก็ได้ ถ้าว่าสัญญา คือ ความจำได้สิ่งต่างๆ ที่จำมาแล้ว ทำให้จิตใจเราฟุ้งซ่านในการภาวนา และทำจิตใจเราไขว้เขวในการภาวนาเราก็มาพิจารณาสัญญาชนิดนั้น ที่มันจำอดีตที่มันจำเรื่องต่างๆ ที่เคยผ่านมาและทำให้จิตหดหู่ ทำให้จิตใจรุ่มร้อนทำให้จิตใจแผดเผานั่นแหละคือ ลักษณะของสัญญาอารมณ์ที่เกิดขึ้น การปฏิบัติธรรมของเรา จึงมาพิจารณานั้นให้เสื่อมให้คลายไป ด้วยอำนาจของสติ ด้วยอำนาจของสมาธิ ความสงบให้เห็นธาตุแท้ความเป็นจริง ทั้งรูปทั้งเวทนา ทั้งสัญญา มันจะจำเรื่องอะไร ๆ มา หรือสร้างอารมณ์ ความรู้สึก ยึดมั่นในจิตใจอะไร ๆ เกิดขึ้น ก็ปลงส่งคืนตามสภาพความเป็นจริงของสัญญาชนิดนั้น

 

สุสานสวรรค์

ขออนุโมทนาบุญ ในธรรมทานที่ทุกๆท่านมอบให้ครับ
ขอบคุณจากใจจริงครับ.............สุสานสวรรค์

;k07

เชิญชม BLOG ทำบุญบริจาคโลงศพเพื่อการกุศลครับ
>>>>>>>>>>> คลิก <<<<<<<<<<<​