สงสัยครับพระอรหันต์ไม่มีอวิชชาต่อไป อวิชชาอะไรที่มันไม่มี ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 4 ธันวาคม 2011.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    อวิชชา แปลว่า ไม่รู้ (อันนี้ผมไม่แน่ใจถูกเปล่า)

    พระอนาคามี กามไรต่างๆตัดได้ พ่องใสหมดแล้ว แต่ ยังมีอวิชชาอยู่

    พอเป็นพระอรหันต์ อวิชชาไม่มี ผมสงสัย อะไรบ้างที่พระอรหันต์รู้แล้ว (แบบว่า พระอนาคามียังไม่รู้ พอเป็นพระอรหันต์ เลยรู้ รู้อะไรอ่าครับ)

    พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อริยสัจ4 แล้วรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรู้มาก แล้ว ก็ พระอรหันต์ ตรัสรู้ อะไรบ้างหรอครับ ?
     
  2. จิตนิพพาน

    จิตนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +414
    อวิชชาของพระอนาคามี คือยังยึดจิตเป็นตนอยู่..

    แม้จะรู้ว่ากาย และจิต ไม่ใช่ตน แต่ไม่สามารถปล่อยวางจิตได้..
     
  3. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    มาให้ กำลังใจครับ รอดู เพราะผม ก็ไม่ทราบ เหมือนกันครับ
     
  4. ื้ีnhu008

    ื้ีnhu008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +36
    ขออนุญาตครับ
    บางส่วนจาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
    สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
    ธัมมกถิกวรรคที่ ๒
    ๑. อวิชชาสูตร
    ว่าด้วยความหมายของอวิชชา
    [๓๐๐] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
    ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อวิชชา
    อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉนหนอแล? และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชาด้วยเหตุเพียงเท่าไร?
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ไม่รู้ชัดซึ่งรูป ไม่รู้ชัด
    ซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ไม่รู้ชัดซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป ไม่รู้
    ชัดซึ่งเวทนา ฯลฯ ไม่รู้ชัดซึ่งสัญญา ฯลฯ ไม่รู้ชัดซึ่งสังขาร ฯลฯ ไม่รู้ชัดซึ่งวิญญาณ ไม่รู้
    ชัดซึ่งเหตุเกิดวิญญาณ ไม่รู้ชัดซึ่งความดับวิญญาณ ไม่รู้ชัดซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับวิญญาณ.
    ดูกรภิกษุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.


    �����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� �

    ---------------------------------------------------------------
    บางส่วนจาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
    วิภังคปกรณ์
    ปัญจกนิเทศ
    [๙๗๖] ในปัญจกมาติกาเหล่านั้น โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ เป็นไฉน
    โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ คือ
    ๑. สักกายทิฏฐิ
    ๒. วิจิกิจฉา
    ๓. สีลัพพตปรามาส
    ๔. กามฉันทะ
    ๕. พยาบาท
    เหล่านี้เรียกว่า โอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    [๙๗๗] อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ เป็นไฉน
    อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕ คือ
    ๑. รูปราคะ
    ๒. อรูปราคะ
    ๓. มานะ
    ๔. อุทธัจจะ
    ๕. อวิชชา
    เหล่านี้เรียกว่า อุทธัมภาคิยสัญโญชน์ ๕


    �����ûԮ�������� �� - �����Ը����Ԯ�������� �
    ---------------------------------------------------------------
    บางส่วนจาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
    พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)


    [164] มรรค 4 (ทางเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล, ญาณที่ทำให้ละสังโยชน์ได้ขาด - the path)
    1. โสดาปัตติมรรค (มรรคอันให้ถึงกระแสที่นำไปสู่พระนิพพานทีแรก, มรรคอันให้ถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส - the path of stream-entry)
    2. สกทาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระสกทาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 ข้อต้น กับทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง - the path of once-returning)
    3. อนาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอนาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ทั้ง 5 - the path of non-returning)
    4. อรหัตตมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เป็นเหตุละสังโยชน์ได้หมดทั้ง 10 - the path of Arahantship).


    ���ҹء���ط���ʵ�� ��Ѻ�����Ÿ���
     
  5. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    แปลว่า พอมีวิชา ก็รู้ชัด หมดนี้ เลยใช่เปล่าครับ
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    ตามไปอีกเสียง

    ตามไปอีกหนึ่งเสียงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    การรู้ มันก็เหมือนคนเรารู้ว่า 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ระบบตัวเลข

    พอแจ้งในรูป นาม ของตัวเลข เวลามันเรียงกัน 120 15 89 91 142542
    เราก็จะรู้ความหมายของมัน โดยการรู้จาก สิ่งเล็กน้อยคือ ระบบตัวเลขเพียง
    ไม่กี่ตัว

    ในทางธรรม รู้วิชชา คือ รู้อะไร ก็คือ แจ้งในเหตุของการเกิดรูป การเกิดนาม

    เพราะแจ้งในเหตุของการเกิดรูปกับนาม จึงทำให้ อ่านสิ่งที่รูปกับนามเรียง
    ร้อยท่าไหน อย่างไร ได้หมด เรียกว่า รู้ถ้วนโลก โลกวิทู การรู้ จึงไม่ใช่
    ไปรู้เรื่องทั้งหมดที่มี แต่ รู้แค่สองเรื่อง คือ เหตุของการเกิดรูป และเหตุ
    ของการเกิดนาม

    * * * *

    ตามหลักการ หากเป็น โสดาบัน ก็จะเป็นผู้แจ้งในเรื่อง รูป กับ นาม แล้ว
    ดังนั้น พระโสดาบันจึงรู้ได้ว่า อะไรที่ตนยังติดข้องอยู่ เหลือเท่าไหร่
    อย่างไร ก็จะทราบด้วย จึงไม่เพียรไปผิดทางอีก แต่กระนั้น ก็ไม่สามารถ
    จะทำให้สิ้นไปได้ตรงๆ ต้องเพียรหาอุบายนำออก ต้องอบรมไปตาม ความ
    แจ้งในรูปนามอย่างเป็นลำดับเหมือนกับการลาดลงของไหล่มหาสมุทร

    รู้ซ้ำๆอย่างเดิม คือ แจ้งในเหตุของการเกิดรูป กับ นาม อย่างเดิม จนครบ4รอบ
    ตามธรรมนิยาม

    ดังนั้น ใครสำคัญตัวว่าเป็นโสดาบัน เห็นนิพพานแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า อะไร
    ที่เป็นกิเลสตนที่หลงเหลือ ทบทวนไม่ได้ บอกตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งคนอื่น
    ให้บอก ให้พาไป ก็เรียกว่า ขัดกับธรรม

    พระท่านจึงสอนว่า

    หากไม่รู้ว่า อะไรคือ รูป นาม แยก รูป นาม ไม่ออก อย่าไปพูดเรื่อง ดับ เรื่อง ปัญญา

    หากไม่รู้ว่า อะไรคือจิตตั้งมั่น ในการรู้ รูป นาม อย่าไปพูดว่า มีสมาธิ

    หากไม่รู้ว่า อะไรคือศีล อย่าไปพูดว่า รู้เรื่องสัมมาสมาธิ ( แต่ไม่ห้ามพูดถึง ฌาณ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2011
  8. khundech

    khundech Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +54
    ถ้าเราหายตัวได้ ลอยบนอากาศได้ ดำดินได้ แล้วพอใจ ยินดีกับสิ่งที่ทำได้ คือ พระอนาคามี
    แต่ถ้าเราละทิ้งการหายตัวได้ ลอยบนอากาศได้ ดำดินได้ แล้วไม่อยากจะทำมันอีก ไม่อยากได้มันอีก คือ พระอรหันต์ (นี้แค่ตัวอย่างนะครับ)
    rabbit_run_awayแล้วมีใครที่ได้มากล้าที่จะทิ้งมันไปหรือเปล่าpig_cryy
     
  9. อมิตพระ

    อมิตพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +44
    อวิชชาคือความไม่รู้(และไม่เห็น)เท่าทันในสังขาร ว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน วิชชาคือรู้และเห็นตามความเป็นจริงว่าสังขารเป็นของไม่ใช่ตัวตน อนาคามียังเห็นความีอยู่..ส่วนพระอรหันต์เห็นความไม่มีในสิ่งทั้งปวงครับ
     
  10. อันตรธาน

    อันตรธาน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1
    อวิชฺชา
    อ บทหน้า แปลว่า ไม่
    วิ บทหน้า แปลว่า แจ้ง
    ญา ธาตุ แปลว่า รู้ แล้วเปลี่ยน ญา เป็น ชา แล้วซ้อน ชฺ
    ประกอบเป็น อวิชฺชา แปลว่า ไม่รู้แจ้ง ได้แก่ โมหะนั่นเอง


    อวิชชา ก็คือ โมหเจตสิก ซึ่งแปลว่า ความไม่รู้
    พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ ( ๒๕๒๑, หน้า ๑๖-๑๗ )
    กล่าวว่าความไม่รู้มี ๘ อย่าง คือ
    ๑ ไม่รู้ในทุกข์
    ๒ ไม่รู้เหตุทำให้เกิดทุกข์
    ๓ ไม่รู้ธรรมอันเป็นหตุให้เกิดทุกข์
    ๔ ไม่รู้หนทางที่ให้เข้าถึงความดับทุกข์
    ๕ ไม่รู้ขันธ์ อายตนะ ธาตุที่เป็นอดีต
    ๖ ไม่รู้ขันธ์ อายตนะ ธาตุที่ป็นอนาคต
    ๗ ไม่รู้ในขันธ์อายตนะ ธาตุทั้งที่เป็นอดีตและอนาคตทั้งสอง
    ๘ ไม่รู้ในรูปนามที่กิดขึ้น โดยอาศัยมีเหตุให้เกิดตามในปฏิจจสมุปบาท

    ดังนั้นมนุษย์ทุกคนในโลกอาจสามารถเกิดมาในโลก มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
    จบปรญญาตรี โท เอก แต่หากไม่รู้อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๘ อย่างนี้
    ก็นับว่ายังมีอวิชชาอยู่
    และอวิชชานี้เองเป็นหัวหน้าของการทำบาป หรือ อกุศลทั้งปวง
    เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
     

แชร์หน้านี้

Loading...