พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย truethailove, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ที่จริงถ้าย้อนอ่านไปตั้งแต่ต้น จะทราบได้เลยว่า
    ผู้เขียนไปทุกจังหวัด รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านด้วย
    และบอกให้ทราบกันแล้วว่า ไม่มีที่ใดที่ดูแล้วจะ
    ปลอดภัยได้ เพราะจากการนั่งสมาธิของอาจารย์
    มองลงมาจะเหมือนกับในหนังเรื่อง 2012 คือ
    แผ่นดินยุบ ภูเขาไฟระเบิด และมีลูกไฟข้าม
    ประเทศไทยไปมา ถ้าไม่ใช่อุตกาบาต ก็น่าจะเป็น
    ระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งถ้าประมวลจากหลาย ๆ
    ครูบาอาจารย์ รวมทั้งอาจารย์เสรี จะเกิด
    สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อน หลังจากนั้นไม่นาน
    ก็จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้

    ตามที่คนอ่่านหลายคนเขียนมาถามตรงนั้นตรงนี้
    ปลอดภัยหรือไม่ ผู้เขียนทราบดี แต่ไม่อยากตอบ
    ให้เสียกำลังใจ ดังนั้น จึงให้ยึดสถานที่สำคัญ ๆ
    ทางศาสนาของแต่ละคนไว้ เช่น วัดที่บรรจุ
    พระบรมสารีริกธาตุ, พระธาตุ ตามที่พระสงฆ์
    สาวก ครูบาอาจารย์หลาย ๆ คน ได้อัญเชิญ
    บรรจุไว้ เพราะกำลังบารมีเราไม่ถึง ก็อาศัย
    บุญบารมีของพระพุทธองค์ และสาวก รวมทั้ง
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยปกปักรักษาทุก ๆ คน
    แต่นั่นก็หมายถึงเราต้องหมั่นสร้างคุณงาม
    ความดี ปฏิบัติธรรม ลดละเลิกอบายมุข
    กลับเนื้่อกลับตัวที่จะคิดดี ทำดี ใฝ่ดี ฝึกนั่งสมาธิ
    ตื่นนอนมาก็หัดนั่งเอาเพียงแค่ 5 นาทีก่อน
    ทำให้ได้ทุก ๆ วัน หรือไม่ก็อาศัยช่วงจังหวะ
    เวลาว่าง ๆ นั่งสมาธิไป ฝึกจิตใจให้สงบ จะได้
    ไม่ฟุ้งซ่าน พอคุณฝึกได้ ปฏิบัติได้ เรื่องภัย
    ต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีอยู่ในหัวเลย ผู้เขียน
    แต่ก่อนนี้แรก ๆ เลย ก็หวาดกลัว ตัวเราเอง
    ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ห่วงลูก ห่วงแม่ ห่วงน้อง
    ห่วงทุกคนที่ใกล้ชิด พยายามเค้นหาที่ปลอดภัย
    แต่หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรม ความห่วงตรงนี้มี
    อยู่บ้าง แต่ปล่อยวาง ทำใจให้อุเบกขาได้
    เพราะมนุษย์เราย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง
    ผู้เขียนว่าให้ทุกคนยึดหลักที่ว่า

    "ทำแต่ความดี
    ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้
    บริสุทธิ์"
    เป็นที่ตั้ง เมื่อรู้อย่างนี้ก็หมั่นศึกษา
    ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องวางใจให้มีแต่
    ความเมตตาต่อผู้อื่น เพื่อยามเกิดภัยพิบัติ
    หรือไม่เกิดก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือคุณงาม
    ความดีของเราที่ติดตัวเราไปจนวันตาย
    คิดเพียงแค่นี้ดีกว่า คิดมาก หวาดหวั่นมาก
    ใจก็ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ จิตสุดท้ายก่อนดับชีพ
    เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะให้เราไปสู่สูคติภูมิ
    หรืออบายภูมิ จากที่รู้มาเรื่องภัยพิบัติเหล่านี้
    โลกของเราผ่านการเกิดภัยพิบัติมาไม่รู้
    กี่ครั้งแล้ว ซึ่งเป็นวัฎจักรของโลก อารยธรรม
    ต่าง ๆ นั้น พอความเจริญสูง ความเสื่อมของ
    ศีลธรรมก็ต่ำ เหมือนอย่างเช่นโลกเราในวันนี้
    เมื่อเจริญสู่สุงสุดก็กลับคืนสู่สามัญ เป็นเรื่อง
    ธรรมดาของโลก แต่ถึงกระนั้นก็ตามปาฏิหารย์
    ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอสำหรับคนดี โลกเราผ่าน
    ภัยพิบัติมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทำไมถึง
    ยังมีมนุษย์หลงเหลือเป็นตัวเราอยู่ในวันนี้
    ดูอย่างสึนามิที่ญี่ปุ่นยังมีคนรอดตายได้เลย
    อย่างที่ผู้เขียนเคยเขียนไว้

    ภัยพิบัติทุกภัยพิบัติยังไม่ร้ายเท่าภัยพิบัติในใจตน
    แก้ภัยพิบัิติในใจของเราให้่ได้เสียก่อน
    คนอื่น ๆ จะดีจะเลวช่างเ่ขา เราทำใจของเรา
    ให้ดีนั้นจะดีกว่า ในเมื่อทุก ๆ คนคิดเช่นนี้
    ความดีที่ทุกคนได้กระทำ ก็จะแก้ไขภัยพิบัตินั้นได้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ธันวาคม 2011
  2. tawan13

    tawan13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,263
    ค่าพลัง:
    +4,303
    อนุโมทนาด้วยครับ
    อ้างจากโพสบน
    ----------------------
    "คิดมาก หวาดหวั่นมาก
    ใจก็ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ จิตสุดท้ายก่อนดับชีพ
    เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะให้เราไปสู่สูคติภูมิ
    หรืออบายภูมิ"
    -------------------

    เตรียมกันหรือยัง ผมโดนอาจารย์บอกบ่อยๆ ว่ามันก็เป็นไปตามวาระ เราก็ทำดีที่สุด เตรียมไว้ถ้าถึงเวลาจะได้ขึ้นข้างบน ไม่ต้องลงข้างล่าง
    ขอบคุณครับ
     
  3. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
    เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร สถิตในหัวใจของคนทั้งชาติสืบไปเทอญ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • king1.jpg
      king1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.1 KB
      เปิดดู:
      88
  4. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    อย่าคิดมาก เกิดเป็นคนถึงเวลาตายอยู่ที่ไหนก็ตาย เรื่องจริง ที่ได้รับรู้มา หมอดูดูหมอให้ชายคนหนึ่ง หมอทักจะตายเพราะอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถยนต์ ในวันเดือนปีที่ตรงกับหมอดูทักแก่ วันนั้นแก่ก็ไม่ไปไหนอยู่แต่ในบ้าน สุดท้ายรถสิบล้อชนบ้านทะลุเข้าไปชนแกตายในห้องน้ำ และอีกเรื่อง เกิดกับบิดาของผมเอง ก็คือ หมอบอกว่าจะถูกหวยในวันเดือนปีนั้น และวันเดือนปีนั้นภรรยาจะเสียชีวิต และวันเดือนปีนั้นตัวแก่เองจะเสียชีวิต ปรากฏว่าถูกทั้งหมด แต่เหตุการณ์มันผ่านมานานแล้ว (หมอดูก็เสียชีวิตแล้ว) และตัวผมเองก็เหมือนกันหลวงพ่อที่นับถือท่านบอกว่าจะถูกหวยในวันเดือนปีที่ท่านบอก ก็ไม่ค่อยเชื่อ ตื่นตอนเช้ามาเลยชื้อหวยเล่นๆนึกอยากทดลองดู ปรากฏว่าถูกจริงๆ(ท่านก็มรณภาพแล้ว) ดังนั้นคนที่มีสัมผัสพิเศษจริงๆนะต้องฟังเขาด้วยคนประเภทนี้จะมีอยู่ และขอให้จำคำกลอนที่มีนักกลอนแต่งไว้อย่างสุนทรภู่ ว่า คนไม่ถึงที่ตาย ก็ไม่วายชีวาวาตม์ ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ คนที่ถึงที่ตายที่จะวายชีวาวัน แม้แต่ไม้จิ้มฟันติดเหงือยังเสือกตาย แต่คนไม่ถึงที่ตายแล้วตายก็มีนะ พวกนี้จะเป็นผีเร่ร่อน....
     
  5. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    4) ตั้งต้นที่หอนาฬิกาฮอด มุ่งหน้าไปทางเหนือ
    คือตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่
    เป็นเส้นทางหลวง
    แผ่นดินหมายเลข 108 (ฮอด-เชียงใหม่)

    เส้นทางนี้ก่อนออกจากอำเภอฮอด จะข้ามแม่น้ำ
    แม่แจ่ม ซึ่งบริเวณตัวอำเภอฮอดและตลาดฮอด
    ช่วงหน้าฝนยามน้ำมาก จะเอ่อล้นตลิ่งท่วม
    บริเวณนี้ทั้งหมด และถ้าสะพานแห่งนี้ขาด
    จะถูกตัดขาดการเดินทางไปตัวเมืองเชียงใหม่
    ถ้าจะเข้าตัวเมืองจะต้องอ้อมไปทางเส้นฮอด-
    ดอยเต่าและ
    ตัดเข้าทางสายใน ที่เป็นอำเภอ
    ในเขตรอยต่อเชียงใหม่-ลำพูน
     
  6. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    จากอำเภอฮอด มุ่งหน้าไปทางอำเภอจอมทอง
    ระหว่างถนนเส้นนี้จะเป็น
    ที่ราบสลับกับภูเขา
    ส่วนใหญ่ทำสวนลำไยและทำนา จากตัวอำเภอ
    ฮอดเลยขึ้นไป
    6 กิโลเมตร จะพบกับ

    - วัดถ้ำตอง ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50240
    โทร 01-8849561 (
    ถ้าไม่ติดต้องลองโทรหลายหน
    เพราะว่าอยู่ในหุบเขาสัญญานขาดเป็นช่วงๆ )
    เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่คนมาปฏิบัติกันมาก
     
  7. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ถ้ำตอง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง
    อยู่ในท้องที่ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง
    ดอยผาเลียบ” เป็นภูเขาหินแกรนิตและหินปูน
    ที่มีรูปร่างเหมือนถูกผ่าครึ่งแล้วแยกกันอยู่คนละฝั่ง
    ลำน้ำแม่แปะ
    ซีกที่อยู่ทางฝั่งขวามีถ้ำลึกที่มีตำนานเล่าขานกันว่าถ้ำนี้เป็นอุโมงค์หินที่มีความยาวมาก
    กล่าวว่าทะลุถึงดอยเชียงดาวทางเหนือของจังหวัด
    เชียงใหม่ทีเดียว
    บริเวณปากอุโมงค์เป็นคูหาขนาด
    ประมาณ 5 X 10
    เมตร สูง 3 เมตร ลึกเข้าไปจากนั้น
    เป็นโพรงหินเล็ก ๆ
    ขนาดพอตัวคนคลานเข้าไปได้
    สภาพภายในคูหาปากถ้ำถูกสกัดตกแต่งใช้เป็น
    สถานที่ปฏิบัติธรรมของสำนักวิปัสสนาถ้ำตอง
    โดยรอบในหุบเขา ร่มครึ้มด้วยพันธุ์ไม้ป่าดงดิบที่มี
    ขนาดใหญ่ ๆ เช่น มะม่วงป่า
    ตะเคียนทอง มะหาด
    กระท้อน หน้าถ้ำมีธารน้ำแม่แปะไหลผ่าน ซึ่งต้น
    แม่น้ำแปะห่างจากถ้ำตอง
    ขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร
    มีลักษณะเป็นน้ำตกเล็ก ๆ

    ที่มา http://www.ezytrip.com/Thailand/th/North/ChiangMai/03265/03265.htm
     
  8. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ลยจากวัดถ้ำตองขึ้นไป ก่อนถึงอำเภอจอมทอง
    จะเป็นภูเขาชื่อว่า ดอยโมคคัลลาน์
    เป็นภูเขาสูง
    ถนนสาย 108 ตัดผ่านดอยแห่งนี้ ถนนจะเลียบกับ
    หน้าผา เบื้องล่าง
    จะเป็นแม่น้ำปิง เป็นที่ราบน้ำท่วมถึง
    เวลาหน้าน้ำมา ถนนช่วงนี้กำลังขยายเส้นทางเป็น
    4 เลน
    ด้านบนดอยจะมี พระธาตุดอยโมคคัลลาน์

    - วัดโมคคัลลานอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่
    ในเขตพื้นที่ของตั้งอยู่ที่บ้านโมคคัลลาน หมู่
    3
    ตำบลสบเตี๊ยะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
    วัดถูกสร้างเมื่อ พ.ศ.
    2547
    เดิมเป็นรอยเท้าของ
    สาวกพระพุทธเจ้าชื่อว่าพระมหาโมคคัลลาน
    ประดิษฐานอยู่บนยอดดอย
    [FONT=&quot]

    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ธันวาคม 2011
  9. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ต่อมาพระแก้วสุทโธได้ธุดงค์ผ่านมาและได้ตั้ง
    สัจจะอธิฐานขอสร้างพระธาตุขึ้นบนดอยแห่งนี้

    โดยได้แรงศรัทธาจากชาวบ้านร่วมกันสร้าง
    จนสำเร็จ และตั้งชื่อว่าพระธาตุดอยโมคคัลลาน


    มาถึงปี พ.ศ. 2475 ได้ย้ายสำนักสงฆ์จากยอดดอย
    มาสร้างวัดที่บ้านหนองเตา
    ตั้งชื่อวัดเสียใหม่ว่า
    "วัดโมคคัลลาน" ต่อมาได้เกิดอุทกภัย อาคารต่างๆ
    ชำรุดเสียหาย จึงได้ทำการย้ายวัดขึ้นไปอยู่บน
    เนินเขาและได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่
    จนถึงปัจจุบัน


    พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นภูเขาสูง วัดโมคัลลาน ปัจจุบัน
    มีการสร้างถาวรวัตถุโดยสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่
    ประดิษฐานเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งแต่เดิมเป็น
    วัดเล็ก ๆ อยู่บนเขา ทางขึ้นถ้าไม่เดินขึ้นไป

    ก็ต้องใช้รถ 4WD

    ที่มา [FONT=&quot][FONT=&quot]http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta[/FONT]3[FONT=&quot]mini[/FONT]8.[FONT=&quot]html[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]http://www.travel.thaiza.com[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ธันวาคม 2011
  10. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    การใช้ถนนสาย 108 ช่วงนี้ ไม่ค่อยปลอดภัย
    ถ้ายามเกิดภัยพิบัติ เนื่องจากต้องระวังหินถล่ม
    แผ่นดินสไลด์ เพราะอีกฟากของถนนเป็นหน้าผา
    สูงชัน และทางโค้งเลี้ยวไปเลี้ยวมา
    พอลงจากเขา
    ก็จะถึงตัวอำเภอจอมทอง ซึ่งจะพบกับ


    - วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
    [FONT=&quot]
    เดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ตั้งอยู่ถนน
    เชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง
    อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัว
    จังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร วัดพระธาตุ
    ศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี
    ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 บริเวณที่ตั้ง
    เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่
    อดีตว่า ดอยจอมทอง

    ที่มา
    [/FONT]<cite title="travel.upyim.com">http://www.travel.upyim.com</cite>
     
  11. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    สำนักวิปัสสนากรรมฐาน หนเหนือ วัดพระธาตุ
    ศรีจอมทองวรวิหาร


    สำนักวิปัสสนากรรมฐาน หนเหนือ วัดพระธาตุศรีจอมทอง
    วรวิหาร มีพระธรรมมังคลาจารย์ (ทอง สิริมงฺคโล)
    เป็นเจ้าสำนักวิปัสสนากรรมฐาน ให้การสอน
    การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สำหรับภิกษุ สามเณร
    อุบาสก อุบาสิกาตลอดจนผู้ที่สนใจ ทั้งชาวไทย
    และชาวต่างประเทศ และมีการจัดให้สอบอารมณ์
    ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)
    ที่สำนักวิปัสสนาแห่งนี้
    รู้สึกจะอนุญาตให้ฆราวาสร้าง
    กุฏิเล็ก ๆ ไว้สำหรับ
    มาปฏิบัติธรรมได้

    (กรุณาสอบถามทางวัดอีกทีนะค่ะ เพราะน้า ๆ
    เคยไป
    ปฏิบัติธรรมและเล่าให้ฟังค่ะ)

    แต่ถ้าใครอยากไปเที่ยวชม กรุณาพกหมวกและร่ม
    ไปด้วยนะค่ะ เพราะช่วงบ่ายแดด
    แรงมาก ขนาดไป
    ตอนห้าโมงเย็นแล้ว ยังร้อนอยู่เลย

    ที่มา http://www.trueplookpanya.com/true/ethic_detail.php?cms_id=5421
     
  12. อู่ทอง13

    อู่ทอง13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +136
    รบกวนนิดครับ ผมอยู่ จ.สุพรรณบุรี แต่อยู่ใกล้เทือกเขา ติดเขตรอยต่อ จ.กาญจนบุรี
    ไม่ทราบว่าจะปลอดภัยหรือเปล่าครับ
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    แผ่นดินไหวภัยใกล้ตัว

    ข้อมูลจาก "กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย " ระบุว่า "แผ่นดินไหว" นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ หรือพยากรณ์ระยะเวลาการเกิดสถานที่เกิด และระดับความแรงได้อย่างแม่นยำและแน่นอน

    ต้นเหตุของแผ่นดินไหว เกิดจากการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันของเปลือกโลก โดยมักเกิดตรงบริเวณ "ขอบ" ของแผ่นเปลือกโลก การเคลื่อนตัวในลักษณะดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจาก "ชั้นหินหลอมละลาย" ที่อยู่ภายใต้เปลือกโลก ได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวผลักดันเปลือกโลกตอนบนตลอดเวลา ส่งผลให้เปลือกโลกแต่ละชิ้น มีการเคลื่อนที่ในทิศทางต่างๆ กัน พร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายใน บริเวณ "ขอบ"แผ่นเปลือกโลกจึงเป็นส่วนที่ชนกัน เสียดสีกัน หรือแยกจากกัน

    หากบริเวณ "ขอบ" ของชิ้นเปลือกโลกใดๆ ผ่าน หรืออยู่ใกล้กับประเทศใด ประเทศนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยแผ่นดินไหวสูง เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์

    นอกจากนี้ พลังงานที่สะสมในเปลือกโลก ยังถูกส่งผ่านไปยัง บริเวณรอยร้าวของหินใต้พื้นโลก หรือที่เรียกว่า "รอยเลื่อน" เมื่อระนาบรอยร้าว ที่ประกบกันอยู่ได้รับแรงอัดมากๆ จะทำให้รอยเลื่อน มีการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลัน เกิดเป็นแผ่นดินไหวได้เช่นเดียวกัน

    <O:p
    อย่างไรก็ตาม กิจกรรมบาง อย่างของมนุษย์ ก็ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน เช่น การทำเหมือง สร้างเขื่อน และขุดเจาะบ่อน้ำมัน

    จากการบันทึกทางประวัติศาสตร์ พบว่า บนผืนแผ่นดินของเมืองไทย เคยเกิดแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ ปานกลาง และ เล็ก หลายครั้ง มีบันทึกประวัติศาสตร์จารึกว่า ในปี พ.ศ.1558 เกิดแผ่น ดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้น ทำให้บริเวณ "โยนกนคร" ยุบจมลงเกิดเป็นหนองน้ำใหญ่


    [​IMG]
    <O:p</O:p

    จับตา13 รอยเลื่อนอันตราย

    ประเทศไทยมีรอยเลื่อน 13 จุด ที่ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวได้ และยังมีรอยเลื่อนสะแกง ที่เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ทางฝั่งประเทศพม่า พาดผ่านทะเลอันดามัน ที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 400 กม. ที่ต้องจับตามอง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด

    สำหรับ 13 รอยเลื่อน ในประเทศไทยประกอบด้วย

    <O:p</O:p
    1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่<O:p</O:p
    2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก <O:p</O:p
    3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร <O:p</O:p
    4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
    5. "รอยเลื่อนเถิน" ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่ <O:p</O:p
    6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา <O:p</O:p
    7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน <O:p</O:p
    8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์ <O:p</O:p
    9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี <O:p</O:p
    10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี <O:p</O:p
    11. "รอยเลื่อนท่าแขก" ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม <O:p</O:p
    12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา <O:p</O:p
    13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

    สำรวจพื้นที่เสี่ยงธรณีพิโรธ

    สำหรับประเทศไทย แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแนวในมหา สมุทรอินเดีย เกาะสุมาตรา และประเทศพม่า ส่วนแนวรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศ ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคเหนือ และ ภาคตะวันตก
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    และ จากการสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของไทย พบว่า มี 4 จังหวัดที่เสี่ยงภัยแผ่นดิน ไหวมากที่สุด ได้แก่...กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงราย โดยมี ความเสี่ยงประมาณ 7 - 8 เมอร์คัลลี (มาตราความรุนแรง) ซึ่งมีผลทำให้อาคารสูงเสียหายได้

    ส่วนจังหวัดที่เสี่ยง รองลงมา ส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ และภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน ลำปาง รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งมีความเสี่ยง ประมาณ 5 - 7 เมอร์คัลลี ซึ่งทำให้อาคารเสียหายเล็กน้อย


    ส่วนพื้นที่ซึ่งปลอดภัยมากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2011
  14. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    มีผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน มักจะถามว่าที่ตรงนั้น
    ตรงนี้ปลอดภัยหรือไม่
    ผู้เขียนขอยกบทความที่
    คุณเสถียรพงษ์ ได้เขียนไว้
    ซึ่งเป็นบทความที่ตรงกับ
    ใจผู้เขียนได้มากที่สุด ชนิดไม่ต้องขยายความกันเลย



    <table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:1.5pt" border="0" cellpadding="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="width:79.14%;padding:.75pt .75pt .75pt .75pt" valign="top" width="79%"> จะแก้กรรมหรือชดใช้กรรมดี
    </td> <td style="width:19.78%;padding:.75pt .75pt .75pt .75pt" nowrap="nowrap" valign="top" width="19%">
    </td> </tr> </tbody></table> กรรมเหนือหมอดู
    คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



    ทำไมการพยากรณ์อดีตจึงแม่น พยากรณ์อนาคตไม่แม่น
    ตอบ เพราะชีวิตคนมิได้ขึ้นอยู่กับโหราศาสตร์เป็นเงื่อนไขอย่างเดียว มันย่อมเปลี่ยนแปลงไปตาม
    เงื่อนไขปัจจัยอีกมากมาย อดีตนั้น "นิ่ง" แล้ว
    ไม่มีเงื่อนไขอะไรมาผลักดันให้เป็นอื่นได้
    เพราะฉะนั้น การทำนายทายทักจึงมักจะตรง
    แต่ปัจจุบันและอนาคต มันยังเคลื่อนไหว เพราะ
    เหตุปัจจัยอีกหลายอย่างยังไม่นิ่ง

    เงื่อนไขที่สำคัญ
    ที่สุดคือ "กรรม" (การกระทำ)
    ของคนๆ นั้นเอง

    เขาทำทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีคละกันไป
    สิ่งเหล่านี้แหละมีแนวโน้มจะให้ผลในอนาคต
    ไม่ว่าดี หรือไม่ดีพูด อีกนัยหนึ่ง
    เราเป็นผู้กำหนด
    อนาคตเราเอง ถ้าต้องการให้
    ชีวิตเป็นไปอย่างใด ก็ต้องสร้างเงื่อนไขที่ดีๆ ไว้
    ให้มาก แล้วอนาคตจะไปดีเอง ตรงข้ามถ้าสร้าง
    แต่เงื่อนไขไม่ดี อนาคตก็เป็นไปตามนั้น

     
  15. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    คนเราถ้าไม่ขวนขวายพยายาม ปล่อยชีวิตไปตาม
    ยถากรรม ก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฟ้าดิน แต่กรรมเท่านั้น
    ที่เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง นั่นคือเราต้องสร้าง
    อนาคตของเราเอง คนที่พยายามพึ่งตัวเองด้วย
    การกระทำแต่ความดี ถึงที่สุดแล้วย่อมอยู่เหนือ
    โชคชะตา ถ้าใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาอย่างใด
    ก็ย่อมเป็นอย่างนั้น แก้ไขไม่ได้เลย ผู้นั้นถึงจะเป็น
    คนคงแก่เรียนเพียงใดก็นับว่าโง่อยู่นั้นเอง

    เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า การเด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียว
    สะเทือนไปถึงดวงดาว มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราตัดสินใจ
    ทำกรรมดีกรรมชั่วในตอนนี้ มันสะเทือนไปถึงปัจจุบันและ
    อนาคตของเราด้วย ด้วยเหตุนี้ หมอดูดังๆจำนวนมาก
    มักทำนายเหตุการณ์ต่างๆผิดพลาด เพราะเขารู้แต่
    พรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิม พรหมลิขิตหรือ
    แผนที่ชีวิตชุดใหม่เขาไม่รู้ แม้แต่พระอริยะเจ้า ท่านยัง
    ทำนายพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ไม่ได้เลย
    ท่านรู้เฉพาะพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมเท่านั้น
     
  16. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->1. หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
    หลวงพ่อจรัญทำนายว่า.....อาตมาจะมรณภาพ
    วันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยง 12.45 น.
    ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย นั่นคือพรหมลิขิต
    หรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของท่าน เมื่อถึงเวลานั้น
    หลวงพ่อจรัญท่านก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักจริงๆ
    แต่ท่านไม่ตาย ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อจรัญได้สำนึกบาป
    ที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น
    ไก่เหล่านั้นเลยให้อภัย ท่านจึงแค่คอหัก แต่ไม่ตาย
    นี่คือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ของท่าน

    วิเคราะห์
    - หลวงพ่อจรัญมองเห็นกรรมเก่าที่จะให้ผล
    (ตามพรหมลิขิต/กฎแห่งกรรม)
    - หลวงพ่อจรัญมองไม่เห็นกรรมใหม่ที่จะให้ผล
    ท่านทำกรรมใหม่ คือ สำนึกบาปที่ฆ่าหักคอไก่
    จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น
    - กรรมใหม่ส่งผลเปลี่ยนพรหมลิขิต กฎแห่งกรรมในอดีต
    จึงให้ผลไม่ได้เต็มกำลัง เพราะโดนวิบากกรรมดีในชาตินี้ช่วยไว้

     
  17. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->2. พระสารีบุตร
    ในครั้งพุทธกาล พระสารีบุตร และภิกษุอื่นๆ ต่างไม่ได้
    ให้พรเณรบวชใหม่คนหนึ่ง ให้มีอายุยืน เพราะวิบากกรรม
    ของเขาต้องตาย ถึงฆาตแน่ พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า
    เณรผู้นี้จะมรณะในอีก 7 วัน ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไป
    เยี่ยมบ้าน เพื่อโปรดบิดามารดา และญาติโยมทางบ้าน
    เป็นครั้งสุดท้าย นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิม
    ของเณรบวชใหม่

    เมื่อเพลาผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังอารามเหมือนเดิม
    พระสารีบุตรเองแปลกใจว่า เพราะเหตุใดเณรคนนั้นไม่ตาย
    ท่านจึงได้สอบถามเณรว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง
    ไปและกลับ เณรได้แถลงไขว่า ระหว่างทางที่ไปนั้น
    ได้พบปลาจำนวนหนึ่ง ตกคลักในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง
    จึงได้เอาจีวรช้อนขึ้นมาไปปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ
    ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตร ท่านก็ทราบได้ว่า
    ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของเณรผู้นั้นเอง
    และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยในแหล่งน้ำ เท่ากับว่า
    ได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง และเจ้ากรรมนายเวรนั้น
    จึงได้อโหสิกรรมให้เณร นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิต
    ชุดใหม่ ของเณรบวชใหม่

     
  18. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> วิเคราะห์
    - พระสารีบุตรมองเห็นกรรมเก่า(พรหมลิขิต/แผนที่ชีวิต)

    ที่จะให้ผลให้เณรคนหนึ่งตาย
    - พระสารีบุตรมองไม่เห็นกรรมใหม่ ที่จะให้ผลให้

    เณรคนนั้นไม่ตาย ซึ่งเป็นตอนที่เณรคนนั้นเดินทาง
    กลับบ้าน เณรไปปล่อยปลา ซึ่งเป็นการทำกรรมใหม่

    ทำให้กรรมเก่าของเณรไม่ส่งผล

    มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

    ที่สามารถเห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง

    สรุป
    กฎแห่งกรรมก็คือพรหมลิขิตนั่นเอง
    แต่กฎแห่งกรรมบอกวิธีการแก้พรหมลิขิต
    หรือแก้แผนที่กฎแห่งกรรมในอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบัน

    และอนาคตเอาไว้ด้วย ถ้าเราทำตามพรหมลิขิต

    โดยไม่แก้ไขอะไรให้ดีขึ้น ก็เท่ากับเราไม่เข้าใจ
    กฏแห่งกรรมอย่างแท้จริง
     
  19. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]ดังนั้น ผู้เขียนเป็นแค่คนสามัญธรรมดา
    ไม่กล้าหาญชาญชัย ที่จะบังอาจ
    [/FONT][FONT=&quot]ไปทำนาย
    ทายทักใด ๆ อย่างที่บอกมีเพียงพระพุทธองค์นั้น
    ที่สามารถ
    [FONT=&quot]รู้ถึงอนาคตกาลได้อย่างแม่นยำ
    เพราะฉะนั้น ผู้เขียนอยากให้คนที่เข้ามาถาม
    [/FONT]
    [/FONT] [FONT=&quot]เปลี่ยนคำถามเป็นคำตอบให้กับคนที่อยากรู้ว่า
    มีที่แห่งใดที่ยามเกิดภัยพิบัติ
    [/FONT][FONT=&quot]ขึ้นมาแล้วนั้น
    สามารถที่จะไปพักพิงหรือเตรียมการ มีลู่ทางกัน
    อย่างใดบ้าง
    [/FONT][FONT=&quot] ท่านอยู่ตรงสถานที่นั้น สภาพแวดล้อม
    สภาพภูมิประเทศ เป็นอย่างไร
    [/FONT][FONT=&quot] เข้ามาอธิบายและ
    คาดการณ์ให้กับผู้อ่านฟังจะดีกว่าหรือไม่ ผู้เขียน
    ไปมาทั่วก็จริง
    [/FONT][FONT=&quot]แต่ก็ไปทำงาน ระหว่างทำงาน
    เราก็ลงพื้นที่ไปด้วย แต่จะให้ละเอียดทุกซอก
    [/FONT] [FONT=&quot]ทุกมุมนั้นเป็นไปไม่ได้ เรามาช่วยกันทำงาน
    ไม่ดีกว่าหรือ เพื่อประโยชน์ตน
    [/FONT][FONT=&quot]และประโยชน์
    ผู้อื่นด้วยเช่นกัน
    [/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT]
     
  20. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]คนเรานั้นต้องอย่าไปหวังพึ่งฟ้าฝนเทวดา
    พึ่งพาใคร ๆ เราต้องพึ่งตนเอง การที่ผู้เขียน
    [FONT=&quot]เขียนบทความนี้ ควบคู่ไปกับการเตรียมการ
    รับมือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ ซึ่ง[/FONT]
    [/FONT][FONT=&quot]ผู้เขียนมองเห็นว่า
    ปัญหาเศรษฐกิจนั้นจะเป็นภัยที่เราต้องรับมือ
    เป็นอย่างยิ่ง
    [/FONT][FONT=&quot] ซึ่งผู้เขียนได้เขียนไว้เมื่อ [/FONT] 3-4 [FONT=&quot]ปีก่อน
    ณ วันนี้ เราก็ยังคงแย่เหมือนเดิม
    [FONT=&quot] ผู้เขียนอยากให้
    มองย้อนลงไป ถ้าวันนั้นเราเตรียมการกันไว้
    แต่เนิ่น ๆ[/FONT]
    [/FONT] [FONT=&quot]ก็คงจะช่วยบรรเทาเบาบางเรื่อง
    ภัยพิบัติต่าง ๆ เหล่านี้ลงไปได้ มาถึงจุดนี้แล้ว
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ทุกคนจะฉุกคิดกันได้หรือยังว่า เราจะดำเนินการ
    อย่างไร ไม่ใช่เพียงแต่
    [/FONT][FONT=&quot]จะหาที่หลบภัยกันท่าเดียว
    และถ้าภัยพิบัติไม่เกิด เราจะอยู่กันอย่างไร
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เพื่อความไม่ประมาท เราเตรียมการรองรับไว้
    เมื่อภัยไม่เกิด เราก็ยังใช้
    [/FONT][FONT=&quot]ชีวิตอย่างปกติได้
    ด้วยความมั่นคง ยั่งยืน ขอให้ระลึกถึงและ
    ปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ท่านตรัสถึง
    ทางสายกลาง
    [/FONT][FONT=&quot] มัชฌิมาปฏิปทา
    [/FONT]
    http://www.buddha4u.org/index.php?option=com_content&view=article&id=62:-8-&catid=36:-8-&Itemid=29
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10959
     

แชร์หน้านี้

Loading...