ประสบการณ์ในการนั่งสมาธิแบบผิดวิธี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย yiyuanka, 12 ธันวาคม 2011.

  1. yiyuanka

    yiyuanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +34
    ที่มาตั้งกระทู้อยู่ตรงนี้จุดประสงค์ก็คือ จะมาเล่าผลจากการนั่งสมาธิผิดวิธี แล้วอยากขอความเห็นในการนั่งสมาธิให้ถูกต้อง เพราะรู้จักแต่วิธีนั่งแบบสมถะ ไม่รู้ว่านั่งแบบวิปัสสนาทำกันอย่างไร อยากให้ผู้รู้หลายๆ คนช่วยอธิบายให้เรากระจ่างด้วยนะคะ เพราะเราเป็นคนหัวช้า

    เรื่องมีอยู่ว่า เดือนพฤษภาคม ปีนี้ เราป่วยเข้าโรงพยายาบาลปวดท้องอย่างรุนแรง หมอก็บอกว่าเป็นแบคทีเรียกัดกระเพาะทำให้กระเพาะเป็นผื่น ตอนเข้าโรงพยาบาลก็รู้สึกเปลี่ยนไป เริ่มมองทุกอย่างจากหน้ามือ เป็นหลังมือ จากกลัวเสียงฟ้าร้องก็พยายามข่มไว้เพราะกลัวพี่ชาย ที่มาเฝ้าไข้จะตื่น หลังจากนั้นก็กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านมีความรู้สึกว่าอยากจะใส่บาตร ทั้งๆ ที่เป็นคนขี้เกียจมากๆๆ ไม่อยากตื่นเช้า แล้วตอนกลางคืนมาก็มาฟังเรื่องกฎแห่งกรรมจากคุณริวจิตสัมผัส ฟังรายการเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก แล้วเหมือนโล่ง พอง มีความสุขคับอกขึ้นมา แล้วก็อยากรักษาความรู้สึกมีความสุขนี้ต่อไป แรกๆ ก็คล้ายกับทำสมถะแบบอัตโนมัติทำจิตให้ว่างรู้สึกมีความสุขมากๆๆๆ มีความสุขอยู่กับในโลกของตัวเอง ตัวเบา หลับตาลืมตาเดินบ้าง หลับตากินข้าวบ้าง พ่อกับแม่ก็คิดว่าเราง่วงนอนแต่จริงๆ เราพยายามรักษา ทำสมาธิเอาไว้ รู้สึกอย่างนี้ได้สองสามวัน รู้สึกว่ามีความคิดที่ไวมาก ตามจิตทุกขณะ เวลานอนก็เหมือนรู้สึกตัวมากขึ้นทั้งๆ ที่นอนน้อยลงรู้สึกว่าข้างนอกเหมือนหลับแต่ข้างในมีสติ รู้ฝึกว่าฝันไปแปปเดียว นอกนั้นมันก็ว่าง สรุปก็คือ เห็นทุกอย่างช้าไปมากๆๆๆ จำรายละเอียดอะไรได้มากขั้นทั้งๆ ที่เป็นคนไม่สังเกตุเอาเสียเลย ทางก็ไม่เคยจำ ก็เริ่มสังเกตุโน่นนี่ เริ่มสารภาพผิดก็พ่อแม่ว่าเคยโกหกอะไรไว้ เรื่องเล็กๆๆ น้อยๆๆ ทั้งหลาย เด็กมาเหวี่ยงใส่ปกติก็จะหงุดหงิดแล้วไม่อยากอยู่ด้วย ก็ให้อภัยไม่โกรธเลย รู้สึกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่งรถยนต์อยู่ทั้งๆ ที่เขาขับความเร็วปกติก็รู้สึกว่าช้ามากๆ ดูทีวีก็เริ่มเห็นเป็นภาพสโลโมชั่น ก็หลงตัวเองคิดว่า สุขจากสมาธิที่เขาว่ากันมันเป็นอย่างงี้นี่เอง แต่หลังจากนั้นปัญหาใหญ่ก็ตามมา เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เริ่มพูดวกไปวนมา กลับกัน เช่น ดีพอ แล้วมันจะพอดี ประมาณนี้ เหมือนพูดอยู่กลับตัวเองในใจตลอดเวลา คิดจากเรื่องนี้ โดดไปนั่นนี่โดยไม่รู้ตัว กลอกตาไปมาซ้ายขวา เหมือนกับรู้ว่ามันไปไว แต่ควบคุมมันไม่ได้ คนรอบข้างก็เริ่มเห็นผิดปกติ แม่ก็ทดสอบถามว่าตอนเย็นกินไรไปบ้างคิดว่าเราบ้า เราก็ตอบถูกหมด เราเป็นคนกลัวความมืดมาก พอไฟตกแปปเดียวเราก็รีบออกจากห้องน้ำบอกพ่อว่าไฟมันดับ กลัววๆ พ่อก็ว่ามันไม่ได้ดับเลย หลังจากเคยสงบสุข ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นนอนไม่หลับ ง่วงเพลียแต่ใจมันไม่หลับ ปลุกพ่อ ปลุกแม่บ้างทำให้คนรอบข้างเริ่มเห็นว่าไม่ปกติแล้ว ก็พาไปหาแม่ชี แม่ชีก็บอกว่าผิดครูนะ หาพระบ้างสุดท้าย ก็จบด้วยการไปพบจิตแพทย์แล้วก็กินยาปรับสารเคมีในสมอง ประมาณเดือนกว่าๆๆ ก็นอนได้เยอะมากวันนึงนอน สิบสอง ชั่วโมง แล้วก็เริ่มหาย พอหายก็กลับมาเป็นคนขี้เกียจเหมือนเดิม เซ่อๆๆ ซุ่มซ่าม ไม่สังเกตโน่นนี่เหมือนเดิม ไม่เหมือนตอนเป็นอยู่รู้สึก active ตลอดเวลา

    เรื่องมันก็เป็นอย่างที่เล่าไปแหละค่ะ พอมาอ่านกระทู้อื่นๆๆ ก็มีคนเคยเป็นเหมือนกัน ก็ลองอ่านดูก็รู้ว่าผิดวิธีไป เค้าก็บอกกันว่าต้องฝึกวิปัสสนา แม่ชีก็บอกว่าให้เริ่มจากกรรมฐานแล้วค่อยขึ้นเป็นวิปัสสนา แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร อยากได้ความกระจ่างและขั้นตอนอย่างละเอียดค่ะ เพราะกลัวจะผิดวิธีเหมือนคราวที่แล้ว แล้วดึงกลับมาไม่ได้

    ปล เป็นคนชอบเรื่อง เร้นลับ ก็เข้ามาศึกษาธรรมจากเว็บนี้นานแล้วค่ะ แรกๆ ก็เข้ามาเพราะสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว และอื่นๆ แต่หลังๆ เริ่มโตก็พบว่าไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ เกลียด และกลัวความทุกข์และอยากจะไปให้พ้นๆจากมัน และก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าสมาธิน่าจะช่วยให้หลุดพ้นได้ อย่าบอกให้เราเลิกนั่งสมาธินะคะ เพราะเราก็คงกลับมาตายรังเดิม 555

    ยังไงก็ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    90% ของคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับก็เพราะกลัวความมืดนี่แหละ
    ครับ ลองปิดไฟแล้วนั่งอยู่ในห้องมืดดูมันจะดีขึ้น นอนหลับมากขึ้น
    ส่วนเรื่องที่คิดหรือพูดวนไปวนมาเพราะสัญญามันผุดขึ้นมา เราก็
    พิจารณาตัวสัญญาที่โผล่ขึ้นมาให้มันรู้ตัว ทำลายความเคยชิน ส่วน
    เรื่องจะทำสมถะหรือวิปัสสนามันไม่มีอะไรผิดแล้วแต่ว่าเราจะทำไป
    ทำไม

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา(วิชชาภาคิยะ)
    ๒ อย่างเหล่านี้ คือ สมถะ(ความสงบ) ๑ วิปัสสนา (ความเห็นแจ้ง)
    ๑. สมถะ อันบุคคลเจริญแล้ว ย่อมทำให้จิตได้รับการอบรม จิตได้รับ
    การอบรมแล้ว ย่อมทำให้ละราคะ (ความกำหนัดยินดี หรือความติดอก
    ติดใจ) ได้ วิปัสสนา อันบุคคลเจริญแล้ว ย่อมทำให้ปัญญาได้รับการ
    อบรม, ปัญญาได้รับการอบรมแล้ว ย่อมทำให้ละอวิชา(ความไม่รู้ตาม
    ความจริง) ได้."

    ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๗๘
     
  3. dooddd

    dooddd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +4,855
    แ้ล้วอาการที่เห็นทุกอย่างช้าๆไปนี้คืออะไรกันหนอ อยากทราบเหมือนกันครับ

    ตอนเด็กๆรู้สึกเหมือนเคยเป็นเหมือนกัน เห็นทุกอย่างช้า เคว้งๆ อยากอ้วกด้วยซ้ำตอนนั้น
    เลยอยากรู้ด้วยคน
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ....จริงจริง อาจจะมีเวทนา เกิดขึ้น(อาจจะเป็นทุกข์เวทนา)ใดบางอย่างที่ ยังยึดอยู่...แต่สลัดไม่ออก เหมือนมีความดิ้นรน แต่ สติไม่ได้ระลึกรู้....(เหมือนมองไม่เห็น)....สติระลึกรู้ที่ปัจจุบันสำคัญมาก รู้กุศล อกุศล ที่เกิดขึ้น( ราคะ โทสะ โมหะ) น่า จะช่วยได้นะครับ.....ที่นำไปสู่ ศิล สมาธิ... เพราะถ้าละเมิดศิลบางอย่างเราจะรู้สึกผิดย้อนหลัง ตัวนี้ทำให้ทุกข์ได้ครับ ต้อง โยนิโสมนสิการให้บริบูรณ์ครับ:cool:
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เวลา จะฟังธรรม หรือ ให้ใครสอนธรรม เราจะต้อง ฟังให้เยอะๆ ให้หลากหลาย

    และที่สำคัญ จะต้อง ตรวจทานกับ พุทธวัจนะ พระสูตร ซึ่ง ไม่จำเป็นต้องไปหา
    อ่านให้ตรง เพียงแต่ สุ่มอ่านไปเรื่อยๆ เพราะ ในความเป็นจริง ทุกพระสูตรจะ
    มีอรรถสาระหนึ่งเดียว จึงฟังได้ทุกพระสูตร แต่ เราจะยังไม่เห็น

    แล้วทำไมให้อ่าน ก็เพราะว่า เราต้องหมั่นสดับธรรม ที่เป็น รากฐาน เอาไว้ เผื่อ
    ที่ว่า จะได้เกิดความแยบคายในการฟังธรรม จาก พระ จาก ชี

    คือ อะไรที่เราฟังบ่อยๆ ฟังกับคนเดิม บางที่ เราชิน กับการคล้อยตาม ทำให้ฟัง
    ธรรมแล้ว ไม่สามารถทำให้เกิด การวิจัยธรรม ด้วยตัวเองได้

    * * * *

    คราวนี้ มาดูกันต่อ

    การฝึกปฏิบัติธรรมนั้น ปุถุชนทุกคน หากยังไม่เป็นอริยะขั้นใดขั้นหนึ่ง การปฏิบัติ
    ทุกกรณีจะเป็นการ เข้า "สมถะ" ทั้งหมด แม้แต่ การใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ
    ในบทเขาว่าเป็น "วิปัสสนา" แต่ คนธรรมดาสามัญ จะทำแล้ว จะผลิกไปเป็น "สมถะ"
    เสียส่วนใหญ่

    ผลของการผลิกไปเป็น "สมถะ" ไม่ใช่ "วิปัสสนา" คือ การพบกับ "ความว่าง"

    ความว่าง ที่มาก่อนสุก หรือ ชิงสุกก่อนห่าม ล้วนแต่เป็นการผลิกไปเป็น "สมถะ"
    ทั้งหมด ทำให้ ผู้ภาวนาเดินต่อไม่ถูก หากพอใจความสุข ความว่าง จิตใจจะเริ่ม
    ถอยออกจากโลก (สมถะมันคือการระงับชีวิตทางโลก)

    ตรงนี้เราต้องทำความเข้าใจ เวลา ชีวิตเราถอยออกจากโลก มันจะต้องมีที่ไป

    สำหรับผู้ฝึกภาวนาถูกต้อง ถอยออกจากโลกจะต้องย้อนกลับมารู้ที่กายใจตน

    หากจิตเราไม่ตั้งมั่น รู้ลงที่กายใจตน ใจเราจะพุ่งออกไปดูโลกข้างนอก ขณะที่
    จิตตกจากการภาวนาไปสู่โลกข้างนอก ตรงนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกว่า โลกช้า
    ลง หรือ จิตใจไม่ให้ค่า ไม่เรียกชื่อ คล้ายๆ สักแต่ว่าเห็น ยิน ลิ้มรส ฯ

    ดังนั้น ตรงนี้เรื่องปรกติ ของคนภาวนา

    หากเรา เอาสภาวะแบบนี้ไปถามคนที่ปฏิบัติไม่เป็น เขาจะพาไปหาหมอ ไปหายา
    ไปหากรรมฐานอย่างอื่น ทั้งๆที่ เรากำลังปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมกับตนแล้ว

    * * * * *

    กลับมาที่ การทำสมถะตามรูปแบบก็ดี( ทำสมถะเพื่อผลทางสมถะ อภิญญา) หรือ
    การทำสมถะนอกรูปแบบ( ทำการใคร่ครวญด้วยสัญญา 10 เช่น อสุภะ อานาปานสติ ฯ)
    ปุถุชนทำแล้ว ก็ได้แค่ สมถะ คือ เจอความว่าง

    แล้วก็ไปต่อไม่ได้ พอเราทบทวน ก็เกิดการเข้าข้างตนเองว่า ทำ สมถะ แล้วนะ
    และ ทำวิปัสสนาแล้วด้วย แต่จริงๆ แล้ว ยังหรอก การวิปัสสนามันยังไม่เกิด

    หากวิปัสสนาญาณเกิดแล้ว เราจะค่อยๆหมดคำถาม จะค่อยๆเจอทางที่ใช่ และ
    เข้าใจว่า กาลใดจิตเราทำอะไรแล้วให้ผลเป็นอะไร เข้าใจเหตุผล และ การดำเนิน
    ของวิธีปฏิบัติ พอเข้าใจเต็มที่ คราวนี้จะเหมือน เราภาวนาโดยไม่ต้องจงใจ

    พอการภาวนาเกิดโดยไม่จงใจ เมื่อนั้นค่อยกล่าวว่า เกิดวิปัสสนาญาณ หรือไม่

    หรือ ค่อยๆ ปรารภกับตัวเองว่า ได้ทำวิปัสสนาแล้ว

    ดังนั้น ที่ทำมา ทำต่อไป อย่าสงสัย อย่าเอาความสงสัยทางธรรมไปถามคนทางโลก

    แล้ว สังเกตไว้อย่างว่า ที่เราทำนั้น ได้แต่ "สมถะ" แล้ว ที่พระพุทธองค์กล่าวว่า
    คนเรา ล่วงทุกข์ได้ด้วยปัญญา นั้นเป็นอย่างไร ตรงนี้ จะต้องแยบคาย และ ต้องระลึก
    ไว้ว่า ปัญญาตรงนี้จะต้องเกิดจากการเห็นเอง ไม่ใช่ ฟังเอาจากใคร หรือที่ใด

    ค่อยๆทำไปนะ ที่ทำมานั้น ดีอยู่แล้ว แต่ จะต้องแยบคายพิจารณาให้ดียิ่งขึ้น ไปอีก

    ไม่ยากหรอก ยิ่งมี กรรมตามมาไล่แบบนี้ ส่วนใหญ่ จะไม่ใช่ คนทิ้งธรรม (มันเป็นวาสนาเฉพาะ
    ตัวอย่างหนึ่งนะ -- ให้กรรมมันตามมา แต่ อย่าไปปรุงกรรมเองหละ )

    หากไม่ทิ้งธรรม ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม แต่ อย่าทวงว่าจะได้เมื่อไหร่ ก็เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  6. yiyuanka

    yiyuanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +34
    จริงๆ แล้วไอ้อาการเห็นช้าๆ นี่เคยเป็นประมาณสามครั้งได้ในชีวิตอะค่ะ ครั้งแรกเป็นเพราะเอาสมาธิไปเพ่งกับเท้า คือ แบบเดินจงกรม ตอนกลับหอพักเลยอ่ะค่ะ

    ครั้งที่สองก็เป็นตอนนั่งสมาธิที่ชมรมพุทธประมาณ 15 นาที เดินกลับหอพักนี่แบบ จะขาดใจเลยค่ะ กลัวรถชน เลย มันเป็นแบบดูหนังเรื่องนึงแต่ เรากรอหนังเรื่องนั้นค่ะ แล้วมันก็ช้าลง ใจจะขาดเลยค่ะ

    ยังไงก็ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ได้ประโยชน์มาก รอฟังความคิดเห็นอื่นเพิ่มอยู่นะคะ
     
  7. roneychai

    roneychai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    ดีมากๆๆเลยคับ กระทู้นี้

    ส่วนมาก จะมีแต่ ท่านผู้รู้ แนะนำเฉพาะ วิธี ที่ถูกต้อง

    จนไม่รุ้ว่า วิธีที่ผิด
    เมื่อปฏิบัติแล้ว มันเป็นแบบไหน มีอาการแบบไหน

    ก็เลยไม่รุ้ว่า ตัวเองผิด หรือ ตัวเองถูก

    ผมมาแวะดูเอาประสบการคับ
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    "เชื่ออยู่ลึกๆว่าสมาธิน่าจะช่วยให้หลุดพ้นได้"

    สมาธิอย่างเดียวช่วยให้หลุดพ้นไม่ได้

    ไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา อิงอาศัยกันสัมพันธ์กัน ท่านจึงมีหลักว่า ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ


    ว่างๆเยี่ยมชมที่นี่บ้าง

    http://fws.cc/whatisnippana/index.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  9. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,012
    เข้าสมาธิมีผิดวิธีด้วยเหรอ สมาธิอ่ะจะเข้าแบบนี้ก็เข้าได้หมดครับ นอกจากคุณมีสารเคมีในสมองผิดปกติอ่ะ มีคนรู้จักมีอาการนี้คือเป็น โรคไบโพล่าร์ ( Bipolar disorder) ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง หรือไปเข้ากลุ่มก็ได้ครับ http://www.facebook.com/bipolarfc
     
  10. mojito544

    mojito544 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +2,345

    ผมเคยเป็นมันนุ่มๆเบาๆเหมือนนุ่น แต่สัมผัสได้ถึงความหนักและแข็งเลยอยากอ้วกเป็นเพราะอะไรครับ
     
  11. ไม่ใช่ใคร

    ไม่ใช่ใคร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +21
    มันยาวๆแล้วก็งงๆนะครับ

    แต่จับได้จุดนึงคือคุณถามว่าวิปัสสนาทำยังไง

    ง่ายๆ ก็คือ คิดให้มาก ใช้ปัญญาให้มาก เกี่ยวกับเรื่องไตรลักษณ์

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ถ้าจะทำจริงจัง ก็ต้องคิดทุกเรื่องที่เข้ามาในหัว ให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็คือการภาวนาไปเลย แบบสมถะนั้นล่ะครับ

    เพียงแต่เปลี่ยนจากการเพ่งไปเป็นการคิด

    ผมก็อธิบายได้แค่นี้ล่ะครับ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ

    :cool:
     
  12. yiyuanka

    yiyuanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +34

    ไปหาหมอมาแล้วค่ะ หมอบอกเป็นโรคนี้แหละ กินยาแล้วหายเกือบร้อย% แต่ก็รู้สึกสมาธิสั้นลง พออ่านก็เข้าใจแล้วแหละค่ะ ว่าสาเหตุ คือ อดนอน แล้วเครียด แต่สาเหตุที่มันอดนอน คือ ทำสมาธิไปเรื่อยๆ แล้วมันคล้ายๆ ติดบริกรรมแล้วมันไม่ยอมวาง ไม่ยอมนอน แล้วมันก็เริ่มเครียด ไปๆ มาๆ ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ

    ก็เลยอยากรู้ว่าภาวนาแบบไหนถึงจะดีกว่าที่เคยทำค่ะ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ติดบริกรรมหมายถึงติดคำบริกรรมว่าพุทโธๆๆๆๆๆๆ หรอเปล่า ครั้นติดแล้วจิตมันจะตื่น อยากแต่จะทำสมาธิอยู่ร่ำไปไม่หลับไม่นอนอย่างนี้ใช่ไหมครับ
     
  14. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    วิธีแก้ให้อาบน้ำ ให้พอเป็นที่สบายใจก่อนครับ
    ส่วนจะอ้วกนั้นเป็นอาการเพ่งไปมากเกินไปจนธาตุขันธ์มีปัญหา
    ทำใจให้สบาย อย่าไปกลัว
    ยิ่งกลัว ยิ่งสงสัย ยิ่งเพ่ง
    ยิ่งเพ่งผล ยิ่งกลัวไม่ได้ ยิ่งผิดทาง
    ทำด้วยความปล่อยวางครับ
    เพราะทุกครั้งที่ทำสมาธิคือการเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง
    อย่าคิดว่าได้แล้ว แล้วจะได้อีก
    นั่นเรียกเพ่งผลครับ
    ขอให้ทำใจให้สบายเท่านั้นครับ
    ขอให้โชคดีกับการภาวนาครับ
    สาธุ
     
  15. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/_wxX-qCQzjY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/tyUXCDZbqXk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  16. yiyuanka

    yiyuanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +34

    ใช่แล้วค่ะใจอยากทำแต่กายง่วง ไม่ยอมหลับนอน แรกๆ ก็โล่ง เบา สบาย ดีไม่ค่อยได้นอนหรอก พอผ่านไปสองสามวันเป็นอารมณ์สองขั้ว เหมือนคนสติแตกไปเลย เพราะทำไปทำมาเหมือนมีวิตกจริตค่ะ 555 เหมือนคนบ้าเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2011
  17. tenis

    tenis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,228
    เข้าใจคะ

    วิธีแก้ง่ายนิดเดียว คือให้ขยัน ทำงานใช้แรงงานให้หนัก ไม่ใช่นั่ง ๆ นอน ๆ ไปทำงาน ต้องทำงานที่ออกแรง ให้เหนื่อย สติจะกลับมา เช่น ตื่นเช้า เตรียมอาหารใส่บาตรทุกวัน มีเวลาว่างก็ทำความสะอาด ไปตลาด ซื้อของเตรียมทำบุญ หรือ ทำความสะอาดบ้าน ต้องทำต่อเนื่องเป็นประจำให้เหงื่อออกด้วยคะ

    ทำ ๆ หยุด ๆ ก็ไม่ได้
    สมาธิแบบนี้จะขี้เกียจ และก็มีพื้นฐานจากความขี้เกียจด้วยคะ ยิ่งเฉยๆ นิ่ง ๆ จะดิ่ง
    ถ้ายังชอบนั่งมสาธิ ลองไม่หลับตา เปลี่ยนเป็นสวดมนต์เสียงดังดู สมาธิไม่ชอบมีกิจกรรม ไม่ชอบขยับ
    และไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง

    สรุป คิดว่าต้องเพิ่มสติ ชีวิตคงราบเรียบเกินไป หรือไม่พอใจในความเป็นอยู่ปัจจุบัน เลยหนีไปอยู่ในอารมณ์ส่วนตัว (สมาธิ) ถ้าจะแก้ไข ตัวเองจะทำได้หรือเปล่า ไหวหรือเปล่า สู้หรือเปล่า
    ถ้ายังติดสุข ติดสบายก็คงไม่พ้นกินยาตลอดชีวิต แถมยาทีผลข้างเคียง ต้องเปลี่ยนยา ราคายาก็แพง

    มีเพื่อนเป็นคล้าย ๆ แบบนี้นะคะ เลยเข้าใจ บางครั้งก็เหมือนคนมีความสุข อีกทีก็อยู่ดี ๆ นั่งร้องไห้ ไม่มีเหุผล การแปลความหมายก็ขึ้นลงตามอารมณ์ รับกระทบมากก็ไม่ได้ เป็นแบบสุดขั่ว คนอื่นช่วยได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น ที่เหลือแล้วแต่เจ้าตัว ต้องสู้จริง ๆ กับนิสัยตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2011
  18. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +2,005
    สาธุ อนุโมทนาสำหรับความรู้แล้วข้อชี้แนะทั้งหลายครับ
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    การปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งสัจธรรม พึงกำหนดรู้สิ่งที่เกิดตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็นของมัน มิใช่ทำเพื่อให้มันเป็นตามที่เราต้องการ เพราะฝืนกับกระแสธรรม

    คุณทำกรรมฐาน (หรือจะเรียกอะไรสุดแล้วแต่) เพื่อจะให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ตนเอง (ตัณหามานะทิฐิ) ต้องการ จึงเหมือนมีอารมณ์เป็นสองขั้วฉุดดึงกันอยู่
     
  20. ื้ีnhu008

    ื้ีnhu008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +36
    มีหลายปัจจัย

    1ต้องถามว่าท่านได้รับยาอะไรในขณะที่ทำการรักษาที่โรงพยาบาล

    2 เกรงว่าจะไม่ใช่สมาธิ
    ท่านอาจจะแย้งว่า มันคือสมาธิ
    รบกวน อธิบายขั้นตอนการทำสมาธิของท่านโดยละเอียดด้วย
    จะได้หาวิธีแก้ไขกันต่อไป



    3 ขออนุญาตครับ บางส่วนจาก การเจริญกรรมฐานโดยหลวงพ่อพุธ ฐานิโย | Dhammatan.net
    พระราชปุจฉา : สมาธิต่อเนื่องวิปัสสนาทำอย่างไร
    หลวงพ่อพุธ : สมาธิต่อเนื่องวิปัสสนา คำว่า วิปัสสนานี่มีอยู่ ๒ ขั้นตอน ขั้นต้น คือ วิปัสสนาที่ใช้สติปัญญากำหนดพิจารณาเอาเองด้วยความตั้งใจ เช่น เราจะพิจารณาร่างกายให้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือพิจารณา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ น้อมไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใช้ความรู้สึกนึกคิดที่เราเรียนรู้มานั้นมานึกเอา เรียกว่า การเจริญวิปัสสนาแบบใช้สติปัญญาแบบธรรมดาๆ โดยการพิจารณาเอารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เห็นเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง, ทุกขัง เป็นทุกข์, อนัตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง โดยความรู้สึก นึกคิดเอาเองนี่แหละ เป็นการตกแต่งปฏิปทาเพื่อให้จิตสงบลงเป็นสมาธิแล้ว จะเกิดวิปัสสนาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จะปฏิวัติไปสู่ภูมิรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จงทำความเข้าใจว่า ถ้าสมาธิหรือสมถะไม่เกิดขึ้น ท่านจะเจริญวิปัสสนาอย่างไร ท่านจะไม่ได้วิปัสสนา เพราะวิปัสสนามีมูลฐานเกิดมาจากสมถะ คือ สมาธิ ถ้าสมถะคือ สมาธิไม่เกิดขึ้น ท่านจะได้แต่วิปัสสนาแบบนึกคิดเอาเอง เป็นวิปัสสนาภาคปฏิบัติเท่านั้น ยังไม่ใช่วิปัสสนาที่แท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...