ขอปรึกษานอกโลก เอ๊ย! นอกเรื่องนิดนึงนะ

อาจจะไม่เกี่ยวกับห้องนี้นะ แต่เห็นที่นี่มีคนเก่งเยอะ อาจจะเก่งกันคนละด้านละมุม คนอ่านก็มีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง ก็นำสิ่งนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นทุกความคิดเห็นล้วนมีความหมาย
ขอเข้าเรื่องล่ะนะ คือปัญหามีอยู่ว่า เมื่อเช้าวันที่9 ธค. 54 หลานชาย 15 ปี ขับรถมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ก็ขับมาทางตรง โดยขับชิดไปทางซ้ายมือ
อยู่ๆ ก็มีรถยนต์ ไม่แน่ชัดว่ามาจากทางไหน อาจเป็นไปได้ทั้ง2อย่างคือ 1.ขับตามมาทางด้านหลัง แล้วเลี้ยวปาดหน้า
2. ขับรถมายูเทรินข้างหน้า เลยเกิดเฉี่ยวชนกัน

ถามคนเจ็บ ก็บอกไม่ได้ รู้แต่ว่ารถมาถึงตัวแล้วเท่านั้น วันเกิดเหตุคนเจ็บสลบ(อาการส่วนใหญ่ เกี่ยวกับสมอง แต่ตอนนี้พึ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์อนุญาติให้กลับบ้านได้ วันที่ 13 ธค. 54) มีหน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นมีตำรวจ มาบันทึกเหตุการณ์ ถ่ายรูปไว้
แต่ทางญาติคนเจ็บ ไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ

จึงอยากถามว่า 1. อย่างนี้คู่กรณีผิดใช่หรือไม่ ขอให้สัณนิษฐานไว้ก่อน เพราะทางญาติคนเจ็บ ได้ไปดำเนินการขอบันทึกประจำวันเบื้องต้น ตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว แต่ไม่ได้มา ทาง สน. บอกว่า ตำรวจคนนั้นไม่อยู่ ลงเวรแล้ว จึงได้นัดมาอีกครั้ง วันอังคาร 13 ธค. 54 ซึ่งเป็นวันทำการ แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้มาอีก และนัดมาวันนี้อีก โดยให้เหตุผลว่า ตำรวจคนนั้นไม่อยู่ และหาไม่เจอ ทั้งๆที่นัดคู่กรณีมาเพื่อตกลงกันว่า เขาต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้ฝ่ายคนเจ็บตามสมควร แต่ก็ไม่สำเร็จ

2. บันทึกประจำวันนี้ ไม่ชอบมาพากลหรือไม่

3. ควรเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน(วันแรกที่ยังไม่รู้ว่าใครผิด เพราะตกใจกับเหตุการณ์ เลยมาที่คนเจ็บก่อน มีคู่กรณีมาเยี่ยม และให้เงินไว้จำนวน 2000 บาท)หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับเพิ่มอีกเลย

4. ขั้นตอนในการเรียก..ควรทำอย่างไรบ้าง เพราะญาติคนเจ็บ ไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมาย ไม่มีประสบการณ์ อาจเสียเปรียบคู่กรณีได้

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน มีความสุข ขอให้ได้รับผลบุญกุศลที่ได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยเถิด ขอบพระคุณอย่างสูง

 

ขอคำชี้แนะหน่อยนะทุกท่าน ประเดี๋ยวจะไป สน.ตำรวจ แล้ว แต่ยังขาดข้อมูลอยู่เลย พูดก็ไม่เก่งซะด้วย แต่อยากได้ความรู้สักนิดนึง..

 

ความเห็น

..ผม ก็ ไม่รู้เรื่องระเบียบ ในการรับแจ้งความนะครับ แต่ อยากแนะนำให้ เข้าพบ กับ นายตำรวจระดับที่สูงขึ้นไป ที่ สน หรือ สภ ที่ท่านไปติดต่อ น่าจะมีสักหลายท่าน ที่ให้คำแนะนำ ที่เป็นประโยชน์ได้...ขอให้ โชคดีครับ...

 

ขอบคุณมากนะท่าน <TABLE class=tborder id=post5447820 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5447820", true); </SCRIPT>


แต่ไม่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลย..คนจนๆน่ะท่าน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

................... ผมก็ไม่เก่งเรื่องพวกนี้นะครับ แต่ บังเอิญเคยดูรายการนึงนานมาแล้ว........ เขาบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รถที่อยู่ ซ้ายสุดจะถูกเสมอ....ยืนยันตรงนี้ไว้ก่อนครับ...({)

 

...ไม่รู้จักเลย ก็ ไม่เป็นไรครับ ตำรวจเป็นมิตร กับประชาชน และ ยินดีให้คำำปรึกษาดีๆ อยู่แล้ว เข้าไป ถามและ ขอคำแนะนำได้ ครับ...

 

รถเล็กถูกครับ ไม่ว่าจะมาทางไหน ในเรื่องของคดีควรปรึกษาทนายครับ ที่โรงพัก ก็มีทนายนะครับ ลองปรึกษาดูนะ จากที่อ่านคู่กรณีก็มาเยี่ยม เรื่องนี้น่าจะคุยกันได้นะ

 

ก็เดินเข้าไปธรรมดานี่แหล่ะครับ ทีแรกไปถามตำรวจประชาสัมพันธ์ก่อน (เรียกว่าอะไรไม่แน่ใจ) เขาก็จะประสานงานตามให้เอง ควรเตรียมหลักฐานให้ครบถ้วน แต่งตัวให้เรียบร้อย ให้เกียรติสถานที่เขาหน่อย แค่นั้นเอง ตำรวจก็เป็นคนเหมือนเรานี่แหล่ะ พูดกับเขาดีๆเขาก็ช่วยทั้งนั้นครับ

 

อย่าปล่อยเรื่องนี้นะต้องเอาให้ถึงที่สุด ตื้อมันเข้าไป เราต้องแต่งตัวดี ทำเหมือนรู้มาก อย่าทำเป็นตาสี เพราะเหตุการณ์ แบบนี้แสดงว่าคู่กรณี ยัดเงินตำรวจ ขู่มันเข้าไปเยอะ ว่าจะฟ้อง
จะหาทนายนั้นนู่นนี่ ตำรวจมันก็กลัวเป็น แล้วควรทำให้เรื่องถึงศาลให้ได้ อย่าให้จบที่ตำรวจ มันนัดไกล่เกลี่ยกัน เราก็ไม่ควรจบนะ มันต้องเล่นแบบนี้


แต่ถ้าหากในเหตุการณ์คู่กรณี หยุดแล้วลงมาดู ก็ควรให้อภัย

 

ถ้าจบเร็ว ๆ และ คนเจ็บหายดี ไม่มีผลต่อเนื่อง

1. ค่าใช้จ่ายที่รักษาตัวส่วนหนึ่ง เบิกกับ พรบ. อย่าลืมนะครับ
2. ทำการตกลงกับ คนชน รับเงิน และ ยอมความ 100,000 ถึง 200,000 บาท + ค่าซ่อมรถด้วย ก็ได้
อย่างนี้ ดีทั้งสอง ฝ่าย ทำตอนที่ยังไม่เป็นคดีความจะจบได้ง่าย

ถ้าอยากยืดเยื้อ ก็ ต้องฟ้อง ทั้งแพ่งและอาญา ปกติ ตำรวจจะต้องอายัดของกลาง รถที่ชนก็ต้องมาเก็บไว้ที่สถานี ถ้า ไม่เก็บ ตำรวจก็ทำผิด ถ้าเค้าไปซ่อม เค้าก็ผิดอีก ถ้าเข้าไม่แจ้งความว่ารถชน เค้า ก็ผิดอีก จริง ๆ แล้ว คนขับ อาจมีบางสิ่งที่ปิดบัง ก็เลย ไม่มาจัดการเรื่องกับตำรวจ เอาเป็นว่า ถ้าฟ้อง ก็คงได้เงิน แต่ อย่าคิดว่า รถเล็กถูกเสมอ ควร มีหลักฐาน จุดที่ชน ถ่ายรูปไว้ โดยเฉพาะ แนวการเบรกของล้อ ต้องถ่าย เขียนรูปให้ชัด

ผมว่ากรณีที่คุณถูก และ มีการแจ้งความไว้ก่อนแล้ว ฟ้องแพ่ง และ อาญา เลยครับ แต่ต้องเก็บหลักฐานภาพถ่ายไว้ให้ชัด รวมถึงภาพที่รถชน ถ้าเค้าไปซ่อม รีบถ่ายรูป ไว้เลยครับ

จริง ๆ ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ๆ ขอเป็นเงิน จบดีกว่า กรณี แบบนี้ ส่วนใหญ่ จะยุให้ฟ้อง จะได้เงิน มากๆ แต่ ความลำบากอยู่ที่ตัวคนเจ็บรับได้แค่ไหน ครับ

ขอให้โชคดี

 

เพิ่งกลับมาจาก สน.เมื่อตะกี้นี้ ก็ขอเล่าว่า..

เข้าไปหาตำรวจเจ้าของเรื่องทันที ก็ระลึกเสมอว่าตำรวจเป็นมิตร กับประชาชน และ ยินดีให้คำำปรึกษาดีๆ อยู่แล้ว เข้าไปถามและ ขอคำแนะนำ คุยกันตามความเป็นจริง ด้วยเหตุด้วยผล ตามคำแนะนำของท่าน<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end -->
<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5448067", true); </SCRIPT>
ก็เดินเข้าไปธรรมดา เตรียมหลักฐานให้ครบถ้วน แต่งตัวให้เรียบร้อย ให้เกียรติสถานที่ ตำรวจก็เป็นคนเหมือนเรา พูดกับเขาดีๆ ตามคำแนะนำของท่าน<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pasit_ok<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5448612", true); </SCRIPT>


ยืนยัน รถที่อยู่ ซ้ายสุดจะถูกเสมอ ตามที่ท่าน
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->paetrix<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5448065", true); </SCRIPT> แนะนำไว้

และรถเล็ก ถูกเสมอ ไม่ว่าจะมาทางไหน ตามคำแนะนำของท่าน
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->chansinghvasin<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5448194", true); </SCRIPT>

โดยตำรวจถามทางคนเจ็บก่อน ว่าเป็นยังไง คนเจ็บเอง อาการก็ยังไม่คงที่ ยังมึนๆเวียนศีรษะอยู่ เค้าจำได้เพียงว่า เค้าขับมาทางซ้ายตรงตลอด รู้อีกที ตอนโดนชนแล้ว ไม่รู้ว่ารถยนต์ที่ชนมาจากทางไหน ตำรวจก็หัวเราะนิดหน่อย พูดแต่ว่ารู้เท่านั้นได้ยังไง แสดงว่าเราไม่ดูรถไม่ระวังรถเลย คนเจ็บก็นิ่ง
ตำรวจหันไปถามคู่กรณีโดยมีตัวแทนจากประกันมาช่วย เค้าบอกว่า เค้าขับมาตรงๆ ไม่มีอะไรเลย อยู่ๆก็เห็นรถจักรยานยนต์ ขับมาด้วยความเร็ว แซงมาทางซ้าย แต่ไม่พ้น เลยมาเฉี่ยวชนกับรถของเค้า แล้วประกันก็หันมาถามคนเจ็บว่าบิดมาเท่าไหร่

ตรงนี้ ฟังแล้ว พิจารณาว่า เค้าพยามทำให้ตัวเองพ้นผิด เราเลยโต้แย้งไปว่า หากขับรถตรงไปข้างหน้าจริง ไม่มีทางชนกัน และรอยรถยนต์ หัวรถมีการบิดเข้ามาทางซ้ายนิดนึงด้วย
แต่เค้าอ้างว่า เพราะเด็กขับไปซ้ายทีขวาที ทำให้เค้าขับไม่ตรง

ตำรวจจึงสรุปว่า ทั้ง2ฝ่ายให้การไม่ตรงกัน ต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ ทางเราจึงแนะนำพยาน ตำรวจก็อนุญาต มีคำถามจากประกันของคู่กรณีว่า ใช่ญาติตัวเองหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ใช่ ให้ตำรวจพิจารณาเอง แต่แล้วเมื่อไปรับพยานมา พยานก็ไม่กล้ามาเปิดเผยตัวเอง บอกแต่เพียงว่า ให้ตำรวจไปที่บ้านเขาเอง
ฝ่ายคู่กรณีได้ยิน ก็หัวเราะหน่อยๆ
ตำรวจก็พูดขึ้นว่า จะไปหาพยานกันทุกบ้าน ตำรวจไม่ว่างขนาดนั้นหรอก..

สุดท้าย ตำรวจก็ตกลงกับทั้ง2ฝ่ายว่า ให้เด็กรักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่

 

ไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ๆ..เพื่อความยุติธรรม
วันนี้แต่งตัวดี วางมาดดีๆ..มีความรู้มาก (แต่ในใจก็ลุ้นตัวเองอยู่เหมือนกัน) ตามที่ท่านแนะนำ

ยอมรับว่า วันแรกที่เกิดเหตุนึกว่าหลานมันผิดด้วยซ้ำ แต่พอฟังผู้เห็นเหตุการณ์
แล้วมันไม่ผิด แถมเค้าก็สงสารมันทั้งนั้น เพราะมันมาปกติ ตรงชิดซ้าย แต่รถยนต์มาเลี้ยวปาดหน้า พอมันชนเสร็จ ตัวมันกระเด็น หัวไปครูดกับฟุตบาต นอนชักตาเหลือกเลย จึงยอมไม่ได้เด็ดขาด
ขอบคุณท่านอีกครั้ง

 

108man;5448958ถ้าจบเร็ว ๆ และ คนเจ็บหายดี ไม่มีผลต่อเนื่อง

1. ค่าใช้จ่ายที่รักษาตัวส่วนหนึ่ง เบิกกับ พรบ. อย่าลืมนะครับ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ได้ใช้สิทธิ พรบ. รถคนเจ็บเอง วงเงินไม่เกิน15000 แล้ว
2. ทำการตกลงกับ คนชน รับเงิน และ ยอมความ 100,000 ถึง 200,000 บาท + ค่าซ่อมรถด้วย ก็ได้ ขอเล่าว่า วันนี้เมื่อตำรวจสรุปให้ทั้ง2ฝ่ายมาคุยกันใหม่ เมื่อคนเจ็บหายดีแล้ว ก็ออกมาจากห้อง แล้วฝ่ายคู่กรณี ก็เข้ามาประชิดตัวฝ่ายคนเจ็บเลย บอกว่า สงสารเด็ก ให้เด็กรักษาตัวให้หายดีก่อน ส่วนรถ
เค้าจะเสียค่าซ่อมให้ ไม่เป็นไรเราใจกว้างอยู่แล้ว มาตกลงกันด้วยดีดีกว่า
อย่างนี้ ดีทั้งสอง ฝ่าย ทำตอนที่ยังไม่เป็นคดีความจะจบได้ง่าย จริงๆก็อยากจบง่ายๆ ไม่อยากยืดเยื้อ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเรียกเงินเท่าไหร่ ตามที่ท่านบอก ดูแล้ว 100,000-200,000 น่าจะได้ยาก หลักหมื่นจะได้ไหม ยังไม่รู้เลย

ถ้าอยากยืดเยื้อ ก็ ต้องฟ้อง ทั้งแพ่งและอาญา ปกติ ตำรวจจะต้องอายัดของกลาง รถที่ชนก็ต้องมาเก็บไว้ที่สถานี ถ้า ไม่เก็บ ตำรวจก็ทำผิด ถ้าเค้าไปซ่อม เค้าก็ผิดอีก ถ้าเข้าไม่แจ้งความว่ารถชน เค้า ก็ผิดอีก จริง ๆ แล้ว คนขับ อาจมีบางสิ่งที่ปิดบัง ก็เลย ไม่มาจัดการเรื่องกับตำรวจ เอาเป็นว่า ถ้าฟ้อง ก็คงได้เงิน แต่ อย่าคิดว่า รถเล็กถูกเสมอ ควร มีหลักฐาน จุดที่ชน ถ่ายรูปไว้ โดยเฉพาะ แนวการเบรกของล้อ ต้องถ่าย เขียนรูปให้ชัด ตำรวจไปถ่ายรูป ทำบันทึกไว้ หลักฐาน ตั้งแต่วันแรกเลย

ผมว่ากรณีที่คุณถูก และ มีการแจ้งความไว้ก่อนแล้ว ฟ้องแพ่ง และ อาญา เลยครับ แต่ต้องเก็บหลักฐานภาพถ่ายไว้ให้ชัด รวมถึงภาพที่รถชน ถ้าเค้าไปซ่อม รีบถ่ายรูป ไว้เลยครับ อยู่ที่ตำรวจทั้งหมด ตอนเกิดเหตุ ญาติไม่ได้ไปที่เกิดเหตู เพราะรู้ตอนคนเจ็บมาโรงบาลแล้ว

จริง ๆ ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ๆ ขอเป็นเงิน จบดีกว่า กรณี แบบนี้ ส่วนใหญ่ จะยุให้ฟ้อง จะได้เงิน มากๆ แต่ ความลำบากอยู่ที่ตัวคนเจ็บรับได้แค่ไหน ครับ
อยากให้จบโดยดี ไม่ยือเยื้อ ไม่อยากได้เงินมากอะไร แต่ขอให้ยุติธรรม ตามสมควร แต่ตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกเท่าไหร่ดี

ขอให้โชคดี ขอบคุณท่านมาก

 

ความเดิม:

โดยตำรวจถามทางคนเจ็บก่อน ว่าเป็นยังไง คนเจ็บเอง อาการก็ยังไม่คงที่ ยังมึนๆเวียนศีรษะอยู่ เค้าจำได้เพียงว่า เค้าขับมาทางซ้ายตรงตลอด รู้อีกที ตอนโดนชนแล้ว ไม่รู้ว่ารถยนต์ที่ชนมาจากทางไหน ตำรวจก็หัวเราะนิดหน่อย พูดแต่ว่ารู้เท่านั้นได้ยังไง แสดงว่าเราไม่ดูรถไม่ระวังรถเลย คนเจ็บก็นิ่ง
ตำรวจหันไปถามคู่กรณีโดยมีตัวแทนจากประกันมาช่วย เค้าบอกว่า เค้าขับมาตรงๆ ไม่มีอะไรเลย อยู่ๆก็เห็นรถจักรยานยนต์ ขับมาด้วยความเร็ว แซงมาทางซ้าย แต่ไม่พ้น เลยมาเฉี่ยวชนกับรถของเค้า แล้วประกันก็หันมาถามคนเจ็บว่าบิดมาเท่าไหร่

ความเห็น

ว่ากันตาม กฎหมาย ของ สหรัฐอเมริกา เพราะ ผม ไม่ได้ เรียน กฎหมายไทย...จึงขอแสดงความคิดเห็นแบบอเมริกันนะครับ บอกก่อนว่า.. อาจจะใช้ กับ เมืองไทย ไม่ได้ เพราะ หลักนิยม และ ตรรกะ อาจจะไม่เหมือนกัน...

๑. หาก รถจักรยานยนต์ขับมาทางซ้ายตรงๆ และ ถูกชนโดยรถยนต์ ตามคำให้การของหลานชาย เป็นจริง เราจะ สังเกตรอยแผลที่ชนได้ครับ ซึ่ง ด้านท้ายทางขวา ของจักรยาน น่าจะมี ร่องรอยที่ถูกเฉี่ยวชนซึ่งสังเกตเห็นได้

๒. หาก เป็นไปตามคำให้การของ คู่กรณี ซึ่งเป็นรถยนต์ ว่า จักรยานยนต์ ไปชนเขาเพราะ แซงซ้ายแล้ว ไม่พ้น จะ ต้องมี ร่องรอยการเฉี่ยวชน ที่ ด้านข้างซ้าย ของรถยนต์ โดยรถจักรยานยนต์

๓. จากคำให้การของรถยนต์คู่กรณี แสดงว่า คู่กรณี มองเห็น รถจักรยานมาโดย ตลอดว่า แซงมาทางซ้ายแต่ ไม่พ้น แต่ ทางฝ่ายรถยนต์คู่กรณี ไม่ทำอะไรเลย เพื่อเป็นการระงับอุบัติเหตู ถือว่า เป็นการกระทำที่เจตนาละเลยเพิกเฉย(ยิ่งกว่าประมาท) ซึ่งเข้าข่ายฐานความผิดทางอาญา ครับ กรณีนี้หาก เป็นที่ สหรัฐอเมริกา ตำรวจ ไม่กล้าทำสำนวนให้การแบบนี้หรอกครับ เพราะจะ ตกม้าตายทันที...และ อาจต้องตกเป็นจำเลยร่วม...ในฐานความผิดเดียวกัน...

..กรณีแซงทางซ้าย แม้ว่า จะ เป็นกระทำ ผิด พรบ.จราจร แต่ ฐานความผิด ไปอยู่ที่การฝ่าฝืน ยังไม่เข้าข่ายอาญาซี่ง หมายถึง เจตนา และ ไม่เจตนา ทำร้ายร่างกาย ผู้อื่น...

..พินิจแล้ว...ผมเชื่อในคำให้การของหลานชายคุณ เพราะ แกไม่ทราบว่า ถูกชนอย่างไร เพราะ...คนเราหาก ทราบว่า จะ ถูกชนอย่างไร แล้ว ไม่ป้องกันแก้ไขเพื่อให้ ตนเองให้ พ้นจากการถูกชน ก็ แปลกมากแล้ว...

..หวังว่า .. คงเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มาก ก็ น้อยครับ หาก ไม่เป็นประโยชน์ เลย ก็ ต้องทำใจ...เพราะ ที่นี่ เมืองไทย ไม่ใช่ สหรัฐอเมริกา...ผมเอง คงหมดปัญญา เหมือนกัน...

...ลืมบอกไป...ในชั้นเรียนของผม ... ที่สหรัฐอเมริกา.. มีตำรวจอเมริกัน เรียนอยู่ด้วย เกือบ ครึ่งหนึ่ง...หึ..หึ...

 

..ขอต่อ อีกนิดหนึ่งครับ ...ทีนี้ ขอออกนอกเรื่องนิดหน่อย...ไปโน่นเลย...คดีแบบนี้ ตำรวจที่สหรัฐ ไม่ทำคดีแพ่ง เพราะกฎหมายกำหนดให้ บริษัทประกันภัยเป็นผู้ดูแล.. แม้ว่า บางกรณี จะ มี ผู้เสียชีวิตก็ ตาม หมายความว่า คดี รถชนกัน ในเบื้องต้นถือเป็น คดีแพ่ง...ถ้ามีข้อพิพาท บริษัทประกันทั้งสองฝ่าย จะ ตั้งทนายความ ดำเนินเรื่อง สู่ ศาล หากตกลงกันไม่ได้ ซึ่ง ในกรณี ทั่วๆไป ได้แก่ ศาลแพ่งตัดสินคดีเล็กๆ(Small Claim Curt) โดยผู้พิพากษาคนเดียว ไม่ต้องตั้งคณะลูกขุน ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ มีหน้าที่รายงาน และ เป็นพยาน โดยกฎหมาย เห็นเหตุการณ์ แล้ว ไม่เป็น พยาน จับได้จะ มีความผิด ฐานเดียวกับ ผู้กระทำผิด...คดึความส่วนใหญ่จึงจบเร็ว เมื่อ เรื่องไปถึงทนาย สำนักทนายความ มีอำนาจสั่ง ตำรวจมาให้ ปากคำได้...หากทนายความมีทีท่าไม่โปร่งใส เมื่อเรื่องไปถึง ศาล ทนายความอาจจะ ถูกถอดออกจาก วิชาชีพ...เหมือนกับ ผู้พิพากษาที่กระทำความผิด จะถูกกำหนดให้ต้องพิจารณาตัวเอง...ดังนั้นคดีเล็กๆ แบบนี้ จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงและ จบเร็ว...จบที่บริษัทประกัน กันเป็นส่วนใหญ่ โดยยึดถือ คำพิพากษาศาลฎีกา เป็นบรรทัดฐาน คือ เรื่องนำขึ้นพิจาณาคดี วันนี้ ก็ จบลงในวาระ เดียว วันเดียว..เพราะเป็นเรื่องซ้ำๆกันที่เคยมีมาแล้ว...บางเรื่อง จบลง แค่ ๕ นาทีแรก ของการพิจารณาคดี เมื่อ จำเลยไม่มา หลังจากที่ผู้พิพากษาเรียกชื่อแล้ว ๓ ครั้ง...ปรับแพ้ไปเลย...คาวบอยจริงๆ

...นี่แหล่ะ อเมริกัน เฮอริเทจ...นับสามแล้ว ไม่ชักปืนป้องกันตนเอง ก็ สมควรตาย...

... ตำรวจสหรัฐจะ ทำหน้าที่หลักๆ เพียงหน้าที่เดียวคือ ความผิด ในคดีอาญา แม้แต่ คดี หลบหนีเข้าเมือง พวกเขายังไม่ทำ...เพราะ อยู่นอกเหนือ อำนาจหน้าที่...พวกเขา เหมือน แมวไล่จับหนู ..ซึ่ง ก็ โลดโผน เหมือนภาพยนต์...

..ข้างบน เป็นเรื่อง เมื่อ ๓๐ กว่าปี ที่ผ่านมา ปัจจุบัน .. ไม่ทราบเป็นอย่างไร...และ เล่าให้ฟังเพื่อ อาจเป็นประโยชน์ สำหรับบางคน ที่ เข้ามาอ่าน โดยสรุป .. สำหรับ ผมแล้ว คิดว่า...ปัญหาของสังคมในโลก ใบนี้..ส่วนใหญ่...มาจาก ความสมบูรณ์ ของกฎหมาย...

...ขออภัยนะครับ..หากรำคาญ...พอดี ไปสกิด ต่อม ความหลังเข้า... เลย พ่นน้ำลาย ออกมามากหน่อย...ไปล่ะ

 

ตร. มั่วหรือป่าว ครับ คดีแบบนี้ ก็มีนะครับ ดูเหมือนมันแปลกๆ นะครับ ว่า รถขับตามหลัง มา แล้ว มาปาดหน้า แต่ที่ ปาดหน้า นั้น ต้องเสียค่าปรับ ครับ
มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ
(1) ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
(2) ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
(3) ในลักษณะกีดขวางการจราจร
(4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือ ทรัพย์สิน
(5) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจ แลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอ แก่ความปลอดภัย
(6) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่อง เดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ
(7) บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารถ คนป่วยหรือคนพิการ
(8) โดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น

ทางนิติเวช ว่ายังไง ครับ จริงๆ ตร. ต้องเอาหลักฐาน ทาง นิติเวช มา เช่น อาการ ถูก รถชน ทำให้รับ บาดเจ็บ แต่ที่รู้ๆ ตร. ไม่มา ก็ อย่าพึ่ง เสีย เงิน ให้ ครับ ถ้า เรื่องไม่เดินต้องขึ้น ศาล ให้ ศาล ตัดสิน ครับ

 

ผมว่า เรียกไปก่อนเลย ต้องได้หลักแสนขึ้น ครับ กรณี นี้ ประกันจะทำเป็น เหนือ และ จะพยายามให้ ไม่ให้คนชน รับผิดชอบ ง่าย ๆ อย่างนี้ ครับ คุยกับคนชน ไปเลย ประกันนะช่วยทางแพ่ง กับการจ่าย เงินเท่านั้น ที่ดึงดันนะ ไม่อยากจ่าย แต่ถ้า ฟ้องนะ ฟ้องอาญา ประกันช่วยคนชน ไม่ได้ ไม่เชื่อผมไปบอกคนชน นะ ว่า จะทำเรื่องฟ้องอาญา แล้ว ให้เค้ากลับไปคิดดี ๆ ให้เค้าต่อรอง จำนวนเงินกลับ มา ถ้าเค้าให้ต่ำกว่า แสน ก็ลองพิจารณาดูนะครับ

ถ้าบอกว่าฟ้องอาญา ผมว่า คนชนกลับไปคิด ใจเย็น ๆ ได้แน่นอน

ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เก็บไว้นะครับ ให้คนชนได้ดู เป็นระยะ แล้ว บอกเค้าว่า เราจะตรวจสมองอย่างละเอียด ๆ และ คงต้องมีค่าใช้จ่าย เยอะ ๆ (จริง ๆ ก็ควรทำ) ซึ่ง ถ้าคนชน ยื้อต่อไป ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี อาจเกิน หนึ่งแสนก็ได้

ขอโทษที่ผมช่วยมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ ไม่ต้องสนใจตำรวจกับประกัน เดินตามทางการฟ้องอาญา เลย ถ้าเราไม่ฟ้องแพ่ง ศาลท่านอาจ คิดค่าเสียหายมาให้ หรือ จะฟ้องแพ่งที่หลังก็ได้
ลองดู นะ

'การดำเนินตามแนวทางที่ผมให้ เป็นการดำเนินการเพื่อยุติคดีนอกศาล ได้แบบมาจากทนายมือประนอม ฝ่ายดำเนินการ ที่ผมรู้จัก และ เหตุเดียวกันนี้ มอเตอร์ไซ ถูกชน ตำรวจรอส้มหล่น ประกันทำมาเหนือ คนชนทำใบ้กิน ขอไปห้าหมื่น ไม่ให้ทั้งที่รวยมาก ๆ สุดท้าย พอจะฟ้องอาญา เริ่มไปทะเลาะกับประกัน ท้ายสุด จ่าย มากกว่า 150,000 ไม่มีคดี แต่ ตอนนั้นให้คนเจ็บเข้าโรงบาลอีกรอบ เพราะ ขาหักต่อไปติด คนชนก็คิดหนัก โลกของความเป็นจริงรูปแบบความถูกผิด ก็ว่าไปตามตัวบท แต่ในชีวิตจริง วิธีการอาจเป็นอีกแบบอย่างที่ผมกำลังแนะนำนี้'

 

ขอบคุณ..คุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5451195", true); </SCRIPT> ที่เล่าให้ฟัง มีความรู้มากเลย
แต่ตำรวจบ้านเรา บอกตรงๆ ว่าต้องทำใจ สำหรับเราแล้ว ไม่ผ่าน ขนาดเรารู้กฏอะไรไม่มากนัก ยังมองออกเลย ว่าไม่ชอบมาพากล..

จากที่คุณ บอกว่า ..พินิจแล้ว...ผมเชื่อในคำให้การของหลานชายคุณ เพราะ แกไม่ทราบว่า ถูกชนอย่างไร เพราะ...คนเราหาก ทราบว่า จะ ถูกชนอย่างไร แล้ว ไม่ป้องกันแก้ไขเพื่อให้ ตนเองให้ พ้นจากการถูกชน ก็ แปลกมากแล้ว...

คุณคิดได้ดีมาก..วันนั้นเราก็บอกกับตำรวจอย่างนี้ แต่ตำรวจส่ายหัวอย่างเดียว
แถมถามอยู่หลายรอบ..แต่เราก็ยังเน้นให้คนเจ็บ ตอบแบบที่รู้สึกจริงๆ ไม่รู้ก็ตอบไม่รู้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ..

และที่ยังสงสัยอยู่ไม่หาย คือ บันทึกประจำวัน เพิ่งจะได้เขียนวันที่14 ธค.54 ไม่ใช่วันที่เกิดเหตุ
สั้นๆเพียงว่า ได้รับแจ้ง มีเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถยนต์ เลขทะเบียน..เวลา วันที่ ชื่ออะไร เท่านั้นเอง

รูปที่ตำรวจให้ดู ตอนไปเจรจากัน มีอยู่แค่3-4รูป เป็นรูปรถยนต์(คู่กรณี) ดูแล้วเหมือนถอยหลังมาแล้วนิดนึง รูปรถจักยานยนต์ ซึ่งยกขึ้นมาพิงกับฟุตบาทเรียบร้อยแล้ว ของที่กระเด็นก็มากองอยู่ที่รถหมดแล้ว เหมือนโดนทำลายหลักฐาน

 

ขอบคุณมากที่แนะนำ..
ข่าวคืบหน้าจากพยาน(ขับรถจักรยานยนต์ ตามหลังมาห่างๆ อีกคัน) เค้าเล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นเป็นเวลา7 โมงเช้า รถคนเจ็บมาจากไฟเขียวเป็นคันแรก ต่อด้วยรถยนต์(คู่กรณี) และรถพยาน จากนั้น รถยนต์ก็จะเลี้ยวเข้าไปทางซ้าย(เป็นที่ทำงานคู่กรณีเอง)แต่เลี้ยวไม่พ้น ชนกับกลางรถจักยานยนต์ที่คนเจ็บขับมา เสียหลักไปที่ฟุตบาทข้างทาง

กรณีนี้ คนเจ็บไม่ผิด เค้าผิด แต่เค้าพยามทำให้พ้นผิด และไม่ได้มึนเมา เพราะเป็นเวลามาทำงาน

จากที่คุณบอกว่า
ทางนิติเวช ว่ายังไง ครับ จริงๆ ตร. ต้องเอาหลักฐาน ทาง นิติเวช มา เช่น อาการ ถูก รถชน ทำให้รับ บาดเจ็บ แต่ที่รู้ๆ ตร. ไม่มา ก็ อย่าพึ่ง เสีย เงิน ให้ ครับ ถ้า เรื่องไม่เดินต้องขึ้น ศาล ให้ ศาล ตัดสิน ครับ

อาการคนเจ็บดีขึ้น หลังจากนอนโรงพยาบาล 4คืน ไม่มีอาการทางสมอง มึนมึนศีรษะ ต้องนอนพักฟื้นที่บ้านจนกว่าจะหายดี..คู่กรณีเอง ก็จะชดใช้ค่าเสียหายให้ หลังจากที่หายดีแล้ว (คำให้การต่อหน้าตำรวจ ดูแล้วขัดกับต่อหน้าฝ่ายคนเจ็บ) เหมือนเค้าผิด แต่ไม่อยากรับผิด แต่ยอมจ่าย แต่ยังไม่แน่นอน..