สงสัยมานานแล้ว เกี่ยวกับสายพระ แล้วพระพุทธเจ้า เลือกสายไรกันแน่สงสัย

ผมสงสัยครับสงสัย ในสมัยพระพุทธเจ้า มี แบบว่า สายพระป่า พระวัดบ้าน

มีแบบนี้เปล่าครับ แล้วพระพุทธเจ้าสายอะไรกันแน่

ตัวผมถ้าจะบวชก็อยากแค่ ศึกษาธรรม ฝึกให้ทรงฌาณให้ได้ ให้ได้อภิญญา

สอนธรรม (ถ้าเก่งนะ) (ควรจะเลือกสายไหนดี) ฝึกจะชนะนิวรณ์ให้ได้

คือผมลองอ่าน สายพระป่า มันก็ดีอยู่แต่ ห้ามนอน(คือจะหลับต้องนั่งห้ามเอนตัวนอนเพราะว่าจะเพลิน) นี่ดิ (ผมไม่รู้ว่านอนท่าที่พระพุทธเจ้านอนได้เปล่า ท่าราชสีห์อ่าครับ) ถ้าห้ามนอนนี

แต่ สายพระป่าก็มีพระอรหันต์เหมือนกัน ประเสริฐยิ่งนัก

แต่ผมก็อยากลองเข้าไปในป่า อยากรู้ว่าจะน่ากลัวไหม พระพุทธเจ้า เข้าป่า เจอช้าง เจอลิง ถวายสิ่งของให้ ผมอยากรู้ว่า ผมจะเจอช้างเจอลิง บ้างรึเปล่า

จะได้ เป็นเพื่อนกัน สมมุติ เจอ เปตร เจอยักษ์ รากษย์ไรพวกนี้ ถ้าแผ่เมตตาให้พวกนั้นแล้ว เค้าจะรู้สึกยังไง จะมาช่วยเรา ทีหลังรึเปล่า ตอบแทนพระคุณกราบขอบคุณ หรือ ว่าอกตัญญู แล้วหนีไป

ถ้าได้เจอ พรหม เทวดา ผมอาจจะผูกมิตร กับเค้าก็ได้

 

ถ้าคุณอยากฝึกได้ฌาน หรือศึกษาธรรมให้มาก หนังสือหรือเวปไซด์ที่คุณดูอยู่มีความรู้ให้คุณเต็มเปี่ยมครับ
ส่วนสายที่คุณไปยึดไปแบ่งนั้น ขอให้เราดูปฎิปทาพระบรูพาจารย์ ถ้าคุณศรัทราว่านั่นใช่ คุณจะไม่ลังเลเลย แต่เรื่องของเรื่องคือคุณยังไปไม่ได้ เพราะเอากิเลสเข้าป่าไปมันจะเอาตัวไม่รอดนะครับ

 

พระพุทธเจ้าสายกลางครับ ^^

ลองศึกษาพุทธประวัติดูนะครับ จะเห็นว่า ท่านประทับอยู่ในป่าบ้าง และก็ไปโปรดสั่งสอนมนุษย์ทั่วไปตามเมืองมั้งสั่งสอนเทวดามั้ง ประทับอยู่ในวัดเวฬุวันบ้าง(พระเจ้าพิมพิสารสร้างถวาย)

ประเภทของภิกษุผู้อยู่ป่า
ในอังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต พระพุทธเจ้าทรงระบุภิกษุผู้อยู่ป่าไว้ ๕ ประเภท คือ
๑. อยู่ป่าเพราะความโง่ ความหลง
๒. อยู่ป่าเพราะเป็นผู้ปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาครอบงำ
๓. อยู่ป่าเพราะจิตฟุ้งซ่านจนหลงใหล
๔. อยู่ป่าเพราะคิดว่าพระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้าสรรเสริญ
๕. อยู่ป่าเพราะมุ่งความปรารถนาน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลากิเลส ความสงัด ความต้องการเช่นนั้น
ในบรรดาภิกษุผู้อยู่ป่า ๕ ประเภทนั้น ภิกษุผู้อยู่ป่าประเภทที่ ๕ เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เด่น สูงสุด

รายละเอียดอีก อ่านเอาเอง เกี่ยวกับการอยู่ป่า

 

โอเคครับ มีสายพระวัดป่า พระวัดบ้าน มันน่าจะมีสายทดลอง ผมจะได้ทดลองคําสั่งสองของพระพุทธเจ้า

 

ผมส่ง pm ไปให้แล้วนะครับ
เผื่อจะสนใจ

ขอยืนยันว่า บุคคลที่มีแนวทางเหมือนคุณนั้น
มีอยู่
เยอะด้วย

ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางไปตามใครก็ได้นะครับ แนวทางของคุณไม่ผิด
และบรรลุมรรคผลได้จริง
เป็นแนวทางการปฏิบัติแบบเตวิชโช ฉฬภิญโญ หรือปฏิสัมภิทัปปัตโต

พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ 4 อัชฌาศัย บรรลุมรรคผลได้เสมอกันหมด
ไม่จำเป็นต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นสุกขวิปัสสโกเหมือนคนหมู่มากก็ได้ครับ

และพระที่สอนทั้ง 4 อัชฌาศัยดังกล่าวนี้ครบ ก็มีอยู่เช่นกัน

 

สายศิลป์ครับ
หรือจะเอาสายวิทย์
เลือกศิลป์ภาษาก็เท่ดีนะครับ
สายตัวเองดีที่สุดครับ
ในเกสะปุตตะสูตรบ่งบอกไว้ชัดเจน

 

สายไหนก็ได้แต่ต้องเป็นสายที่มีจุดหมายเพื่อละกิเลส ทั้งหมดคือสายของพระศาสดาครับ

 

สายกลาง

 

เปรียบดังสายน้ำครับทุกสายก็ไหลไปพบกันที่ทะเลไม่วาจะคดเคี้ยวหรือตรงสุดท้ายก็ไหลลงสู่ทะเลอยู่ที่ว่าเราจะเลือกไปแบบตรงๆหรือ้อมไป

 

โมทนาครับท่าน...ตามนั้นเลย...

 

จากกิ่งก้านสาขา คือรากอันเดียวกันทั้งนั้นล่ะ

แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงการผลิใบกิ่งก้าน ก็รู้ได้ว่า ใบนั้นมาจากสายไหนๆ

ลองหากไปกระทบกิ่งก้านสาขานั้นสิ ที่ว่ารากอันเดียว การแสดงออกถึงสายใดๆ จะเบ่งบานขึ้นมาทันที

นั่นเพราะฝังรากลงไปกับลำต้นกิ่งก้านสาขา ที่ว่ารากอันเดียวกัน

จะว่าไปแล้วก็เพราะเห็น กิ่งก้านสาขาหรือลำต้น นั้นมีน้ำเลี้ยง

วิถีของการได้เข้ามา ไม่ต่างจากไม้เลื้อย ที่รักลำต้นกิ่งก้านสาขา

เพราะได้ซึมซับน้ำเลี้ยง ที่มาจากรากอันเดียวกัน

แต่ทว่า หากเป็นการซ้อนต่อการซึมซับ ที่ว่ารากอันเดียวกันนั้น ก็ไม่ต่างจาก รากซ้อนรากของตัวตน

 

เห้ย !!! นั่น ธรรมะ หรือ ว่า กาฝาก

กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ หละ นั่น

ไม่เอา ของพระป่า มากล่าวหละ มันส์กว่า

"ไอ้สายปฏิบัติหนะ เศษโคลน เศษตม ทั้งนั้นแหละ

แต่.....บัวก็เกิดแต่ตม นะ"

อะไรทำนองนี้ เนี่ยะ ชัดเจน ชี้ สวะ ชี้ ตม ชี้ในสาย ล้วนแต่ไม่ใช่
แต่ก็เป็นจุดกำเหนิด ที่จะปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่า จะให้โง่ หมกตัว
อยู่โคลนตม เพราะสำคัญว่าใช่อยู่

 

-มรรคผลไม่ได้อยู่ที่ พระป่า พระบ้าน หากตอนบวชอุปชาไม่ได้ให้ กรรมฐาน 5 นั้นเป็นการตัดทาง นิพพาน เพราะพระพุทธเจ้าสอน อริสัจ 4 และ มรรค 8 ซึ่งมีอยู่แล้วกับ พระป่า พระบ้าน

 

-มรรคผลไม่ได้อยู่ที่ พระป่า พระบ้าน หากตอนบวชอุปชาไม่ได้ให้ กรรมฐาน 5 นั้นเป็นการตัดทาง นิพพาน เพราะพระพุทธเจ้าสอน อริสัจ 4 และ มรรค 8 ซึ่งมีอยู่แล้วกับ พระป่า พระบ้าน