" อารมณ์นี้ เรียกว่า อะไรคะ "

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฝันนิมิต, 12 ธันวาคม 2011.

  1. roneychai

    roneychai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    เหมือนกันเลยคับ

    อยู่ๆๆ ก็บื้อ ตื้อ คิดไรไม่ออก อยากอยู่เฉยๆๆ เบื่อทุกอย่าง ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้น เบื่อกับโลก เบื่อมากๆ ไม่สนใจ สิ่งที่จะที่เกิด มันเฉยชามาก ไม่อยากจะคิดอะไรต่อไปแล้ว มันเบื่อมากๆ มันไม่รับไม่รุ้อะไรจิงๆ

    เราก็ยังรุ้อาการนี้อยู่นะ

    ผมคิดว่า สติมันไม่ต่อเนื่องอะคับ แล้วเรายึดถือในเรื่องความถูกต้องมากเกินไป ถ้าเราทำผิดหน่อย อาจจะเกิดอาการแบบนี้ ได้อีก ผิดก็ยอมรับว่าผิดบ้าง

    หรือ อีกอย่าง คุณอยู่กับสภาพเดิมๆๆมากเกินไป ก็คือ กิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมหมดทุกอย่าง ตั้งแต่เช้า-ตอนนอน เป็นเหตุ ให้เบื่อในการกระทำของเรา ที่ซ้ำซากๆ จึงทำให้สมองมันช้า เพราะเราเคยทำแบบนี้ จนชิน




    บางครั้ง เราต้องทำอะไรใหม่ๆๆบ้างเพื่อ กระตุ้นเนื้อเยื้อสมอง ให้ทุกสมอง

    อย่างเช่น คุณเคย อาบน้ำ ก่อน กินข้าว ก็ลอง มา กินข้าว ก่อน อาบน้ำ
    อย่างเคยแปรงฟัน ใช้มือข้างซ้ายจับแปรง มือ ข้างขวากดยาสีฟัน
    ลองเปลี่ยนเป็น ใช้มือข้างขวาแปรง มือซ้ายกดยาสีฟัน


    ทำแบบนี้ บ่อยๆๆ สมองจะไม่ตื้อ คับ เพราะ ส่วนเนื้อสมองที่ไม่เคยมีส่วนร่วมจะกลับมามี ส่วนร่วม คับ

    พัฒนาสมอง ฝึกสมอง ..อยากฉลาดมาอ่านกันเยอะๆ จ๊า | Yenta4 Webboard
    นี่คือ เว็บ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ก็ลองอ่านดูนะคราฟ
     
  2. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    อัยยะ....

    ขอบคุณคะ

    เหมือนเป็นโรคคนสมองเบรือ

    มาอัพเดรสอาการกัน

    เมื่อครั้งที่สงสัย "ว่าอาการแบบนี้มันคือะไร"
    เพราะบางครั้งมันเหมือนจะหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวมาก
    เช่น เมื่อเรานั่งอ่าน หรือทำงาน เสียงรอบข้าง หรือ คนรอบข้างที่เดิน
    มันกลับดูช้า และเบาลง เรารุ้ตัวทุกขณะ ปฎิบัติงาน แต่มันช้าลง
    เงียบลง บางทีตกใจ นึกว่าเป็นอะไร พอเริ่มบ่อยเข้า คราวนี้จำได้
    ว่า รุ้สึกแบบไหน ในอารมณ์ที่เกิด เริ่มทดลอง มันก็ทำได้ และออกมาได้
    ชักเริ่ม เหิมเกริม เพราะ อารมณ์นี้ ยิ่งทำยิ่งรุ้สึกดี
    จากที่กลัวว่าผิดปกติ เริ่มมั่นใจว่า มันใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
    เริ่มทำดู มันจะทำได้ดีก็ต่อเมิ่อเรารวมกำลังใจไม่ฟุ้งเท่านั้น

    ขอบคุณที่ให้ความมั่นใจคะ
    และเชื่อมั่นว่า มันดีกันตนเอง
    เพราะมันใช้ได้ดีในชีวิตประจำวัน
     
  3. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    อ่าวพี่มณีน้อย หายปายไหนนานเยย
     
  4. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    ย้ำคิด ย้ำทำป่าวครัับ

    เคยได้ยินบางคนล้างมือกลัวไม่สะอาด ล้างแล้ว ดูอีกทีก็กลัวไม่สะอาดพอ ล้างแล้วล้างอีก ถูจนแดง จนถึงกับถลอกเลย
     
  5. นำขบวน

    นำขบวน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    อาจจะมาจากพฤติกรรมจากการบริโภคของหวานมากไปก็ได้นะครับ
     
  6. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    กำลังจะเข้าสู่กายานุปัสนาสติปัฏฐานครับ
    เริ่มพิจารณากายแล้ว
    แต่ยังมองไม่เห็นความเป็นอสุภะ
    พยายามเข้านะครับ
    มาถูกทางแล้ว
    ที่มันตื้อๆเพราะจิตมันยอมแล้ว
    แต่หาอุบายมาสั่งสอนมันไม่ได้
    อาการนี้เรียกว่าปีติแผ่ซ่าน
    เอาอสุภะมาจับได้เลยครับ
    เดี๋ยวจะเข้าใจเองครับว่า กายในกายเป็นอย่างไร
    สาธุ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ก็ให้พิจารณาไปเลย ในคุณ และ โทษ ของ สภาวะธรรม บาง
    ประการ ที่เราน้อมไปได้ มีเข้า มีออก มีเข้มข้น จางคลาย

    การน้อมไป หากชำนาญ ก็นั่นแหละ การฉลาดในการเข้าสมาธิ
    ฉลาดในอารมณ์สมาธิ แล้วเข้าไปแล้วเราวางใจเสพภพนั้น โดย
    รู้ว่าวางใจเพื่อเสพ อันนี้ก็คือ ฉลาดในการอยู่ในสมาธิ แล้ว การ
    น้อมออก บางคนน้อมออกไม่ได้ ปล่อยให้คลายเอง แต่บางคนก็
    น้อมออกได้ด้วย นี่ก็แปลว่า สติ และ สัมปชัญญะ บริบูรณ์ดี

    แต่ถ้าน้อมเข้าป๊าปปปป แล้ว ปล่อยให้จิตคุ้นชินอยู่าในสภาวะ จน
    กว่าจะถอยออกมาเอง ออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ออกมาแล้วก็ไม่รู้ ไม่คล่อง
    แคล้วอะไรเลย แบบนี้ก็เรียกว่า สติสัมปชัญญะมันหายไป ตอนเข้า
    ไปในสภาวะ

    ก็ให้พิจารณา ไปแบบนี้ แล้วทำมากๆ

    พอทำมากๆ ต่อไป มันจะเข้าเอง โดยเราไม่ได้สั่ง เขาแบบไม่รู้
    กาลเทศะเลย กำลังขับรถ กำลังยืนประชุม กำลังพูดบริหารสถาน
    การ ศปภ ก็เข้าไปนิ่งๆว่างๆ กลางเวที แบบนี้ก็ให้ดูไว้ด้วย

    หากไม่เคยฝึกการ น้อมออก หรือ ฝึกการพิจารณาการอยู่ใน
    สมาธิไว้ คราวนี้ยุ่งเลย เรียกว่า โดนกิเลสหลอกให้ทำสมาธิ

    แต่ถ้าเราฝึกเอาไว้ เข้าเอง ออกเอง เราก็รู้ แล้ว เราบริหาร
    ได้ตลอด ไม่ทำให้เกิดการหยุดชะงัก แบบนี้ก็จะเรียกว่า มี
    มีปัญญาในการประกอบสมาธิ

    พอมีปัญญาประกอบสมาธิ ก็หมั่นประกอบไปอีก โดยให้ยกพิจารณา
    เห็นไตรลักษณ์ ความไม่คงทน มีเข้ามีออก เพราะมันมีออก มีเสื่อม
    ได้ จึงเรียกว่า "มันมีโทษ" ให้จิตมันเห็นตรงจุดนี้ พามันเห็นจุดนี้
    เนืองๆ จิตก็จะปล่อย "ภพ" ตัวนี้ออก โดยที่มันก็มีอยู่ เพียงแต่
    ไม่ได้ชื่นชมกับมันหวานชื่นแบบเก่า เสมือน อยู่กินกับสามี(ภรรยา)
    ที่หย่าขาดกันแล้ว ไม่มีเรื่องการหวานชื่น แต่ก็ไม่โกรธเกลียดกัน
    ถึงกับคุยกัน เดินข้างกันไม่ได้

    ดูไปแบบนี้เรื่อยๆ เนืองๆ ซึ่งมันจะกลับกลอกได้อยู่ การตามดูการ
    กลับกลอกของมัน ชื่อว่า ตามดูความไม่เที่ยง เนืองๆ ก็จะค่อย
    เกิดปัญญาญาณบางอย่าง เห็นสภาพธรรมที่เป็นหนึ่ง ปรากฏตาม
    ความสมควรแก่ธรรม
     
  8. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG].....ชัดเจนคะ
     
  9. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ฮึกเหิม ดีแท้ เพียรโว้ย
     
  10. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    สัวสดีอีกครั้งคะ

    การเข้า และ ออก สมาธิ หรือ นำมาใช้ให้ถูกสถานการณ์
    อันนี้แหละข้อสอบที่สมควรกระทำ
    ในความคิด และ สมองๆอันน้อยๆของ มณีเองนั้น
    เคยคิดว่า เราจะใช้สมาธิ ที่ฝึก
    มาใช้ประโยชน์ ในชีวิตอย่างไร
    พอได้ฝึกบาง อย่าง ตามที่พี่เลี้ยง (พี่ลิโพ) บอก
    มันก็ยิ่งชัดเจน และด้วยความ ที่ว่า
    มันเกิดจนเรานั้น
    สงสัยว่า

    " ผิดปกติมั้ยเนี๊ยะ กลัวคำว่า วิปลิส "

    เมื่อมาถึงตอนนี้ เลยเข้าใจว่า สิ่งที่ทำมา ตรงกันกับพระท่านสอน
    บวกคำยืนยันว่า ปกติดี

    ในบางครั้งที่เรานั้น ทำสมาธิ การปฎิบัติงานทุกอย่าง
    เรานั้น รู้ตัวทุกขณะ เพียงสิ่งภายนอกมัน ขาดหายไป
    เหลือเพียงสิ่งที่เรากระทำ และเป็นไปตาม ลำดับ และเรียบเรียง

    หลายครั้งมานี้ก็ลองทดสอบ
    เข้า และออก โดยกำหนดเอง
    ปรากฎว่าได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ได้เกือบทุกครั้ง
    เมื่อได้มันก็
    ไม่นานเท่าที่ควร

    การเข้าสมาธิ แบบ กำลังปฎิบัติงาน
    ต้องทำในขณะงานนั้น เพียง หนึ่งอย่าง
    และเรียบเรียง จนเสร็จ และ ถอยออกมา
    อยากการอ่านหนังสือ
    เพื่อจะทำความเข้าใจ ในสถานการณ์รอบข้าง
    ที่เสียงดังและวุ่นวาย เมื่อกำหนดถึงอารมณ์นั้น
    มันก็เหมือนเราปิดประตู
    แล้วนั่ง อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ไร้ซึ้งเสียงรบกวน
    เมื่อ เสร็จ เราก็ ถอยออกมา เสียงที่เงียบ ก็กลับดังขึ้นมาปกติ

    [​IMG]
     
  11. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547

    [​IMG]
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ม่ายได้ๆ หน๊อ

    แม้ว่า ในทางปฏิบัตินั้น เราจะทำอย่างนั้น แต่ เราไม่ควรตั้งทิฏฐิ
    หรือ วางเป้าหมายไว้แค่นั้น

    เพราะ การฝึกสมาธิ มันเป็นของดี ที่ควรนำเราไป เหนือโลก พ้นโลก
    พ้นโศก พ้นชาติ ชรา มรณะ พ้นภัย

    แต่ ลองพิจารณาความนิยมชมชื่นของเราขณะนี้สิ เราเอา การฝึกสมาธิ
    ไปรองรับของสกปรก คือ การเกลือกกลั๊วกับโลก เป็นใหญ่

    เหมือนกดหัวพยาจิตราชให้ไปรับใช้สุนัข

    ดังนั้น ให้ตัดเรื่องว่า ได้ประโยชน์ทางโลกไปให้มันนอกๆไป อย่า
    เป็น หัวข้อในการคำนึง ให้มันเป็นเรื่อง ผลพลอยได้ไป

    พอเราตัดเรื่องโลกๆ ออกไปจากตา เหมือนปัดหมอกควันที่แสบตา
    ให้จางหายไป เราจะเห็นเลย ว่า ประโยชน์ของสมาธิ มันอยู่ตรง
    ช่วงออกมากระทบโลก ตอนแรกๆ ช่วงสั้นๆ ตรงนั้นแหละ ดูให้
    เป็น ดูให้แจ่ม ตามเห็นความไม่เที่ยงให้เจอ แล้ว สมาธิจะเป็นสิ่ง
    ที่เอาไว้รองรับธรรม

    รองรับธรรมะ นะ คือ ธรรมะเหนือกว่าเสมอ ต่อให้ทำสมาธิมาดี
    แค่ไหน สมาธินั้นก็เป็นได้แค่ ภาชนะรองรับเท่านั้น อย่าได้สำคัญ
    ว่าสมาธิที่ข้าทำนี้เจ๋งเป้งใหญ่กว่าสิ่งใด

    ทิ้งธรรม ไม่รักษาธรรม ไม่รองรับธรรม ก็น่าเสียดายในความคล่อง

    ไปรับโลก มุ่งเอาแต่เรื่องโลก ยอมให้กับโลก ถ่ายเดียว ไม่มุ่ง
    ออกสถานเดียว แบบนี้ก็ คล่องแต่หาความบริสุทธิไม่เจอ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    พวก ชอบสวดมนต์ จะเป็นกันเยอะ มักฝึกใจ สวดมนต์เพื่อรับใช้โลก

    ทำให้ จิตคุ้นกับการ เอาธรรมะไปเป็นรอง เป็นเบี้ยล่างของโลก

    เรียกว่า ดึงฟ้าต่ำ

    งานกานเด้งเลยนะ ทำได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีเหนือ่ย งานบรรเจิด
    งานออกแบบ เขียนแบบ บรรเจิด จากทางศิลป เลิศ!!!

    แต่ เสียหายหมด เพราะ เอาธรรมไปรับใช้ของต่ำ
     
  14. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " รับทราบคะ "

    น้อมปฎิบัติตาม

    [​IMG]
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็เนาะ

    ถ้า มั่นใจว่าเป็นคนดี มีฝีมือ ก็ควร ลงเล่นในสนามระดับโลก
    เอาให้เหนือโลกๆเขาไปเลย

    อย่าตั้งเป้า ความสำเร็จแค่ งานวัดออกร้าน


    เป็น นายขมังธนู ก็เล็งเป้าที่พระนิพพานไปเลย อย่าฝึกยิงแค่ตุ๊กตาลูกหมี[​IMG]
     
  16. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ว่าแต่ว่า ถามอะไร แม่มณีน้อย หน่อยสิ

    ว่า คุณของพระนิพพาน มีอะไรบ้างอะ ?

    [ อนุญาติให้จำใจก๊อปปี้มาตอบ หรือ ถามเอาจากส้มฉุนก็ได้ ]

    ช่วยตอบหน่อยนะ เพื่อความร่าเริงทางธรรมของคงแก่ เนาะ
     
  18. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ฝึกสมาธิแบบใด ผลมันก็จะได้แบบนั้น......ในภายหลัง

    เลือกฝึกให้เหมาะกับจริตของตัวเอง .....หลังจากฝึกแล้ว จิตมีความสุข สงบ แจ่มใส

    นั่นแหละ ทางที่ถูกเฉพาะตัว...............ของคุณ
     
  19. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547

    สวัสดีคะ

    มณีเองไม่ค่อยได้อ่านศึกษาเท่าไร
    แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดของมณี เข้าใจอย่างนี้คะ
    มณีเข้าในนิพพานได้ 2 อย่างคือ

    นิพพานบนดิน และนิพพานดับสูญ

    นิพพานบนดิน ได้จาก การละ หรือเบาอันเนื่องมาจากกิเลศทั้งหมด
    บนดินคือ สภาวะบนโลกๆของเรา เพราะเราเองยังเป็นคนเดินดินธรรมดา
    ยังต้องใช้ปัจจัยสี ตามที่พระสอนว่า "ให้เข้าอารมณ์นิพพาน"
    อารมณ์ นิพพาน มาจากเบาบางกิเลศ ไม่ใช่ อารมณ์ปิติ ทีได้มาจากสมาธิ
    นิพพานบนดิน จึงได้มาจาก การฝึก ละ ซึง กิเลศ ไม่ได้บังคับขุ่เข็น แต่ยอมรับสภาพที่เกิด
    ด้วยใจ รุ้ เป็น สิ่งที่ต้อง มี ต้องเป็น อันนี้ถ้าเราทำได้ นิพพานบนดินเราก็ย่อมมี
    ความ สุข สบาย ที่ใจ ไม่ยึด ไม่ติด ยอมรับ สภาพ ที่เห็น ที่เป็น คะ

    ส่วนนิพพานดับสูญ
    อันนี้ไม่เคย แต่ได้ยินมาว่า นิพพานแบบนี้ พระท่านที่ปฎิบัติถึงแล้ว
    ทำนิพพานบนดินจนชำนาญ ท่านก็เข้านิพพานดับสูญ ได้

    คือยังไม่เข้าใจอะไรอีกเยอะแยะเลยคะ
    ขอความกรุณา แนะนำสังสอนด้วยนะคะ

    (-/\-)
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ก็ค่อยๆ หา ค่อยๆ พิจารณาไป ไม่ต้องรีบร้อน

    อันที่ยกมานี่ สงสัยว่าจะเป็นเรื่อง ชนิดของนิพพาน นี่ก็ว่ากันไป
    หามาได้ ก็แปลว่า ไม่ส้มฉุน ก็ อากู๋ ท่านช่วย ไม่ว่ากัน

    แหม แต่มันยังไม่ตรงคำถามหนะ

    ช่วยหาอีกทีเนาะ เอาที่เป็นเรื่อง คุณของพระนิพพาน
    ประโยชน์ที่จะได้รับจากพระนิพพาน ว่ามีอะไรบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...