ใครกราบไหว้พระพุทธรูปเรียนเชิญ...ครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 15 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมเข้าใจครับ ผมก็ขอโทษท่านด้วยครับ ผมตัดสินใจไปแล้วครับ
     
  2. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    บุญกุศลและคุณธรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ด้วยอำนาจบารมีนี้
    ขอจงปกป้องคุณอุรุเวลาจากการหลงผิดครั้งนี้ด้วยเถิด สา...ธุ
     
  3. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ไม่กราบพระพุทธรูปแล้วกราบพระเจดีย์หรือไม่ครับ
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เพราะผมผู้ไม่มีสติ ไม่รักษาตน ทุกข์เกิดแล้ว อดีตเกิดแล้ว กรรมเกิดแล้ว ผมขอให้ท่านอภัยในความโง่เขลาของผมด้วย ผมเข้าใจเจตนาท่าน ขอให้ท่านสำเร็จในเจตนา ขอให้บุญกุศลทั้งหลายจงคุ้มครองรักษาป้องกันท่าน ขอให้ท่านถึงซึ่งความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๕๐] ครั้งนั้นแล เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปแล้วไม่นาน แม่โคลูกอ่อนขวิด
    พาหิยทารุจีริยะให้ล้มลงปลงเสียจากชีวิต ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จเที่ยวบิณฑบาตในพระนคร
    สาวัตถีเสด็จกลับจากบิณฑบาตในเวลาปัจฉาภัต เสด็จออกจากพระนครพร้อมกับภิกษุเป็นอันมาก
    ได้ทอดพระเนตรเห็นพาหิยทารุจีริยะทำกาละแล้ว จึงตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงช่วยกันจับสรีระของพาหิยทารุจีริยะยกขึ้นสู่เตียงแล้ว จงนำไปเผาเสีย แล้วจงทำ
    สถูปไว้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย พาหิยทารุจีริยะประพฤติธรรมอันประเสริฐเสมอกับท่านทั้งหลาย
    ทำกาละแล้ว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว ช่วยกันยกสรีระของพระพาหิยทารุจีริยะ
    ขึ้นสู่เตียง แล้วนำไปเผา และทำสถูปไว้แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้นั่งอยู่
    ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สรีระของพาหิย
    ทารุจีริยะข้าพระองค์ทั้งหลายเผาแล้ว และสถูปของพาหิยทารุจีริยะนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายทำไว้
    แล้วคติของพาหิยทารุจีริยะนั้นเป็นอย่างไร ภพเบื้องหน้าของเขาเป็นอย่างไร ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พาหิยทารุจีริยะเป็นบัณฑิตปฏิบัติธรรมสมควร
    แก่ธรรม ทั้งไม่ทำเราให้ลำบาก เพราะเหตุแห่งการแสดงธรรมดูกรภิกษุทั้งหลาย พาหิยทารุจีริยะ
    ปรินิพพานแล้ว ฯ

    กราบครับ พระพุทธเจ้าอนุญาตให้สร้างเจดีย์และสถูปแก่พระอรหันต์ครับ
     
  6. bhodhithas

    bhodhithas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +591
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมมีเจตนาสองเจตนา เจตนาหนึ่งผมทำเสร็จแล้ว เจตนาหนึ่งยังไม่สำเร็จ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๑๒๘] ดูกรท่านผู้มีอายุ จะพึงมีอยู่หรือ ปริยายแม้อย่างอื่น ... ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
    พึงมี ท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา
    และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ ...
    มาสู่พระสัทธรรมนี้ ก็อวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
    ดับอวิชชา เป็นไฉน? ความไม่รู้ในทุกข์ ในเหตุเกิดแห่งทุกข์ ในความดับทุกข์ ในปฏิปทาที่จะให้ถึง
    ความดับทุกข์ อันนี้เรียกว่าอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะเป็นเหตุให้เกิด
    ความดับอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะดับ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือความเห็นชอบ
    ความตั้งใจชอบ ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวก
    รู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา ทางที่จะให้ถึงความดับอวิชชาอย่างนี้ๆ เมื่อ
    นั้น ท่านละราคานุสัย ... แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนิน
    ไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.

    [๒๕๕] สังขารเกิดเพราะอวิชาเป็นปัจจัย
    วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
    นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
    สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
    ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
    เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
    ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
    อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
    ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
    ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
    ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    [๒๕๖] ในปัจจยาการเหล่านั้น อวิชชา เป็นไฉน
    ความไม่รู้ทุกข์ ความไม่รู้ทุกขสมุทัย ความไม่รู้ทุกขนิโรธ ความไม่รู้ทุกขนิโรธคามินี
    ปฏิปทา นี้เรียกว่า อวิชชา


    หนทาง...สู่วิมุติ คือ...ดับไม่เหลือซึ่งอวิชชา อวิชชาดับวิชาเกิด
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมเอาความคิดของท่าน bhodhithas และหลายท่านที่แนะนำไปคิด เพื่อไม่เป็นการสร้างอกุศลกับท่านที่บูชาพระพุทธรูป ผมจะเอาพระพุทธรูปไปแจกหรือบริจาคกับที่ ๆ เหมาะสมต่อไป ส่วนพระกริ่งวัดสุทัศน์องค์ที่หนึ่ง ผมจะรอผู้มีศีลห้าไม่ขาดไม่ทะลุ
     
  10. bhodhithas

    bhodhithas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +591
    ขออนุโมทนากับความคิดใหม่นี้ด้วย

    - เจตนาแรก คือการสละออกซึ่งสมบัติอันเคยเป็นที่หวงแหน หลุดขาดจากความยึดเกาะแล้ว ละได้แล้ว ..ยินดีด้วย

    - เจตนาที่สอง คือการหาผู้รับมอบที่เหมาะสม
    ถ้าแม้จิตหลุดขาดจากความยึดเกาะแล้ว ใยต้องห่วงกังวลกับความมีหรือความไม่มีอยู่ของสัญญลักษณ์นั้นอยู่อีกเล่า เพราะถ้าจิตได้หลุดขาดหมดสิ้นเชื้อเยื่อใยแล้ว มีก็คล้ายไม่มี ไม่มีก็คล้ายมี ก็ไม่แตกต่างกันแล้ว

    ที่เหลือมอบให้ลูกหลานไปเถอะ ยังมีคนที่ต้องการเพราะใจยังไม่ตั้งมั่น ก็ต้องอาศัยสัญญลักษณ์เป็นที่ยึดเกาะไปก่อน รูปลักษณ์ที่สร้างขึ้นแทนองค์ครูบาอาจารย์ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ใจต่างหากที่สร้างจินตนาการปรุงแต่งขึ้นเอง ละเสียวางเสียก็สิ้นเรื่อง
     
  11. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +369
    อนุโมทนาบุญครับ ผมเองก็ยังกราบไหว้อยู่ แต่ไม่ได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
     
  12. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,439
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ผมกราบไหว้อยู่ครับ
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    กราบไหว้พระพุทธรูปแล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ด้วยก็ดีครับ :cool:
     
  14. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    คุณเจตนาจะหา พระโสดาบันหรือไงครับ ศีลห้าไม่ขาดเลย ก็ต้องพระโสดาบันแน่นอนอย่างต่ำ ผมแนะให้นำพระเครื่อง ไปถวายเป็นสังฆทานได้บุญกว่ามากมายครับ พระพุทธรูปถือเป็นเจดีย์ประเภทหนึ่ง ขณะที่เรากราบไหว้พระพุทธรูป เราไม่ได้ไหว้อิฐไหว้ปูนโลหะ หรือแก้ว แต่เรากำลังไหว้ความดีของพระพุทธเจ้าต่างหาก พระพุทธรูป เป็นสัญลักษณ์ เป็นเครื่องเตือนใจ ให้เรานึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า เพราะเหตุที่ บุคคลบางประเภท มีสัญญาที่ไม่ดี ให้นึกถึงพระพุทธเจ้านึกเองไม่ออก ถึงได้มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีของพระพุทธเจ้า พุทธานุสติ(การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า) เป็นหนึ่งในกรรมฐาน 40 วิธี
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ผมขอรอสักหน่อยครับ

    ศีลห้าไม่ขาดก็อย่าได้คิดว่าบรรลุโสดาบันครับ คนที่ถือศีลห้าตลอดชีวิตไม่ขาดเลยก็ไม่อาจพ้น อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ได้ครับ มีมาแล้วในพระพุทธกาลครับ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า อย่าประมาณในบุคคล ชาตินี้เขารักษาศีลไม่ขาดไม่ทะลุ แต่ชาติที่แล้วเขาอาจทำกรรมมา ตายไปอาจไป อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ได้ครับ
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ถ้าระลึกถึงพระพุทธเจ้าไม่ได้ พระองค์ให้ระลึกถึงพระธรรม หากระลึกถึงพระธรรมไม่ได้พระองค์ให้ระลึกถึงพระสงฆ์ครับ
     
  17. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ทำไมถึงยังกราบไหว้เจดย์หละตรับ
     
  18. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ผมว่าการกราบใหว้พระพุทธรูปมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ควรที่ใครจะมาห้าม
    เพราะเป็นการแสดงความเคารพและระลึกถึงพระพุทธเจ้า

    คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเมื่อเห็นพระพุทธรูปแล้วก็ต้องคิดถึงพระพุทธเจ้า
    และสิ่งต่างๆก็จะตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่อราวการสร้างบารมี คำสอน แม้เพียงน้อยนิด

    ก็เหมือนกับเจดีย์ที่พระพุทธเจ้าทรงให้สร้าง ก็เพื่อให้คนได้กราบไหว้ระลึกถึงพระอรหันต์นั่นเอง

    ฉะนั้นสิ่งใดที่จะนำพาจิตใจใด้ระลึกถึงผู้หมดกิเลสแล้วนั้นสิ่งนั้นควรแก่การกราบบูชามิใช่หรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2011
  19. ninjabadboy

    ninjabadboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +517
    แว้บแรกเห็น ก็มีความยาก ตามประสามนุษย์
    แต่พอดดูจิตตัวเองว่ามีความอยากแล้ว มันก็ดับไป
    สิ่งที่อยุ่ตรงหน้ามันคือสิ่งสมมุติอยู่ดี
    มีอะไรสำคัญว่าจิตใจและเจตตนา^^
     
  20. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    เราศีลครบทุกข้ออยากได้พระพุทธรูปมากแต่ไม่รู้จะมารับได้ยังไง เฮ้อ....แต่อยากได้พระพุทธรูปอยู่เหมือนกัน แต่อยู่ไกล ....ปกติก็คิดอยู่เหมือนกัน เพราะทุกวันนี้อยู่เมืองนอก พระพุทธรูปจะกราบก็ไม่มีแม้แต่องค์เดียว แต่ถือเอาในใจเราเคารพพระพุทธเจ้าดังนั้นถ้าอะไรจะเกิดก็เอาดวงจิตของเราตรงๆนี้แหละนึกถึงท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...