คุณลุงหวีด บัวเผื่อน ฆราวาสบรรลุธรรม

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปะขาวหนุ่ม, 16 ธันวาคม 2011.

  1. ปะขาวหนุ่ม

    ปะขาวหนุ่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +66
    <TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    จิตเป็นอมตะ : ลุงหวีด บัวเผื่อน




    หาผู้รู้ให้เจอ แล้วปล่อยผู้รู้ ทางที่ผ่านแล้วของลุงหวีด บัวเผื่อน






    ในส่วนแรกที่ว่านั้น พึงทราบว่าคุณลุงหวีดเป็นแรงบันดาลใจของผู้คนจำนวนมากเพราะท่านเป็นคนพิการ แต่อย่างที่ผู้จัดทำต้นฉบับได้ระบุไว้คือ ขอเพียงเราเป็นผู้แสวงหาความสุขทางใจ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพไหน อย่างไรเราก็ปฏิบัติธรรมได้และย่อมจะได้รับผลแห่งการปฏิบัตินั้นๆ โดยสมควรแก่ธรรมทั้งสิ้น
    ไม่เพียงแต่คุณลุงจะไม่เอาข้อจำกัดทางร่ายกายมาเป็นอุปสรรคบั่นทอนตนเอง หากแต่กลับนำสิ่งที่คนอื่นอาจจะคิดว่าเป็นจุดด้อยพลิกมาเป็นจุดแข็งอีกต่างหากนั่นคือ เมื่อคุณลุงหวีดย้ายจาก ต.หนองบัว มาอยู่ที่เขาไร่ยา จ.จันทบุรี นั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาแนะนำคุณลุงว่า
    “สภาพร่างกายที่พิการอย่างคุณลุง ไปไหนมาไหนไม่ได้แบบนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีในการรักษาศีลห้า เพราะจะไปเที่ยวลักทรัพย์ใครก็ไม่ได้ ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ไม่ได้ และโดยนิสัยคุณลุงก็ไม่ใช่คนชอบมุสาอยู่แล้ว เรื่องไปผิดลูกผิดเมียใครก็ไปไม่ได้ สุราของมึนเมา คุณลุงก็ไม่ดื่มไม่แตะ ดังนั้นศีลห้าของคุณลุงก็นับว่า แทบบริบูรณ์ ขาดแต่เพียงเจตนาเท่านั้น ขอเพียงคุณลุงตั้งใจเจตนาว่าจะรักษาศีลห้า ศีลห้าก็จะบริบูรณ์ทันที…”

    คุณลุงหวีดจึงสมาทานศีลห้ามาตั้งแต่บัดนั้น

    เส้นทางของการได้ครูดี ศิษย์เป็นคนมีปัญญาจึงเริ่มขึ้น

    พิจารณาแล้วก็น่าคิดว่า โลกไม่เคยตัดรอนใคร สมดังคำกล่าวที่ว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดีจริงๆ

    เส้นทางการปฏิบัติธรรมของคุณลุงหวีดมีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญหลายตอน แต่ที่กลายเป็นฐานอันมั่นคงในกาลถัดมาเกิดขึ้นในปี 2530 เมื่อพระอาจารย์ของท่านสอนให้ท่านปฏิบัติ โดย “พยายามให้มีสติ หยุดความคิด อย่าให้มีความคิด เพราะความคิดเป็นต้นเหตุของความทุกข์”

    เมื่อจับอยู่กับสติได้แล้วขั้นต่อไปคือ “เมื่อมีสติแล้ว พอมีความคิด เราก็จะเห็น เมื่อเห็นความคิด ก็หยุดซะ อย่าให้มันมีต่อไปให้ยาวนัก…”

    สิ่งที่ท่านมาประยุกต์เอาในการปฏิบัติจริงคือ “พยายามมีสติให้ได้ทั้งวันทั้งคืน ช่วงแรกๆ ทำได้นิดเดียว แวบหนึ่งก็ขาดสติแล้วแต่ด้วยความที่คุณลุงไม่ยอมแพ้ ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะทำตรงนี้ให้จงได้ ตอนนั้นคุณลุงเข้าใจว่า สติก็คือ ตัวตื่นที่ใจ แล้วก็จับเอาตรงนั้นไว้เรื่อยมา เวลาขาดสติก็ระลึกขึ้นมาให้ตื่นที่ใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้ตื่นที่ใจเอาไว้ จะคิดจะพูดจะทำอะไรก็ให้ตื่นที่ใจไว้ จับตรงนี้…”

    สิ่งที่เกิดตามมาคือ “มันให้ผลเร็ว สติเริ่มต่อเนื่อง ต่อมาก็ทำได้นานขึ้น สติยาวเป็นสาย ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไร รู้สึกว่ามีสติตลอด หลังผ่านไป 2 ปีคุณลุงสามารถมีสติได้ตลอดเวลา ไม่มีความคิดแทรกเข้ามาเลย อยากจะหยุดความคิดเมื่อไหร่ มันก็หยุดได้ในทันทีอย่างง่ายดาย”

    พระอาจารย์ท่านว่า ตรงนี้มันถูกจุดที่สุด จะนำไปสู่การหลุดพ้น!

    หลังจากนั้นท่านก็ได้เห็นทุกข์ ได้พบความว่าง ได้รู้จักความว่างที่แท้จริง ได้พิจารณาโดยมีสติรู้ตลอดเวลาแล้วรู้ว่า การพิจารณาตามความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไร ได้พิจารณาจนเวทนาขาดจากจิต ได้รู้ว่าเวทนาไม่ใช่จิต สัญญาไม่ใช่จิต สังขารความคิดก็เป็นคนละอันกับจิต วิญญาณก็ไม่ใช่จิต

    เมื่อเวทนาขาดจากจิต ก็ได้ทบทวนใหม่ว่า จากเดิมที่เข้าใจว่า สติเป็นเรา ไม่เกี่ยวกับขันธ์ห้าเลยนั้น แท้จริงแล้วเราคือใคร?

    ท่านว่าระหว่างนั้น “เราก็มาอยู่กับสติตามเดิมแต่รู้แล้วว่า สติ คือ ความระลึกได้เท่านั้นเอง ที่เราไม่ขาดจากจิตก็เพราะมีสติระลึกอยู่…”

    เมื่อผ่านด่านนั้นมาแล้ว ท่านจึงสรุปภาวะที่เกิดขึ้นตอนนั้นว่า “…ตอนนั้นมันยังมีอุปทานอยู่ว่า เราก็คือ จิตนั่นแหละคือ ความรู้สึกอันนี้ แต่กาย ขันธ์ห้าไม่เกี่ยว (กับจิต)…รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เกี่ยว เรียกว่า เราไปอยู่กับความรู้สึก (ซึ่งก็คือจิต) ในขณะนั้น”

    ต่อมาท่านพบว่า จิตกับสติเป็นคนละสิ่งกัน

    ฉะนั้นวิหารธรรมของท่านจึงกลายเป็นว่า “…ตอนนี้เราไม่ได้ใช้สติแล้ว มันมาอยู่กับจิตโดยตรง”

    และนั่นทำให้ท่านได้ข้อสรุปว่า “เราคือจิต จิตคือเรา จิตคือรู้ รู้คือจิต”

    สภาวะของจิตอยู่กับจิตนั้นเป็นอย่างไร

    คุณลุงหวีดเล่าไว้ว่า จากที่เมื่อก่อนต้องคอยประคองสติให้จ่อกับผู้รู้หรือจิต เวลานี้ไม่ต้องประคอง คือ เป็นรู้โดยอัตโนมัติ จิตทรงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่ข้างในว่านี่คือ เรา…”

    เราที่ว่าก็คือ “เราคือจิต จิตคือเรา จิตคือรู้ รู้คือจิต”

    ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่ใช่ที่สุด

    พอรู้และอยู่กับรู้ ไป “ตั้งรู้อยู่นั้น” ผลคือ “รู้ ตัวนี้มันหนัก…มันเหมือนกับเราหิ้วหรือหาบอะไรอยู่ตลอดเวลา”

    เมื่อตามไปขอรับการชี้แนะจากครูบาอาจารย์ท่านก็แนะให้ “ให้ปล่อย ‘รู้’ เสีย…”

    ท่านว่าจากนั้นมาก็จนด้วยเกล้าไม่รู้จะปล่อยอย่างไร เพราะเราคือตัวนี้…ถ้าปล่อยมันก็คือ ตาย มันจะไม่มีเราไปได้ยังไง…มันจนด้วยเกล้า”
    เราคือตัวนี้ เพราะสรุปไว้ว่า “เราคือจิต จิตคือเรา จิตคือรู้ รู้คือจิต”

    วนเวียนอยู่กับภาวะ จะปล่อยยังไง ไม่ปล่อยก็ผิด ปล่อยก็ปล่อยไม่เป็น อยู่ 2 ปี วันหนึ่งตามไปกราบพระอาจารย์รูปดังกล่าวที่ภาคใต้ แนะกันยังไงมันก็ไม่ตก ไม่คลาย ท่านว่าเราคงไม่มีวาสนาบารมีแล้ว ไม่มีปัญญาแล้ว มันจนปัญญาจริงๆ รถก็กำลังจะออก ในเวลานั้นหน้าลุงหวีดมีแก้วอยู่ 2 ใบ พระอาจารย์ท่านจึงหยิบแก้ว 2 ใบนั้นมาตั้งเรียงกันแล้วกล่าวขึ้นว่า

    “โยม…เวลามีสิ่งมากระทบ โยมก็กระโดดจากแก้วนี้ไปอยู่แก้วนี้ เวลาไม่มีกระทบ โยมก็กลับไปอยู่ตัวเดิม คือ มันจับทั้งสองตัวใช่ไหม ปล่อยหัวจับหาง จับหางปล่อยหัว มันก็ไม่ปล่อยสักทีใช่ไหม เอาอย่างนี้ได้ไหมโยม ให้ปล่อยทั้งหัวทั้งหางเลย คือ เวลามีสิ่งกระทบ โยมปล่อยไปทั้งสองตัวเลย อย่างปล่อยตัวเดียว”

    “ท่านพูดเท่านั้นเองล่ะก็ดีดพัวะ…เหมือนกับตอนเวทนาที่หลุดลอยออกไป มันเหมือนที่รู้ที่เราจับไว้ มันดีดผึงออกไปจากใจ ถึงตอนนั้นเรารู้ทันทีว่า โอ้โฮ ความเป็นอิสระมันเป็นอย่างนี้ จิตใจที่เป็นกลางมันเป็นอย่างนี้ สิ่งเราไม่ต้องรักษามันเป็นอย่างนี้ คือ เขาเป็นของเขาเอง ไม่มีเรา

    เรานี่ดับพรึ่บไปเลย มันเหลือแต่จิตล้วนๆ จริงๆ ความรู้สึกที่เบา ไม่เป็นภาระเหมือนรู้ตัวก่อน

    รู้ตัวแรกมันเป็นภาระ เราประคับประคองไว้ ประคบประหงมเอาไว้เป็นอย่างดีเลย กลัวมันหลุดลอยไป เราไปหมายรู้ไว้อย่างชัดเจน แต่เราไม่รู้เลยว่าเราหมาย เอา “เรา” นี่แหละไปหมาย

    พอเราหมายปุ๊บ รู้นั้นเป็นอวิชชาทันที แต่พอปล่อยปุ๊บ มันก็มีรู้ที่ไม่ต้องรักษา ไม่ต้องกำหนด ไม่ต้องไปทำอะไรทั้งสิ้น จิตที่เป็นกลางๆ เป็นปัจจุบันธรรมขึ้นมา ก็คือ รู้ที่เกิดใหม่ขึ้นมานี้เอง รู้เลยว่าจิตที่เป็นปัจจุบันธรรมเป็นอย่างนี้ จิตเป็นกลางเป็นอย่างนี้ ทั้งหมดทั้งปวงมันอยู่ในนี้หมดเลย ปล่อยตัวรู้ตัวเดียวมันเข้าใจหมด”

    ความนี้ทำให้ระลึกถึงคำชี้แนะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ซึ่งได้ชี้แนะ หลวงพ่อพุธ ฐานิโยว่า “พบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้ พบจิตให้ทำลายจิต”
    ถามว่า ผู้รู้คืออะไร

    รู้ไว้ใช่ว่า ปฏิบัติถึงไม่ถึงไม่เป็นไร คุณลุงหวีดบอกไว้ว่า ผู้รู้สำหรับท่านนั้นหมายถึง “ความรู้สึกที่ตื่นขึ้นมาจากใจตัวเอง”

    “คำว่าตื่นในที่นี้ มันเป็นความรู้สึกตื่นขึ้นที่ใจของเรา ธรรมดาคนเรามันมีความรู้สึกอยู่แล้ว แต่มันส่งไปข้างนอก ความรู้สึกตัวนี้ มันปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ความรู้สึกที่มันจุดประกายขึ้นภายใน ธรรมดามันก็จุดประกายด้วยกันอยู่แล้ว เพียงแต่ของคนอื่นมันเอาไปใช้ข้างนอกหมดสิ้นเลย แต่ของผู้ที่มีรู้อยู่ภายใน มันแบ่งเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แทนที่จะไปรู้ข้างนอกหมดเลย มันรู้ข้างในด้วยเหมือนกับแสงสว่าง แทนที่มันจะไปสว่างที่จุดเดียวแต่อันนี้มันสว่างข้างนอก สว่างข้างใน จิตของคนทั่วไปทั้งที่มันติดสว่างอยู่ข้างใน แต่เหมือนกับดับ กล่าวคือ มันไปสว่างข้างนอกแล้วมันมืดข้างใน ในขณะที่จิตของผู้รู้อยู่ภายใน มันสว่างจากข้างในไปถึงข้างนอก หมายถึงว่า มันสว่างในบ้านด้วย สว่างนอกบ้านด้วย เรียกว่า เป็นตัวตื่น…”

    ท่านเทียบให้เห็นว่า รู้ของคนทั่วไปนั้นมันเหมือนไฟฉายพุ่งเป็นลำไปที่ใดที่หนึ่งทางเดียว แต่รู้ของนักปฏิบัตินั้นเหมือนเทียน เหมือนพระอาทิตย์กล่าวคือ มันสว่างใจกลางกินบริเวณกว้างโดยรอบ เห็นตลอดทั้งตัวเราและสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา

    ท่านว่า เราต้องขวนขวายให้เจอผู้รู้ว่า มันคืออะไร

    ท่านว่า เทคนิคมันมีง่ายๆ เพราะทุกคนมี “รู้” อยู่แล้ว แต่ความรู้ต่างๆ ที่ได้ยินจากหู ได้กลิ่นจากจมูก ตาเห็นภาพแล้ว ฯลฯ นั้นไม่ใช่ผู้รู้
    เวลาเห็นผู้หญิงหรือกระป๋อง ทั้งผู้หญิง ทั้งกระป๋องมิใช่ผู้รู้ แต่เป็นผู้ถูกรู้ ส่วนผู้เห็นนั่นล่ะผู้รู้

    ท่านว่า “เข้าใจรู้ จับรู้ได้ ถือเป็นก้าวแรกของการรู้จักพระพุทธศาสนา เริ่มเข้าถึงแก่นพระพุทธศาสนาแล้ว…”

    “ถ้าจับรู้ได้ก็เป็นการละกายอยู่แล้ว จะไม่ยึดว่ากายเป็นของเราอีก หรือละสักกายทิฏฐิ…”

    “หาผู้รู้ให้เจอ แล้วอยู่กับผู้รู้ให้ได้ 20-30% ในแต่ละวันแค่นี้ก็ปิดอบายภูมิได้แล้ว”

    “หาผู้ให้เจอ อยู่กับผู้รู้ให้ได้ 20-30% ในแต่ละวันก็ปิดอบายภูมิได้แต่หาเจอแล้วอย่าไปอยู่กับผู้รู้ เจอแล้วต้องปล่อยเพราะ “เมื่อปล่อย ‘รู้’ ได้ก็คือ ละสังโยชน์ได้ทั้งหมด”

    “ผู้รู้ นั่นแหละ อวิชชา กิเลสตัวใหญ่ ฉะนั้นเราต้องปล่อยรู้”

    “ปล่อยรู้ ก็คือ ปล่อยอวิชชานั่นเอง”

    ทั้งหมดนี้มีแจกแจงแสดงไว้ใน “จิตเป็นอมตะ” ผมได้หนังสือนี้มาห่อหนึ่ง ใครอยากได้แจ้งที่อยู่มานะครับ

    อ้อ…ว่าเรื่องสำคัญไปหมดแล้ว แต่เรื่องหญ้าปากคอกประการหนึ่งที่มิอาจข้ามไปได้นั่นคือ ท่านว่า นิพพานมีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น ปัจจุบันไม่ถึง อนาคตมันก็ไม่ถึง ใครไปหวังนิพพานชาติหน้าโน้นเทอญนั้น ผิด ท่านว่า ไม่ถึงชาตินี้ โอกาสอื่นไม่มี

    ต้องมาสู่ปัจจุบันนี้ จึงจะถึงได้ ถ้าไม่มีปัจจุบันจะมีอนาคตได้อย่างไร

    ไม่ถึงชาตินี้ โอกาสอื่นไม่มี

    ไม่ถึงชาตินี้ โอกาสอื่นไม่มี

    ไม่ถึงชาตินี้ โอกาสอื่นไม่มี

    เตือนตัวเองครับ

    เวปด้านล่างนี้ครับสำหรับผู้จะนำไปปฏิบัติตาม คุณลุง ผมนำมาลงให้ครับ เพราะไม่มีหนังสือแจก อ่านหรือปริ้นได้ครับ
    http://watconcord.org/index.php?opt...3-15-15&catid=6:2010-12-24-05-19-10&Itemid=25
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  2. Era

    Era Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +191
    “พยายามให้มีสติ หยุดความคิด อย่าให้มีความคิด เพราะความคิดเป็นต้นเหตุของความทุกข์”

    แรกๆ ยังไม่รู้อะไรมาก ผมยึดแนวปฏิบัติคล้ายกับประโยคที่ยกมา ทำจริงๆ อยู่ 2-3 วัน เข้าสมาธิได้จนถึงลมละเอียด หลังๆ รู้มากขึ้น เลยสะเปะสะปะ หลงไปทางอื่นเสียนาน เห็นทีต้องกลับมาใช้แนวทางนี้แล้ว

    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  3. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    โมทนาบุญด้วยค่ะ ขอรับ 1 เล่มค่ะ จะ P? ที่อยู่ไปให้นะค่ะ สาธุค่ะ
     
  4. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    ที่ไหนมีบวชชีปะขาว ...
     
  5. gungwan

    gungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,188
    อนุโมทนาบุญครับ ขอรับหนังสือ 1 เล่มครับ
    ที่อยู่ครับ พัทธพศุตม์ ภู่ชัย ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 52220
     
  6. ธูปหอม

    ธูปหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +291
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอ 1 เล่ม จะ PM ที่อยู่ไปให้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  7. manas

    manas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +76
    ขอนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอ 1 เล่ม ด้วยครับ สาธุ สาธุ
    ที่อยู่ครับ ร.ต.ท.มนัสชัย กำลังมาก
    กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8
    ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน
    จ.สุราษฎร์ธานี 84130
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  8. tyoukerd@hotmail.com

    tyoukerd@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +293
    ขอร่วมอนุโมทนา สาธุการด้วยครับ เคยได้รับหนังสือนี้จากคุณหมอที่เป็นทันตแพทย์อยู่แถวถนนลาดพร้าว ซอย 101 นำมาอ่านแล้วได้ประโยชน์มาก สำหรับผู้ที่ต้องการสามารถดาวน์โหลดได้ในเวปไซต์ของคุณลุงหวีด บัวเผื่อนนะครับ โดยคีย์ชื่อนี้ที่ google ก็จะสามารถเข้าถึงเวปไซด์ของท่านครับ ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้วครับ
     
  9. ปะขาวหนุ่ม

    ปะขาวหนุ่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +66
    หนังสือของลุงหวีดบัวเผื่อนนะครับ หาอานได้ที่เวปด้านล่างนี้นะครับ
    ดาวน์โหลดหนังสือจิตเป็นอมตะ | ลุงหวีด บัวเผื่อน
    http://www.google.co.th/url?q=http:...jABOBQ&usg=AFQjCNGIGfADg0-LRuMjzvjl7qyKD2B8NQ
    ไม่มีแจก แต่ทุกท่านสามารถ อ่านหรือปริ้นได้ครับ
     
  10. ปะขาวหนุ่ม

    ปะขาวหนุ่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +66
    หนังสือของลุงหวีดบัวเผื่อนนะครับ หาอานได้ที่เวปด้านล่างนี้นะครับ
    ดาวน์โหลดหนังสือจิตเป็นอมตะ | ลุงหวีด บัวเผื่อน
    http://www.google.co.th/url?q=http:/...zvjl7qyKD2B8NQ
    ไม่มีแจก แต่ทุกท่านสามารถ อ่านหรือปริ้นได้ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    จุดที่ 1
    สรรพสิ่งเป็น อนัตตา คือ ไม่มีตัวตนถาวร กำหนดไม่ได้
    สรรพสิ่งเป็น อนิจจัง คือ สรรพสิ่งเกิดขึ้นเป็น ธรรมดา ตั้งอยู่เป็น ธรรมดา และ ดับไปเป็น ธรรมดา

    จิต เองก็มีการเกิดดับ จิตดวงนึงเกิด อีกจิตจะดับไป เป็น สังคติ
    จิตที่ว่า เป็น อมตะ เป็น มิจฉาทิฐิ เป็นคำสอนพวก พราหม์ที่เชื่อในเรื่อง อัตตา

    จุดที่ 2
    เราคือจิต
    อันนี้ ต้องบอกกันไหมนี่ ใครเห็นก็รู้ว่าผิด
    จิตเป็น ขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายเป็นทุกข์ ขันธ์ เป็นของโลก ไม่ใช่เรา
    คนที่เห็นว่า จิตเป็นเรา เขาเรียกว่า สักกายทิฏฐิ
    เป็น สัญญาวิปลาศ เห็นของที่ไม่ใช่ของเรา เป็นของเรา

    ____________

    แค่ 2 จุดนี้ แล้ว อวดอุตริว่า บรรลุธรรม
    ใครเชื่อ ก็ บ้าแล้ว
    ไม่โมทนาครับ
     
  12. ครูสน

    ครูสน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +82
    ขอรับหนังสือเพื่อนำไปปฏิบัติครับ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอรับหนังสือ 1 เล่ม
    กรุณาส่งมาที่ คุณสนธยา ปาจริยวัฒน์
    โรงเรียนแม่ระมาดวิทยาคม
    อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก 63140
    ครูสน
     
  13. phanbuaphet

    phanbuaphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +2,180
    อนุโมทนาค่ะ
    เชื่อมั่นและศัทธาในพระพุทธองค์และท่านครูบาอาจารย์
     
  14. nop_2550

    nop_2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +341
    ขอหนังสือ 1 เล่ม ครับ
    ส่ง นาย ธนิตศักดิ์ พชรโพธิ์เจริญ
    75/39 ม. 4 ถ. บึงพระจันทร์ ต. วัดจันทร์ อ. เมือง จ.พิษณุโลก 65000
    ขออนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    ขอบคุณครับกับบทความ แต่เข้าใจยากมากคงบุญไม่ถึง ไว้อ่านหลายๆเที่ยว สาธุครับ....
     
  16. auychaiqc

    auychaiqc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมขออนุโมทนาบุญในเจตนาที่ดีครับและขอรับหนังสือหนึ่งเล่มตามที่อยู่ด้านล่าง

    อวยชัย ทองขาว บริษัท ไทยออยล์ ทูลแมชีนเนอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด
    36/34 หมู่5 ถนนสาย332 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20180

    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

    "ผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่อยู่ในสายกลางควรเปิดรับรู้ทุกสิ่งและทำจิตให้เป็นกลาง และปฏิบัติให้มากๆดีกว่าที่จะมาท่องจำและนำมากล่าวอ้าง เพียงแต่กรรมบท10 ข้อที่เกี่ยวเนื่องกับวาจายังรักษาไม่ได้นับประสาอะไรที่จะกล่าวธรรมที่ลึกซึ้ง"
     
  17. นภัสดล

    นภัสดล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +433
    เห็นถูกตรงตามธรรม สาธุ โมทนาด้วยครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  18. somnuk_K

    somnuk_K สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ จำได้ว่าเคยเปิดเว็บเจอหนังสือเล่มนี้ครับ แต่ไม่ได้เปิดอ่าน พอได้อ่านเรื่องราวในกระทู้นี้ สนใจมากครับ ผมจะโหลดและนำไปแจกจ่ายต่อครับ ขออนุโมทนาบุญครับ
     
  19. Santajitto

    Santajitto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +455
    ขออนุโมทนา ด้วยครับ
    ขอหนังสือ 1 เล่มครับ
    นายพิเชษฐ์ แกล้งกลั่น
    51 หมู่ 3 ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี 76110

    ขอบคุณครับ
     
  20. JOY_JIT

    JOY_JIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +643
    อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ อ่านแล้วดีมากและก็ชอบมาก เหมือนกับว่าได้คำตอบที่ตามหามาทั้งชีวิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...