พระดูหนังดูละคร ถือว่าผิดศีลไหม บาปไหม สมัยนี้พระมีทีวีกับเครื่องเล่นหนังกันเยอะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วัฑฒโน, 12 พฤศจิกายน 2010.

  1. วัฑฒโน

    วัฑฒโน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    มีความสงสัยว่าทำไมพระสงฆ์สมัยนี้โดยเฉพาะพระวัดบ้านเห็นการดูหนังแผ่นดูทีวีดูละครหรือฟังเพลงกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว รวมถึงเล่นเน็ตด้วย
    มันเหมาะสมไหม ไม่ผิดวินัยรึ

    หลวงพี่ที่รู้จักช่วงก่อนติดละครระบำดวงดาวมาก บอกเราว่าสนุกมากก แถมทำอาหารเย็นกินเอง ฉันข้าวเย็นประจำอีก คิดในใจ ทำไมไม่สึกออกมาเป็นชาวบ้านเสียนะ:mad:

    หลายต่อหลายกุุฏิมีทีวีมีเครื่องเล่นหนังแผ่น หลวงพี่บางรูปมีกระทั่งชุดโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังดูคอนเสิรต :boo: บ้างก็มีคอมไว้เ่ล่นเน็ตเล่นเกมส์ ดูหนัง

    อยากรู้ว่า จริงๆมันเป็นการผิดศีลใช่ไหมคับ แต่ที่ผมได้อ่านๆมา พระมีศีล๒๒๗ สิกขาบท แต่ศีล ๒๒๗ ข้อไม่ได้มีห้ามดูหนังดูทีวี มีแต่ศีล๘ที่ห้ามไว้ที่ห้ามดูการละเล่นมหรสพ
    แล้วพระไม่ต้องรักษาศีล๘ก็ได้เหรอ หรือว่าต้องรักษาคู่กันไปกับศีลสองร้อยกว่านั้น


    เข้าใจว่าพระส่วนใหญ่ดูกันเพื่อความสนุกเพลิดเพลินตามใจกิเลสทั้งนั้น แบบนี้จะถือว่าเป็นมารศาสนาได้หรือไม่

    แต่ก็นะ ถ้าพระท่านดุหนังดูละครเพื่ออะไรที่เป็นการศึกษาธรรมะ เช่นฝึกตามรู้อารมณ์ที่เกิดกับจิตขณะดู หรือดูเืพื่อเอาคติสอนใจ แบบนี้จะผิดสีล จะบาปไหม สมควรหรือไม่ หรือว่าไม่ควรดูเลยดีที่สุด

    อยากขอเรียนถามความเห็นของทุกท่านครับว่าคิดเห็นอย่างไร

    ขอให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2010
  2. vvasan

    vvasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,390
    ถ้าพระภิกษุผู้บวชในพระธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้ามีศิลบริสุทธ์มีอินทรีย์สำรวมประพฤติประฏิบัติตนให้ล่วงทุกข์ทั้งปวงก็คงไม่ค่อยได้เห็นแบบปัจจุบันที่มีอยู่ แต่ปัจจุบันนี้บวชเพื่ออะไร
    บวชหลบ บวชลี้ บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน เราจะเจอประเภทไหน
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    ศีล ๒๒๗ มันมากกว่าศีล ๘ นะครับ.......ความละเอียดก็มากกว่าศีล ๘ มาก.....อันที่ว่าไม่มีข้อที่ จขกท.กล่าวนั้น.....เป็นไปไม่ได้......ลองไปศึกษาศีล ๒๒๗ ข้อใหม่อีกทีนะครับ........

    ในสังคมนี้....มีทั้งคนดีและคนไม่ดี.....แล้วพระสงฆ์ก็ต้องเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน........พระวินัยก็เหมือนกับกฏหมายไงครับ.....ถามว่าคนทำผิดกฏหมายมีไมหละครับ......บทลงโทษท่านก็มีอยู่นะ........แต่พระสงฆ์อย่างไรนั้นศีลท่านก็มากกว่าเรามากนะครับ.....กล่าวง่ายๆคือ ระเบียบที่ท่านใช้มี ๔ อย่างคือ ๑.พระวินัย ๒.กฏมหาเถรสมาคม ๓.กฏหมายบ้านเมือง ๔.วิถีชาวบ้าน.......แต่เรามีเพียงไม่กี่อย่าง คือ กฏหมายบ้านเมือง วิถีชาวบ้าน ถ้าจะให้ดีก็แค่ศีล ๕........ความดีท่านก็มากกว่าเราอยู่ดีนะครับ.......

    เราเดินควงสาวใครเขาว่าไม.....พระเดินควงสาวหละได้ไม.......คุณอย่าได้เอามาตรฐานของเราไปวัดครับ.......

    ข้อที่ถามว่ากินข้าวเย็น และดูหนัง(เพื่อสนองกิเลส)...อันนั้นผิดแน่นอนครับ......และก็ไม่ควรนะ.......

    แต่ถ้าดูหนังดูข่าวเข้าเน็ต.....ไม่ได้เพื่อสนองกิเลส......เพราะพระท่านไม่ได้ปรุงแต่งเชื้อ.....หรือเพื่อหาสื่อเพื่อพระศาสนา.......แล้วเราไปเห็นเราคิด.....เราบาปนะ......แต่ท่านไม่บาป.......เราหมองเอง.....คือใจเราหมอง.......เอาไม.....

    ทั้งนี้ผมโมทนานะครับ.......เรื่องการแสดงทัศนะ....เพื่อรักษาพระศาสนาไว้.....เพราะพระพุทธเจ้าฝากพระศาสนาไว้ให้กับพุทธศาสนิกชน.......ให้ช่วยกันดูแล.......

    ถ้าเกิดว่าคุณเห็นว่ามันไม่ควรก็บอกท่านสิครับ......หรือถ้าคุณไปเห็นพระที่ไม่ชอบมาพากลล่ะก็......ก็แจ้งแก่พระฝ่ายปกครองที่อยู่ในเขตนั้นๆให้ท่านดูแลได้เลยครับ........เช่นเห็นพระยิงนก ควงสาวเอาเมีย ดื่มสุรา ค้ายาเสพติด.......อันนี้จัดการได้เลย......ผิดเห็นๆครับ........อาบัติหนักตั้งแต่สังฆาธิเสธขึ้นไป.....คุณเจอ..คุณเห็นคุณแจ้งได้เลยนะครับ......ไม่ผิด...ไม่บาปด้วย.....

    แต่ถ้าเรื่องเล็กน้อยที่พระท่านปลงอาบัติตกได้.....เราอย่าเข้าไปยุ่ง.....บางครั้งได้ไม่คุ้มเสีย.......
     
  4. จิตสดใส

    จิตสดใส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +1,260
    เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวกฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเป็นผู้ดูการละเล่นกันอยู่เนือง ๆ
    , คืออะไรบ้าง ? คือดูฟ้อน ฟังขับฟังประโคม ดูไม้ลอย ฟังนิยาย ฟังเพลงปรบมือ ฟังตีฆ้องฟังตีระนาด ดูหุ่นยนต์ ฟังเพลงขอทาน ฟังแคน ดูเล่นหน้าศพดูชนช้าง แข่งม้า ชนกระบือ ชนโค ชนแพะ ชนแกะ ชนไก่ชนนกกระทา ดูรำไม้ รำมือ ชกมวย ดูเขารบกัน ดูเขาตรวจพลดูเขาตั้งกระบวนทัพ ดูกองทัพ ที่จัดไว้. ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอ[FONT=AngsanaNew,Bold]เว้นขาดจากการดูการเล่น[/FONT]เห็นปานนั้นเสียแล้วแม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง,

     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    เคยอ่านเจอครับ อุปะมุยหิกาบวชแล้วหาของเล่นสนุกสนานเหมือนฆราวาส เช่น ดูโทรทัศน์ วีดีโอ เป็นอาบัติ
     
  6. Jpan

    Jpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +117
    การเพ่งโทษ ของบุคคลอื่น โดยเฉพาะ สมณะผู้มีอาบัติไม่ถึงปราชิก ... เป็นการเสี่ยงต่อการเกิดอกุศลจิต ย่อมมีโทษ จากการเกิด ... จิตเกิด ธรรมทั้งหลายย่อมเกิด ....

    ว่าด้วยการดู หนัง ดูละคร ดูทีวี ... หากดูด้วยความประมาท ภัยอันใหญ่แก่ภิกษุนั้นย่อมมี เช่นภัยอันเกิดจากการละเมิดสิกขาบท ภัยจากการไม่สำรวมอินทรีย์ ซึ่งเป็นภัยใหญ่ การปล่อยข้าศึกให้เข้า ประตูทั้ง 5 โดยไม่มีการป้องกัน ธรรมดา เมืองนั้นย่อมแตก ฉันใด ... โลกกรรม 8 อันเป็นบ่อเกิดแห่งวัฏฏะ เข้าทางประตูใดได้ ย่อมยังกุศลที่มีอยู่ให้เกิดความเสื่อม

    รู้แล้วพึงเอาไว้ตักเตือนผู้ที่จะเข้าบวช .... หรือลูกหลาน ที่ต้องการสิกขา แต่อย่าเกิดอคติแก่ภิกษุนั้น เพราะภัยใหญ่ จะเกิดกับผู้ที่มีอกุศลจิตเอง .... ส่วนภิกษุผู้ละเมิดสิกขาบท ก็ย่อมได้รับผลของความผิดบาป นั้นอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งไม่ใช่กิจของเราซึ่งเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู .... ที่พึงรู้ และวาง


    ข้อคิด การถามข้อนี้ ถือว่าเป็นการแสวงหาปัญญา เป็นกุศล

    การได้ความรู้ แล้วเอาไปติเตียนสงฆ์ที่มีโทษไม่ถึงปราชิก เป็นอกุศล (พึงระวัง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  7. vvasan

    vvasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,390
    พระพุทธเจ้าทรงฝากคำสอนของพระองค์ไว้กับบริษัททั้ง4คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    โดยฉเพาะภิกษุผู้บวชในศาสนาของพระองค์เป็นทายาทเรียนรู้ทั้งคำสอนและปฏิบัติถ้าทำไ่ม่
    ถูกตอ้งตามพระธรรมวินัยบริษัทที่เหลือก็สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้
     
  8. Jpan

    Jpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +117
    โทษของการติเตียนพระอริยะ


    ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสื่อต่าง ๆ มักนิยมนำข่าวพระสงฆ์มานำเสนอ โดยส่วนมากจะนำเสนอในทางที่ไม่ดี
    และผู้คนก็จะวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์ไปต่าง ๆ นานา ตามแต่กิเลสของแต่ละคน แล้วคุณเคยติเตียนพระบ้างหรือไม่...?

    ถ้าท่านทำผิดจริงก็เป็นกรรมของท่านไป แต่หากบังเอิญว่า พระสงฆ์ที่เรา
    ติเตียนนั้น ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีตรงตามพระธรรมวินัย แต่ถูกใส่ร้ายเพราะมีผู้
    ต้องการทำลายชื่อเสียง ซึ่งนำไปสู่การทำลายพระพุทธศาสนา ยิ่งไปกว่านั้น

    ท่านพระกรรมฐานบางรูปท่านปฏิบัติจนได้ธรรมะชั้นสูงถึงขั้นเป็นพระอริยะเจ้าแล้ว ก็มาก เช่น

    หลวงปู่บุดดาให้โยมผู้หญิงทาแป้งให้
    หลวงปู่เจี๊ยะใช้ตีนโบกรถสิบล้อ
    หลวงปู่ตื้อเทศนาอันร้อนแรง เป็นต้น

    ท่านเหล่านี้จะประพฤติอย่างไรก็ไม่มีกรรม เพราะท่านอยู่นอกเหนือกรรมแล้ว
    แต่ถ้าบังเอิญเราทั้งหลายเป็นผู้โง่เขลาไปกล่าวติเตียนท่าน จะเป็นอย่างไร...?

    ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต พยสนสูตร
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสเรื่องของการติเตียนพระอริยเจ้าไว้ว่า


    '' ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษ
    พระอริยะ ภิกษุนั้นจะพึงถึงความพินาศ 10 อย่าง อย่างใดอยางหนึ่ง


    ความพินาศ 10 อย่างเป็นไฉน คือ

    ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ 1
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว 1
    สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว 1
    เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย 1
    เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง 1
    ย่อมถูกโรคอย่างหนัก 1
    ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน 1
    เป็นผู้หลงใหลการทำกาละ(ตาย) 1
    เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก 1

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย
    กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นพึงถึงความฉิบหาย 10 อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง"

    ...ถึงพระท่านจะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเราเป็นฆาราวาส ก็มีศีลน้อยกว่าท่าน เราก็ไม่น่าเสี่ยงกับความพินาศที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีกว่า...


    ... การตำหนิผู้มีศีลสูงกว่า ยังถือว่าเป็นผู้มีความประมาทอยู่ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  9. ARTY_ALLEN

    ARTY_ALLEN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +38
    @Jpan
    ผมสงสัยน่ะครับ ที่คุณบอกว่า พระอริยะท่านอยู่นอกเหนือกรรมแล้ว
    แต่พระพุทธองค์ท่านยังหนีไม่พ้นกรรม แสดงว่าพระอริยะเหนือกว่าพระพุทธองค์หรือครับ
    ??


    งง
     
  10. Jpan

    Jpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +117

    ถึงเพื่อสหธรรมิก ผู้แสวงหา ทางพ้นทุกข์ หากถ้อยคำต่อไปนี้ได้ก้าวล่วง จาบจ้วง พระรัตตนตรัย และเพื่อสหธรรมมิก ขอพระรัตตนตรัย และเพื่อนสหธรรมมิก จงอดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น


    เราไม่ทราบว่า ท่านเอาข้อความนี้มาจากไหน

    " แต่พระพุทธองค์ท่านยังหนีไม่พ้นกรรม "

    แสดงว่าพระอริยะเหนือกว่าพระพุทธองค์หรือครับ ??


    ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีข้อความใดเลยที่จะได้กล่าวอย่างนั้น ...
     
  11. สุปราณะ

    สุปราณะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    206
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +122
    คุณ Jpan คุณ ARTY_ALLEN สงสัยต่อข้อความนี้ค่ะ



    อธิบายให้ชัดคือ พระอริยะมีสติระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร ท่านมิได้ทำไปด้วยกิเลส
    แม้ได้รับผัสสะทางทวารทั้ง 6 จิตของท่านก็มิได้กระเพื่อมไหวจนเกิดกิเลส นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "เหนือกรรม"

    ส่วนการรับวิบากนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทุกคนแม้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว
    หากยังมีกรรมหลงเหลืออยู่ก็ยังคงต้องรับวิบากกรรมนั้น ๆ
    อย่างที่พระพุทธองค์ได้รับ และพระองคุลีมานได้รับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  12. Jpan

    Jpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +117
    ขออนุโมทนาสาธุ

    และขออภัยมา ณ ที่นี้ ข้าพเจ้า เข้าใจผิดเอง ...


    เพิ่มเติม .... จิตของ พระอริยเจ้า เป็นดั่งบ่อน้ำผุด อันบริสุทธิ์ ที่กอปรด้วยเมตตาธรรม ท่านไม่ได้เอาโทษกับผู้ที่ทำกับท่านเลย ส่วนที่ท่านให้โยมได้ปริบัติต่อท่านนั้น เช่น การดูแลเวลาเจ็บไข้ ก็เป็นการแจก จ่าย กุศล ให้กับโยม ที่ยังวนเวียน อยู่ใน วัฏฏะ นี้เท่านั้นเอง

    หรือ หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล ท่านไปบิณฑบาต ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แล้วปรากฎว่า บิณฑบาต อยู่หลายวัน ไม่มีใครใส่บาตรเลย พระอาจารย์ ท่านจึงตื่นแต่เช้า ไปปลุกโยม ในบ้านหลังหนึ่งให้ตื่นแต่เช้า ช่วยก่อไป และช่วยนึ่งข้าว แล้วบอกให้โยมนั้นเอามาใส่บาตร .
    ... แต่ข้าวที่ท่าน ได้วันนั้น ท่านไม่ได้ฉัน เพราะของที่ได้จากการขอจากผู้ไม่ใช่ญาติ หรือผู้ที่ปวารณาตนไว้แล้ว จะนำมาบริโภค อุปโภคไม่ได้ จะเป็นอาบัติ.... หลังจากนั้น โยมในหมู่บ้านก็รู้จักใส่บาตร ทำบุญ เป็นสรณะ .....

    ...กรรมของพระอริย หรือองค์พระสัมมาพระพุทธเจ้า ล้วนเป็นไปเพื่อโปรดสัตว์โลกเท่านั้นครับ .... เหมือนกับท่าน สุปราณะ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ...

    อริยมรรค...นอกเหตุเหนือผล และไม่สืบต่อ ไม่ประกอบด้วยความปรารถนา เพราะท่านไม่ได้ทำด้วยกิเลส(เป็นเพียงกริยาจิต ที่ส่งออกไปด้วยความเมตตา ต่อสัตว์โลก ดั่งความเมตตาที่มารดามีต่อบุตร แต่มิได้หวังสิ่งใดตอบแทน และไม่ได้คาดคั้น หวังว่าผลของมันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ...)

    .... เมื่อนอกเหตุ แห่งทุกข์ แต่แรก ย่อมเหนือผลอันจะสืบต่อให้เกิดทุกข์ จึงเป็นอยู่ด้วย ความว่าง สว่าง สงบ ดังนี้ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  13. ARTY_ALLEN

    ARTY_ALLEN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +38
    อ นุ โ ม ท น า ค รั บ ^^


    อย่าได้ถือโทษโกรธกันเลยครับ
    ผมไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่อง หรือ จาบจ้วงอันใดไม่ แค่สงสัยเฉยๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  14. วัฑฒโน

    วัฑฒโน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบกระทู้ แสดงความคิดเห็น และได้ให้ความรู้มากมายจากข้อความของทุกท่านนะครับ ขออนโมทนาสาธุคับ ทั้งคุณvvasan คุณPhanudet คุณจิตสดใส คุณbluebaby2 คุณJpan คุณARTY_ALLEN คุณสุปราณะ:cool:

    คุณvvasan ผมเห็นด้วยครับว่าพระหลายต่อหลายรูปสมัยนี้ บวชเพื่ออะไร
    บวชหลบลี้ บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก ถ้าพระทุกรุปสำรวมรักาากายวาจาใจให้เรียบร้อยดีงามตามพระธรรมวินัย ก้คงจะไม่มีอะไรที่คฤหัสถ์จะต้องอกมาตำหนิติเตียนนะครับ ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับท่านนะครับที่ว่าถ้าพระทำไ่ม่
    ถูกตอ้งตามพระธรรมวินัยบริษัทที่เหลือก็สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ แต่ท่านอื่นๆบอกไว้ว่าเพ่งโทษพระที่ทำผิดไม่ถึงขั้นปาราชิก ไม่ควรทำ เพราะยังไงพระก็มีศีลมากว่ชาวบ้าน ผมเองต้องเริ่มหัดวางเฉยเสีบแล้วละมังครับ


    คุณPhanudet ผมขอบคุณท่านมาครับที่แนะนำและตักเตือน
    ตอนนี้ผมกลัวมากจะว่าบาปมากไหมกับการที่ผมได้นึกหรือแม้แต่ได้พูดตำหนิติเตียนพระหลายรูปที่ประพฤติอนาจาร คือไม่ดีงามสมสมณะเพศ เช่น ทำอาหารเย็น ฉันข้าวเย็น ติดดุหนังดูทีวีฟังเพลง ใส่เสื้อผ้าชาวบ้านขับรถหนีเที่ยว ดื่มเหล้า เล่นเกมศ์คอมพ์
    อย่างดูหนังละครนี่พระที่ผมรู้จักส่วนมากดูเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานเพื่อสนองตัณหา เอิกเิกริกเฮฮาไม่ได้ดูฟังอย่างสำรวมเลย ดูเอามันส์กันทั้งนั้น อย่าววนก่อนเห็นพระรวมตัวกันดูมวยในทีวีเชียรมวยส่งเสียงดังลั่น ผมถึงได้คิดไปว่า มันไม่ผิดศีลหรือ จึงไปศึกษาศีล ๒๒๗ข้อ และมันก็ไม่มีข้อห้ามไม่ให้ดูการละเล่นเช่นหนังละครเลยจริงๆ จะมีก้มีแต่ในศีลสิบของสามเณร เลยคิดไปว่าเพราะมันไม่ได้มีอยู่ใน๒๒๗ข้อนี่เอง พระที่ผมรูจักหลายๆรูปถึงได้ทีวีดูหนังแผ่นกับเป็นกิจวัตร บางท่านถึงกับดูหนังแผ่นละครเกาหลีข้ามวันข้ามคืน และพวกนี้ทำแลวก้ปลงอาบัติได้ทั้งนั้นใ่ช่ไหมครับ เพราะเช่นนี้รึเปล่าพระที่ทำอย่างนี้เป้นนิจย์จึงไม่เกรงกลัวกันเพราะยังไงมันก้แค่อาบัติที่ปลงได้ ไม่ใชปาราชิก ถ้ามีพระรูปไหนคิดเช่นนี้ผมว่า แย่มากๆ สมควรที่ชาวบ้านจะตำหนิได้ ใช่ไหมคับ

    หรือว่า ยังไงเสียก้ไม่ควรจะไปกล่าวตำหนิตักเตือนพระท่านเลยเมื่อท่านต้องอาบัตที่ปลงได้ เพราะเราจะได้บาปทั้งน้น แบบนี้พระพวกนี้ก้จะเคยตัวสิครับ ผมว่าเราน่าจะมีสิทธิ์ตำหนิิเตือนท่านบ้างโดยที่ไม่เป็นบาปนะ




    คุณจิตสดใส คุณbluebaby2 ขอบคุณสำหรับข้อความที่อ้างอิงมา อ่านแล้วรู้เลยนะครับว่าดูการละเล่นเช่นนี้ผิดศีลตรงๆ หายข้องใจละครับว่าผิดศีลไหม





    คุณJpan ผมขอบคุณท่านมากครับที่เตือนมาและให้ข้อคิดไว้ การได้ความรู้ แล้วเอาไปติเตียนสงฆ์ที่มีโทษไม่ถึงปราชิก เป็นอกุศล (พึงระวัง ) และการติเตียนพระอริยสงฆ์นี้ส่งผลที่น่ากลัวมากสุดๆ ผมกลัวบาปจริงๆ ต่อไปนี้ผมคงจะต้องระวังให้มาก ตัวเองเข้าวัดบ่อย พอไปเห็นอะไรที่คิดว่ามันไม่ดีไม่งามพระไม่ควรทำก็รู้สึกสังเวชใจไม่พอใจแบบนี้สินะครับที่ว่าอกุศสจิต ผม้องต้องทำตามท่านนะครับที่ว่า เราซึ่งเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู ....พึงรู้ และวาง ได้รู้ได้เห็นแล้วยังไงก้อต้องปลง ปล่อยวาง ทำเฉยๆไว้เป็นดีนะัครับ จพยายามทำเฉยคับ กรรมใครกรรมมัน


    คุณสุปราณะ
    ขอบคุณครับที่เข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกขั้นเลย


    ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุครับ



    ขอให้มีท่านอื่นๆมาแสดงความเห็นอีกเยอะๆเถิดหนา..
     
  15. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +48
    ถ้าเป็นพระแท้ หรือพระอริยะ ไม่มีคำว่าทำผิดแล้วละครับ ที่ทำผิดอยู่ตอนนี้ แค่ สมณะ หรือ สมมุติสงค์ หรือพระปลอม...คำว่าพระ...ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ห่มผ้าเหลืองเท่านั้น แต่หมายถึง ฆารวาสผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยครับ...
     
  16. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154

    จะไปให้ศีลเขาตัวเองยังไม่มีไม่ตะขิดตะขวงใจหรือ?

    อาบัติหนักๆมันก็เริ่มมาจากอาบัติเล็กๆน้อยที่ไม่สำรวมระวัง หรือการเป็นผู้ไม่ละอาย

    เราเรียนถวายท่านได้ ตั้งจิตด้วยความเมตตาและปราถนาดี

    ถ้าเป็นวาสนาที่ละไม่ได้ พระอริยะท่านรับฟัง

    เพราะเหล่าพระอริยะท่านเคารพ และเกรงพระทัยพระพุทธองค์เหนือสิ่งอื่นใด

    ส่วนพระที่ไม่สำรวมระวังในพระธรรมวินัย เรียนท่านจะทำอะไรให้ระวัง

    เหล่าวิญญูชนผู้รู้ท่านจะติเตียนเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  17. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    พระดีก็มีเยอะ พระแย่ก็มีมาก
    ก็ช่วยกันตรวจสอบดูแล เจอที่ไหนก็แจ้งฝ่ายปกครองตามลำดับ

    พระดูหนังดูละครก็ดูได้ ถ้าดูเพื่อเป็นธรรมะ ซึ่งต้องดูที่ความเหมาะสมด้วย
    เช่นเดินเข้าโรงหนังอันนี้ไม่ควรแน่นอน
    แต่ถ้าเป็นละครสอนธรรมะ เช่นประวัติครูบาอาจารย์ก็เรื่องหนึ่งใช่มั้ย
    แต่ถ้าดูเพื่อสนองกิเลสตัณหาอันนี้ก็ผิดนะ
    อย่างนี้ชาวบ้านแถวนั้นไม่ควรใส่บาตรให้ฉัน

    ตอนผมบวชผมก็ดูเครื่องเล่นวีดีโอพกพานะ
    เป็นไฟล์วีดีโอหลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ถ้าใครจะมาปรับอาบัติก็ยอมรับ
    แต่อีกห้องหนึ่งเขาดูหนังกัน ผมก็เฉยๆนะ
    พระที่มีหน้าที่จัดการ เขาดูแลเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...