ใครกราบไหว้พระพุทธรูปเรียนเชิญ...ครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 15 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าให้สร้างเจดีย์สถูปสำหรับพระอรหันต์ ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้ถึงพระนิพพาน ผู้สิ้นแล้วซึ่งทุกข์
    พระพุทธรูปสร้างเพื่อ... ... ... ... ทั้งท่านหลายพิจารณาเอา สิ่งใดควรระลึกถึง สิ่งใดควรบูชา


    ท่านทั้งหลายจงเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านอยู่ประเทศไหนครับ ผมจะลองถามพี่ที่ทำเรื่องส่งออกดู ถ้าไม่เกินความสามารถผมจะส่งให้ครับ


    --------
    ท่านทั้งหลายจงเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ควรระลึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    พระพุทธเจ้ามอบพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์
    พระสงฆ์เป็นผู้เดินตามทางที่พระองค์ตรัสรู้
    เทวดา มนุษย์ ผู้เข้าไปหา ผู้เข้าไปนั่งใกล้พระสงฆ์ ศึกษาพระธรรม
    เปิดของที่ถูกปิด เห็นธรรมในธรรม เห็นทางเก่า
    แล้วทำไมต้องไปสร้างทางใหม่ หลงเดินทางใหม่
    หลงในรูป(ดินน้ำลมไฟ)เพลิดเพลิน หมกมุ่น ลุ้มหลงอยู่ในรูป
    ปรารถนา พอใจในรูป จิดวิญญาณตั้งอาศัยในรูป
    เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ ย่อมเกิด
    เมื่อรูปดับ ความอาลัย ความคร่ำครวญ ความรำพัน ย่อมเกิด
    ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ย่อมเกิด กองทุกข์ทั้งมวลย่อมเกิด

    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา

    --------
    ท่านทั้งหลายจงเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  4. มหัสดำ

    มหัสดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +121
    ทำไมท่านไม่นำลงหน้าประมูล แล้วนำปัจจัยที่ได้ไปก่อบุญประการอื่นล่ะครับ
     
  5. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +36
    อยู่ประเทศ ฮอลแลนด์ คะ
     
  6. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    พระพุทธรูปเป็นวัตถุธาตุ เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้กราบพระพุทธรูป แต่ใช้พระพุทธรูปเป็นเครื่องระรึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วจึงกราบ...

    เดี๋ยวนี้ฉันมีพระพุทธรูปของตัวเอง เป็นพระพุทธรูปที่ปั้นจากอากาศธาตุ ใช้ใจทำขึ้น ฉันจึงกราบได้ทุกที่ที่ต้องการ...
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ช่วย pm ที่อยู่มาด้วยครับ
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ขอให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ครั้งนั้น สมเด็จพระมุนีผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
    ผู้หวาดกลัว พระองค์ได้ทรงรับเราด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม มี
    ตาข่ายอันท่านกำหนดด้วยจักร จำเดิมแต่นั้นมา เราก็เป็นผู้ถูก
    รักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้พ้นจากความป่วยไข้ทุกอย่าง อยู่
    โดยสุขสำราญ เราเว้นจากพระสุคตเสียเพียงครู่เดียวก็กระสัน พอ
    อายุได้ ๗ ขวบ เราก็ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเป็นผู้ไม่อิ่มด้วย
    การดูพระรูปอันประเสริฐ เกิดพระบารมีทุกอย่าง มีดวงตาสีเขียว
    ล้วน เกลื่อนกล่นไปด้วยวรรณสันฐานอันงดงาม ครั้งนั้น พระพิชิต
    มารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย
    ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์
    เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น
    และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้

    พระพุทธรูปที่ท่านกราบไหว้ความหมายตามพระไตรปิฏก หมายถึง ร่างกาย ก้อนกายอันประกอบไปด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของน่าเกลียด เป็นกายเน่า

    พระพุทธเจ้าบอกว่า รูปมีโทษไม่สิ้นสุดเปรียบเหมือนตันไม้มีพิษ ให้พิจารณาเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ไม่ใช่รูปปั้นที่พวกท่านเข้าใจกัน พระพุทธเจ้าบอกว่ากายของพระองค์เป็นกายเน่าเป็นรูปที่น่าเกลียด แต่ชาวพุทธกับมีความยินดีในรูปปั้นที่พระสงฆ์ทุศีลสร้าง

    เรื่อง รูปหล่อ รูปปั้น ที่พวกท่านกราบไหว้กัน ในสมัยพุทธกาลก็มีพูดถึงแต่มันจะติดเรท 18+ ไปหน่อย ใครอยากอ่านเรื่อง รูปหล่อ รูปปั้น ก็ไปค้นหาเอาเองในพระไตรปิฏกครับ
     
  10. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    613
    ค่าพลัง:
    +683


    เมิงเอามาเลย หน้าที่เท่าไหร่ วรรคตอน เล่มไหน พระไตรเล่มไหน

    มีแต่เมิงคิดเอง เขียนเองกะมือเท่านั้นแหละ

    เด๋วตูหาในกูเกิลนี่แหละ

    อย่าเอาแต่เห่า ฟายเอ้ย

    กูถามพระที่ท่านจบ ปธ๙

    จากมหาลัยสงฆ์แล้ว ท่านบอกไม่มีหรอก


    ไม่มีใีรเค้าบ้า ทำลายพระพุทธรูปหรอก ถ้าเป้นชาวพุทธแท้ๆ

    ถ้าพุทธเทียมก้อีกเรื่อง

    ปากบอกพุทธ แต่ทำลาย แบบนี้พุทธเทียมเฟ้ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2011
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พระพุทธรูป ..ตามที่คุณอุรุเวลาก็เข้าใจถูกแล้ว
    แม้นพระวรกาย(ร่างกาย)ของพระพุทธเจ้า ก็เป็นรูปขันธ์ที่น่าเกลียด(ซึ่งชนพาลชอบ) กายมีโทษไม่สิ้นสุดเป็นที่อยู่ของโรค ผู้ไม่เห็นพระสัทธรรม แม้นเห็นพระวรกายแต่ก็ไม่ชื่อว่าเห็นพระองค์

    ส่วนคนอื่นๆ ก็คาดว่าจะไม่ได้เข้าใจว่าพระพุทธรูปที่เป็นพระวรกายเป็นพระพุทธรูปที่เป็นรูปปั้นเช่นกัน

    การเข้าใจว่ารูปขันธ์เป็นทุกข์แม้นจะเป็นรูปขันธ์ของพระพุทธเจ้าก็ตาม
    ไม่น่าจะเกี่ยวกับการเข้าไปยินดีในพระพุทธรูปต่างๆที่เป็นรูปปั้น
    ซึ่งอาจจะมีทั้งพระทุศีลสร้าง
    แต่พระอริยะที่มีจริตมาทางอภิญญาก็จัดสร้างเช่นกัน
    รวมถึงพระสงฆ์ที่มีเจตนาในการสร้างบุญ หรือร่วมบุญโดยอนุเคราะห์ญาติโยมเป็นวัตถุเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ (บางคนก็มีโอกาสสร้างบุญเพราะมีความต้องการทีพึ่งก่อน)
    ซึ่งทั้งนี้ต้องดูที่เจตนาการสร้าง

    การเกิดของพุทธโบราณสถาน หรือพุทธวัตถุ อาจมีมาตามเหตุปัจจัย
    ตั้งแต่พวกอารยันเข้าไปในอินเดีย (จำไม่ค่อยได้ ต้องไปค้นอ่านเอง)
    วัดนี่มีขึ้น เพราะพระต้องจำวัด
    ส่วนสิ่งที่แทนพระศาสนา ก็เป็นธรรมจักร สิงโต ช้าง (จำไม่ค่อยได้)
    ต่อมาเมื่อก็มีการปั้นพระพุทธเจ้าตามแบบกรีกโรมัน (ประมาณนี้)
    จนพุทธศิลป์พัฒนาแตกแขนงไปตามศาสนาพุทธที่เจริญออกไปตามประเทศต่างๆ มากมายหลายลัทธิ..

    ในไทย พระอริยเจ้าก็มากที่ท่านจัดสร้างพระเครื่องด้วยความศรัทธา ความเชื่อ หรือเป็นเครื่องระลึกถึง..

    ใครไม่ต้องการ สามารถเข้าถึง สติ(สติปัฏฐานสี่) ก็ดีแล้ว ช่วยตัวเองได้แล้ว
    ใครที่ต้องการเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ก็ให้เข้าใจถึงจุดประสงค์ของการจัดสร้าง..
    ขอให้มีศรัทธาแต่อย่างมงาย..

    พระที่ท่านสอนเรื่องทุกข์อย่างเดียว ก็ไม่ใช่ว่าต้องสอนให้ทำลายสิ่งที่เกิดมาด้วยเจตนาที่ดีแล้ว (การอธิษฐานจิตพระเครื่องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ)

    วัดที่ไม่มีพระพุทธรูปไม่แปลก แต่ไม่จำเป็นต้องไปขนพระพทธรูปมาทำลายก็ได้จ๊ะ
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก หน้าที่ ๑๒๓/๔๐๘ ข้อที่ ๑๒๒

    [๑๒๒] สมเด็จพระผู้นำมีพระนามไม่ทราม มีพระคุณนับไม่ได้พระนามว่า
    ปทุมุตระ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระนามว่า
    ปทุมุตระ ก็เพราะมีพระพักตร์เหมือนดอกปทุม มีพระฉวีวรรณ
    งาม ไม่มีมลทิน เหมือนดอกปทุม ไม่เปื้อนด้วยโลก เหมือน
    ดอกปทุมไม่เปื้อนด้วยน้ำ ฉะนั้น เป็นนักปราชญ์ มีพระอินทรีย์
    ดังใบปทุมและน่ารักเหมือนดอกปทุม ทั้งมีพระโอฐ มีกลิ่น
    อุดม เหมือนกลิ่นในกลีบของดอกปทุม เพราะฉะนั้น พระองค์
    จึงทรงพระนามว่า ปทุมุตระ พระองค์เป็นผู้เจริญกว่าโลก
    ไม่ทรงถือพระองค์ เปรียบเสมือนเป็นนัยน์ตาให้คนตาบอด มีพระ
    อิริยาบถสงบ เป็นที่ฝังพระคุณ เป็นที่รองรับกรุณาและมติถึงใน
    ครั้งไหนๆ พระมหาวีรเจ้าพระองค์นั้น ก็เป็นผู้อันพรหมอสูรและ
    เทวดาบูชา สูงสุดกว่าชนในท่ามกลางหมู่ชนที่เกลื่อนกล่นไปทั้ง
    เทวดาและมนุษย์ เมื่อจะยังบริษัททั้งปวงให้ยินดีด้วยพระสำเนียง
    อันเสนาะ และด้วยพระธรรมเทศนาอันเพราะพริ้ง จึงได้ชมสาวก
    ของพระองค์ว่า ภิกษุอื่นที่พ้นกิเลสด้วยศรัทธา มีมติดี ขวนขวาย
    ในการดูเรา เช่นกับวักกลิภิกษุนี้ ไม่มีเลย ครั้งนั้น เราเป็นบุตร
    ของพราณ์ในพระนครหงสวดี ได้สดับพระพุทธภาษิตนั้น จึง
    ชอบฐานันดรนั้น ครั้งนั้น เราได้นิมนต์พระตถาคตผู้ปราศจาก
    มลทินพระองค์นั้น พร้อมด้วยพระสาวก ให้เสวยตลอด ๗ วัน
    แล้วให้ครองผ้า เราหมอบศีรษะลงแล้วจมลงในสาครคืออนันตคุณ
    ของพระศาสดาพระองค์นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยปีติ ได้กราบทูล
    ดังนี้ว่า ข้าแต่พระมหามุนี ขอให้พระองค์ได้เป็นเช่นกับภิกษุผู้
    สัทธาธิมุติ ที่พระองค์ตรัสชมเชยว่า เลิศกว่าภิกษุผู้มีศรัทธาใน
    พระศาสนานี้เถิด เมื่อเรากราบทูลดังนี้แล้ว พระมหามุนีผู้มี
    ความเพียรใหญ่ มีพระทรรศนะมิได้มีเครื่องกีดกัน ได้ตรัสพระ
    ดำรัสนี้ในท่ามกลางบริษัทว่า จงดูมาณพผู้นี้ ผู้นุ่งผ้าเนื้อเกลี้ยง
    สีเหลือง มีอวัยวะอันบุญสร้างสมให้คล้ายทองคำ ดูดดื่มตา
    และใจของหมู่ชนในอนาคตกาล มาณพผู้นี้จักได้เป็นพระสาวก
    ของพระโคดมผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย
    ฝ่ายสัทธาธิมุติ เขาเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตามจักเป็นผู้เว้นจาก
    ความเดือดร้อนทั้งปวง รวบรวมโภคทรัพย์ทุกอย่าง มีความสุข
    ท่องเที่ยวไป ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามีนามชื่อว่าโคดม
    ทรงสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
    มาณพผู้นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็น
    โอรสอันธรรมเนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดามีนามชื่อว่า
    วักกลิ เพราะผลกรรมที่เหลือนั้น และเพราะตั้งเจตน์จำนงไว้ เรา
    ละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรามีความสุขในที่ทุก
    สถาน ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ได้เกิดในสกุลหนึ่งใน
    พระนครสาวัตถี มารดาของเราถูกภัยปีศาจคุกคาม มีใจหวาดกลัว
    จึงให้เราผู้ละเอียดอ่อนเหมือนเนยข้น นุ่มนิ่มเหมือนใบไม้อ่อนๆ
    ซึ่งยังนอนหงาย ให้นอนลงแทบบาทมูลของพระผู้แสวงหาคุณอัน
    ยิ่งใหญ่ กราบทูลว่า ข้าแต่พระโลกนาถ หม่อมฉันขอถวาย
    ทารกนี้แด่พระองค์ ข้าแต่พระโลกนายก ขอพระองค์จงทรงเป็นที่
    พึ่งของเขาด้วยเถิด ครั้งนั้น สมเด็จพระมุนีผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
    ผู้หวาดกลัว พระองค์ได้ทรงรับเราด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม มี
    ตาข่ายอันท่านกำหนดด้วยจักร จำเดิมแต่นั้นมา เราก็เป็นผู้ถูก
    รักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้พ้นจากความป่วยไข้ทุกอย่าง อยู่
    โดยสุขสำราญ เราเว้นจากพระสุคตเสียเพียงครู่เดียวก็กระสัน พอ
    อายุได้ ๗ ขวบ เราก็ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเป็นผู้ไม่อิ่มด้วย
    การดูพระรูปอันประเสริฐ เกิดพระบารมีทุกอย่าง มีดวงตาสีเขียว
    ล้วน เกลื่อนกล่นไปด้วยวรรณสันฐานอันงดงาม ครั้งนั้น พระพิชิต
    มารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย
    ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์
    เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น
    และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้
    โดยง่าย เราอันสมเด็จพระโลกนายกผู้แสวงหาประโยชน์พระองค์
    นั้น ทรงพร่ำสอนอย่างนี้ ได้ขึ้นภูเขาคิชฌกูฏ เพ่งดูอยู่ที่ซอกเขา
    พระพิชิตมารผู้มหามุนีประทับยืนอยู่ที่เชิงเขา เมื่อจะทรงปลอบโยน
    เรา ได้ตรัสเรียกว่า วักกลิ เราได้ฟังพระดำรัสนั้นเข้าก็เบิกบาน
    ครั้งนั้น เราวิ่งลงไปที่เงื้อมเขาสูงหลายร้อยชั่วบุรุษ แต่ถึงแผ่นดิน
    ได้โดยสะดวกทีเดียว ด้วยพุทธานุภาพ พระผู้มีพระภาคทรงแสดง
    พระธรรมเทศนา คือ ความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งขันธ์
    ทั้งหลายอีก เรารู้ธรรมนั้นทั่วถึงแล้ว จึงได้บรรลุอรหัต ครั้งนั้น
    พระผู้มีพระภาคผู้มีพระปรีชาใหญ่ ทรงทำที่สุดแห่งจรณะ ทรง
    ประกาศในท่ามกลางมหาบุรุษว่า เราเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่าย
    สัทธาธิมุติ ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย
    กรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลส
    ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
    ทราบว่า ท่านพระวักกลิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    จบ วักกลิเถราปทาน.
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธรูปที่ผมรู้จักคือก้อนกายอันประกอบไปด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของน่าเกลียด เป็นกายเน่า มีหนังเป็นที่สุดรอบ เต็มด้วยของไม่สะอาด มี
    อยู่ในกายนี้ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ ผังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้ทบ อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร

    รูปหล่อ รูปปั้น ใครสร้างใครกราบไหว้ก็แล้วแต่ศรัทธา พระสงฆ์สร้างพระพุทธรูปผิดพระธรรมวินัย ทำน้ำมนต์อธิฐานจิตก็ผิดแล้ว สิ่งศักดิ์อิทธิปาฏิหาร์ยมีจริง ถึงเวลาให้ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็ต้องรับกรรมเก่า เทวดา พรม ยังตายเลย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มันก็เป็นเช่นนั้นเอง แล้วจะไปยึดให้เป็นทุกข์ทำไม

    กราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์ ตอนไหนอยากผมก็กราบ ตั้งเจตนาก็ถึงเลย ไม่เห็นต้องไปหารูปหล่อรูปปั้นมากราบ เมื่อก่อนผมก็เข้าใจว่าพระพุทธรูปคือพระพุทธเจ้า ผมศึกษาธรรม พระพุทธเจ้าอยู่ไม่ไกลสำหรับผมอีกแล้ว
     
  14. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรกราบพระสงฆ์เหมือนกัน เพราะพระสงฆ์ก็เป็นธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกับพระพุทธรูป พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นด้วยพระสงฆ์
    พระสงฆ์มาจากฆราวาส มาจากลูกชาวบ้าน เกิดจากกาม . . . ที่มาทีไปก็ไม่ต่างกับพระพุทธรูปเท่าไร

    ถ้าบอกว่าพระพุทธรูปเป็นอย่างนั้นอย่างนั้นแล้วต้องทุบทำลาย ห้ามกราบ ก็น่าจะทุบทำลายตนเองซะด้วย
     
  15. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    613
    ค่าพลัง:
    +683

    ไปอยุ่ศาสนานเชน ที่อินเดีย ไป!!! ไม่ยึดติดอะไรทั้งหมด

    แก้ผ้าเดินโทงๆ เหมาะกะแกดีนะ เมืองไทยพุทธไม่เหมาะกะแกแล้วล่ะ

    เพราะเราชาวไทยทั้งชาติ ทั้งผ่นดิน เหนือจรดใต้ เรามีพระพุทธรูปเต็มประเทศชาติ

    กราบไหว้ พระพุทธรูปกัน ซึ้งเปรียบปดุจเป็นสัญญาลักษณ์

    ของคุณความดี พวกเราชาวไทยพุึทธทั้งประเทศ เห็นพระพุทธที่ไหน

    ก้จะต้องกราบไหว้ และระลึกนึกถึงคุณความดี ระลึกนึกถึงคำสอน

    ที่พระพุทธองค์ทรงชี้ทางพ้นทุกข์ ไห้พบสุข มีพระนิพพานเป็นที่หมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2011
  16. คนเหาะ

    คนเหาะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +85
    อุรุเวลา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5504619", true); </SCRIPT>
    สมาชิก



    วันที่สมัคร: Dec 2011
    ข้อความ: 215
    พลังการให้คะแนน: 22
    [​IMG]

    พวกนอกรีตนี่ คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อุรุเวลา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5504619", true); </SCRIPT> เป็นเดียรถีย์ เป็นคนนอกศาสานานะ

    แนวความคิดเป้นภัยต่อพระศาสานาพุทธเป็นอย่งายิ่ง

    ดีนะ ที่เราชาวพุทธ มีความมั่งคงในพระรัตนตรัย

    มีพระพุทธรูปศักสิทธิ์ กล่าวชื่อไม่หวาด ไม่ไหว อยู่เต็มประเทศไทย

    พระแก้วมรกต ที่พระราชวังที่เป็นศูนย์รวมของเราชาวพุทธทั้งชาติ

    พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา พระพุทธเจ้าองค์ประฐมวัดท่าซุงฯลฯ

    อ้ย กล่าวไม่ไหว เอาพอสังเขป

    คนอย่าง อุรุเลลา ในประเทศไทยมีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็น

    พวกเราโชคดีอยุ่มาก

    พวกเดียรถีย์ ทำอะไร เราชาวพุทธไม่ได้หรอก


    พวกนี้แฝงตัวเข้ามา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระธรรมเป็นศาสดาของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกสอนพระธรรมของพระพุทธเจ้า อุบาสก อุบาสิกา ในสมัยพุทธกาลจะศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ควรเข้าไปหา เข้าไปนั่งใก้ลพระสงฆ์เพื่อขอฟังพระธรรม ปัจจุบันพระธรรมมีอยู่ในพระไตรปิฏก คอมพิวเตอร์ มือถือ ท่านจะไม่กราบไหว้พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็ได้แล้วแต่ศรัทธาครับ แต่ผมกราบไหว้พระสงฆ์ครับ พระทุศีลผมก็ไหว้ยังไงท่านก็มีศีลมากกว่าผม

    มนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดมาก็มีความแก่ความตายเป็นของตนเอง ไม่มีใครหนีความตายไปได้ พระพุทธเจ้าสอนให้อยู่กับปัจจุบัน
     
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา"

    ศาสนาที่คุณว่าผมไม่รู้จักหรอกครับ ถ้าท่านรู้จักแสดงว่าท่านก็คงเคยศีกษามาแล้ว ผมศึกษาแต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
     
  19. คนเหาะ

    คนเหาะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +85

    ทุศีล แปลว่าไม่มีศีล หรือศีลขาด

    ถ้าห่มเหลืองแล้วศีลขาด ศีลไม่ดี ศีลไม่ครบ

    กำลังใจต่ำกว่าคนธรรมดา

    ขอทาน เราไห้ข้าว ขอทานต้องกราบเรา ไหว้เรา

    แต่เราไห้ข้าวกับ นักบวชทุศีล เราต้องกราบ ต้องไหว้


    สภาพภายนอกเป็นนักบวช แต่สภาพภายใน หรือจิตใจ เป็นเปรตขอ

    ส่วนบุญ


    เป็นได้อย่างดี ก็แค่จอมลวงโลก

    ไหว้ไปไปก็เท่ากับส่งเสริมโจรปล้นพระศาสนา







     
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมยอมรับผมเป็นคนส่วนน้อยที่ท่านพูดถึง ผมกินข้าวมื้อเดียว ผมไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ผมนับถือพระสงฆ์ใช้ผ้ากาสาวพัสตร์ ซักย้อมด้วยน้ำฝาด(สีแก่นขนุนหรือแก่น) พระสงฆ์บอกสอนคำสอนของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์นับถือศีลหลายพันข้อ พระสงฆ์สวดปราติโมกข์ 227 ข้อ พระสงฆ์สวดปาติโมกข์ 150 ข้อ

    ผมไม่นับถือพระสงฆ์ทุศีล พระสงฆ์ทุศีลรักษาศีล 227 ข้อ พระสงฆ์ทุศีลทำติรัจฉานวิชา พระสงฆ์ทุศีลฉันท์สองมื้อ พระสงฆ์ทุศีลรับเงินทอง พระสงฆ์ทุศีลเรี่ยไรซึ่งเงินทอง พระสงฆ์ทุศีลเดินห้าง พระสงฆ์ทุศีลจับจ่ายเงินทอง พระสงฆ์ทุศีลเสกคาถา พระสงฆ์ทุศีลปะพรมน้ำมนต์ ฯลฯ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...