ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nouk, 21 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สัญญาณความรู้จากจิตผู้บริสุทธิ์ “..องค์ปฐม..”
    “จงเบื่อหน่ายการเรียนรู้ รีบกลับสู่แดนทิพย์นิพพานกันเถอะลูกเอ้ย”

    “...มนุษย์ธรรมดาสามัญก็นิพพานได้ นำจิตสู่แดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์ นิรันดรได้ ไปได้ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกดวงจิต ไม่ต้องออกจากเรือน ไม่ต้องไปเป็นนักบวช หรือมุ่งเน้นการปฏิบัติทางกาย ไม่ต้องเป็นพระภิกษุก่อน ถึงจะได้คำว่านิพพาน จงทำจิตให้แจ้ง ให้เข้าใจถึงความจริงของธรรมชาติ เข้าสู่สถานที่ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ด้วยวิธีง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ด้วยการตั้ง จิตอธิษฐานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะลูกเอ้ย...”

    ตั้งจิตอธิฐาน ประกาศสัจจะต่อฟ้าดิน ว่าไม่ขอเกิดอีกแล้ว

    “..ขออาราธนาพลังบุญความดี รัศมีกำลังฤทธิ์ สิทธิอำนาจเฉียบขาด ฉับพลัน ของอดีตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ กลั่นเป็นดวงบุญใสใหญ่โตมโหฬารมหาศาลเป็นล้านล้านอสงไขยกัปเท่า เปี่ยมล้นด้วยพลังบุญพลังปัญญา ของพระพุทธเจ้ารวมกัน ราดรดลงมาสู่จิตของลูก ขอให้จิตของลูกมีพลังบุญพลังปัญญา มีความเข้มแข็งกล้าหาญอดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาตินี้เท่านั้น ลูกไม่ขอเกิดอีกแล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ และตายไปในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมุติ โลกนี้ว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด ลูกขอไปอยู่กับจิตกายทิพย์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บนแดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์นิรันดรในชาตินี้ด้วยเถิดเจ้าข้า..”

    การตั้งจิตอธิษฐาน เป็นทั้งสัจจะบารมีและอธิษฐานบารมี อันประกอบไปด้วยปัญญาบารมี การที่เจ้าจะตั้งจิตเป็นสัจจะวาจาประกาศออกไปดัง ก้องฟ้าก้องแผ่นดิน ให้โลกได้รับรู้ ชาวโลกทิพย์ผู้มีหน้าที่ควบคุมบัญชีบุญ และบัญชีบาป จักได้จดบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า จิตของพวกเจ้าต้องการสิ้นทุกข์...ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดในชาตินี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าควรปรารถนามากกว่าสิ่งใดๆ ในโลกใบนี้ เมื่อพวกเจ้าทั้งหลายได้ตั้งจิตประกาศความประสงค์ ที่จะออกจากความทุกข์เป็นสัจจะวาจาแล้ว จะต้องคอยซ้ำ ย้ำเตือนจิตของตนเองในทุกวันทุกคืนนั่นก็คือ..ตั้งจิตอธิษฐาน จงทำความเข้าใจในจิตกันเสียใหม่ทั้งหมดว่า บุญ...แปลว่า ความดี บารมี...แปลว่า กำลังใจ อธิษฐาน...แปลว่า ตั้งมั่น ตั้งจิตให้เด็ดเดี่ยว ทำอะไรอย่าง จริงจัง มุ่งมั่นที่จะให้สำเร็จตามความประสงค์ ในภาษามนุษย์ทั่วไปเรียกว่า เป้าหมาย สัจจะ...แปลว่า ความจริง บรรลุธรรม...แปลว่าเข้าใจดีแล้ว, ไม่มีอะไรสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมะ..คือธรรมชาติ ความเป็นธรรมชาติย่อมไม่เที่ยง นิพพาน..แปลว่าดับ สูญ ว่าง จากสิ่งสมมุติทั้งปวง ในเมื่อจิตอัน ประกอบไปด้วยสติและปัญญาของพวกเจ้า ได้มองเห็นความทุกข์ อันเกิดจากความไม่เที่ยงของรูปร่างกายคน สัตว์ ทุกสิ่งในโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวนเปลี่ยนแปลง ดับสลายไปในที่สุดทั้งหมดทั้งสิ้น...

    การมองเห็นโทษภัยของการเวียนว่ายตายเกิด(บาลีเรียกว่าวัฏฏะจักร) อันเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างไม่จบสิ้น ความทุกข์ที่เกิดจากการมี รูปร่างกายคน สัตว์ ร่างกายที่ไม่คงทนเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ เต็มไปด้วยความสกปรก เต็มไปด้วยภาระหน้าที่ และในที่สุดมันก็ดำเนินไปสู่ความแก่ เจ็บตาย ก็มีอยู่เท่านั้นแห่งการได้เกิดมามีชีวิต และการพิจารณาด้วยจิตอย่างนี้ทุกวันๆ(ตั้งจิตอธิษฐาน) จนจิตเกิดความชำนาญและเคยชิน เข้าใจเหตุในผลว่า เราตั้งจิตอธิษฐานไปทำไม เพื่ออะไร ใครบังคับให้เราทำรึ.. ไม่มีใครบังคับเราให้ตั้งจิตอธิษฐานหรอก เราไม่อยากเกิดมามีความทุกข์ในโลกนี้อีกแล้ว นั่นแหละเรียกว่า...ปัญญา ในภาษาของพุทธศาสนาเรียกว่า วิปัสสนาญาณ(รู้แจ้งในสิ่งที่คิดพิจารณา) ...

    จิตที่มีปัญญา...ย่อมมองเห็นสัจจะธรรม คือความจริงแท้แน่นอนของ ธรรมชาติที่เกิดและดับ การที่เอาจิตไปยึดเกาะอยู่ในสิ่งที่เกิดและดับ ไม่เที่ยง หลงยึดเอาว่า เป็นเรา เป็นของเรา พ่อแม่เรา ลูกเรา เมียเรา สามีเรา บ้านเรา รถเรา แผ่นดินของเรา โลกของเรา ประเทศของเรา ศาสนาของเรา สำนักของเรา วัดของเรา อาจารย์ของเรา ศิษย์เรา ตัวเราของเรา ด้วยความที่พวกเจ้าทั้งหลาย ไม่ยอมเข้าใจในความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ ทุ กๆ อย่างที่มีอยู่ในโลก พวกเจ้าจึงต้องมีความทุกข์จวบจนทุกวันนี้ และก็ต้องทุกข์อย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าพวกเจ้ายังไม่ยอมรับในสติปัญญาของผู้ที่เคยทำหน้าที่เป็นพระพุทธเจ้า ผลที่จะได้รับจากการที่มีจิตดื้อด้านต่อต้านความรู้อันบริสุทธิ์ นั่นก็คือ..ความทุกข์จากโทษภัยอันตรายในวัฏฏะ...

    บุคคลใดมองเห็นสัจจะธรรม อันเป็นธรรมชาติ ตามสัญญาณความรู้ นี้ต้องคอยซ้ำย้ำเตือนจิตให้คิดพิจารณาตามคำตั้งจิตอธิษฐานตามตำราเล่มนี้ แล้วตรวจสอบด้วยจิตคิดดูว่า การตั้งจิตอธิฐานนี้ มีเหตุมีผลอันประกอบไปด้วยสติปัญญาหรือไม่ อันบุคคลใดที่พิจารณาอย่างนี้แล้ว เข้าใจในความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ จนจิตเบื่อหน่ายสูงสุด ด้วยสติและปัญญา แล้วคิดที่จะออกจากมันคือ..ปฏิเสธในการที่จะต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย แบบนี้อีก ในหลักการ ของพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ผู้ใดมองเห็นความทุกข์ ผู้นั้นมอง เห็นธรรม คำว่า..ธรรม..ในที่นี้หมายถึงธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับสลาย ไปในที่สุด”...“ผู้ใดมองเห็นธรรม ผู้นั้นมองเห็นตถาคต หมายความว่า...ผู้ใดมองเห็นธรรมชาติ ที่เกิดและดับไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราในโลกใบนี้ ทั้งความสุขและความทุกข์ก็ยังไม่เที่ยง จิตคิดพิจารณาตามตำราเล่มนี้ จนจิตเบื่อหน่ายชื่อว่า..ผู้นั้นเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง..” ภาษาบาลี เรียกว่า บรรลุธรรม หรือทำจิตให้แจ้งได้แล้วซึ่งคำว่า นิพพาน

    ลูกรักทั้งหลายผู้เป็นชาวพุทธ ที่ยังขาดกำลังใจ ขาดความเชื่อมั่นใน ความดีสูงสุดของตนเอง ก็จงตั้งจิตคิดพิจารณาตามคำอธิฐานนี้ทุกวันทุกคืน จนกว่าจะมั่นจิตมั่นใจในตนเองว่า ไม่ต้องการเกิดมามีชีวิตที่ต้องแก่ เจ็บ ตาย อีกแล้ว นั่นแหละเรียกว่า กำลังใจเต็ม

    สถานที่ที่พวกเจ้า..จะนำจิตกายทิพย์ไปอาศัยอยู่ในชีวิตหลังความตายในชาตินี้แล้ว ไม่ต้องกลับมาสู่สภาวะการเกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นมีอยู่ ในหลักของพุทธศาสนาเรียกว่า สถานที่ที่ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ชาวคริสต์ อิสลามเรียกว่า สวรรค์นิรันดร...

    น่าเสียดายที่ลูกของพ่อผู้เป็นชาวพุทธ ส่วนใหญ่เข้าใจว่า นิพพานหรือพระนิพพานนั้นเป็นสถานที่อยู่อาศัยสำหรับผู้พ้นจากความทุกข์ได้แล้ว และเข้าใจผิดอย่างมากมายว่า ผู้ที่เป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจนเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น จึงจะได้คำว่านิพพาน

    เหตุนี้ชาวพุทธส่วนใหญ่จึงยกคำว่า นิพพาน, พระนิพพานเป็นสิ่งสูงส่ง สูงค่า จนไม่กล้าคิด..จึงสั่งจิตของตนเองว่า เราบุญน้อย บารมีไม่พอ นิพพานไม่ ได้หรอก คำว่านิพพานนั้น แปลเป็นภาษาไทยแล้วก็คือ ผู้มีจิตเบื่อหน่ายความ ทุกข์ ไม่ปรารถนาการเกิดแก่เจ็บตายอีกแล้วก็เท่านั้นเอง...

    แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล เป็นสถานที่อยู่อาศัยแห่งจิตของผู้ที่ไม่ต้องการเกิดอีก จึงควรเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า “สวรรค์นิรันดร” เพียงแต่พ่อ ต้องการให้ครอบคลุมในทุกศาสนาทุกลัทธิ ฉะนั้นสัญญาณความรู้ในตำราทุกเล่มที่เขียนขึ้นมา จะใช้คำว่า แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร หรือจะเรียกว่า สวรรค์นิพพานก็ได้ ซึ่งก็คือ สถานที่ อยู่อาศัยของจิตกายทิพย์ของผู้มีจิตประกอบแล้วด้วยความเบื่อหน่าย ในการเวียนว่ายตายเกิดยังโลกมนุษย์สมมุติใบนี้ตลอดกาลลูกเอ้ย...

    จิตกายทิพย์ผู้บริสุทธิ์ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ถ้าลูกคนใดยังไม่ เข้าใจ ก็ จงสอบถามจนกระทั่งเกิดคำว่าเข้าใจดีแล้ว ถึงคำว่าจิตผู้บริสุทธิ์ ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ผู้มีจิตหลุดพ้นจากสิ่งสมมุติในโลก ในแดนทิพย์สวรรค์ พรหมได้แล้ว จิตปรารถนาเฉพาะคำว่า แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล จึงเป็นจิตรู้ที่บริสุทธิ์อยู่บนสถานที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตายตลอดกาล สถานที่แห่งนั้นว่างเปล่า บรมสุข ไม่มีเชื้อชาติ ศาสนา ไม่มีแม้กระทั่งคำว่า ศาสดา หรือสัมมาสัมพุทธเจ้า มีแต่เพียงคำว่า จิตผู้บริสุทธิ์ หรือตามหลักของพุทธะก็คือ จิตผู้ใดที่หลุดพ้นจากพันธนาการของโลกสมมุติได้แล้ว จิตผู้นั้นเป็นจิตพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ว่างเปล่า จากสิ่งสมมุติทั้งปวง มีอยู่ในทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ทั่วจักรวาล ชาวพุทธที่เข้าใจดีแล้วเรียกว่า จิตนิพพาน ชาวคริสต์ อิสลาม อาจจะเรียกว่า ชีวิตนิรันดร หรือพระเจ้า ส่วนผู้ใดที่ไม่ยึดติดในเชื้อชาติ ศาสนา หรือตำราของท่านผู้ใด ก็อาจจะเรียกว่า จิตจักรวาล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จิตอมตะ

    จิตกายทิพย์เทวดา นางฟ้า คือจิตของผู้ที่เคยทำความดีในทาน ศีล หรือบัญญัติ การสวดมนต์ หรือขอพรพระเจ้า หรือชอบภาวนาเล็กๆ น้อยๆ ใน หลักของพุทธศาสนา จิตเกาะมั่นคงดีแล้วในสิ่งที่ทำที่เรียกว่าความดี เมื่อตาย จากความเป็นคนสัตว์ ย่อมนำจิตของตนให้ เกาะในความดี ที่เคยทำจิตดวง นั้นย่อมไปรับผลแห่งความดี ที่มีชื่อว่า ทิพย์สมบัติ มีจิตกายทิพย์เป็นเทวดา นางฟ้า พักทุกข์ชั่วคราวอยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ ตามจินตนาการของจิตดวงนั้นยึด เกาะความเชื่อหรือ ศาสนาใดที่สอนสั่งไว้ จิตคิดอย่างไร ด้วยอำนาจแห่งความ ดีจะมีรูปกายทิพย์ปรากฏสำเร็จแก่จิตท่านผู้นั้นทันที และเมื่อหมดบุญความดี ในสมัยที่ได้ทำในโลกมนุษย์ ก็ต้องนำจิตที่กำลังเสวยทิพย์สมบัติชั่วคราวนั้น กลับไปเวียนว่ายตายเกิดในโลก สร้างผลแห่งกรรมดีและไม่ดีใหม่อีก มีสุข และทุกข์เป็นรางวัล และแก่ เจ็บ ตาย ไปในที่สุด

    ส่วนจิตใดที่ไม่ได้เกาะในบุญความดี เมื่อตายไปแล้วจิตที่เศร้าหมอง เรียกจิตนั้นว่า สัมภเวสี ผีเร่ร่อน, เปรต, อสุรกาย, สัตว์เดรัจฉาน, ถ้าจิตดวงนั้นเศร้าหมองมากๆ ต้องไปรับทุกข์เวทนาในนรก ก็เรียกจิตดวงนั้นว่า สัตว์นรก..
    จิตกายทิพย์พรหม คือจิตของผู้ที่เกาะคุณความดีทางด้านการภาวนา นึกถึงคำภาวนา ตามแต่ลัทธิ ศาสนาของตนที่นับถือ จนกระทั่งจิตสงบระงับจาก ความคิดฟุ้งซ่าน วุ่นวายในโลกที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ คิดไปก็เท่านั้น จิตท่านผู้ ใดสงบระงับจากความวุ่นวายพอสมควร จนกระทั่งจิตสงบระงับถึงขั้นละเอียด สูงสุด ตามภาษาบาลีเรียกว่า จิตทรงฌาน(ตั้งแต่ฌานที่ ๑- ๘ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔) คือจิตดวงใดมั่นคงอยู่ในความสงบระงับได้อย่างรวดเร็ว(เข้า - ออกฌานได้อย่างชำนาญ) คือพอนึกปั๊บ จิตก็สงบระงับได้ในทันใด ตั้งแต่ฌาน ๑ ขึ้นไปในแต่ละวัน นั่นแหละคน สัตว์ผู้ใดทำได้อย่างนั้น เมื่อตายจากความเป็นคนสัตว์ จิตของท่านผู้นั้น ก็จะได้ รับผลแห่งความดี ไปเป็นจิตกายทิพย์พรหม(ผู้ชอบสงบ ผู้รักษาจิตทรงไว้ซึ่งความสงบระงับ หรือผู้ทรงอารมณ์จิตเป็นอุเบกขา เฉยๆ นิ่งๆ) เมื่อจิตดวงใดสงบระงับในความดีได้นาน ก็ยิ่งจะได้รับผลแห่งการทรงความดีสูง จิตผู้นั้นก็จะมีอายุทิพย์ยืนนาน จนกว่าจะหมดอายุทิพย์ที่ได้รับ...
    เมื่อจิตกายทิพย์พรหม หมดบุญความดี อันเกิดจากการภาวนาหรือทำจิตให้สงบระงับจากความฟุ้งซ่านได้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ก็ต้องนำจิตของตน กลับไปสู่สภาวะการเวียนว่ายตายเกิด ชดใช้ผลกรรมทั้งที่ดีและไม่ดี ที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตชาติที่ผ่านมา มีสุขมีทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด สร้างกรรมดีและกรรมไม่ ดีใหม่อีกต่อไป จนกว่าจิตดวงนั้น จะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในโลก ที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์อย่างไม่รู้จักจบสิ้นต่อไป..

    วิปัสสนาญาณ ก็คือการใคร่ครวญคิดพิจารณานั่นเอง จิตดวงใดคิด พิจารณาจนมองเห็นด้วยปัญญาว่าสิ่งใดๆ ในโลก ล้วนว่างเปล่าน่าเบื่อหน่าย เป็นทุกข์เป็นโทษมหันต์ จิตคิดพิจารณาจนเบื่อหน่าย จิตดวงใดเข้าใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด เข้าใจความหมายของคำว่า นิพพาน หมายถึงจิตดวงนั้นสูญสิ้นจากการที่จะเกิดอีก เบื่อหน่ายแล้วจาก การเวียนเกิดเวียนตายอย่างแท้จริง นั่นแหละจิตดวงนั้นแจ้งแล้วด้วยปัญญา วิปัสสนา...แปลว่าคิดพิจารณา คิดพิจารณาในเรื่องของต้นเหตุแห่งความ ทุกข์ทั้งปวง พิจารณาไปพิจารณามาจนรู้แจ้งด้วยสติปัญญา เห็นแจ้งตามที่ พระพุทธเจ้าสอน เบื่อโลกแล้วนั่นแหละเรียกว่า ญาณ ต่อท้ายคำว่า วิปัสสนา รวมเป็นคำว่าวิปัสสนาญาณ ใครพิจารณาได้...รู้ได้เพียงแค่นี้ก็นิพพานได้แล้ว
    ในยุคปัจจุบันนี้ยิ่งง่ายมากๆ เพราะพระพุทธเจ้าสอนไว้หมดจดดีแล้ว แค่คิดตามทุกวันทุกคืนจนกว่าจะตายจากความเป็นคน แค่นี้แหละ...นิพพานแล้วล่ะ มนุษย์เอ๋ย..

    เวลานี้ศาสนาแห่งพุทธะสมณะโคดมยังคงอยู่ รวมทั้งคำสอนแห่งพุทธะยังคงปรากฏแจ้งชัดอยู่ เป็นความรู้แจ้งโลก เป็นไปเพื่อการออกจากความทุกข์อย่างแท้จริง ยังแจ้งประจักษ์ชัดเจนแก่จิตผู้เปิดรับ แล้วใยมนุษย์ทั้งหลายจะมัวยื้อแย่งแข่งขันกัน เสาะแสวงหาวิธีการออกจากทุกข์ให้มีขั้นตอนยุ่งยากอยู่เล่ามนุษย์เอ๋ย...

    ถ้าเธอทั้งหลายเคยพร่ำพรรณนาว่า ...เราเป็นสาวกแห่งพระพุทธเจ้า ขอเป็นผู้เดินตามทางแห่งพระพุทธองค์ที่ชี้นำทางไว้ดีแล้ว เราจะมีความศรัทธาและเชื่อมั่นในแก่นธรรมคำสอนนั้น แล้วตั้งจิตคิดพิจารณาตามทุกๆ วัน จิตของพวกเธอทั้งหลายก็จะมีสติ มีปัญญา รู้ในรู้ รู้แจ้งได้ด้วยตนเองว่า นิพพานชาตินี้ เพียงเท่านี้จิตของเธอก็จะได้ชื่อว่า อรหันต์สาวก ผู้หลุดพ้นเพราะเดินตามเส้นทางที่เหล่า พุทธะบอกสูตรสำเร็จไว้ให้ทั้งหมดแล้วลูกเอ้ย...

    โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี เป็นเพียงเครื่องมือวัดจิต ของผู้ที่มีความเคารพในพุทธศาสนาเท่านั้น และเป็นเครื่องล่อให้จิตของผู้ที่เข้าสู่ความดีได้แล้ว ข้ามขั้นตอนแต่ละขั้นตอน จนกระทั่งก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในกามภพ(โลก)ได้แล้วนั่นแหละ เรียกเป็นภาษาบาลีว่า อรหันต์ แปลว่า ผู้ละจากสังโยชน์เครื่องร้อยรัดสัตว์โลก ให้ติดอยู่ในภพชาติแห่งการเวียน ว่ายตายเกิดได้อย่างสิ้นเชิงลูกเอ้ย...

    เพียงแค่นี้กับคำว่า โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี, อรหันต์ และคำว่า นิพพาน บรรลุธรรม, รู้แจ้งโลก, ดวงตาเห็นธรรม ชาวพุทธที่เป็นพุทธะไทยแท้ๆ ก็ควรจะเรียนรู้ในภาษาไทยให้ถูกต้องในความหมาย ถึงจะเข้าใจในคำว่า รู้แจ้งแทงตลอด ลูกเอ้ย...

    ส่วนลูกพ่อที่เกิดเป็นชาวคริสต์ อิสลามที่ยังยึดมั่นถือมั่นเฉพาะศาสดา ของตน ก็จงแปลเปลี่ยนคำตั้งจิตอธิษฐานนี้ ให้กล่าวถึงเฉพาะศาสดาที่ตนตั้ง มั่นมั่นคงอย่างแท้จริงต่อไป

    ..ขออาราธนาพลังบุญความดี รัศมีกำลังฤทธิ์ สิทธิอำนาจเฉียบ ขาดฉับพลัน ของพระผู้เป็นเจ้าพร้อมอดีตพระศาสดาทุกๆ พระองค์รวมกัน กลั่นเป็นดวงบุญใสใหญ่ โตมโหฬารมหาศาล เปี่ยมล้นด้วยพลังบุญพลังปัญญา ราดรดลงมาสู่จิตของลูก ขอให้จิตของลูกมีพลังบุญพลังปัญญา มีความเข้มแข็ง กล้าหาญอดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาตินี้เท่านั้น ลูกไม่ขอ เกิดอีกแล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตายไปในที่สุด ทุก สิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมุติ โลกนี้ว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อใด ลูกขอไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า บนแดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์นิรันดรในชาตินี้ด้วยเทอญ..”

    จงตั้งจิต ทุกวัน ทุกคืน ตามนี้อย่าเปลี่ยนแปลง จนกว่ากำลังใจของพวกเจ้าจะมั่นคง ส่วนลูกคนไหนที่มั่นจิตมั่นใจสูงสุดแล้ว จิตมันจะเบื่อหน่ายคลาย กำหนัดทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นั่นแหละไม่ต้องตั้งจิตอธิษฐานแล้ว จิตมันจะทำหน้าที่ โดยอัตโนมัติลูกเอ้ย...

    จงเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม

    ลูกรักทั้งหลาย พ่อขอเพิ่มเติมเสริมแต่ง เรื่องกฎแห่งกรรมให้ได้เข้าใจกัน ให้มากยิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย สิ่งใดๆ ก็ตาม ที่พวกเจ้าได้เคยทำเอาไว้ในอดีตชาติ ที่เรียกว่า บุญความดี และความไม่ดี(บาป) รวมๆ แล้วเรียกว่า กรรม กรรมแปลว่าการกระทำ กรรมดี และไม่ ดี ทั้งสองอย่างนี้ย่อมติดตามส่งผลใน ชาติปัจจุบันนี้ สิ่งไหนที่ทำให้พวกเจ้าเป็นสุขนั่นคือกรรมดีส่งผล สิ่งไหนที่ทำให้จิตใจของเจ้าเป็นทุกข์ นั่นแหละกรรมไม่ดีส่งผล รวมแล้วในชีวิตหนึ่งชาติหนึ่งของ การเกิด แก่ เจ็บ ตายของพวกเจ้า ก็มีได้แค่สุขกับทุกข์เพียงเท่านี้ และในความเป็นจริงที่สุดก็คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมยามใดที่กรรมไม่ดีส่งผล เจ้าก็เป็นทุกข์ปาณว่าจะขาดใจ น้ำตารินไหลเป็นสายน้ำ ยามใดที่จิตเป็นสุขก็หลงลืมความทุกข์เสียจนสิ้น เกิดและตายเป็นอาจิณ หลงลืมสิ้นว่าสุดท้าย..ได้อะไร จะรวยหรือจน ผู้ดีหรือไพร่ สุดท้ายก็ตายหมดสิ้น ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา จงรู้จักปล่อยสละละวางในทุกสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเป็นชาติสุดท้าย และจงอดทนให้ถึงที่สุด และตั้งจิตคิดพิจารณาเพื่อหนีความสุขความทุกข์ให้ได้ หลังจากนั้นเมื่อรูปร่างกายของเจ้าสลายตายไปเมื่อใด ก็จงนำจิตกลับคืนสู่แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาล สถานที่จิตเดิมจิตแท้ของพวกเจ้าพากันจากมา..นะลูกเอ้ย...

    ที่มา : นิพพานชาตินี้กันเถอะ

    จงอ่านด้วยปัญญา พิจารณาตามกำลังบารมีของแต่ละท่านนะคะ
     
  2. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    เท่าที่ทราบนะครับถ้านิพานเองเรียกพระปัจเจตพุทธเจ้า
    ถ้านิพานแล้วเผยแพ่รคำสอน เรียกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ถ้านิพานเพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกอรหันต์สาวก

    เคยมีคำถามถามว่า ศาสนาที่ไม่ใช้พุทธ หรือไม่นับถือศาาสนาได จะนิพานได้ไหม
    มีคำตอบจากพระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ไม่มีพระรัตน์ไตรย่อมไม่พบนิพานที่เคยทราบมาครับ

    มีอยู่ที่สังโยชน์3 แปลตรงๆไม่อ้อมนะครับ ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีพระสงฆ์ ไม่มีพระธรรม ไม่มีนิพาน ที่ผมรู้มาจากคำสอน ถ้าตามนี้ หมายถึงคนเรานิพานเองได้เฉพาะที่จะเป็นพระปัจเจตพุทธเจ้า และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามบารมีที่สะสมมาพระปัจเจตก็1อสงฆ์ไขย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อย่างน้อย4อสงฆ์ไขย์+1แสนกัปป์ (บารมี แปลว่า ปัญญา) หลังศาสนาพระพุทธโคดมหมดไป ผู้ที่นิพานเองเป็นพระปัจเจตพุทธเจ้าที่สะสมบารมีครบ1อสงฆ์ไขย์แล้วไม่ต้องรอนิพานได้เองครับ หรือพวกที่ต้องรอจนกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติจึงจะมี โสดาบัน และอื่นๆตามมาเท่าที่ทราบ

    ผู้ตั้งจิตนิพานจะทำให้ได้เกิดสร้างบารมีจนเต็ม (บารมีแปลว่ากำลังใจ)และนิพานได้ในยุคที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติ หรือสะสมบารมีไปเป็น1อสงฆ์ไขย์ถึงจะเป็นพระปัจเจตพุทธเจ้า ยาวนานมาก สำหรับคนที่ไม่อยากมาเกิด

    สู้อยู่ในสมัยที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ ถ้าเคยทำบารมีมาก่อนไม่มากอย่างพระปัจเจตพุทธเจ้า ก็สามารถบรรลุอรหันต์ทำชาติภพให้จบเร็วกว่าไปนิพานเอง เพราะไม่ต้องคิดเองปฎิบัติตามคำสอนอย่างเดียว ถ้ามีความเพียรก็มีโอกาสสำเร็จสูง ไปง่ายกว่า ผมไปวิธีนี้ครับ

    7.บุคคลย่อมล่วงทุกข์ได้อย่<wbr>างไร
    บุคคลย่อมล่วงทุกข์ได้ด้วยค<wbr>วามเพียร

    8.บุคคลย่อมบริสุทธิ์ได้อย่าง<wbr>ไร
    บุคคลย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปั<wbr>ญญา สอนถูกธรรมะดีอย่างไร หากไม่เชื่อไม่มีศรัทธาย่อม<wbr>ปิดประตูแห่งคุณธรรมทั้งปวง

    ที่เขียนมาผมก็ไม่ได้เก่ง แต่ฟังมาจากหลวงพ่อจรัล หลวงพ่อฤือษีลิงดำ และก็อธิฐานนิพานมาตลอด และมีผู้ทำนายว่า อีกไม่นานก็จะไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดแล้ว แต่ปัญญาผมเองก็ไม่ได้มี แต่ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตามเท่านั้น โอกาสทองมีอยู่แล้วแต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น คำสอนของพระพุทธเจ้ายังมีอยุู่ตั้ง 2500 ปี ถ้าฟังจากผู้มีญาณมาว่าผมเลือกเกิดได้อีก เพราะมาจากพรหม ผมขอเลือกมาเกิดและปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในช่วง2500ปีสุดท้ายนี้ ไม่นานก็ขอไปอยู่กับหลวงตามหาบัวแล้ว แค่ปฎิบัติตามง่ายกว่าไปตรัสรู้เองครับ ตัดกิเลสให้หมดก็จบภพชาติเสียที บางครั้งผู้มีญาณก็ถามเป็นพุทธภูมิหรือสาวกภูมิ บอกอย่างมีความสุขสาวกภูมิครับ คิดในใจไปง่ายกว่า ไม่ต้องใช้เวลามากมายก็สบายแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2011
  3. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    หลวงปู่มั่นกล่าวว่า

    "ทางเดินแห่งมรรคนั้น หมายเอา ปัญญาสัมมาทิฏฐิ เป็นการเกิดปัญญาเห็นชอบ สัมมาทิฏฐิ เป็นตัวเอกะมรรค มาจากสติปัฐฐานทางเดียวทางอื่นไม่มี
    สัมมาทิฏฐิเจริญขึ้นที่ธรรมเป็นกลาง คือ อัพยากธรรม เจริญขึ้นเป็นมัชฌิปมาได้เกิดขึ้นในสภาวะธรรมที่เป็นกลาง แต่ญาณตัวเห็นชอบเป็นญาณ วิปัสสนาญานเกิดขึ้นหลังจากเข้าสู่ฐีติญาร ผู้ปฏิบัติยังไม่เข้าสู่ฐีติญานเป็นเพียงวิปัสสนากรรมฐาน"

    ปัญหาคือผู้เจริญกรรมฐานอยากได้นิพพาน ก็ต้องเข้าสู่ฐีติญานนั้นให้ได้ครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  4. justonelife

    justonelife เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +190
    ผมเองก็ปารถนานิพพานในชาตินี้ ไม่อยากเกิด ไม่อยากใด้ใคร่มีอีก เบื่อหน่ายชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวัน ผมบอกตามตรงว่าสังเวชชีวิตที่เกิดมาที่ต้องวนเวียนเป็นอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น ผมขอส่งแรงใจส่งบุญ และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และ พระอริยสงฆ์เจ้า อีกทั้งอนิสงค์ผลบุญทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาแต่ในอดีตชาตินับแต่อสงไขยชาติแรกจนถึงชาติปัจจุบันวันนี้ ขอส่งให้พวกท่านทั้งหลายที่ปารถนานิพพานในชาตินี้ได้ไปถึงฝั่งนิพพานด้วยกันทุกท่าน เทอญ
     
  5. มุนีดาบส

    มุนีดาบส สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1
    ไปนิพพานชาตินี้กันเถอะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02~7.jpg
      02~7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      202
  6. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    ทำจิตให้มุ่งนิพพานกันเถอะค่ะ
     
  7. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,441
    ขออนุญาติโพสหน่อยน่ะครับ
    เดี๋ยวนี้มีลัทธิแปลกๆตั้งตนเองเป็น ผู้สื่อสารกับสมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นฯและที่สำคัญคือมีพ่อสมเด็จองค์ปฐมอีก ที่พวกเขาเรียกกันว่า " บรมบิดาสวรรค์ " มันไม่ต่างอะไรกับ พระเจ้า ของศาสนาคิดดดเลย ขอให้พวกเราลูกศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ได้ตระหนักถึงพวกม้อดปลวกที่จะมาทำลายพระศาสนา ตอนนี้เยอะมากครับ ใช้กลเม็ดวิธีการแจกหนังสือ จับเข้าล้อมวงเชิญชวนบ้างว่าให้ไปพระนิพพานในชาตินี้ เป็นต้น
    ส่วนตัวผมเองตั้งใจไปอยู่แล้วครับชาตินี้ (จริงหรือเปล่าหนอ)
    อนุโมทนาครับ
    ขอยกพุทธวจน์เพื่อให้สังวรระวัง
    เหตุแห่งสังฆเภท
    ปัญหา ได้ทราบว่า การทำลายสงฆ์ให้แตกกันเป็นอนันตริยกรรมอย่างหนึ่ง อยากทราบว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้สงฆ์แตกแยกกัน ?

    <HR>

    พุทธดำรัสตอบ
    “.....ดูก่อนอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าไม่ใช่ธรรม ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่วินัยว่าเป็นวินัย ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นวินัยว่าไม่ใช่วินัย ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้กล่าวไว้ ไม่ได้บอกไว้ว่าตถาคตกล่าวไว้บอกไว้ ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตกล่าวไว้ บอกไว้ว่าตถาคตไม่ได้กล่าวไว้บอกไว้ ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่เคยประพฤติมาว่า ตถาคตเคยประพฤติมา ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตประพฤติมา ว่าตถาคตไม่เคยประพฤติมา ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ว่าตถาคตเคยบัญญัติไว้ ๑
    ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ ว่าตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ๑

    ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกันแยกจากกัน ทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์แยกจากกันด้วยสัตถุ ๑๐ ประการนี้ ดูก่อนอุบาลี สงฆ์ จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล ฯ”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2011
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ใช่ค่ะ ลัทธิต่างๆ ได้เข้ามาในประเทศไทยนานแล้ว และแพร่หลายเป็นกลุ่มๆ แต่ในอดีตการสื่อสารยังไม่กว้างไกล จึงมีผู้รู้เฉพาะเท่านั้น แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยระบบไอที จึงทำให้สามารถเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องเพราะชาวพุทธ ยังไม่เข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง จึงทำให้หลงทางไปกันมาก

    แต่ละลัทธิก็จะนำสิ่งสูงสุดในศาสนามาอ้าง เพื่อโนมน้าวดึงดูดบุคคลต่างๆ ให้เข้าร่วมลัทธิ สำหรับบทความด้านบนที่นำมาให้อ่านนั้น มีเจตนาเพียงต้องการให้เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ระลึกถึงเรื่องนิพพานเป็นหลักในการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เน้นปฏิบัติเพื่อให้ได้ฤทธิ์เพียงอย่างเดียว เพราะนั่นเป็นเพียงโลกิยะ แต่ถึงอย่างไร การที่นักปฏิบัีติจะก้าวล่วงไปสู่โลกุตตระ ก็ต้องผ่านด่านโลกิยะอยู่ดี แต่ขอให้แค่ผ่านอย่าไปยึดติด และให้มองว่านิพพานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักปฏิบัติหากท่านทั้งหลายมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ไม่ได้ถูกย้อมด้วยอวิชชา

    ส่วนสมเด็จองค์ปฐมนั้น เป็นเรื่องอจิณไตย ซึ่งไม่ต้องเป็นลัทธิก็นำมากล่าวอ้างกัน อย่างเช่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็ยังกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม

    เรื่องแสงทิพย์พระนิพพานเป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะได้ประสบมากับตัวเอง ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์นะ แต่สิ่งนี้ทำให้จิตเกาะแต่นิพพาน ไม่ต้องการการเวียนว่ายตายเกิดอีก

    ดิฉันเคยทดลองนั่งสมาธิกำหนดจิตขอรับแสงทิพย์นิพพาน หลังจากนั้น ก็สังเกตตัวเอง หลายๆ ครั้งที่ถูกผัสสะต่างๆ มากระทบแรงๆ จิตมักจะนิ่ง เพราะเห็นว่าเป็นธรรมดาของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วนเวียนอย่างนี้ไม่สิ้นสุด จนกระทั่งเบื่อหน่ายกับการตายแล้วเกิดประจำวัน คุณรู้มั้ยคนเราเกิด-ดับกันวันละเท่าไหร่ ไม่ใช่คนอื่นนะ ตัวเองนี่แหละ กิเลสมันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ มันดับไปวันละกี่ครั้ง เหนื่อยมั้ย สำหรับดิฉันรู้สึกเหนื่อยมาก เบื่อมาก จึงมุ่งหวังนิพพานในชาตินี้ เลิกเป็นคนบ้ากันได้แล้ว เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้
     
  9. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ใช่ๆๆๆ เกิดมาเนี๊ยมันทุกข์และน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน อยากจะเกิดกันอีกทำมัยหนอ มุ่งหน้าปฏิบัติเพื่อกลับสู่บ้านของเรากันเถิด
     
  10. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ศึกษาให้มากเถอะครับไม่ว่าทางไหนก็แล้วแต่ เพราะเราจะรู้เอง
    ว่าทางไหนเป็นทางที่ถูกต้อง ถ้าเราไม่ได้ศึกษาทางอื่นเลยเราก็
    จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทางที่เราเลือกนั้นดีที่สุดหรือไม่ ถ้ามีกล่อง
    สมบัติ 10 กล่องให้เราเลือก 1 กล่อง ถึงเราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดแต่
    ถ้าเราไม่ไปเปิดดูอีก 9 กล่องเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เราเลือก
    เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเราได้เปิดดูทั้ง 10 กล่องแล้วก็จะบอกกับตัว
    เองได้ว่าเราได้เลือกทางที่ดีที่สุดสิ้นสงสัยแล้ว ในสมัยที่พระพุทธ
    องค์ได้ประกาศพุทธศานาใหม่ ถ้าคนไม่ลองศึกษาพุทธศาสนาแต่
    เชื่อแค่ศาสนาเดิม ลัทธิเดิม อย่างอุปติสสะถ้ายังอยู่กับสัญชัยปริ
    พาชก ไม่สนใจศึกษาพุทธศาสนาก็จะไม่มีพระสารีบุตร
     
  11. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    จงอ่านด้วยปัญญา พิจารณาตามกำลังบารมีของแต่ละท่านนะคะ :cool:
     
  12. camrymax

    camrymax นายองครักษ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    469
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ผมเองก็ปราถนา พระนิพพาน เป็นที่สุดในชาตินี้เช่นกันครับ ...ในความทุกข์ต่างๆ นี้ผมเองก็

    รู้สึกเบื่อหนาย ในภพภูมิเช่นนี้ๆ แล้วเช่นกันครับ....ผมเองก็บอกตนเองทุกวันว่ากายนี้พัง

    กันเมื่อไหร่ ผมขอน้อมจิตไปพระนิพพานโดยทันที ....ขึ้นชื่อว่าการเกิดใดๆ ในวัฏสงสาร

    ไม่มีความปราถนา อีกแล้วละครับ......ชาิตินี้ผมขอมีกายนี้เป็นชาิตสุดท้าย...
     
  13. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    สาวใช้ "คุณนายขา ปลวกค่ะ"
    คุณนาย "เอาไบกอนฉีดเลยนังหนู"
    สาวใช้ "ไม่ล่ะค่ะกลัวบาป"
    คุณนาย "?????????"
     
  14. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +31
    ไปด้วยคน ไม่อยากเกิดอีก
     
  15. ไม่ใช่ใคร

    ไม่ใช่ใคร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +21
    ทุกขัง อนิจจัง อาจมีศาสนาอื่น ที่สั่งสอนได้

    แต่อนัตตา มีแต่พระพุทธเจ้า เท่านั้น ที่จะค้นพบ แล้วเอามาสั่งสอนได้

    ปล.นิพพานยังไม่ไปคร้าบบบ ยังสนุกที่จะเรียนอยู่ อยากเรียนให้รู้ทุกๆอย่าง อิอิ
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5A1gMSdbJLc&feature=mfu_in_order&list=UL]หลวงพ่อพุธ ฐานิโย,029 ถือแค่ศิลห้า บรรลุนิพพานได้หรือไม่,www TANIYO blogspot com - YouTube[/ame]
     
  17. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +729
    คร๊าบ สมเด็จพ่อ ลูกกำลังตามทางที่สมเด็จพ่อทรง ถากถางไว้ดีแล้ว ไปครับ
    ครั้งนึงขณะที่โมทนาบุญ ผมเห็นองค์เด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับผมว่า เธอจงข้ามมาเป็น อริยะชน และช่วยเหลือสัตย์โลกตามสมควรเถิด แล้วก็เห็นองค์พระตถาคต เดินนำหน้าไป ส่วนผมเดินตามหลัง องค์ท่าน และวันเข้าพรรษา ปีนี้ผมฝันว่า ผมได้เป็นพระและออกบิณฑบาตร ตามองค์พระตถาคตเช่นกัน และได้พบ ท่านบ่อย ๆ ในนิมิตรครับ และเมื่อเร็วๆนี้ ผมฝันเห็นพระครูบา องค์นึง สอนกรรมฐาน แก่ลูกศิษย์ และผมได้เข้าไปนั่งด้วย แต่ท่านหันมายิ้มกับผมและพูดว่า รอเดี๋ยวนะ แล้วก็ลุกเดินหายไป รอนานมากจน ต้องตื่นเลย ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกัน และไปเจอภาพในเวป สรุปคือ พระครูบาอริยชาต นั่นเองรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ เหมือนในฝันเปรี๊ยบ
     
  18. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    นิพพานไม่ใช่การมาการไป แต่เป็นการดับ รูป นาม อารมณ์
     
  19. gluay

    gluay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +181
    อยากหนีการ เวียน ว่าย ตาย เกิดแล้ว แต่กิเลสในใจมันหนาเหลือเกิน
     

แชร์หน้านี้

Loading...