สงสัยมานาน เเต่หาคําตอบไม่เจอ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นราสภา, 23 ธันวาคม 2011.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พี่ถ้าเเป็นอนาคามีแล้วมาบอกผมด้วย หรือเป็นอริยะบอกผม จะไปฟังธรรมทําบุญด้วยมีอานิสงฆ์มากอนุโมทนาบุญครับ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    เอ่อ มันมีแบบนี้ด้วยนะ

    คนทำสมาธิ เวลานั่งสมาธิแล้วไม่ส่งสายตาไปไกล ไม่ไปใส่ใจวัตถุอื่นๆ
    แล้วพยายามอยู่กับกายกับใจ คล้ายเหม่อแต่ไม่ได้เหม่อ สายตาเราจะเห็น
    ใกล้เข้ามาๆ ได้ 3 ระดับ คือ ระดับเล็นนอกกระจกตา ระดับเนื้อเยื่อเล็นตา
    และ ลึกลงมาที่ประสาทกระทบรูป

    ถ้าหากเห็นที่ระดับนอกกระจกตา พวกรอยช้ำเล็กน้อยๆ ตำหนิของเนื้อเยื่อบุ
    ตา เราก็จะเห็น ซึ่งจะเป็นรอยหลายรูปแบบ แต่จะเป็นที่เดิม พอเพ่งจะดู มัน
    จะเลื่อนหลบได้ จริงๆคือ มันผลิกไปตามการกลอกตา

    ถ้าเห็นระดับเนื้อเยื่อในตา อันนี้จะมาเห็น เจ้าฮีโม กับ โกลบิ้น วิ่งเล่นในเส้น
    เชือดฝอยของตาเรา จะเป็นดวงกลมๆ เลื่อมพรายเล็กน้อย แต่วิ่งในเส้นทางเดิม
    คือเส้นเลือด เส้นไหนใหญ่หน่อย ขดวนมากหน่อย อันนี้เราจะเห็นมันชัด ข้อสัง
    เกตคือมันจะวิ่งแนวเดิม ถ้าวางจิตให้นิ่งพอก็จะเห็นเต็มไปหมด เห็นได้ทุกเส้น

    ถ้าระดับจอกระทบแสงอันนี้ก็เห็นเป็นภาพแบบที่เราเห็นปรกติ แต่จะย้อนหลัง
    ภาพได้นิดหน่อย ถ้าเห็นคนเดินผ่านก็จะเห็นคนเดิม ปรากฏเห็นหลายคน ถ้า
    มองทิวทัศน์ก็สามารถไหลๆเหมือน คนอาการวิงเวียน ภาพมันจะเลื่อนๆ บวมๆ
    ไหลๆ แยกๆ รวมๆ เรียกว่าไปเห็นระดับการส่งสัญญาณเข้าจอประสาทตา

    ถ้าลึกกว่านี้ก็จะเป็นมโนวิญญาณ ก็จะเกิดแสงขาววับขึ้นมา ถ้ามาถึงตรงนี้
    ก็อีกเรืองหนึ่ง และ เรื่องเยอะมาก ก็ว่ากันไปตาม ชนิดกรรมฐานที่กำลังทำ
     
  3. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน )

    ซัวเจ๋ง , โบ๋เบ๋
     
  4. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ผมสงสัยว่าจะเป็นอาการของธรรมปิติ

    ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ.......ธรรมปิติ....โพสโดยคุณjoni_buddhist

    เจริญในธรรมครับ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320

    ภาษาพระ เขาเรียกว่าอาการของสมาธิ มีได้หลายแบบ แต่ละคนก็เป็นไม่เหมือนกัน
    บางคนเขาก็เป็น นิมิต เสียงในหัว วิตก วิจารณ์ ฟุ้งขึ้นมา ขนลุกขนตั้ง
    ยุบๆยิบๆ แสง สี เสียง สงบนิ่ง ควบคุมให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ แต่พอเป็นขึ้นมา
    จะรู้ตัวเพราะมีสติไวพอ บางคนเป็นวูบดิ่งหลับไม่รู้ตัวก็มีรู้สึกเวลามันหายไป
    แต่จริงๆคือขาดสติเข้าสงบนิ่งแล้วไม่รู้ก็หลงนิ่งหลับไป บางคนหลงเข้าฌาณ
    แล้วไม่รู้ตัวมีแต่ความสุขลืมวันลืมคืน หลงนิมิต หลงแสงสีเสียง อยากให้มีเยอะๆ
    ก็จะติดกับเรื่องยินดีชอบใจ อาการทั้งหมดเป็นเรื่องของจิต เราบังคับไม่ได้
    ทำได้คือรู้ทันอาการเป็นการเจริญสติรู้ทันจิตที่มันละเอียดขึ้น รู้อาการจิตที่
    มันละเอียดขึ้น ถ้าเราไปเผลอชอบใจเรื่องไหน จิตมันดิ่งเข้าแต่ตรงนั้น
    ทำให้ติดแหงกไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าเรารู้ทันทุกอาการด้วยสติ มันก็ก้าวหน้า
    ไปเรื่อยๆ ที่สำคัญเรื่องศีล ต้องมีเพื่อจะได้รักษาจิตให้เป็นปกติ ไม่หลงทาง
    เป็นการฝึกจิตให้รู้ผิดถูกรู้ดีรู้ชั่วรู้ละอายต่อบาป มีกรอบของศีลให้จิตมันเดินมรรคไป

    เวลาทำผิดศีลแล้วรู้ว่าผิด ต่อไปจิตมันก็จะรู้ละอายในการทำเรื่องผิด
    เรียกว่าเป็นการฝึกจิตให้รู้หิริโอตัปปะ รู้ดีรู้ขั่ว
    ถ้าเราทำผิดศีลแล้วเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ต่อไปจิตมันก็จะไม่รู้ไม่ชี้ด้วย
    แล้วถ้าทำผิดศีลแล้วชอบมีความสุข ต่อไปจิตมันก็จะชอบติดใจพาเราทำไปทางนั้น
    พูดในแง่ปุถุชน คนยังไม่มีปัญญานะ ต้องรู้เรื่องฝึกจิตให้ถูกทาง
    เพราะสิ่งที่เราฝึกจิตไปมันจะติดเป็นสันดาน เป็นนิสัยของเราไป

    พอเราฝึกทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ไปเรื่อยๆ จิตเดินมรรคไปถูกในทางมรรค8
    ก็นับได้ว่า เราปฏิบัติมาได้ถูกทางแล้ว กำลังใจก็มากขึ้นไป ก็จะมีใจทำความเพียรมากขึ้น

    หรืออย่างที่คุณพี่แดงแครี่ เขาแบ่งประสบการณ์ให้ฟังก็ดีนะ เข้าเค้าอยู่เหมือนกัน

    ทั้งหมดก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเอง เนาะ ช่วงจิตตั้งไข่ล้มก็เหมือนเด็กจะเริ่มเดิน
    ถ้าสอนเด็กถูกทางก็เจริญ ถ้าสอนผิดทางก็ตกคูเป็นโจรก็ได้ เพราะเด็กยังไม่มีปัญญารู้ผิดรู้ถูก
    ถ้ามีปัญญาแล้วก็เรียกว่าข้ามโคตร เอาตัวรอดได้แล้ว มีจิตรู้ดีรู้ชั่วรู้ละอายต่อบาป
    มีจิตรู้กล้วการทำผิดศีล

    หุหุ พล่ามซะยาวเลย นราสภา ใช้วิจารณญาณประกอบการรับรู้รับฟัง เนาะ
    เพราะพี่ขรัววิเคราะห์ไปตามที่อ่านและฟังมา

    ของสามีพี่ขรัว เขาเห็นหยดน้ำกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่รู้จะอาการเดียวกับนราสภารึป่าว
    จะบอกว่าคนที่ฝึกสมาธิมันมีอาการแบบนี้เกิดได้ทุกคน ถ้าไม่คิดไม่ยึดในอาการ
    ของสมาธิมันก็จะก้าวหน้าไป หรือจะทำวิจัยทำบ่อยๆให้คล่องให้รู้ชัดมันก็ได้อีก
    อยู่ที่เป้าหมายที่เราเลือกกำหนด เราจะรู้เองทำแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเรา
    ถ้าเลือกทำผิด ทำแล้วแป๊ก มันก็รู้เองได้เร็ว มีแต่ตัวเราที่รู้ตัวเองดีที่สุด

    มีเรื่องมรรค มีองค์ 8 มาฝาก

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=549 bgColor=#ffffcc align=center><TBODY><TR><TD colSpan=4>มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )

    </TD></TR><TR><TD></TD><TD colSpan=4>..(มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง)
    ..........แนวทางดำเนินอันประเสริฐของชีวิตหรือกาย วาจา ใจ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์
    .....เรียกว่า อริยมรรค แปลว่าทางอันประเสริฐ เป็นข้อปฏิบัติที่มีหลักไม่อ่อนแอ จนถึงกับ
    .....ตกอยู่ใต้อำนาจ ความอยากแห่งใจ แต่ก็ไม่แข็งตึงจนถึงกับเป็นการทรมานกายให้เหือด
    .....แห้งจากความสุขทางกาย เพราะฉะนั้นจึงได้เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือทางดำเนินสาย
    .....กลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะเช่นสายดนตรีที่เทียบเสียงได้ที่แล้ว


    ..........คำว่ามรรค แปลว่าทาง ในที่นี้หมายถึงทางเดินของใจ เป็นการเดินจากความทุกข์
    .....ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งมนุษย์หลงยึดถือและประกอบขึ้นใส่ตนด้วย
    .....อำนาจของอวิชชา
    ....มรรคมีองค์แปด คือต้องพร้อมเป็นอันเดียวกันทั้งแปดอย่างดุจเชือก
    .....ฟั่นแปดเกลียว องค์แปดคือ :-
    ..........1. สัมมาทิฏฐิ ิคือความเข้าใจถูกต้อง
    ..........2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    ..........3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง
    ..........4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    ..........5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง
    ..........6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    ..........7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    ..........8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
    .....การปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอน รวมลงในมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้ เมื่อย่นรวมกัน
    .....แล้วเหลือเพียง 3 คือ ศีล - สมาธิ - ปัญญา สรุปสั้น ๆ ก็คือ
    ...............การปฏิบัติธรรม(ศีล-สมาธิ-ปัญญา)ก็คือการเดินตามมรรค



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี http://www.learntripitaka.com/scruple/muck8.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2011
  6. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    อาการนี้เพิ่งสังเกตุได้มาไม่นานเท่าไร แต่ไม่ค่อยสนใจหาเหตุ
    คาดว่าเกิดจากการใช้กำลังสมาธิเพื่อกิจใดหนึ่ง มันมีอาการนี้เกิดก่อน
    มึนๆคึมๆหัว รึชาๆตัวบางครั้งใจเต้นแรง บางครั้งแรงมากแทบเป็นลม
    เหมือนเป็นอารมย์ใดหนึ่ง ไอ่เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยรวมใจใว้ในกาย
    รักษาอาการใจที่แปลกเพี้ยนไป แค่ รู้สึก ไม่เห็นรูป บางครั้งใจก็ไหล
    ไปตามอารมย์ เพราะเผลอยึดไป สังเกตุว่าถ้าดูห่างๆ รึหนีไปหาความสงบ
    หลังอาการคึมๆมึนหัวนั้นหายไป น้ำตาก็ไหลออกมา เดินทางสายตึงมามากเกินไป
    เลยค่อยไม่รู้จักผ่อนเท่าไร จิตเลยเกิดอาการต้าน ชอบนะแต่เกรงว่าจะหลงยึดในบางสิ่งบางอย่าง สภาวะใดที่เกิดขึ้นมาทุกสิ่งอย่างก้ต้องปลง ไม่ว่าสุขรึทุกข์
    สรุปว่าเรายังไม่รู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเท่าไร ต่อสภาวะที่เกิดขึ้น แหะ แหะ
     
  7. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ปีติในนิมิตชนิดหนึ่ง
    ที่มันไม่หายเพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไปจับมันอยู่นั่น
    มันเลยไม่ไปไหนครับ
    ยิ่งสงสัยยิ่งปรากฏเป็นอาการของวิปัสนูปกิเลสครับ
     
  8. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +729
    ไม่รู้อ่าครับ เพราะผมเห็นจิตตัวเอง เป็นแก้วระยิบระยับ สว่างไสว ตลอดเวลาเลย
     
  9. ekkapon.ch

    ekkapon.ch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +257
    ผมว่าอาการแบบนี้มันเกิดขึ้นกับแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน อย่างผมเวลาสวดมนต์จะเห็นแสงขาวๆลอยออกมาจากปาก บางทีเห็ยลอยมาจากไหนไม่รู้แว็บมาจากทางซ้ายไปทางขาว อันนี้เห็นข้างนอกกายครับ บางทีเกิดเป็นแสงกลมๆขึ้นตรงหน้าแล้วเป็นภาพเหตุการต่างๆ อันนี้ตาเห็นครับ ผมว่าไม่มันแปลกสำหรับคนฝึกสมาธิ เพราะว่ามันจะมีผลออกมาให้เห็นให้เจอในรูปแบบต่างๆเสมอ ครูบาอาจารย์ท่านบอกอย่าไปสงสัย ถ้าสงสัยมันจะติดพอได้ตำตอบอันนี้ อันหน้ามันเป็นอาการใหม่มา มันก็สงสัยอีก ของพวกนี้เวลาอยากได้หายหมดครับ
     
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    อันนี้ใช่เลยยยยยยยยยยย เเม่นมัน


    อันนี้ ที่พี่เเดงว่ามาใช่ เลยเจ้าค่ะ เเม่นมันเเน่นอนนนนนนนนนนน

    ในที่สุดก็เจอ พวกเดียวกันเเว้ววววววววว

    งั้นก็เเสดงว่า ในการวิ่งเข้าไปในสมาธิระดับ อุปจารสมาธิ ขั้นสุดท้ายนี่ เราจะรู้ตัว ก็ได้ หรือไม่รู้ตัวก็ได้ใช่ไหมค่ะ

    เพราะน้องไม่เคยวิ่งไปกําหนดมันซะที ว่า ขั้นนี้เรียกว่าอะไร เพราะเคยไปกําหนด ตามดูตามรู้ คอยเเต่มานั่งเทียบเคียง เทียบไปเทียบมา ปรากฎว่า มันไม่ยอมไปไหนเลยทีนี้ เอาเเต่นั่งเทียบ นั้น นู้น นี่ อยู่ อย่างนั้นเป็นนาน

    จนไปเจอ บทความบทนึงของ ลุงนิวร กับ ลุง ขัน บอกว่าถ้าไปมั่วเเต่นั่งรอ ไม่ก็ไม่ไปใหน มันก็จะจมอยู่อย่างนั้น

    ตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ ไม่เคยไปสนใจอะไรมันอีกเลย มันจะไปถึงใหน เขาเรียกว่าอะไร ก็ช่างมัน

    จนทุกวันนี้ เวลา เขาเีรียก เทียบเคียงลําดับต่างๆ ยังต้องกลับมาเปิดดู ในกรูเกิล เอาว่ามาตรงใหนกันหว่าาาาาาาาาาาาาา






    ถ้าเป็นเช่นที่พี่เเดงว่าจริง
    ก็เท่ากับว่า เราสามารถ เข้าออกสมาธิระดับ นั้นๆ ได้โดยไม่ต้องกําหนด หรือว่าเราอาจจะกําหนด เเต่ตามไม่ทัน จิต ตัวเองว่าเราลงไปกําหนด เเล้วเเบบนี้ มันจะไม่เรียกว่าหลง หรือค่ะ

    เอะ หรือว่า มันหลงกันเเน่หว่าาาาาาาาา ชักงง
     
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    นั่นสินะ แล้วมันยังไงล่ะ
    อะไร มันก็ไม่แน่ หรือแน่
    นราสภา แน่มั๋ย ตัวๆสู้ป่ะ
    จากแควนขับนรา

    รูปแทนตัวนรา ชอบๆ แหะๆ:boo:
     
  12. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    มีความน่าจะเป็น

    อันนี้ อันนี้
    คนทำสมาธิ เวลานั่งสมาธิแล้วไม่ส่งสายตาไปไกล ไม่ไปใส่ใจวัตถุอื่นๆ
    แล้วพยายามอยู่กับกายกับใจ คล้ายเหม่อแต่ไม่ได้เหม่อ สายตาเราจะเห็น
    ใกล้เข้ามาๆ ได้ 3 ระดับ คือ ระดับเล็นนอกกระจกตา ระดับเนื้อเยื่อเล็นตา
    และ ลึกลงมาที่ประสาทกระทบรูป

    ใช่ ใช่ ใช่
    ช่วงก่อนติดกับคําว่า ทรงฌาน น้องใช้คําว่าติดเพราะมันมีอาการ เมามัน ในระหว่างวันเกิดขึ้น
    อารมณ์ มันเหมือนจะพุ่งออกมา บด ขยี้ บี้ ให้มันทรงตัว พยายามเข้าไปฝืน บังคับ ใช้ทั้งคําภาวณา ใช้ ทั้งการเพ่ง เพราะอยากรู้ว่า เวลามันทรงกันทั้งวันเนี้ยยย มันจะเป็นยังไง มันเจ๋งยังไง

    เลยพยายาม บวก กับความอยากรู้อยากเห็นเป็นกําลัง
    เลยทํามันทุกวัน ทํามันทุกที่ ทุกเวลา จนเเม้เเต่เวลาที่ต้องทํางาน ที่ต้องใช้การเเยกประสาทการฟัง ก็ ยังพยายามมุด มันลงไปให้ได้ กระเสือกกระสน เเถม ดิ้นรน น่าดู

    เเต่ผลออกมาไม่ดี

    มารู้ทีหลังว่า สมาธิ มันจะทรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อ มันมีฐานที่นิ่งเป็นทุน ไม่เพ่ง ไม่ไปข่ม ไม่ฝืน เเล้วก็ไม่ไปดึงดัน

    เลยเปลี่ยนมาจับเอา ลม เเทน พอจับได้สักพักจนมันนิ่ง ก็ โยกมาจับเอาอารมณ์ต่อ อะไรวิ่งมาชน ก็เอาเเค่พอรู้ พอเข้าใจ เเล้วก็วางไว้

    ทีนี้ ระยะโฟกัสของสายตามันก็เลย ไม่ส่งออกไปไกลเกินกว่า เมตร เพราะมัวเเต่คอยตามจับเอาอารมณ์เป็นหลัก
    คอยดูนู้น ดูนี่ อยู่ห่างๆ

    ผล มันก็เลยมี พี่ หยด นี่เเถมตามมา ให้พอสงสัย จนถึงทุกวันนี้


    ว่าเเต่ว่า มันเป็นอาการทางกาย หรืออาการทางจิตกันเเน่ล่ะเจ้าค่ะ

    ขอโทษที่ งง บ่อย ถามบ่อย เเต่ก็อยากเข้าใจมันให้เห้น ให้มันหลุดไปเป็นเปาะๆ
    เพราะถ้า มันรู้เเล้ว เข้าใจเเล้ว มันจะได้วางอารมณ์ได้ถูกที่ ถูกทาง น่ะเจ้าค่ะ
     
  13. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    บางที เห็น ปลายจมูกตัวเองอ่ะ
    จมูกโด่ง
    นี่ๆ นราว่า จับลมนี่ จับไว้ตรงไหนเหรอ
    จับอยู่ไหม หรือว่ามีจุดผ่านอยู่ถึงรู้ลม จับลมแล้วโยกจับอารมณ์อืม มันก็วิ่งไปสองสิ

    หรือยังไง
    เอ๊ะ งง
     
  14. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    เเล้วก็อีกคําถาม ต่อกันไปเลยยยยยยยยยยย

    เรื่องของความ เมามัน กับอารมณ์ ที่ เวลาจิตมันทรงตัว

    น้องรู้สึกว่ามัน สนุกสนาน เบิกบาน ปนกับความ เมามันระดับที่ไม่ต่างกับลงไปกระโดดบันจี้จํ้าก็ไม่ปาน
    มันรู้สึก หมั่นเคี้ยวเข็ดฟัน ยังไงก็ไม่รู้

    ยิ่งเวลา จิตมันยกตัว เวลามีอะไรวิ่งเข้ามากระเเทกเเรงๆ ยิ่งมันเข้าไปใหญ่
    ยิ่ง เสียงด้วยเเล้ว ก็ ยิ่งอยากจะกระโดดเข้าไปใส่ มัน ให้รู้เเล้วรู้ เเรด
    ทีนี้ พอมันชนะ เอาชนะ จน มันหยุดความลําคาญลงไปได้ มันก็ยิ่งมัน ยิ่งอร่อย พาลไปเชื่อเชิญ ให้เสียงมันดังขึ้นอีก เอาอีก มีอีกไหม เหมือนใจมันทะนง ใน ตัวของมันเองน่ะเจ้าค่ะ

    ตอนขี่รถ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าทรงเอาไว้ได้ในระดับนึง เหมือน รถ มันเบา มันลอย มันยกตัวขึ้นเอง
    ก็ยิ่ง เติมกําลังลงไปอีก เติมมันเข้าไปเพิ่มมันลงไป ตรงใหนมันว่างๆ ตรงใหนที่มันนิ่งๆ ก็จะวิ่งเข้าไปจับ ไปยึด เเบบเบาๆ เน้นว่า ยึดเเบบเบาๆ
    เคยยึดเเบบเเน่นๆเต็มกําลังเเล้ว มันหลุด ออกมาจนเจอ ลม ตัวเอง
    เลยพายามยึดไว้เเค่ พอ เบาๆ

    หลังๆมามันสนุก มันเพลิน ลิ้นของใจเหมือนใจมัน สัมผัสได้ว่า มันมีรส มีชาด มันรู้สึก ลําพอง ในการเข้าไป ทรง เข้าไปประคองเอาไว้

    โอ้ยยยยยยยย ไม่รู้จะพูดยังไงดี อธิบายลําบาก
    เอาเป็นว่า มัน หมั่นเคี้ยววววววว อยากจะ ลงไปบี้ ไปขยี้ ให้มันเเหลกลงไป คา สติ เอาให้มัน เลี้ยเทะ กันไปข้างนึง



    เเบบนี้ต้องไปเเก้ตรงใหนดีเจ้าค่ะ
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ก็อย่าไปเอา ตรงที่มันรู้นอกๆ สิ เอาที่มัน รู้ ก็พอ แล้วมันก็จะเข้ามาเอง

    นี่กรณี ตา นะ ซึ่งหาก พิจารณามาตรง ภาพที่ประกอบตอนกระทบ
    ประสาทรับภาพของตา จะเห็นเลยว่า ภาพมันไม่ได้ต่อเนื่องกันเป็นรูป

    ทีมันเป็นรูปนิ่งๆได้ เพราะ สมองมันจัดเรียงให้ใหม่หมดแล้ว ถ้าเห็น
    ความแปรปรวนของ จักษุได้ ก็จะพบว่า ตามันไม่เที่ยง สายตามัน
    ไม่เที่ยง หรืออีกนัยหนึ่ง รู้พ้นบัญญัติเดิมๆได้ คราวนี้ ก็จะน้อมดู
    ใกล้ ดูไกลได้ ซุมได้ ย่อได้ ขยายได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะ

    "...จักษุมันเที่ยงหรือไม่เที่ยง..........." ตอบได้ชัดมันก็ปล่อย

    พอปล่อย คราวนี้ก็มี เรื่อง ปุญาภิสังขารอื่น ก็เป็นเรื่อง น้อมไปดู
    นิมิตผ่านจอฉายหนัง อันนี้ก็ไปได้ เพราะ มันเกิดแสงวับอย่างว่า
    เวลาปล่อย ถ้าจำสภาวะได้แม่น ก็น้อมเข้าไปตรงๆ ก็ไม่ต่าง
    อะไรกับ น้อมเข้าไปเพื่อถอดจิต แต่อันนี้ น้อมเข้าไปเพื่อดูภาพ
    ก่อนก็ได้ อนาคตก็ได้ แล้วแต่จะโน้มไปทางไหน ซึ่งก็ต้องรู้การ
    วางจิตให้โน้มไปให้แม่นด้วยเช่นกัน หากไม่แม่น ก็ไม่จริง

    ...เอ้อ อย่าไปพูดเรื่องพวกนี้เลย ...

    กลับมาหยุดที่รู้ รู้อยู่ที่ฐานดีกว่า จิตเกิดทางตาแล้วก็ดับ จิตเกิดทางหู
    แล้วก็ดับ ........ ดูอย่างนี้เรื่อยๆ มีประโยชน์กว่า
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ตรงเมามันส์ สังเกตไหม ว่า จิตมันจะถูกบีบคั้น ร่วมด้วย

    ถ้ามี จิตถูกบีบคั้นร่วมด้วย ตรงเนี่ยะ พระที่เลิศเจโตสมาธิ จะเอ็ดเอาเลยว่า นั่นจิตอกุศล
    อย่าไปยอมให้มันจูง อย่าให้มันย้่ำหัวใจเราชัดขนาดนั้น จะขาดทุน

    แต่ถ้ามันเบาๆ ไม่ย่ำแรง หรือ มีการกดหน่อยๆแต่ รู้อยู่ว่ากดหน่อยๆ ก็อนุโลม ไม่ว่ากัน

    จะให้ดี ก็ผ่องใส นุ่มนวล ควรแก่การงาน แบบนี้ จะเล่นอะไรเล่นไปเถอะ
    อันนี้สัมปชัญญะอยู่ครบนะ ไม่มีการเมามันส์ อยากเล่นต่อ อยากเล่นให้มากขึ้น

    พอพิจารณาไป จะค่อยๆทราบว่า มันน้อมไปเพื่อประโยชน์บางอย่าง ซึ่งประโยชน์
    นั้นจะเป็น เพื่อตัวเอง หรือ เพื่อผู้อื่น คนเป็นสาวกโดยมากก็จะน้อมเพื่อตัวเอง
    ส่วนพวกคนที่ไม่ได้เน้นเป็นสาวกธรรมดา ก็จะน้อมเพื่อผู้อื่น

    ซึ่งมันจะเกิดจากการอ่านตัวเองแล้วพบประโยชน์ของผู้อื่นนะ เรียกอีกอย่างว่า มีวาสนาต่อกัน

    ต่างจากหมอดู หรือ พวกขาดศีล มันจะดูเอาจากคนอื่น รู้จากคนอื่น แล้ว
    ก็นำออกไปใช้ประโยชน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2011
  17. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    เรียนตอบ พี่ นน

    เรื่องการเข้าไปจับใน ลม ของน้องนั้น

    จะใช้ในช่วงเเรกๆ ก่อนเข้าไป จะเรียกว่าเขาไปใหนดีหว่าาาาา

    เอาเ็ป็นว่ามันเข้าไปในที่ ที่ ไม่มีลมให้จับน่ะ เขาเรียกว่าอะไร
    เหมือน จิต มันทรงตัว มันยอบรับในสภาวะนั้นเเล้ว ลมมันจะหาย เหมือนเราไม่ได้ไปนึกถึงมัน ว่า มันอยู่ตรงใหน เพราะ ใจมันวิ่งไปจับ เเต่สิ่งที่กําลังทํา
    เเต่ถ้าไม่ได้ทําอะไร ก็ จะวิ่งไปจับเอา ความว่าง ไว้เป็นฐาน
    จะเรียกว่า มุดเขาไปเเอบ ก็ ได้ไม่ผิดนัก

    มันอยู่ที่ว่า น้อง จะทําอะไรหรือปล่าวน่ะค่ะ

    ถ้าไม่ได้ทําอะไร วันนี้ ตอนนี้ จะให้มันว่างๆ มันก็จะว่าง เเล้วก็ ว่างๆ เหมือนนิ่งโง้ เเต่มันไม่โง้ มันรู้ของมัน เสียงอะไรวิ่งมา ความไม่พอใจ ไม่พอใจ ตัวใหนมันวิ่งมาชนก็จะรู้ ของมันไปเรื่อย ๆ น่ะค่ะ

    ขอโทษที ไม่รู้ว่าเขาเรียกกันว่าอะไร


    ตามนั้นเเหล่ะค่ะ พี่ นน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2011
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ก็ไม่มีอะไรนี่ นราสภาคองเกรส

    ก็เรียกว่า ภาวนาสมาธิแบบพุทธ คือ ทำสมาธิด้วย สิ้นราคะด้วย หมดอัตตาด้วย
    แต่ก็ไม่หนีโลก ยังอยู่กับโลก ทำประโยชน์ต่อโลก ไม่ถือนิมิต ไม่มีที่ตั้ง
    ( เพราะอยู่ได้ทั้ง 3 โลก ในเวลาเดียว )

    ซึ่งก็คือ กายคตาสติ นี่แหละ คือ สุญญาตาสมาธิ นี่แหละ แต่ ตรงนี้ พี่มหายาน
    ไปร้อยคำจนกลาย เป็นโพธิสัตว์กันหมดโลก จริงๆไม่ใช่อย่างนั้น คำเดิมผมก็ว่า
    ไม่ใช่ แต่ พี่ไทยแปลกลับมาอีกที ใส่ไข่เพี้ยนไปเอง

    จะเห็นว่า สมาธิแบบพุทธ จะต่างกับ สมาธิของศาสนาอื่น แบบฟ้ากับเหว ของเขา
    นี่หากสิ้นตัณหา ราคะ เขาจะ สลบเหมือด ขาดสติ ขาดสัมปชัญญะ หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2011
  19. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,964
    ค่าพลัง:
    +359
    ตัวบุญ ตัวกุศลใดก็เเล้วเเต่ ที่เกิดเเต่กรรม บน กระทู้นี้ ถ้ามีตัว มีตน เห็นได้เป็น ทั้ง นามปธรรม เเละรูปธรรม ก็ดี

    ขอยกในกุศล นั้น จงเเผ่ไปถึงผู้ที่ สดับ เเละสอนสั่ง ในธรรมนั้นๆ ดีเเล้ว

    ขอให้ประสพความเจริญ ทั้ง กาย ใจ ในโลกนี้ เเละโลกหน้า หรือจะเอาโลกนู้น ด้วยก็ได้

    อนุโมทนาสาธุ

    ขอบคุณทุกๆ คําตอบเจ้าค๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
     

แชร์หน้านี้

Loading...