กรรมจากการด่าพระอริยะสงฆ์...ตัดเศียรพระ...ตายเกิดใหม่ กลายเป็นผีบ้า

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย จับตา, 29 ธันวาคม 2011.

  1. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    โรคจิตเภท คือ กลุ่มอาการของโรคจิต มีหลายชนิดและหลายสาเหตุ แต่โรคจิตเภทเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด มีความผิดปกติของความคิดเป็นลักษณะสำคัญ และมีการแสดงออกของพฤติกรรม การรับรู้อารมณ์ที่ผิดปกติ ไปจากคนทั่วไป
    อาการนำ

    ผู้ป่วยจิตเภทส่วนมากจะมีอาการต่างๆ เกิดขึ้นก่อนที่จะปรากฎอาการของโรคจิตอย่างชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงของนิสัยใจคอ และการกระทำผิดไปจากเดิม เช่น แยกตัว ไม่เข้าสังคม ไม่มีสัมพันธภาพกับใคร มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น พูดคนเดียว เก็บสะสมของที่ไม่มีประโยชน์ การทำงานบกพร่อง ไม่สนใจความสะอาดของร่างกาย และการแต่งตัว อารมณ์ทื่อ ไม่มีอารมณ์ หรืออารมณ์ไม่เหมาะสม พูดจากวน คลุมเครือไม่ปะติดปะต่อ มีความคิดแปลกๆ เช่น เชื่อในไสยศาสตร์ และโทรจิตแปลกๆ เป็นต้น
    อาการของโรคจิตอย่างชัดเจน ได้แก่

    อาการหลงผิด มีความคิดไม่อยู่ในความเป็นจริง มีความเชื่อที่ผิดๆ ไม่เป็นความจริง เช่น หลงผิดหวาดระแวง เชื่อว่ามีคนคอยหลั่นแกล้ง ไม่หวังดี หรือจะทำร้ายตน เชื่อว่าบุคคลอื่นกำลังพูดคุยในเรื่องของตน เชื่อว่าตนเองเป็นบุคคลสำคัญ เชื่อว่ามีวิญญาณอยู่ภายในร่างคอยบอกให้ทำสิ่งต่างๆ

    ความคิดผิดปกติอื่นๆ เช่น พูดไม่เป็นเรื่อง ไม่เป็นราว พูดไม่ต่อเนื่อง ตอบไม่ตรงคำถาม ถามอย่างตอบอย่าง เปลี่ยนเรื่องพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเหตุผล บางครั้งพูดคำศัพท์แปลกๆ โดยผู้ฟังไม่เข้าใจความหมาย

    มีอาการผิดปกติของการรับรู้ เช่น ประสาทหลอนมีการรับรู้ทางประสาทสัมผัส เช่น ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง โดยที่ไม่มีสิ่งกระตุ้นจริง ที่พบบ่อยคือ ประสาทหลอนทางเสียง หรือหูแว่ว ได้ยินเป็นเสียงคนพูดคุย เสียงคนด่าว่า พูดตำหนิ พูดโต้ตอบเสียงคนนั้นคนเดียว หรือสั่งให้ผู้ป่วยกระทำตามโดยที่การกระทำนั้นอาจเกิดผลเสีย หรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย และคนรอบข้าง บางรายอาจมีอาการภาพหลอน ร่วมกับอาการหูแว่วได้

    พฤติกรรมผิดปกติ เช่น พฤติกรรมเปลี่ยนไป นอนไม่หลับ วุ่นวาย พูดคนเดียว ทำท่าแปลกที่ไม่มีใครเข้าใจความหมาย ยิ้มหัวเราะ หรือร้องไห้สลับกันเป็นพักๆ โดยไม่มีเหตุผล
    อะไรคือสาเหตุ

    ปัจจัยทางร่างกาย พบว่ามีปัจจัยหลายปราการ เช่น เกิดจากความผิดปกติของสมองบางส่วนโดยอาจขาดการกระตุ้นให้ทำงาน จากสารสื่อนำประสาทบางชนิดในสมอง หรือก็คือสารสื่อนำประสาทบางชนิดในสมองของผู้ป่วยจิตเภทผิดปกติไปจากคนทั่วไป การทำงานผิดปกติของสมอง หลังจากเสพสุรา เช่น ยาม้า กัญชา กระท่อม การติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น มาเลเรียขึ้นสมอง ซิฟิลิสขึ้นสมอง เอดส์การได้รับอุบัติเหตุอันตรายทางศีรษะ เกิดการเปลี่ยนแปลงของสมอง เช่น สมองเสื่อม เนื้องอกในสมอง และจากกรรมพันธุ์เป็นต้น

    ปัจจัยทางจิตสังคม ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการสำหรับ ผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง ของโรคจิตเภทแต่อย่างใด เช่น ความเสียใจ ความขัดแย้งในใจอย่างรุนแรงความเครียดในชีวิต ความกดดัน ทางสังคมสิ่งแวดล้อม ที่หาทางออกไม่ได้ เช่น ความยากจน การขาดทุน

    ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือไม่มีคนใดคนหนึ่ง หรือครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของโรคจิตเภท แต่ในทางกลับกัน ทุกคนในครอบครัวจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในช่วยการช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยจิตเภท
    จะช่วยเหลืออย่างไรเมื่อเริ่มมีอาการ

    ญาติต้องเข้าใจว่า โรคจิตไม่ใช่เรื่องของผีเข้า หรือไสยศาสตร์ การรักษาด้วยวิธีแผนปัจจุบัน จะได้ผลดีและรวดเร็วกว่า

    ญาติควรให้การดูแล เอาใจใส่ ให้กำลังใจ ไม่ทอดทิ้ง ควรพูดคุยและรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของผู้ป่วยด้วยใจเป็นกลาง ให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความตึงเครียดออกมา หลีกเลี่ยงภาวะต่างๆ เช่น สุรา ยาเสพติด การอดนอน การล้อเลียนจากเพื่อนบ้าน ญาติควรสังเกตและติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วยถ้าหากมีอาการมากขึ้นให้รีบพามาพบแพทย์โดยเร็ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2011
  2. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    ความรู้สุขภาพจิตสำหรับประชาชน >โรคจิตต่างจากโรคประสาทอย่างไร

    <HR>คือคำถามของสื่อมวลชนถามผู้อำนวยการของโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 ในโอกาสที่โรงพยาบาลจัดสัมมนาในโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ร่วมสรรค์สร้าง TO BE NUMBER ONE ณ ห้องประชุมของโรงพยาบาล
    นับว่าเป็นคำถามที่สำคัญยิ่งเพราะถ้าใครต้องเดินเข้ามารักษาที่รพ.จิตเวชต่าง ๆ ของกรมสุขภาพจิตหลายคนจะพูดว่าเป็นโรคบ้า บางคนเรียกวิกลจริตทุกคนถือเป็นการเหมารวมที่ไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาลจิตเวช แท้จริงแล้วมีความต่างกันอยู่จึงขอเล่ารายละเอียดข้อมูลจากบทความสุขภาพจิตใน 1667 ของกรมสุขภาพจิต ดังนี้
    คนเป็นโรคจิตหรือคนวิกลจริต คนทั่วไปมักเรียกว่า "คนบ้า" ซึ่งจะสังเกต ได้จากการแสดงออกที่แตกต่างไปจากคนปกติทั่วไปเช่น หัวเราะคนเดียว พูดคนเดียว มี หูแว่ว เห็นภาพหลอนมีพฤติกรรมแปลก ๆ เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น แก้ผ้าในที่สาธารณะ พูดจาไม่รู้เรื่อง ความคิดผิดปกติไปจากเดิม คิดว่าตนเองเป็นใหญ่ เป็นโต เป็นดารา เป็นผู้วิเศษ เหาะเหินเดินอากาศได้ บางคนมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่นจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ผู้ป่วยโรคจิตในระยะเริ่มแรกนั้นสังเกตได้ค่อนข้างยาก โดยส่วนใหญ่แล้วคน ใกล้ชิดกว่าจะรู้ก็ต่อเมื่อมีอาการเป็นมากแล้ว ซึ่งอาการที่เรามักสังเกตเห็นนั้นอาจมีลักษณะดังนี้ คือ
    บุคลิกภาพหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และผิดปกติไปจากสังคมทั่วไป ซึ่งส่วนมากจะมีลักษณะประหลาดหรือไม่ถูกกาลเทศะ เช่น เคยเป็นคนสะอาดเรียบร้อยก็กลายเป็นคนสกปรกมอมแมม คนที่เคยสุภาพกลายเป็นคนหยาบคาย ทะลึ่งตึงตัง หรือร้องรำทำเพลงตามถนน หนทาง พูดเพ้อเจ้อไม่ได้เรื่องราว
    ในด้านความคิด ผู้ป่วยโรคจิตบางคนจะคิดหรือเห็นในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เช่น หลงผิดคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ หรือคิดว่าจะมีคนทำร้ายทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่มี บางคนจะรับรู้ หรือมีสัมผัสสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเช่น หูแว่ว ได้ยินเสียงคนมาพูด บางรายมีภาพหลอนโดยเห็นภาพต่าง ๆ ไปเอง
    ในด้านอารมณ์ ผู้ป่วยโรคจิตจะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปได้มาก เช่น แสดงอารมณ์ ไม่สอดคล้องกับความนึกคิด หรือสภาพแวดล้อม เมื่อพูดเรื่องเศร้าเช่น แม่ตายกลับแสดงอาการหัวเราะชอบใจ หรือมีอาการเหมือนทองไม่รู้ร้อน ถ้าคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดป่วยเป็นโรคจิต และได้รับการรักษาแล้ว กลับไปบ้าน คุณสามารถสังเกตอาการที่กลับเป็นซ้ำได้ โดยมีอาการเตือนที่พบได้บ่อย ๆ เช่น รู้สึกตึงเครียด กระวนกระวาย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ขาดสมาธิ เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข เบื่ออาหาร กินได้น้อย ความจำไม่ดี ย้ำคิดย้ำทำ ไม่อยากพบปะผู้คน รู้สึกว่าถูกคนอื่นนินทาว่าร้าย ไม่สนใจสิ่งรอบ ๆ ตัว มีอาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน รู้สึกไร้ค่า คิดฟุ้งซ่าน

    โรคประสาทมีหลายประเภท ได้แก่ โรคประสาทวิตกกังวลทั่วไป โรคประสาท กลัวอะไรเฉพาะอย่าง โรคประสาทวิตกกังวลเกี่ยวกับเจ็บป่วยของร่างกาย โรคประสาทตื่นตกใจง่าย โรคประสาทกลัวที่โล่งแจ้ง โรคประสาท กลัวการเข้าสังคมและโรคประสาทย้ำคิดย้ำทำ และการที่บุคคลจะป่วยเป็นโรคประสาทชนิดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของบุคลิกภาพของผู้นั้นว่ามีลักษณะเช่นไร เช่น โรคประสาทย้ำคิดย้ำทำ มักพบในบุคคลที่มีบุคลิกภาพเจ้าระเบียบหรือสมบูรณ์แบบ
    อาการไม่รุนแรงเท่าโรคจิต อาการเด่น ๆ ของโรคประสาท จะมีความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลเป็นอาการหลัก โดยความกลัวจะเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้าที่เห็นได้ชัด เช่น กลัวเสือ กลัวความมืด กลัวการอยู่ในที่แคบ ๆ เป็นต้น ส่วนความวิตกกังวลคือ ความกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เช่น กังวลเกี่ยวกับผลสอบเอ็นทรานซ์ ทั้งที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา เมื่อความกลัวหรือความวิตกกังวลเกิดขึ้น จะมีผลต่อพฤติกรรมของคนเรา ทำให้อาการทางกายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ เช่น หัวใจเต้นแรง หายใจไม่อิ่ม ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดหรือเวียนศีรษะ และบางคนอาจเกิดปฏิกิริยาต่อความกลัวในขั้นรุนแรง จะมีอาการตื่นกลัวและตกใจอย่างมาก ถึงขนาดจะเป็นลมหมดสติ และถ้าความกลัวหรือความกังวลเกิดอยู่นาน ๆ บุคคลนั้นจะรู้สึกเหนื่อยเชื่องช้าลง ซึมเศร้า กินอะไรไม่ลง นอนไม่หลับ หรือฝันร้ายบ่อย ๆ และจะคอยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คล้าย ๆ กันนั้นอยู่บ่อย ๆ จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตได้
    กล่าวโดยสรุป ผู้ป่วยโรคประสาทจะมีอาการดังนี้คือ
    1. วิตกกังวล กลัว ย้ำคิดย้ำทำ
    2. อาการดังกล่าวมีมาก จนกระทบกระเทือนต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่นการกิตอยู่หลับนอน การทำงาน และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
    3. รู้ตัวเองดีว่ามีอาการผิดปกติ
    4. รู้สึกทรมานกับอาการที่เป็นอยู่ และต้องการการรักษาถ้าคุณมีอาการดังกล่าวมาทั้ง 4 ข้อ ขอให้รีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
     
  3. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    โรคแพนิก Panic Disorder

    โรคแพนิค (Panic Disorder)
    (infomental)
    โดย : ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์

    โรคแพนิค เป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีคนเป็นกันมากและเป็นกันมานานแล้ว แต่ประชาชนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้จักและยังไม่มีชื่อโรคอย่างเป็นทางการในภาษาไทย บางคนอาจเรียกโรคนี้ว่า "หัวใจอ่อน" หรือ " ประสาทลงหัวใจ" แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ไม่มีปัญหาอะไรที่หัวใจ และ ไม่มีอันตราย เวลามีอาการผู้ป่วย จะรู้สึกใจสั่นหัวใจเต้นแรง อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน หรือหายไม่เต็มอิ่ม ขาสั่น มือสั่น มือเย็น บางคนจะมีอาการวิงเวียนหรือมึนศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน ขณะมีอาการผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัวด้วย

    โดยที่ส่วนใหญ่ผู้ป่วย โรคแพนิค จะกลัวว่าตัวเองกำลังจะตาย กลัวเป็นโรคหัวใจ บางคนกลัวว่าตนกำลังจะเสียสติหรือเป็นบ้า อาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นทันทีและค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มที่ในเวลาประมาณ 10 นาที คงอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ทุเลาลง อาการมักจะหายหรือเกือบหายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากอาการแพนิคหายผู้ป่วยมักจะเพลีย และในช่วงที่ไม่มีอาการผู้ป่วยมักจะกังวลกลัวว่าจะเป็นอีก

    อาการ โรคแพนิค จะเกิดที่ไหนเมื่อไรก็ได้และคาดเดาได้ยาก แต่ผู้ป่วยมักพยายามสังเกตุ และเชื่อมโยงหาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เพื่อที่ตนจะได้หลีกเลี่ยง และรู้สึกว่าสามารถควบคุมมันได้บ้าง เช่น ผู้ป่วยบางราย ไปเกิดอาการขณะขับรถก็จะไม่กล้าขับรถ บางรายเกิดอาการขณะกำลังเดินข้ามสะพานลอยก็จะไม่กล้าขึ้นสะพานลอย ผู้ป่วยบางรายไม่กล้าไปไหนคนเดียว หรือไม่กล้าอยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าถ้าเกิดอาการขึ้นมาอีกจะไม่มีใครช่วย ในบางรายอาจมีเหตุกระตุ้นจริงๆบางอย่างได้ เช่น การออกกำลังหนัก ๆ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำโคล่า ในกรณีแบบนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

    ขณะเกิดอาการ ผู้ป่วย โรคแพนิค มักกลัวและรีบไปโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินมักตรวจไม่พบความผิดปกติ และมักได้รับการสรุปว่าเป็นอาการเครียดหรือคิดมาก ซึ่งผู้ป่วยก็มักยอมรับไม่ได้และปฏิเสธว่าไม่ได้เครียด เมื่อเกิดอาการอีกในครั้งต่อมา ผู้ป่วยก็จะไปโรงพยาบาลอื่นและมักได้คำตอบแบบเดียวกัน ผู้ป่วย โรคแพนิค หลาย ๆ รายไปปรึกษาแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพ โดยเฉพาะหัวใจซึ่งก็มักได้รับการตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด และไม่พบความผิดปกติอะไรที่สามารถอธิบายอาการดังกล่าวได้

    ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผู้ป่วยกังวลมากขึ้นไปอีก อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเรียกว่า อาการแพนิค (panic attack) ซึ่งแปลว่า "ตื่นตระหนก" เราจะสังเกตุได้ว่าอาการต่าง ๆ จะคล้ายกับอาการของคนที่กำลังตื่นตระหนก ใน โรคแพนิค ผู้ป่วยจะเกิดอาการแพนิคนี้ขึ้นมาเอง โดยไม่มีเหตุกระตุ้น และคาดเดาไม่ถูกว่าเมื่อไรจะเป็นเมื่อไรจะไม่เป็น การไม่รู้ว่าตนกำลังเป็นอะไรจะยิ่งเพิ่มความตื่นตระหนกให้รุนแรงขึ้น

    อาการแพนิค ไม่มีอันตราย อาการนี้ทำให้เกิดความไม่สบายเท่านั้นแต่ ไม่มีอันตราย สังเกตุได้จากการที่ผู้ป่วยมักจะ มีอาการมานาน บางคนเป็นมาหลายปี เกิดอาการแพนิคมาเป็นร้อยครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักที บางคนเป็นทีไรต้องรีบไปโรงพยาบาล "แทบไม่ทัน" แต่ไม่ว่ารถจะติดอย่างไรก็ไป "ทัน" ทุกครั้งเพราะอาการ แพนิค ไม่มีอันตราย

    ในปัจจุบันเราพอจะทราบว่าผู้ป่วย โรคแพนิค มีปัญหาในการทำงานของสมองส่วนที่ทำให้เกิดอาการ “ตื่นตระหนก” โดยเป็น ความผิดปกติของสารสื่อนำประสาท บางอย่างเราจึงสามารถรักษาโรคนี้ได้ด้วยยา ยาที่ใช้รักษา โรคแพนิค จะมี 2 กลุ่ม คือ

    [​IMG]1. ยาป้องกัน เป็นยาที่ออกฤทธิ์ช้า ปรับยาครั้งหนึ่งต้องรอ 2-3 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผลคืออาการแพนิคจะห่างลง และเมื่อเป็นขึ้นมาอาการก็จะเบาลงด้วย เมื่อยาออกฤทธิ์เต็มที่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแพนิคเกิดขึ้นเลย ยากลุ่มนี้จะเป็นยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าบางตัว เช่น เล็กซาโปร (lexapro) โปรแซก (prozac) โซลอฟ (zoloft) ยากลุ่มนี้ไม่ทำให้เกิดการติดยาและสามารถหยุดยาได้เมื่อโรคหาย ในการรักษาด้วยยาเราจะจ่ายทั้งยาป้องกันและยาแก้

    เพราะในช่วงแรก ๆ ยาป้องกันยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจะยังมีอาการจึงยังต้องใช้ยาแก้อยู่ เมื่อยาป้องกันเริ่มออกฤทธิ์ผู้ป่วยจะกินยาแก้น้อยลงเอง แพทย์จะค่อยๆเพิ่มยาป้องกันจนผู้ป่วย "หายสนิท" คือไม่มีอาการเลย แล้วให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อไปเป็นเวลา 8-12 เดือน หลังจากนั้นจะให้ผู้ป่วยค่อยๆ หยุดยา ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถหยุดยาได้โดยไม่มีอาการกลับมาอีก แต่ก็มีบางรายที่มีอาการอีกเมื่อลดยาลง ในกรณีแบบนี้เราจะเพิ่มยากลับขึ้นไปใหม่แล้วค่อย ๆ ลดยาลงช้า ๆ

    [​IMG]2. ยาแก้ เป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็ว ใช้เฉพาะเมื่อเกิดอาการขึ้นมา เป็นทีกินที กินแล้วหายเร็ว ได้แก่ยาที่คนทั่วไปรู้จักกันในนามของยา “กล่อมประสาท” หรือยา “คลายกังวล” เช่น แวเลี่ยม (valium) แซแนก (xanax) อะติแวน (ativan) ยาประเภทนี้มีความปลอดภัยสูง (แปลว่าไม่มีพิษ ไม่ทำลายตับ ไม่ทำลายไต) แต่ถ้ารับประทาน ติดต่อกันนานๆ (2-3 สัปดาห์ขึ้นไป) จะเกิดการติดยาและเลิกยากและเมื่อหยุดยากระทันหันจะเกิดอาการขาดยา ซึ่งจะมีอาการเหมือนอาการแพนิค ทำให้แยกแยะไม่ได้ว่าหายหรือยัง ดังนั้นแพทย์จะเน้นกับผู้ป่วยว่าให้กินเฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น ยังไม่เป็นห้ามกิน รอให้เริ่มมีอาการแล้วค่อยกินก็ทันเพราะมันออกฤทธิ์เร็ว
     
  4. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    เดินเเบกถุงปุ๋ย รองเท้าไม่ใส่ผมไม่ตัด น้ำไม่อาบ กินอะไรก็ได้ที่คนให้ นอนตามป้ายรถเมย์ ซอกตึก
    ผู้รู้บอกว่าในอตีดชาติเคยกล่าวตำหนิ ติเตียนพระอริยะสงฆ์ เเละเคยลักตัดเศียรพระพุทธรูป ชาตินี้จึงต้องมารับกรรมหนัก..ไม่มีทางรักษาให้หายขาด...จึงต้องเป็นผีบ้าตลอดไป
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    สมัยเด็กๆ เคยเห็นบ่อยมากค่ะ ปัจจุบันก็ยังเห็น น่าสงสารมากนะคะ...
     
  6. toypo

    toypo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +131
    สัตร์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
    เป็นผู้รับผลของกรรม
    มีกรรมเป็นกำเนิด
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ
    มีเป็นสิ่งผึ่งพาอาศัย
    ทำกรรมใดใว้
    ดีก็ตาม
    ชั่วก็ตาม
    ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น
    น่าสงสารจริงๆ
     
  7. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    ผู้รู้บอกว่าในอตีดชาติเคยกล่าวตำหนิ ติเตียนพระอริยะสงฆ์ เเละเคยลักตัดเศียรพระพุทธรูป ชาตินี้จึงต้องมารับกรรมหนัก..ไม่มีทางรักษาให้หายขาด...จึงต้องเป็นผีบ้าตลอดชาติ... เวลาเจอเขาเหล่านี้ อย่าได้ไปด่า เขากรรมจะย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง ที่เขาเป็นอยู่ก็น่าสงสารพอเเล้ว มีขนม มีข้าวขับรถตามถนน ไปต่างจังหวัดจะเจอบ่อยๆ เมื่อตอนเด็กๆกลัวมาก อย่าไปนะทางนั้น มันมีผีบ้า...หยุดทันทีกลัว..บอกตรงๆ <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2011
  8. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    มีนักเรียนคนหนึ่งมีกรรมหนักติดตัวมาชาตินี้ คือเตะเศียรพระที่หักหล่นกับพื้นเล่นด้วยความคึกคะนอง ชาตินี้ข้อเท้าบิด แต่ก็สามารถผ่าตัดแก้ไขได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
  9. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    สังเกตว่าถ้าไปวัดท่าซุงที่ อุทัยธานี บทสวดที่ต้องมีทุกครั้งคือ การขอขมาพระรัตนตรัย
    การขมาต้องทำบ่อยๆ(ทุกวันตลอดหนึ่งเดือน)จนซึมซับเข้าไปในกมล แล้วแม้แต่การคิดปรามาสในใจก็จะไม่มี เมื่อนั้นกรรมที่จะทำให้เป็นผีบ้าก็จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
     
  10. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    พระท่านจะดีบ่ดีก็เรื่องของท่าน ขอทุกคนจงเกรงใจในผ้าเหลืองก็พอ
    ทำผิดก็ยังต้องให้สึกก่อน นะทุกคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...