ข้อความจากต่างมิติ - กฎแห่งการดึงดูด (ทำไมและเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล), สภาวะนิพพาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 16 ตุลาคม 2011.

  1. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897

    ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ
    คุณนอกโลก ก็น่ารักใช่ย่อยจ้า
    user ที่ใช้ ก็เท่ห์ดีค่ะ บ่งบอกถึงความพยายามที่มุ่งมั่น
    ที่จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก
    ...Keep สิ่งดีๆที่เป็นเอกลักษณ์ของตนไว้นะคะ
    แล้วคุณจะดึงดูดให้รอบๆกายของคุณนอกโลก
    เป็นได้ดั่งใจหมาย...ค่ะ

    สวัสดีปีใหม่ ทุกๆคนค่ะ

    ขอโพสต์ ต่อเลยนะค่ะ
     
  2. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 25

    จิตคือ ผู้สร้าง (Mind is the Builder)

    จิตคือผู้สร้าง และพลังแห่งเจตนาที่มุ่งมั่นจดจ่อ คือผู้กระตุ้นให้เกิดการทำงานขึ้น

    ยิ่งพวกคุณมีความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมพอมากเท่าไหร่
    ความถี่ของพวกคุณก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้นด้วย

    การเรียนรู้ที่จะตั้งโปรแกรมให้กับสมองเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
    สมองคือคอมพิวเตอร์ชีวภาพ ที่มีฟิลเตอร์แบบ 3 มิติ และมีโปรแกรมต่างๆแบบ 3 มิติ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

    เว้นแต่ว่า พวกคุณจะเกิดในวิหารของทิเบต (Tibetan Monastery) เท่านั้น
    ไม่งั้นแล้วการตั้งโปรแกรมสมองของพวกคุณ ก็จะมาจากสิ่งที่พวกเราจะเรียกว่า
    “การปลูกฝังเชิงสังคม-วัฒนธรรม” (socio-cultural indoctrinations)

    การตั้งโปรแกรมโดยสังคมส่วนใหญ่ จะสั่งสอนให้พวกคุณยอมรับมุมมองอันคับแคบมากๆ
    เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ และศักยภาพของมนุษย์

    พวกคุณถูกสอนให้เชื่อแต่เพียงในสิ่งที่พวกคุณสามารถสัมผัสได้ด้วยอายตนะทั้ง 5
    ซึ่งได้แก่ การเห็น การได้ยิน การลิ้มรส การได้กลิ่น และการสัมผัสเท่านั้น

    ที่รักทั้งหลาย จงรู้ไว้ว่า
    โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพ ที่พวกคุณมองเห็นอยู่รอบๆตัวพวกคุณนี้
    คือมายาการ ที่พวกคุณแปลความหมาย
    และฉายภาพมันออกมาจากความรู้สึกของพวกคุณเองทั้งสิ้น

    มันถูกรับรู้ด้วยตา แล้วถูกส่งผ่านจักษุประสาทไปยังสมอง
    แล้วสิ่งที่ได้รับรู้มา ก็จะไปกระตุ้นเซลล์ประสาททั้งหลายที่อยู่ในสมอง
    จากนั้นก็จะมีการตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ผ่านทางปฏิกิริยาชีวเคมี
    ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับความร้อนโดยธรรมชาติ

    เพราะโดยทั่วไปแล้ว พวกคุณจะเชื่อในสิ่งที่พวกคุณมองเห็น ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส หรือได้ยิน
    ดังนั้น พวกคุณจึงจะยอมรับมัน พวกคุณเชื่อว่ามันเป็นความจริง
    แล้วพวกคุณก็ตัดสินลงไปว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจ
    จากนั้นสมองก็จะปลดปล่อยเซลล์ประสาททั้งหลายที่ขึ้นอยู่กับความชอบหรือไม่ชอบเหล่านั้น ให้ออกมาทำงาน

    นี่เป็นวิธีการทำงานของโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ และคือวิธีการดึงดูดของพวกคุณ
    แรกเริ่มพวกคุณจะถูกดึงดูดโดยคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เช่น มีเสียงที่ไพเราะ และมีกลิ่นกายที่หอม!

    พวกคุณใช้ความรู้สึกทางกายภาพของพวกคุณ
    เป็นตัวบอกว่าใช่หรือไม่ใช่

    ในทำนองเดียวกัน สมองก็จะเกิดความคิดขึ้นว่า จะยอมรับ หรือปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นดี
    ขึ้นอยู่กับว่าตัวแปรต่างๆถูกตั้งโปรแกรมไว้อย่างไร

    แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว สมองไม่อาจแยกแยะความแตกต่าง
    ระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง กับเหตุการณ์ที่เป็นแค่สภาวะทางจิตใดๆได้เลย
    เช่น ความฝัน เป็นต้น ดังนั้น ในจิตใจแบบหลากมิติแล้ว ทั้งสองอย่างนี้ จึงไม่แตกต่างกัน

    และถึงแม้ว่าสมองของมนุษย์จะมีความสามารถในการรับรู้ข้อมูลและความถี่ต่างๆ
    จากขอบเขตที่อยู่เหนือมิติที่ 3 ขึ้นไปได้ก็ตาม
    แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ ก็จะตั้งโปรแกรมให้มันปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง
    ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตคลื่นความถี่ของมิติที่ 3
    ซึ่งสอดคล้องกับอายตนะรับความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี

    ดังนั้น คอมพิวเตอร์สมองเครื่องนี้ จึงรับรู้ได้เฉพาะแต่สิ่งที่พวกคุณอนุญาตให้มันรับรู้ได้เท่านั้น

    การตั้งโปรแกรมตามกรอบแนวคิดที่คับแคบแบบนั้น จะทำให้มีเพียงบางส่วนของสมองของพวกคุณเท่านั้น ที่จะถูกกระตุ้น
    นั่นก็คือ สมองซีกขวาและซีกซ้ายของสมองส่วนหน้าด้านบน (upper cerebrum)
    และบางส่วนของสมองส่วนหลังด้านล่าง (lower cerebellum)

    ซึ่งรวมกันแล้ว จะครอบคลุมกิจกรรมการทำงานเพียงแค่ 10-12 % ของสมองเท่านั้นเอง
    กระบวนการและกิจกรรมการทำงานของสมองส่วนหน้าทั้งสองซีก ที่จัดอยู่ในส่วนของสมองส่วนนอก (neocortex) นี้
    จะทำหน้าที่หลัก อยู่แต่ในขอบเขตของมิติทางกายภาพเท่านั้น

    [​IMG]

    Note :
    ซีรีบรัม (cerebrum) สมองส่วนหน้าหรือสมองใหญ่ แบ่งเป็น 2 ซีก
    โดยสมองใหญ่ซีกซ้ายจะควบคุมร่างกายซีกขวา สมองใหญ่ซีกขวาจะควบคุมร่างกายซีกซ้าย
    นอกจากนี้สมองส่วนเซรีบรัมยังแบ่งเป็น 5 พู เพื่อควบคุมการทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
    ในส่วนต่างๆได้แก่การควบคุมเกี่ยวกับความคิด ความจำ เชาว์ปัญญา

    สมองชั้นนอก (The Neocortex)
    สมองส่วนที่ 3 และเป็นระดับความคิดซับซ้อนสูงสุดนั่นคือสมองชั้นนอก (neocortex)
    เป็นสมองระดับสูงสุดในการจัดลำดับความซับซ้อนของสมอง
    ทำหน้าที่เกี่ยวกับคำสั่งที่สลับซับซ้อนมากขึ้นเกี่ยวกับการอ่าน การวางแผน การวิเคราะห์
    การสังเคราะห์ และการทำการตัดสินใจ

    ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทุกคนจะต้องใช้มากที่สุด ในการศึกษาหาความรู้
    และที่นี่คือคลังเก็บข้อมูล ที่เราจะนำความรู้มาใช้ ในการคิดสิ่งต่างๆ

    สมองส่วนใหญ่อีก 90% ของพวกคุณ ยังไม่ได้ถูกใช้งาน ยังไม่ได้รับการกระตุ้น
    และ ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้หยุดกิจกรรมต่างๆเอาไว้ชั่วคราว

    นั่นเป็นเพราะว่า ความคิดใดๆก็ตาม ที่ไม่สอดคล้องกับโปรแกรมความนึกคิดอันคับแคบทั้งหลาย
    ที่วัฒนธรรมหรือหลักศาสนาของพวกคุณได้ตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้
    พวกคุณก็จะปฏิเสธพวกมันทันทีโดยอัตโนมัติ
     
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 26


    การขยายขอบเขตความเชื่อของพวกคุณ
    (Expanding Your Belief Horizons)

    หนึ่งในเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ “กฎแห่งการดึงดูด” (Law of Attraction) นี้
    ใช้ไม่ได้ผลสำหรับพวกคุณ
    นั่นก็คือ "ความเชื่ออันจำกัด เพราะโปรแกรมความคิดที่จำกัด" นั่นเอง

    เพราะฉะนั้น การมีจิตใจที่คับแคบแบบนั้น
    จึงทำให้ความเป็นไปได้อันยิ่งใหญ่ ของอะไรก็ตาม
    ที่อยู่นอกเหนือช่วงคลื่นความถี่แคบๆ
    ซึ่งสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของร่างกาย
    ในมิติที่ 3 นี้ของพวกคุณ ถูกปิดกั้นไปซะหมด

    แล้วพวกคุณจะทำให้สมองของพวกคุณขยายขอบเขตการทำงานออกไปได้อย่างไร ?

    พวกคุณจะเปิดใจออกมาได้อย่างไร?

    พวกคุณจะตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของพวกคุณใหม่ได้อย่างไร?

    คำตอบนั้นง่ายๆ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับพวกคุณหลายๆคนที่จะทำให้ได้เหลือเกิน
    นั่นก็คือ ด้วยการลงมือกระทำ ด้วยการตรวจสอบและเรียนรู้ และด้วยการมีความตั้งใจจริงที่จะเปิดใจตัวเองออกมาให้ได้

    ด้วยเหตุนี้ ความปรารถนาที่จะขยายขอบเขตการทำงานของสมองออกไปดังกล่าวนี้
    จะไปดึงดูดคลื่นความถี่ของความนึกคิดอันทรงพลังอำนาจ ที่จะทำให้เกิดการขยายขอบเขตเพิ่มมากขึ้นดังกล่าวนี้เข้ามา
    แล้วหลังจากนั้น ทุกๆครั้งที่พวกคุณเปิดใจรับแนวคิดใดๆ
    ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของตัวแปรต่างๆที่พวกคุณเคยยอมรับได้เข้ามาแล้ว

    แนวคิดอันนั้น ก็จะไปกระตุ้นส่วนอื่นๆของสมองของพวกคุณ
    ให้มีการใช้งานเกิดขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์

    ทุกๆครั้งที่พวกคุณทำเช่นนั้น
    แนวคิดที่เปิดกว้างอันนั้น ก็จะทำหน้าที่เป็นพาหะช่วยนำพาขอบเขตความเชื่อของพวกคุณให้ขยายกว้างออกไปอีก
    และจะทำให้การคิดแบบใช้เหตุใช้ผลในระดับเอกภพซึ่งสูงส่งกว่า เกิดขึ้นได้
    และถ้ากระบวนการนั้น ถูกกระทำซ้ำๆหลายๆครั้งอย่างจริงใจแล้ว
    มันก็จะไปดึงดูดแนวคิดใหม่ๆให้เข้ามาอีก ด้วยการเรียนรู้และการทำสมาธิ

    ในทำนองเดียวกัน วงจรนี้ก็จะไปกระตุ้นส่วนอื่นๆในสมองของพวกคุณให้ขยายตัวออกไปมากยิ่งขึ้น,
    จะไปตั้งโปรแกรมใหม่ๆ และการยอมรับข้อมูลใหม่ๆให้เกิดขึ้นด้วย โดยการยอมรับในจิตใจที่ใสสะอาดแห่ง Mer-Ka-Na

    เมื่อพวกคุณหมดข้อกังขาแล้ว เมื่อพวกคุณรู้แล้ว
    มันก็จะกลายเป็นกฎที่เป็นจริงเสมอ
    …มันก็จะเป็นความเชื่อของพวกคุณ

    และด้วยใจที่เปิดกว้างแล้วของพวกคุณนี้
    พวกคุณก็จะได้เริ่มก้าวสู่ขั้นตอนการสร้างสรรค์ชะตาชีวิตของพวกคุณเอง


    แล้วพวกคุณจะสามารถขยายขอบเขตการทำงานของสมองของพวกคุณ
    และเปิดประตูสู่จิตอันศักดิ์สิทธิ์/จิตแห่งพระเจ้าได้อย่างไร?

    มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยการปิ๊งแว๊บขึ้นมาเองแบบปุบปับหรอกนะ
    และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพราะการเจิมอันศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ครั้งเดียวด้วย
    เพราะว่าหนทางอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทอดไปยังสิ่งที่พวกคุณอาจเรียกกันว่า “การรู้แจ้ง” (Enlightenment) นั้น
    จะสามารถไปให้ถึงได้นั้น ต้องอาศัยขั้นตอนแห่งความตั้งใจอยู่หลายขั้นตอน

    มีนักอภิปรัชญาหลายคนที่ต้องการเปิดหนังสือแห่งความรู้ขึ้นมา
    และต้องการกระโดดข้ามไปยังบทสุดท้ายเลย
    การกระทำเช่นนั้น มันใช้ไม่ได้ผลหรอก เพราะมันไม่ถูกต้อง

    มันต้องเริ่มต้นด้วยการสำรวจดูตัวเองซะก่อน
    ด้วยการค่อยๆตรวจสอบอย่างระมัดระวังว่า สิ่งไหนได้ผล สิ่งไหนไม่ได้ผลสำหรับตัวคุณเอง
    ในวิธีการนี้ พวกคุณจะยินยอมให้แนวความคิดที่สดใหม่และขยายกว้างมากขึ้น จากจิตอันศักดิ์สิทธิ์
    ซึ่งเป็นคลื่นความนึกคิดที่มีความถี่สูงกว่า ผ่านเข้ามาในสมองได้

    แล้วจากนั้นพวกคุณก็จัดการกับมัน และพินิจพิเคราะห์มัน, เผชิญกับแนวความคิดใหม่ๆด้วยการยอมรับมันไว้
    แสดงมันออกมา ค่อยๆพัฒนาและขับเคลื่อนมันไปด้วยอารมณ์
    และทำให้ข้อมูลใหม่ๆนั้น กลายไปเป็นความรู้และภูมิปัญญา
     
  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล


    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 27


    กระแสไฟฟ้าสถิตในสนามพลังออร่า
    (The Static in the Field)

    ปัญหาของผู้คนส่วนใหญ่ ที่ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของพวกเขาได้ ก็คือ
    การยอมรับการตั้งโปรแกรมแบบ 3 มิติของสมองอย่างมืดบอด

    ดังนั้น แม้ว่าพวกคุณจะสามารถคิดบวกได้ หรือคิดถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกได้
    แต่ถ้าในจิตใจลึกๆของพวกคุณยังมีความลังเลอยู่ว่า มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้น

    ความลังเลสงสัยคืออุปสรรคอย่างหนึ่ง ที่ขวางกั้นการเนรมิตความปรารถนาของพวกคุณให้กลายเป็นจริง

    เพราะว่าถ้าพวกคุณลังเล พวกคุณก็จะไม่เชื่อ
    ความลังเลสงสัยที่อยู่ในสมอง จะทำให้เกิดปฏิกิริยาชีวเคมีอย่างหนึ่งขึ้น
    มันจะไปกระตุ้นสารตัวนำเซลล์ประสาทในสมองตัวหนึ่ง ที่ไหลจากต่อมพิทูอิตารี ไปยังต่อมไพนีล
    และจะไปบล็อคทางออกเอาไว้ ไม่ให้เปิดออกได้

    ที่ความลังเลสงสัยเกิดขึ้นมาได้นั้น
    ก็เพราะว่าพวกคุณไม่เชื่อนั่นเอง

    อย่างที่พวกเราได้เคยกล่าวเอาไว้แล้วว่า การตั้งโปรแกรมด้านการเอาตัวรอดของสมองแห่งอัตตาตัวตน
    ใช้ 'ความกลัว' ในระบบทวิภาวะเป็นระบบเตือนภัย

    แต่อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติในความเป็นทวิภาวะอันนั้น มันก็เหมือนเป็นดาบสองคม
    เพราะว่าความกลัวนั้น นอกจากจะทำหน้าที่ในบริบทนั้นแล้ว ยังสามารถนำไปสู่อารมณ์ด้านลบต่างๆได้มากมายอีกด้วย
    เช่น ความหดหู่ ,ความสงสัย, ความเกลียดชัง, ความอิจฉาริษยา และการดูถูกตนเอง เป็นต้น

    สิ่งเหล่านี้ล้วนมีรากเหง้ามาจากคุณสมบัติด้านลบของความกลัวทั้งสิ้น
    และความกลัวนี้เอง ที่จะไปสร้างกระแสไฟฟ้าสถิตย์ให้เกิดขึ้นในสนามพลังออร่า
    และจะนำไปสู่การรั่วไหลของสนามพลังออร่าต่อไป

    อย่างที่ได้มีการสอนเอาไว้แล้วใน Metatronic Keys ว่าออร่าของมนุษย์จะต้องสมบูรณ์ครบถ้วน
    เพื่อที่จะขยายไปสู่ Mer-Ka-Na ให้ได้

    เพราะสนามพลังงานที่มีรอยแยก หรือแตกร้าว

    จะไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างเหมาะสม

    ในกฎแห่งการสร้างสรรค์
     
  5. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 28


    กระบวนการทางชีวเคมี (Bio-Chemical Process)

    กระแสความคิด และ จินตภาพทั้งหลาย
    อันเกิดจากความเชื่อ (the belief thought-images) ที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ
    คือ สิ่งที่ถูกพวกคุณร่วมกันสร้างขึ้นมา
    ในสนามพลังงานมวลรวมของมนุษยชาติทั้งหมด
    โดยมีความเห็นพ้องต้องกันในระดับมหัพภาค


    พวกมันถูกฉายออกมาอย่างเป็นเอกเทศน์ ขึ้นอยู่กับระดับค่าของแสงสว่างของพวกคุณเอง
    แล้วพวกมันก็เนรมิตเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของพวกคุณ

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกายภาพกระบวนการหนึ่งอยู่
    นั่นก็คือ เมื่อคลื่นความถี่ของกระแสความคิดทั้งหลาย ถูกรับเข้ามาในรูปแบบของรหัสดิจิตอลแล้ว
    สารชีวเคมีภายในสมองก็จะถูกขับเคลื่อนในทันที
    ตัวเร่งปฏิกิริยาทางจิตทั้งหลาย ถูกเชื่อมต่ออยู่กับต่อมไพเนียล
    ซึ่งต่อมไพเนียลจะได้รับพวกมันเข้ามา ในลักษณะของ “แสงสว่างที่เข้ารหัสจีโอเอาไว้”
    ผ่านทางกระบวนการถ่ายทอด (geo-coded light transmissions)

    ทุกๆจินตภาพ ทุกๆกระแสความคิด จะถูกแปลความหมายและถูกคัดสรร
    ตามคุณลักษณะเฉพาะตัวด้านพลังงานของพวกมัน

    [​IMG]

    ซึ่งหลังจากที่ต่อมไพเนียลรับพวกมันเข้ามาแล้ว
    พวกมันก็จะต้องถูกกรองผ่านตัวแปรแห่งความเชื่อที่ถูกติดตั้งโปรแกรมเอาไว้แล้ว
    สมองของพวกคุณจะเป็นผู้คัดกรองและกำหนดว่า
    สิ่งไหนจริงหรือไม่จริง สิ่งไหนเชื่อได้ หรือเชื่อไม่ได้
    ขึ้นอยู่กับระดับปริมาณของแสงสว่าง ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ในสมองของพวกคุณ

    จากนั้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารชีวเคมีทั้งหลาย ก็จะถูกผลิตขึ้นมา
    โดยใช้ส่วนผสมแห่งการยอมรับ หรือส่วนผสมแห่งการปฏิเสธดังกล่าวเหล่านั้น
    แล้วสารชีวเคมีเหล่านี้ ก็จะทำหน้าที่ไปเปิด หรือ ปิด ประตูทางเข้าไปสู่จิตใจที่สูงส่งกว่าต่อไป

    สารชีวเคมีเหล่านี้ จะถูกส่งไปในรูปของเซลล์ประสาทที่ถูกเข้ารหัสไว้แล้ว
    และนี่แหละคือกลไกการขนส่ง “พลังงานแห่งกระแสความคิด” ซึ่งบรรจุไปด้วยข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด
    ที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระบบแล้ว สำหรับการแปลความหมายว่า กระแสความคิดหรือจินตภาพนั้นๆ
    จะถูกเปลี่ยนให้กลายมาเป็นความจริงทางกายภาพหรือไม่

    กระแสความคิดใดที่สอดคล้องต้องกันกับความเชื่อ ก็จะเคลื่อนผ่านเข้าไปผลิตจินตภาพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
    ภายในสมองของพวกคุณ และภายในทุกๆเส้นใยประสาท ทั่วทั้งร่างกายเนื้อของพวกคุณด้วย
    แล้วสิ่งนี้ก็จะกลายไปเป็นตัวจุดประกายเบื้องต้น สำหรับการสร้างโลกแห่งความเป็นจริงใบใหม่ขึ้นมา

    ต่อมไพเนียลจะรับสัญญาณเป็นคลื่นความถี่แห่งแสงสว่าง
    ซึ่งทุกๆกระแสความคิด และทุกๆจินตภาพ
    ก็จะมีคลื่นความถี่แห่งแสงสว่างที่ถูกเข้ารหัสเอาไว้เฉพาะตัวอยู่แล้ว
    ขึ้นอยู่กับรูปแบบคลื่นความสั่นสะเทือนของมัน

    ขั้นตอนถัดไป ก็คือ “การตั้งเจตนาด้วยจิตใจที่ใสสะอาด”
    พลังของความตั้งใจ จะถูกขับเคลื่อนและเร่งให้เร็วขึ้น โดยอารมณ์และความรู้สึก

    เมื่อขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว ร่างกายเนื้อก็จะปลดปล่อย “วัตถุประสงค์อันนั้น”
    ซึ่งอยู่ในรูปแบบของรหัสดิจิตอล ไปให้กับกายละเอียด
    ซึ่งกายละเอียดที่ว่านี้ ก็คือสนามพลังออร่าที่สมบูรณ์ ที่อยู่ในลักษณะ “กึ่งของแข็ง”
    และอัดแน่นไปด้วยรหัสแห่งแสงสว่าง และถูกฉายออกมา และถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากระบบจักระ

    ออร่านั้นจะต้องสมบูรณ์ ไม่เสียหาย และจะต้องเป็นวงจร 13-20-33 ที่เหมาะสม และเข้าถึงได้แล้ว
    จากนั้นมันก็จะผ่าน Mer-Ki-Va ไปยัง Mer-Ka-Va และไปสู่สนามพลังงาน Mer-Ka-Na ต่อไป
    ทุกๆอย่างถูกขับเคลื่อนโดยเจตนา ความชัดเจนและความเข้มข้น
    ที่พวกคุณถ่ายทอดลงไปเบื้องหลังความนึกคิดที่ปรารถนา หรือ เป้าหมาย
    จะเป็นตัวกำหนดความไว้ในการเนรมิตออกมาของมันอย่างมาก

    เมื่อพวกคุณได้เรียนรู้กลไกต่างๆของการสร้างอย่างมีสติสัมปชัญญะแล้ว
    พวกคุณก็จำเป็นจะต้องใช้เครื่องจักรกลแห่ง “ความปรารถนา” แท้ๆอันนี้
    ร่วมกับการใช้การ “จินตนาการถึงภาพ” และใช้ “อารมณ์”
    เพื่อทำให้กระบวนการเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้ สำเร็จเสร็จสิ้นลงได้….
     
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 29


    กฎของการสร้างสรรค์อย่างมีสติสัมปชัญญะ
    (The Law of Conscious Creation)

    ไม่มีวัตถุธาตุทางกายภาพอันไหน
    หรือประสบการณ์ใดในชีวิตของพวกคุณเลย
    ที่พวกคุณไม่ได้เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง

    ซึ่งเรื่องนี้ หมายรวมถึงรูปลักษณ์ทางกายภาพของพวกคุณเองด้วย
    ซึ่งก็คือร่างกายเนื้อของพวกคุณนั่นเอง

    ท่านคุรุทั้งหลายไม่มีสิ่งใดเลยที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ทางกายภาพของพวกคุณ
    ที่พวกคุณไม่ได้เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเองเลย

    อันที่จริงแล้ว ถ้าพวกคุณสามารถที่จะมองเห็นตัวเองในชาติภพอื่นๆได้
    พวกคุณก็อาจจะประหลาดใจว่า ทำไมพวกคุณถึงได้สร้างให้กายเนื้อของพวกคุณ
    มีคุณลักษณะต่างๆที่คล้ายคลึงกัน หลายภพหลายชาติเหลือเกิน

    เมื่อใดที่พวกคุณมีสติปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว
    พวกคุณก็จะสามารถสร้างอาณาจักรต่างๆได้อย่างไม่จำกัด

    เมื่อใดที่พวกคุณมีความรู้แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปเกรงกลัวอีกเลย
    เพราะว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว มันก็จะไม่มีสิ่งใด, ไม่มีเหตุปัจจัยใด, ไม่มีกฎเกณฑ์อันใด,
    ไม่มีความเข้าใจใดๆ ที่จะมาคุกคาม หรือกดขี่ หรือ ข่มขู่พวกคุณได้อีกต่อไปแล้ว

    เพราะเมื่อใดที่ความกลัวได้รับความรู้แล้ว
    มันก็จะถูกเรียกว่า “การรู้แจ้ง” (enlightenment)

    โดยธรรมชาติแล้ว พวกคุณจะมีช่วงจังหวะของการดำรงอยู่ในมิติทางกายภาพ และในมิติที่ไม่ใช่กายภาพ
    นั่นก็คือ สภาวะของยามตื่นและยามหลับของพวกคุณ

    ความฝันทั้งหลาย คือหนึ่งในวิธีการบำบัดรักษาโรคตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกคุณ
    และเป็นทรัพย์อันมีค่า ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงและจักรวาลทั้งภายในและภายนอกของพวกคุณ

    จิตสำนึกปกติของพวกคุณ
    จะได้ประโยชน์จากการเดินทางเข้าไปเที่ยวและพักอยู่ในอาณาเขตแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย
    ที่ไม่ใช่มิติทางกายภาพ ในระยะสั้นๆ ในยามที่พวกคุณนอนหลับ

    ส่วนสิ่งที่เรียกว่า จิตสำนึกในยามหลับของพวกคุณ
    ก็จะได้ประโยชน์จากการเดินทางเข้าไปเที่ยว
    ในโลกของวัตถุธาตุทางกายภาพยามตื่นบ่อยๆด้วยเช่นเดียวกัน

    แต่พวกเราขอบอกพวกคุณว่า ภาพที่พวกคุณเห็นในภาวะทั้งสองนั้น (ยามตื่นและยามหลับ/ผู้แปล)
    มันมีพื้นฐานมาจากการตีความของสมองของพวกคุณ
    ต่อสนามคลื่นความถี่ดิจิตอลของหน่วยแห่งจิตสำนึกหลักทั้งหลาย
    ความถี่ที่สมองของพวกคุณได้รับจริงๆแล้ว จะรับมาเป็นรหัสดิจิตอล
    ซึ่งก็คือสัญลักษณ์รูปแบบหนึ่งของพลังงานคริสตัลไลน์
    (คล้ายๆกันกับสิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกว่า X's และ O's),

    ที่พวกคุณจะตีความ และแปลความหมายออกมาเป็นภาพและอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ

    มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกคุณ ที่จะยอมรับว่า...
    พวกคุณคือคนที่สร้างความฝันทั้งหลายของพวกคุณขึ้นมาเอง
    แต่มันยากสำหรับพวกคุณ ที่จะยอมรับว่า...
    พวกคุณคือคนที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของพวกคุณขึ้นมาเอง

    แต่พวกคุณก็สร้างทั้งสองอย่างนั้นขึ้นมาเองจริงๆนั่นแหละ
    และพวกคุณก็เป็นคนกำหนดเองด้วยว่า ทั้งสองอย่างนั้น
    อย่างไหนคือความจริง และอย่างไหนไม่ใช่ความจริง
     
  7. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล


    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 30


    การเน้นความสำคัญอีกครั้ง
    ของการปิดกั้นจากความสงสัยลังเล
    (Re-Emphasizing the Blockage of Doubt)

    ปัญหาที่ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อของตัวเองก็คือ
    การยอมรับการตั้งโปรแกรมแบบ 3 มิติของสมองอย่างมืดบอด
    ดังนั้น แม้ว่าพวกคุณจะสามารถคิดบวกได้ หรือคิดถึงการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกได้ก็ตาม

    แต่ถ้าหากว่าภายในใจลึกๆของพวกคุณแล้ว
    พวกคุณยังมีความลังเลสงสัยอยู่ ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มันก็จะไม่เกิดขึ้น

    ดังนั้น พวกเราจะขอกลับไปที่การตั้งโปรแกรมและผลลัพธ์ของมัน
    ที่เกี่ยวข้องกับการเนรมิต ที่อยู่ภายใต้กฎแห่งการดึงดูด

    ความลังเลสงสัยเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง ที่ปิดกั้นการเนรมิตความปรารถนาของพวกคุณให้กลายเป็นจริง
    ถ้าพวกคุณยังลังเลสงสัยอยู่ ก็แสดงว่าพวกคุณยังไม่เชื่อ
    ความลังเลสงสัยที่เกิดขึ้นในสมอง จะไปทำให้เกิดปฏิกิริยาชีวเคมีขึ้นในสมอง

    และมันจะไปกระตุ้นให้เส้นประสาทตัวนำในสมอง ที่ไหลจากต่อมพิทูอิทารี ไปยังต่อมไพเนียล
    และจะไปปิดกั้น “ประตู” บานนั้นไม่ให้เปิดออก ที่ความลังเลสงสัยนั้นเกิดขึ้นมาได้
    ก็เพราะว่าพวกคุณยังไม่เชื่อจริงๆ

    กระบวนการเดียวกันนี้ จะเกิดขึ้นกับการยอมรับความเชื่อด้วย
    คือเมื่อรหัสแสงสว่างแห่งความคิดนั้นๆ อยู่ภายในขอบเขตการยอมรับของตัวแปรต่างๆที่พวกคุณตั้งโปรแกรมเอาไว้
    ฮอร์โมนต่างๆก็จะถูกหลั่งออกมา
    แล้วไปทำหน้าที่อะไรบางอย่างที่พวกคุณยังไม่รู้
    ในอันที่จะไปเปิดประตูสู่จิตใจที่สูงส่งกว่า พวกคุณเข้าใจไหม?
     
  8. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 31


    ต่อมไพเนียล(pineal gland)

    ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ที่ต่อมไพเนียลเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า
    มันคือตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างมิติที่สูงกว่า กับมิติทางกายภาพ

    ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า มันคือประตูเชื่อมต่อ
    ระหว่างความมีอัตตาตัวตน หรือสมอง กับจิตอันศักดิ์สิทธิ์/จิตแห่งพระเจ้า

    มันถูกนักอภิปรัชญาหลายๆคน เช่น Descartes และ Edgar Cayce
    ตั้งชื่อให้ว่า “ศูนย์รวมอำนาจแห่งจิตวิญญาณ” (Seat of the Soul)

    ต่อมไพเนียล มีรูปทรงคล้ายๆผลของต้นโอ๊ค และมีลายนูนๆตะปุ่มตะป่ำเหมือนลูกสน (เป็นรูปกรวย)

    [​IMG]

    มันเป็นที่รู้จัก และเข้าใจ โดยโรงเรียนแห่งภูมิปัญญาโบราณหลายๆแห่ง
    อันที่จริงแล้ว ภาพของต่อมไพเนียลนี้ ปรากฎอยู่ในอักขรภาพเฮียโรกลิฟฟิกของอียิปต์
    และของอาณาจักรบาบิโลเนียโบราณหลายต่อหลายภาพ
    มันถูกวางไว้บนยอดของไม้คฑาแห่งความรู้ของเทพโอซิริส (Osiris)

    [​IMG]

    จริงๆแล้วไม้คฑาแห่งเทพโอซิริส มีงูเห่าสองตัวพันกันเป็นเกลียวอยู่ด้วย
    และหัวงูทั้งสองก็ชูอยู่คู่กันที่บนยอดของคฑาที่มี “ลูกสน” ซึ่งหมายถึงต่อมไพเนียล อยู่นั่นแหละ

    งู หมายถึง พลังกุณฑาลิณี ที่จะพุ่งขึ้นด้านบน ไปสู่ต่อมไพเนียล
    บนเศียรของรูปปั้นพระพุทธรูป & พระศิวะของพวกคุณ ก็มีลายเกลียวเกศาที่รูปร่างคล้ายๆต่อมไพเนียลนี้ด้วย

    และแม้แต่ที่ส่วนบนของธง Vatican ก็มีภาพสัญลักษณ์ของต่อมไพเนียล ที่เป็นรูปลูกสนนี้ด้วย

    [​IMG]

    นั่นแสดงว่า อันที่จริงแล้ว ความสำคัญของมัน ถูกยอมรับและเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว
    และพวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้
    ต่อมไพเนียลแห่งยุคพลังงานคริสตัลไลน์นี้ จะถูกเพิ่มพลังอำนาจขึ้นอีก


    ต่อมไพเนียล คือตัวกลางที่ทำหน้าที่เปลี่ยน “การรับรู้”
    ให้กลายไปเป็นสิ่งที่ถูกเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ

    ต่อมไพเนียล จะทำงานร่วมกับต่อมพิทูอิทารี เพื่อเป็นสะพาน หรือเป็นประตูเชื่อมต่อ
    ระหว่างโลกกายภาพและโลกที่ไม่ใช่ทางกายภาพ หรือระหว่างสมองและจิตใจ

    ความรู้ใดๆก็ตามที่พวกคุณยอมเชื่อ จะกลายไปเป็นโลกแห่งความเป็นจริงได้
    ก็ต่อเมื่อต่อมไพเนียลเปิดประตูให้มันเข้าไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ก่อนเท่านั้น

    ต่อมไพเนียลทำเช่นนี้ได้ โดยการแปลสัญญาณคลื่นความถี่ของกระแสความคิด
    ให้ไปเป็นกระแสไฟฟ้าชีวเคมีของคลื่นความร้อนชนิดหนึ่ง แล้วส่งไปทั่วทั้งร่างกายของพวกคุณ
    และโดยการเปิดมันออกไปสู่จิตใจ

    สมองมนุษย์ของพวกคุณจะแปลงกระแสความคิดทั้งหลาย ที่พวกคุณสร้างขึ้นมา
    ให้ไปเป็นสารชีวเคมีนับพันๆชนิด ในทุกๆวินาที

    แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกๆกระแสความคิด ที่อยู่ในสมองแบบพื้นๆนี้
    จะสามารถเข้าไปถึงจิตใจที่สูงส่งกว่าได้เสมอไปหรอกนะ

    อย่างที่พวกเราได้อธิบายไปแล้วพวกเราจะบอกพวกคุณอีกครั้งว่า
    ระบบของต่อมไร้ท่อของพวกคุณ
    กำลังถูกกระตุ้นให้เข้าไปสู่พลังงานคริสตัลไลน์แห่งกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นอยู่

    [​IMG]

    ต่อมไพนีล ต่อมพิทูอิทารี และต่อมไฮโปธาลามัส มีหน้าที่พิเศษเฉพาะ
    เหมือนเป็นแท่งคริสตัลสำหรับการรับและถ่ายทอดสัญญาณ
    แล้วเชื่อมต่อไปยังสนามพลังงาน Mer-Ka-Na ทั้งในส่วนของสสารและปฏิสสาร
    ทั้งในมิติทางกายภาพและมิติที่ไม่ใช่กายภาพ
    ภายในวงจรอันสอดคล้องกลมกลืมของการเชื่อมต่ออันศักดิ์สิทธิ์ (Harmonic Cycle of Divine interface)

    มันจึงเป็นการดีที่จะเรียนรู้วิธีการกระตุ้นกระบวนการนี้
    ในฐานะที่มันเป็นภูมิปัญญาส่วนที่สลับซับซ้อนของสภาวะ Mer-Ka-Na
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  9. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    วันที่ 6 ธันวาคม 2011
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3

    ตอนที่ 32


    จิตอันศักดิ์สิทธิ์ (Divine Mind)

    ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์มาจากจิตอันศักดิ์สิทธิ์
    และเมื่อพวกคุณยอมให้จิตใจสามารถอยู่เหนืออัตตาตัวตนได้แล้ว
    พวกคุณจะบรรลุถึงซึ่งภูมิปัญญาแห่งการสร้างสรรค์แบบพระเจ้า

    ภูมิปัญญานี้เป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ ที่จะทำให้พวกคุณเข้าถึงซึ่ง กฎแห่งการสร้างสรรค์ได้
    เมื่อพวกคุณเข้าถึงแล้ว จงรู้ถึงสิ่งที่พวกคุณต้องการจะสร้าง และลงมือกระทำเพื่อสิ่งนั้นต่อไป

    ร่างกายของมนุษย์คืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง
    ที่สามารถนำไปใช้เพื่อการเข้าถึงพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์และเหนือธรรมดานี้ได้
    แต่มันก็มีกฎบางข้อที่ถูกกำหนดไว้สำหรับการเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่

    นั่นก็คือ เมื่อร่างกายถูกปรับจนเหมาะสมดีแล้ว
    พวกคุณจึงจะได้รับภูมิปัญญานั้นได้
    และเมื่อออร่าถูกรักษาให้คงความสมดุลไว้ดีแล้ว
    จึงจะสามารถได้มาซึ่งระบบ Mer-Ka-Na ได้

    แล้วประตูไปสู่ “กฎแห่งการสร้างสรรค์”
    ไปสู่ “กฎแห่งความเชื่อ”
    และไปสู่ “กฎแห่งการดึงดูด” จึงจะเปิดออกมา

    เพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ระบบทั้งหมดจะต้องทำงานสมดุลกันอย่างลงตัว

    ถ้าพวกคุณเอาแต่ใช้ร่างกายเนื้อของตัวเอง
    เพื่อสร้างความพึงพอใจทางกายภาพให้กับตนเองอยู่
    แทนที่จะใช้เพื่อเป็นเครื่องมือ
    สำหรับการบรรลุให้ถึงซึ่งความศักดิ์สิทธิ์แล้วละก็

    ...พวกคุณก็จะได้เก็บเกี่ยวแต่สิ่งที่พวกคุณหว่านเอาไว้
    (you reap what you sow)
     
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

    [COLOR=darkgreen]วันที่ 6 ธันวาคม 2011[/COLOR]
    ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
    ที่มา: [FONT=Tahoma][COLOR=#0000ff]http://spiritlibrary.com/<WBR>earth-keeper/earth-keeper-<WBR>chronicles/the-law-of-<WBR>attraction-how-when-it-works-<WBR>why-it-doesnt-part-3[/COLOR][/FONT]

    ตอนที่ 33

    ปิดท้าย
    (Closing)


    พวกคุณเป็นนายผู้มีอำนาจอยู่เหนือทุกๆประสบการณ์เสมอ
    แม้ในยามที่พวกคุณถูกทอดทิ้งให้อยู่ในสภาวะที่ดูเหมือนสิ้นหวังอย่างสุดแสนก็ตาม

    แต่พวกคุณเองนั่นแหละ
    ที่เป็นผู้เขียนบทละครของประสบการณ์นั้นๆขึ้นมาเอง
    ทุกบท ทุกตอน

    แต่ว่า ถ้าหากพวกคุณรู้จักใช้ความพยายามในการมุ่งมั่นค้นหา
    และใช้ภูมิปัญญาให้เกิดประโยชน์ โดยการยอมเป็นผู้รับผิดชอบแล้ว

    แล้วคิดใคร่ครวญถึงสถานการณ์นั้นๆของพวกคุณ
    และหมั่นตรวจสอบว่า “กฎ” ข้อไหน
    ที่กำลังมีผลต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่

    พวกคุณก็จะกลายเป็นคุรุผู้เฉลียวฉลาด
    ที่สามารถกำหนดทิศทางให้กับพลังงานของตัวเองได้อย่างมีปัญญา
    และสามารถผลิตแต่กระแสความคิดที่มีคุณค่า
    และควรค่าแก่การทำให้กลายมาเป็นความจริง

    ความคิดหนึ่งจะดึงดูดความคิดอื่นๆให้เข้ามาหา
    พลังบวกจะดึงดูดพลังบวกที่มากยิ่งขึ้นเข้ามา
    ความคิดที่ชาญฉลาดอย่างหนึ่ง
    จะดึงดูดความคิดที่ชาญฉลาดอื่นๆเข้ามา

    ในทำนองเดียวกัน...
    หากพวกคุณอยู่ในสภาวะสงสารตัวเอง
    หดหู่ซึมเซา และรู้สึกดูถูกตัวเอง
    พวกคุณก็กำลังดึงดูดสิ่งเหล่านี้ให้เข้ามาหาตัวเองมากขึ้นๆอยู่


    และนั่นแหละคือ กฎแห่งการดึงดูดล่ะ


    นั่นแหละคือมนุษย์ผู้มีความตระหนักรู้หละ คือ มาสเตอร์
    และดังนั้นพวกคุณก็เพียงแค่ค่อยๆพัฒนามันขึ้น
    โดยการค้นหา กฎแห่งการสร้างสรรค์อย่างมีสติสัมปชัญญะ ที่อยู่ภายในตนเองให้พบ
    ซึ่งก็คือการค้นพบในสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ถูกบัญญัติเอาไว้แล้วอย่างหนึ่งโดยแท้

    มันเป็นเรื่องของ การนำไปใช้, การวิเคราะห์ตนเอง
    และ การทดลองมีประสบการณ์

    ท่านคุรุทั้งหลาย อย่างที่บอกไปแล้วว่า

    พวกคุณคือจิตวิญญาณที่มีพลังอำนาจ
    ที่กำลังมีประสบการณ์อยู่ในร่างมนุษย์

    จริงๆแล้วพวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่สวยสดงดงาม
    อันทรงพลังอำนาจ มีความฉลาดเฉลียว และมีความรัก


    เมื่อใดที่พวกคุณค้นพบได้แบบนั้นแล้ว

    พวกคุณก็จะกลายเป็นผู้จัดการความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
    แล้วจากนั้น พวกคุณก็จะสามารถแก้ปัญหาของพวกคุณได้ในทุกสถานการณ์

    ในสนามพลังงาน Mer-Ka-Na พวกคุณจะสามารถใช้ กฎแห่งการดึงดูด,
    กฎแห่งความเชื่อ และกฎแห่งการสร้าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    ซึ่งกฎเหล่านี้ ก็คือศักยภาพแห่งพระเจ้าที่อยู่ภายในพวกคุณทุกๆคน
    และพวกมันก็คือผู้ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบ และการปฏิรูปขึ้นได้
    ในสิ่งที่พวกคุณอยากจะสร้างขึ้นมา ตามความปรารถนาของพวกคุณ

    พวกคุณสามารถเนรมิตโลกของพวกคุณให้ได้ดั่งใจได้จริงๆ

    และถ้าทำเช่นนั้นแล้ว พวกคุณก็จะได้มีประสบการณ์ กับสิ่งที่เรียกว่า
    อาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์

    [​IMG]

    การสร้างสรรค์อย่างมีสติสัมปชัญญะ
    คือชะตาชีวิตของพวกคุณ
    และพวกคุณทุกๆคน ก็สามารถที่จะทำให้ชีวิตของตัวเอง
    มีประสบการณ์อันล้ำเลอค่าได้
    ตามความปรารถนาอย่างมีความรับผิดชอบของตัวเอง

    ฉันคือเมตาตรอน และฉันได้มาแบ่งปันสัจจะเหล่านี้ให้กับพวกคุณ
    พวกคุณคืผู้อันเป็นที่รักยิ่งสิ่งนี้

    ...และมันก็เป็นดังนั้น...และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  11. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    ขอบคุณ คุณเดรดก่อนอ่านนะครับ55+ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและบทความชุดใหญ่
    (ใหญ่จริงๆนะฮะ ยาวเชียว) คุณเดรดพักผ่อนบ้างนะครับ ผมเป็นห่วง
    ..
     
  12. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    วันนี้เพื่อนเราหายไปไหนน้าา? ไม่เห็นหน้ากันเลย (ซุ่มอยู่แถวไหนเอ่ย?)555+
     
  13. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,527
    พี่เดรดจ๋า ขอบคุณนะจ๊ะ
    ข้อความใหม่เยอะแยะเลย
    น้องอ่านไปหลับไปค่ะ
    มาขอบคุณก่อน จะหลับไปอีก อิอิอิ
    รักนะคะ จุ๊บๆๆ

    :cool::cool::cool:

     
  14. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,527
    ป่าวหายซ๊ากกกหน่อยอ่ะ
    ง่วงอ่ะ อ่านแล้วหลับไปเฉยเลย อิอิอิ
    หวัดดีปีใหม่จ้า เพื่อนรัก

    :cool::cool::cool:
     
  15. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +635
    ขอบคุณ คุณ kindred ด้วยค่ะ ขอให้มีความสุขค่ะ
    ;k04 ;k07 ;k06
     
  16. Senju

    Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณมากน่ะครับกระจ่างชัดขึ้นมาทันใดเลยครับ ^^
    :cool::cool::cool:
     
  17. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    เข้ามาบอกรักเจ้าของกระทู้

    ^^
     
  18. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    "จงมีความชัดเจนต่อจุดมุ่งหมายต่างๆของพวกคุณ
    (Clarity in Your Objectives)

    ความสำคัญของคำอธิบายที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์ มนุษย์โลกอย่างพวกคุณ
    มักจะเริ่มต้นตั้งความปรารถนาของตัวเองแบบไม่สมบูรณ์แบบ
    โดยเพียงแต่ตั้งขึ้นมาแบบลอยๆว่า “สักวัน ฉันจะ...”

    ซึ่งนั่น ก็เหมือนกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่สมบูรณ์แบบขึ้นมาซักโปรแกรมหนึ่งนั่นแหละ
    แล้วมันจะน่าประหลาดใจตรงไหน ที่มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย?

    สักวันหนึ่งฉันจะเดินทาง, สักวันหนึ่งฉันจะร่ำรวย,
    สักวันหนึ่งฉันจะทำความฝันของฉันให้เป็นจริง...

    สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่จะกลายเป็นเพียงความ “อาจจะ” เฉยๆเท่านั้น
    ซึ่งก็คืออยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่ๆอยู่แสนไกล"



    ไม่ได้มากวนนะครับ แต่ถ้าเราคิดว่า (tm-love)


    สักวันหนึ่งเราจะจน สักวันหนึ่งเราจะตาย

    แล้วเราจะไม่จน จะไม่ตายใช่ไหมครับ
    [Embarrass



    สงสัย สงสัย สงสัย
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาหลักของข้อความในกระทู้นี้ ท่านอธิบายว่า
    "ความเชื่อ" ของเรา คือสิ่งที่จะพาให้เหตุการณ์ต่างๆเป็นไปตามนั้น

    ดังนั้น ผมเข้าใจที่คุณสงสัยอยู่นะ และก็ไม่รู้สึกว่าคุณแย้งอะไรด้วย
    งั้น ผมขออนุญาตอธิบายแบบนี้นะครับ

    ถ้าเราตั้งความหวังแบบลอยๆว่า "สักวันหนึ่ง เราจะรวย"
    เราจะไม่มีวันรวยได้ เพราะว่า "คำอธิบาย" หรือ "คำจำกัดความ"
    ของความปราถนานั้นมันไม่ชัดเจน มันคลุมเครืออยู่

    แต่ถ้าในทางกลับกัน ถ้าเราตั้งความปราถนาว่า "สักวันหนึ่ง เราจะจน..หรือจะตาย"
    แล้วเราจะไม่มีวันจน หรือไม่มีวันตายใช่ไหม? นี่คือคำถามของคุณใช่ไหมครับ

    ถ้าคุณอ่านกระทู้นี้เข้าใจมากกว่านี้ คุณจะไม่มีคำถามนี้เลยหละครับ
    เพราะประเด็นสำคัญ มันก็คือ "ความเชื่อ" นั่นเอง

    เพราะว่าต่อให้คุณตั้งความปราถนาว่า "สักวันหนึ่ง..." เพื่อที่จะไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
    แต่มันก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะว่าคุณเชื่ออย่างไม่มีข้อสงัสยใดๆเลยเรียบร้อยแล้ว
    ว่ายังไงๆคุณก็จะต้องตายอยู่ดี

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะตั้งความปราถนาแบบคลุมเครือนั้นขึ้นมาหรือไม่ก็ตาม
    มันก็จะไม่มีผลใดๆเลย เพราะว่า

    - ความปราถนาแบบคลุมเครือจะไม่ให้ผลใดๆทั้งสิ้น
    - ต่อให้ความปราถนา แบบชัดเจนแจ่มแจ้งก็เถอะ แต่ถ้าในใจลึกๆของเรา
    ยังลังเลสงสัยอยู่ว่า มันจะเป็นไปได้หรือ? อยู่ ก็แสดงว่านั่นเรายังไม่เชื่อจนหมดใจ
    เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้น คำตอบคือ เพราะว่ายังๆคุณก็เชื่อจนหมดใจแล้วว่า
    ยังไงๆคุณก็จะต้องตายอยู่ดี เพราะฉะนั้น การตั้งความปราถนาใดๆจึงไม่มีผล
    นอกเสียจากว่า คุณจะเชื่อในทางตรงข้ามอย่างหมดใจว่า
    คุณจะไม่มีวันตาย..แล้วคุณก็จะไม่ตาย..

    อันนี้ผมอธิบายตามเกณฑ์ และตรรกกะ ที่เราคุยกันอยู่นี้เท่านั้นนะครับ
    ไม่รวมถึงปัจจัยอื่นใดด้วยทั้งสิ้น

    เรื่องความจนก็เหมือนกัน ถ้าตามตรรกกะนี้ "สักวันหนึ่งฉันจะจน"
    ก็แสดงว่าเรายังไม่เชื่อหมดใจว่าเราจะรวย หรือจะไม่จน
    เพราะฉะนั้น เราก็ยังจะไม่ "ไม่จน" อยู่ต่อไป

    .......................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2012
  20. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    อ่านแล้วก็ได้ข้อคิด ว่า ห้ามซื้อ ลอตเตอร์รี่ เจ้าที่บอกว่า พรุ่งนี้รวย 555+++

    เพราะ พรุ่งนี้รวย วันนี้ก็เลยไม่รวยสักที

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ดี ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...