เจตสิกธรรมไม่มี หรือ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐาณัฏฐ์, 26 ธันวาคม 2011.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มีแต่คำถาม...แต่ไม่มีคำตอบเพราะคำตอบไม่โดนใจตรงตามจริตต้องการมันเลยไม่เป็นคำตอบ...แต่ถ้าคิดดีๆพิจารณาดีๆมันอาจจะเป็นทางได้ใช้ปัญญาบ้าง...เพราะไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายมันต้องลงทุนลงแรงจึงจะได้มา...รอแล้วรอเล่ารอเท่าไหร่ก็ไม่ได้แต่ถ้ารอเพื่อพิจารณามันก็อาจทำได้และได้ประโยชน์มากจากการฟัง...
    สาธุคั๊บ
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065

    ..ถ้าmug..รู้..จริงๆนะ mug ไม่ต้องไปรบกับเขาหรอก เพราะเขาไม่มี"ตัวตน" อยู่สู้กับmugแล้ว..!:':)cool:
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    ถ้าmug.."รู้" จริงๆนะ ไม่ต้องไปละอะไรเลย..!
    ก็ ..mug..รู้แบบสัญญา ความจำ เพราะกำลังความรู้..mug..ไม่พอ มันไม่มีสมาธิไง จึงต้อง "ละ" ตรงนั้น ตรงนั้น ๆๆๆๆ ไปจนตาย..ใช่ไหมไอ้ จิตตนนท์..!:cool::cool::cool:
     
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คำว่า งอกลับ

    ขยายหน่อยสิ ^^

    เข้าใจอย่างนี้นะ ธรรมชาติจิตเกิดดับ เมื่อมีจิตย่อมมีอารมณ์ให้จิตรู้

    จิตไม่ได้งอกลับ หรือย้อนไปในอดีต ไปทับรอยจิตเดิม

    แต่เป็นลักษณะ โวหาร สมมุตติบัญญัติ ใช้อธิบายให้ผู้ฟังพึงเข้าใจได้

    ทีนี้ งอกลับ คล้ายกับลักษณะความละอายใจ รึเปล่า

    หรือ เหตุให้ศีลเกิด หมายถึง ขณะนั้นมีเหตุให้ล่วงศีลด้วยอำนาจโลภะ โทสะ โมหะ

    ครั้งจะล่วง สติ ศีลวิรัสเกิด หรือระลึกในธรรมที่เป็นอารมณ์อยู่ขณะนั้นได้ ขณะนั้นเป็นกุศลจิต

    มันยั้งได้ วางได้ ไม่ใช่ด้วยอำนาจกดข่ม แต่เป็นปัญญาที่เกิด


    ถ้าเข้าใจผิด ให้น้าเอกอธิบายด้วย :cool:
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ความเบื่อหน่ายในสิ่งที่แสวงหา เมื่อเจอแล้วมันก็ซ้ำซากจำเจไม่เป็นทางที่จะหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ถ้ารู้ตัวเองนะว่าตอนเริ่มต้นต้องการอะไรตอนกลางเป็นอย่างไรตอนปลายเป็นอย่างไร เมื่อมันไม่เห็นได้อะไรเลยจริงๆ จิตมันจะหวนคืนกลับสู่สภาวะสามัญ แล้วเข้าสู่ทางที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่เพราะณานเพราะเชนอะไรนั่น มันเบื่อหน่ายกับสิ่งที่มันเป็นเองเพราะมันไปรู้ไปเห็นของมันเอง คนเหล่านั้นเขาทำสิ่งใดจะมีสติตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้ว่าแบบไหนนะที่เรียกว่าดีที่สุด เมื่อสู่ปลายเขาจึงรู้ได้ว่ามันน่าเบื่อหน่ายจิตมันเลยหวนกลับสู่สถานะเดิมแล้วเริ่มต้นสู่ทาง หรือเรียกว่า มรรคอะไรก็แล้วแต่
    สาธุคั๊บ
     
  6. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุมีใจอันอบรมแล้วด้วยอนิจจสัญญาอยู่โดยมาก จิตย่อมหวลกลับ
    งอกลับ ถอยกลับ ไม่ยื่นไปรับลาภ สักการะและความสรรเสริญ อุเบกขา หรือความเป็นของ
    ปฏิกูลย่อมตั้งอยู่ไซร้ ภิกษุพึงทราบข้อนั้นดังนี้ว่า อนิจจสัญญาอันเราเจริญแล้ว คุณวิเศษทั้ง
    เบื้องต้นและเบื้องปลายของเรามีอยู่ ผลแห่งภาวนาของเราถึงที่แล้ว เพราะฉะนั้น ภิกษุนั้นจึง
    เป็นผู้รู้ทั่วถึงในอนิจจสัญญานั้น ข้อที่กล่าวดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนิจจสัญญาอันภิกษุ
    เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด


    ..

    น่าสนใจตรงคำว่าอุเบกขา
    ถ้าสลัดคืนกิเลส โมหะ โมสะ โลภะ กลับมาที่จิตซึ่งรักษาความเป็นกลาง(งอกลับ) คือวางเฉยอยู่ ไม่สะเทือนกับสิ่งที่มากระทบ เพราะมีปัญญาแล้วก็ดี เกิดสัมมาสมาธิเพราะเจริญอยู่ก็ดี
    กับคำว่า หยั่งสู่อมตะธรม มีอมตะธรรมเป็นที่สุด
    เมื่อเจริญ อนิจจสัญญา ย่อมหยั่งลงอมตะธรรมได้


     
  7. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    สาธุครับ............
     
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    คำว่างอกลับนี่ เป็นภาคปฏิบัติเลย
    ใครปฏิบัติถึงไม่ถึงก็ดูตรงนี่แหละ
    แค่อ่า่นตำราเฉย นี่ด้นเดาไม่ถูกหรอก

    งอกลับ ก็คือ
    ตามปกติกระแสจิตจะไปยึดเรื่องราวต่าง ๆ ของโลก
    จิตงอกลับ ก็คือกระแสจิตหดย่นเข้ามา ถอยเข้ามา
    ไม่ไปเป็นตัณหาอุปทานกับเรื่องราวของโลก
    จิตทรงตัวอยู่เฉพาะจิตเป็นอุเบกขาอยู่

    พูดง่าย ๆ ระหว่างจิต กับ โลก
    ก็ราวกับว่า น้ำ กับ น้ำมัน เข้าไม่ถึงกัน
    จิตทรงตัวอยู่เฉพาะตนเป็นอุเบกขาอยู่

    นี่จิตงอกลับ กลับอย่างนี้
    งอกลับที่กระแสจิตนี่แหละ
    ไม่ส่งออกไปยึดนั่นยึดนี่
    ทรงอยู่เฉพาะตนเป็นอุเบกขา

    ต้องภาคปฏิบัตินะถึงจะรู้ได้
    อ่านพระอภิธรรมมาก็ได้แค่ด้นเดาเท่านั้นแหละ
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ู^
    ^
    น้องนิวรณ์ โบราณว่าอะไรไว้ไม่เคยผิดไปจากความจริงเลย

    คนเรานั้น นิสัยเปลี่ยนได้ แต่อนุสัยสันดานนี้สิ เปลี่ยนได้ยากจริงๆสิบอกให้

    เดิมเคยยัดเยียดความคิดตนเองให้ผู้อื่น เพื่อความสนุกสะใจในอารมณ์

    และชอบตั้งข้อหาให้ผู้อื่นอีก โดยขาดสามัญสำนึกที่ถูกต้อง

    และยังขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในสิ่งทีตนเองได้กระทำลงไป

    ขอหลักฐานด้วยว่าไปบริภาษใคร หน้าไหน ที่เป็นอะไร?(ไม่เคยมี)

    อนุสัยสันดานที่ชอบทำเป็นประจำนี้ คงแก้ได้ยากเพราะกิเลส กรรม วิบากแท้ๆ

    ลืมไป อีกเรื่องที่เป็นอนุสัยสันดาน ที่เห็นเป็นประจำในบอร์ดนี้

    เรื่องสนทนาธรรมที่บัญญัติขึ้นโดยจอมศาสดา ซึ่งเป็นโอรสพระราชาแห่งแว่นแคว้น

    แต่ไม่เคยคิดเชื่อถือศรัทธาเลย กลับไปเชื่อลูกชาวบ้านที่ขานนาคเข้ามาอาศัยผ้าเหลืองเท่านั้น

    การสนทนาเพื่อค้นหาความจริงที่นำพาสู่ความหลุดพ้นได้ ต้องจริงใจตรงไปตรงมา

    ไม่ใช่สนทนาเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นเพียงว่าใครเก่งกว่าใคร โดยการคุยทับบัฟแหรก ด้วยคำพูดที่เข้าใจยากๆ

    ชี้แจงได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะต่างก็ยังไกลจากมรรคผลนิพพานด้วยกันทั้งสิ้นหรือว่าไม่จริง?

    ถ้าต้องความเชื่อถือ นับถือ เพียงแค่เอาเหตุผลตริตรองได้ตามความเป็นจริง

    พร้อมหลักฐานความจริงที่เชื่อถือได้ บวกความจริงใจอีกหน่อย ถ้ามี!!!

    เพียงเท่านี้ ศาสนาพุทธของพวกเราจะได้ไม่หมดไปง่ายๆ เพราะเพียงความเชื่อที่มีตามๆกันมาเท่านั้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน (ขอบ่นมั๊งตามภาษาพวกส.ว.55+)
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เอ้า ลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็นอาหาร

    ก็คำพูดของผมก็ระบุเจ้าทุกข์เอาไว้ครบแล้วว่า เป็น พยามาร พญามาร

    ลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็นอาหาร เรียกขาน
    นามท่านปาวๆๆๆ ยกกล่าวในเชิงชั่ว

    ผมก็เลยบอกเสียหน่อยว่า ในตำนานเนี่ยะ เขาเล่าขานกันมานานแสนาน

    ว่า ท้าวเธอพยามาร ซึ่งรั้งตำแหน่งพระยาในสววรคิ์ชั้น6 อัน ภพจริงๆคือ เทวดา
    ทั้งแท้ง เขาได้กลับมามีสัมมาทิฏฐิแล้ว และเปล่งวาจาปราถนาพุทธภูมิ อีก
    ทั้งยังได้รับพยากรณ์ว่าเที่ยงแท้จะเป็นพระสัพพัญญู ตั้งแต่สมัยเป็น โพธิอำมาตย์
    นู้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน(ยาวมาก)

    ลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็นอาหาร กล่าวถึงท่านทางเสียๆ
    หายๆ ผมก็ไม่แปลกร๊อก ที่วันนี้ คุณลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็น
    อาหาร ถึงได้มีอาการ พรหมณ์กำเริบ เริ่มแบ่งชนชั้น วรรณะ กษัตรย์ พรหมณ์ แพทย์ จัน
    ทาร สูตร ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการละเมอปรารภว่า

    โถลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็นอาหาร

    โถx2 พ่อพราหมณ์ พ่อพราหมณ์
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ฮี้ ฮี้ ฮี้

    งอกลับ ที่ของดีนะ เป็นลักษณะของ นิโรธน ไม่ใช่แค่ อุเบกขา

    อาหลง ต้องเจอ ต้องสัมผัม เห็น "งอกลับ" นั้น "งอกลับ" ซ้อนได้อีก
    ก็จะถึงเรียกว่า เห็น "งอกลับ" ถ้าไม่เห็น ซ้อนละก้อ ก็จะ เออะๆ ไม่
    รู้ว่ารู้อะไรอยู่

    และ หากยังไม่รู้ไม่เห็นตัวนี้ พระพุทธองค์ก็ตรัสเตือนไว้ว่า

    อย่าไปพูดเลยเรื่องคุณธรรมเบื้องต้น เพราะ หามีไม่!!!

    กลับไปพิจารณาเอาน๊า

    วันไหน อาหลง เข้าใจ จิตงอกลับ จะ โยนคันศรกับลูกสรและเป้า ทิ้งไปเลย
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ผมไปยกคำว่า นิโรธ มา เดี๋ยว งง กัน ก็ไปถามน้องวิกกี้ เธอก็ให้รายละเอียดมาแบบนี้


    นิโรธ 5 ได้แก่
    1. วิกขัมภนนิโรธ ดับด้วยข่มไว้ คือ การดับกิเลสของท่านผู้บำเพ็ญฌาน ถึงปฐมฌานขึ้นไป ย่อมข่มนิวรณ์ไว้ได้ ตลอดเวลาที่อยู่ในฌานนั้น
    2. ตทังคนิโรธ ดับด้วยองค์นั้นๆ คือ ดับกิเลสด้วยธรรมที่เป็นคู่ปรับ หรือธรรมที่ตรงข้าม เช่น ดับสักกายทิฏฐิด้วยความรู้ที่กำหนดแยกรูปนามออกได้ เป็นการดับชั่วคราวในกรณีนั้นๆ
    3. สมุจเฉทนิโรธ ดับด้วยตัดขาด คือ ดับกิเลสเสร็จสิ้นเด็ดขาด ด้วยโลกุตตรมรรค ในขณะแห่งมรรคนั้น ชื่อ สมุจเฉทนิโรธ
    4. ปฏิปัสสัทธินิโรธ ดับด้วยสงบระงับ คือ อาศัยโลกุตตรมรรค ดับกิเลสเด็ดขาดไปแล้ว บรรลุโลกุตตรผล กิเลสเป็นอันสงบระงับไปหมดแล้ว ไม่ต้องขวนขวายเพื่อดับอีก ในขณะแห่งผลนั้น ชื่อ ปฏิปัสสัทธินิโรธ
    5. นิสสรณนิโรธ ดับด้วยสลัดออกได้ หรือดับด้วยปลอดโปร่งไป คือ ดับกิเลสเสร็จสิ้นแล้ว ดำรงอยู่ในภาวะที่ดับกิเลสแล้วนั้น ยั่งยืนตลอดไป ภาวะนั้นชื่อนิสสรณนิโรธ ได้แก่อมตธาตุ คือ นิพพาน
    ข้อ 1 นั่น น้องวิกกี้ อธิบายไม่ถูกเท่าไหร่ เหมือนคนไม่เคยวิปัสสนามาเขียน แต่เรา เอาอาการ หรือ พฤติจิต เป็นหลัก เป็น "อรรถ" เราไม่สนใจ "พยัญชนะ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2012
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ^
    ุ^
    เฮ้อ!!! นิวรณ์หลานรัก ลุงโง่ไปเองจริงๆ ที่คาดหวังไว้มากเกินไปในคนอย่างหลาน

    ขึ้นชื่อว่าอนุสัยสันดานแล้ว บุพพาจารย์คนโบราณกล่าวไว้ถูกต้องแล้ว

    ไม่จำเองจริงๆแก่แล้วแก่เลย มองข้ามคำบุพพาจารย์คนโบราณที่ท่านกล่าวเตือนไว้ ถึงสันดานคน

    ลุงลืมบอกหลานรักไปว่าตอนติดน้ำท่วมใหญ่อยู่๔๕วัน

    วันๆ กินๆ นอนๆ แล้วเข้าฟิตเนทเสร็จลงสระ แถมยังได้ท่าผีเสือมาจนได้

    จากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมพละ ตำแหน่งนักวิชาสอนให้

    น้ำหนักจึงเพิ่มเอาพอสมควร นิวรณ์หลานรักคงมีสายพันปลาทองมามั๊ง?

    จึงได้ความจำ(สัญญา)พอสมควร ลุงระลึกได้ว่าบอกหลานรักไปนานมากแล้ว

    เรื่องลุงไม่มีหนวดมาหลายเพลา ลืมไปที่สัญญาหลานรักสั้นจู๋ลงเพราะมีปัญญามาแทนใช่หรือไม่?55+

    หลานรักอย่าพูดอะไรแบบรู้เองเออเองคนเดียว

    ลุงถามหาหลักฐาน ถ้าไม่มีก็อย่าพยายม"เป็นคุณชอบเสี้ยม"อย่างที่คุณเกิดตั้งให้อยู่เลยนะจ๊ะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ลุงหนวดหน้าแหลมตาตี่ตัวผอมๆ เพราะมีผัสสะเป็นอาหาร

    หนวดกรมพละ โกน แล้วไม่ขึ้นอีกหรือไงลุง ลุงถึงได้ติดสัญญา
    ติดอดีต พร้ำเพ้อบอกผมว่า หนวดลุงโกนทิ้งไปนานแล้ว อยู่ได้

    หัดอยู่กับปัจจุบันบ้างสิลง หนวดหนะ แม้แต่สั้นๆ เหลือแต่ ตอแข็งๆ
    ชี้โด่อยู่ในหลุมหนัง มีน้ำไหลเยิ้มหล่อลื่น มันก็ หนวด อยู่ดีแหละลุง

    เคยเห็นตัณหาไหมเนี่ยะ ถึงได้เอา การโกนหนวดปีมะโว้ มาประกาศ
    เป็นเรื่องปัจจับนอยู่ได้ ละตัณหาบ้างนะลุง จะได้เห็นอย่างที่ผมเห็น
    ว่า ไอ้แข็งๆ ชี้โด่อยู่ในหลุมหนัง มีน้ำไหลเยิ้มหล่อลื่น มันก็ หนวด อยู่
    ดีแหละลุง
     
  15. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    ดูกรอานนท์ ก็อนิจจสัญญาเป็นไฉน ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างเปล่าก็ดี ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า
    รูปไม่เที่ยง
    เวทนาไม่เที่ยง
    สัญญาไม่เที่ยง
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
    วิญญาณไม่เที่ยง
    ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงในอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ด้วยประการอย่างนี้
    ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าอนิจจสัญญา ฯ (แสดงอุปมาของขันธ์ ๕)


    ดูกรอานนท์ ก็อนัตตสัญญาเป็นไฉน ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างเปล่าก็ดี ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า
    จักษุเป็นอนัตตา รูปเป็นอนัตตา,
    หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา,
    จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา,
    ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา,
    กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา,
    ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา
    ย่อมพิจารณาเห็น โดยความเป็นอนัตตาในอายตนะทั้งหลาย ทั้งภายในและภายนอก ๖ ประการเหล่านี้ ด้วยประการอย่างนี้
    ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่า อนัตตสัญญา ฯ

    ****************************

    ความเห็น...

    อนิจจสัญญาเป็นเหตุให้รู้จัก อนัตตา ถ้าไม่ผ่านอนิจจสัญญาก็พิจารณาอนัตตสัญญาไม่ได้
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สนใจประโยคที่เน้นมากกว่า

    ส่วนประโยคนี้ หมายถึง สัจจะญาณ โดยความเป็นปริญญา ๓

    มันก็กลับมาที่โพสเมื่อวาน
    ปัญญาในการ พิจารณาอารมณ์ แล้ว พิจารณาเห็นความแตกไป เป็นวิปัสสนาญาณอย่างไร ฯ

    ถ้าอยู่ๆจะ มาเจริญอนิจจัง

    โดยไม่รู้จักลักษณะความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงปรากฏที่ไหน อย่างไร ธรรมใดที่ไม่เที่ยง

    อาจจะไม่ถูกก็ได้ เพราะคำว่า รู้ทั่ว ในพระปัญญาพุทธองค์นั้น

    รู้ไปถึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ อริยะสัจ ปฏิจสมุปบาท

    ส่วนรู้อะไรๆก็ไม่เที่ยง รู้ผิวๆ รู้รูปนั่ง เดิน หายใจ โกรธ พวกนี้ยังรู้สมมุตติอยู่ ยังไม่ใช่สัจจะญาณ


    ส่วนคำว่า งอกลับ ถ้าขณะนั้นผู้เจริญสัญญา ๗ จนหยั่งลงอมตะแล้ว

    พุทธองค์ใช้คำว่าอมตะ ซื่อถึงอะไร คงเข้าใจ

    งอกลับ จึงเป็นเรื่อง กิริยาจิต


    ทีนี้ กลับมาที่ ไม่ยื่นไปรับลาภ สักการะและความสรรเสริญ อุเบกขา

    เมื่อหยั่งอมตะ ประโยคที่เน้น หมายถึง กามคุณ

    หมายถึง ไม่มีความยินดีในกิเลสกาม ทาง สี เสียง กลิ่น รส สัมผัส





    เป็นการแสดงความเห็น อาจจะผิดก็ได้

    ผู้รู้ท่านอื่นชี้แนะได้ครับ ยินดีรับฟัง :cool:
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    :cool: เห็นด้วย
     
  18. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ....ผมเห็นต่างกับ พี่หลงนิดนึง...มันเริ่มจากสัญญา แล้วถึงจะเป็น ญาน....การกล่าวว่าทางนั้นแคบ...อาจจะไม่ใช่ก็ได้ มันอาจจะกว้างกว่าที่คิด:cool:เพราะพระบางท่าน กล่าวกว้างกว้าง ลงไปใน ขันธ์(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2012
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กั๊กๆ อาหลง เมาหมัด

    ไปเห็นด้วยเฉยเลยว่า ยังไม่ผ่านอนิจจัง พิจารณาอนันตาไม่ได้

    ก็ตะกี้ อาหลง ยังยกอยู่เลยว่า อยู่จะไปพิจารณา อนิจจังไม่ได้
    ต้องมารูป ปรมัตถฮาฮา แบบอาหลงก่อน พอรู้ อนัตตาได้
    แล้วก็ถึงจะพิจารณาอนิจจังได้

    เอ้า ตกลง ยังไง อะไรก่อน อะไรหลัง

    * * * *

    แต่อันนี้มีคำตอบ พระที่ท่านสอนเก่งๆ มีหลายท่าน จะพูดตีกบาล
    กลับมายังผู้ที่ ใช้ความคิดแสวงหานิพพานว่า อย่าไป เข้าใจจิต
    โสดาบันมรรคว่าเป็นจิตแบบอรหัตถมรรค

    จิตอย่างนี้ปุถุชนภาวนาไม่ได้ ต้องอย่างงั้น ต้องอย่างงี้ ถ้าภาวนา
    อย่างนั้นได้ก็อรหันต์แล้ว

    เมื่อไหร่ ที่เกิดการอาการปรารภแบบนี้

    พระท่านว่า ให้รู้ไว้เลยว่า ขณะนั้น จิตฝุ้งซ่านครอบงำอยู่ หรือ วิปัสนึกนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2012
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ส่วนประโยคนี้ ก็ชี้ชัดว่า ไม่ใช่ อุเบกขา

    หากยังรับอุเบกขา หรือ เสวยการอุเบกขา ก็เท่ากับ ยังปล่อยให้สิ่งปฏิกูลอาศัยตั้งอยู่

    ผมจึงบอกว่า ไม่ใช่ อุเบกขา นะ มันดีกว่านั้น ไม่รู้จะหยิบคำใด ก็เลย คว้า
    เอา นิโรธ มาใช้ เพราะ นิโรธ บางส่วนนั้น ยังพอมีส่วนตทังคะ ชั่วคราว เลย
    อาศัยว่า พอใช้กล่าวอ้างได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...